ใครๆ ก็หันมาสนใจสารปรับปรุงดิน
ปัจจุบันนับว่าพี่น้องเกษตรกรเริ่มที่จะเป็นผู้ที่ศึกษาหาข้อมูลที่อยู่รายล้อมรอบตัวมากขึ้น ผนวกกับข้อมูล (Data) ที่มีอยู่มากมายก่ายกองจากสื่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่าย จึงมีเกษตรกรทั้งมือเก่า มือใหม่ ให้ความสนใจในการเตรียมดินเพราะต่างก็ทราบกันดีว่าดินนั้นถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองไปแก้ปัญหาให้กับพืชที่ปลายเหตุ อย่างเช่น ถ้าไม่ตรวจวัดกรดด่างของดินให้ดี พืชก็จะแคระแกร็น ชะงักการเจริญเติบโต นอกจากจะไปเสียเวลาเสียเงินเสียทองกับการใส่ปุ๋ยให้มากขึ้น ซื้อมากขึ้นก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะดินที่เป็นกรดและด่างจัดจะจับตรึงบล็อคปุ๋ยเอาไว้ไม่ให้ออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืช เมื่อซื้อปุ๋ยใส่เพิ่มทางดินให้พืชแล้ว พืชไม่โตก็ต้องไปเสียเงินเสียทองซื้ออาหารเสริมฮอร์โมนฉีดพ่นทางใบกันต่อก็เท่ากับเป็นการเสียเงินรอบสอง เมื่อพืชได้รับแร่ธาตุและสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนเพียงพอ ก็ทำให้พืชอ่อนแอแคระแกร็น ง่ายต่อการเข้าทำลายของโรคแมลงเพลี้ยหนอน รา ไรก็ต้องเสียเงินรอบที่สามไปหาซิ้อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมาช่วยดูแลบำรุงรักษา....นี่แค่เพียงเหตุผลเล็กๆ ที่ไม่ใส่ในในเรื่องดิน พอเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับดินก็มีผลิตภัณฑ์เยอะแยะมากมายที่จำหน่ายจ่ายแจกอยู่ในท้องตลาดซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการนำเอากลุ่มวัสดุปูนอย่าง โดไลมท์, ฟอสเฟต, ยิปซั่มมาผสมปนเปแล้วเอาไปหว่านปรับปรุงบำรุงดิน ผลก็คือ ถ้าดินเปรี้ยว ดินเป็นกรดก็ดีไปแต่ถ้าดินเป็นด่าง ก็ซวยไป เพราะกลุ่มวัสดุปูนก็มีค่าเป็นด่างไปเพิ่มด่างในดินที่เป็นด่างอยู่แล้วก็เท่ากับไปเพิ่มความเสื่อมโทรมให้แก่ดินมากยิ่งขึ้น เพราะพืชเขาจะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีค่าพีเอชอยู่ในรูปกรดอ่อน5.8 6.3 ที่เขียนอย่างนี้มิได้หมายถึงกลุ่มวัสดุปูนไม่ดีนะครับกลุ่มวัสดุปูนนั้นดีและมีประโยชน์ต่อเมื่อดินนั้นเป็นกรดและเปรี้ยวต่อเมื่อพืชนั้นขาดแคลเซ๊ยม จึงค่อยนำกลุ่มวัสดุปูนมาใช้หรืออาจจะใช้ปูนฟอสเฟตนำมาใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกเพียงเล็กน้อยก็ได้ สรุปก็คือการจะใส่ปูนเพื่อปรับปรุงดินนั้นต้องทำการตรวจวัดค่าความเป็นกรดและด่างของดินให้ดีเสียก่อน...ก่อนที่จะเติมปูนลงไป การปรับปรุงบำรุงดินในแง่ของการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์นั้นที่ถูกต้องและตรงประเด็น ควรจะต้องเป็นกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟเพราะกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟที่ได้จากการระเบิดของแมกมาใต้พื้นภิภพระเบิดเกิดขึ้นเป็นลาวา หินเดือดนั้น ก๊าซและไอน้ำระเหยออกอากาศเข้ามาแทนที่ทำให้เกิดรูพรุนมหาศาลและสามารถเปื่อยยุ่ยผุพังย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้แก่พืชได้ง่าย เมื่อนำไปใส่ในแปลงเรือกสวนไร่นาก็จะได้ทั้งธาตุหลัก (ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม) ธาตุรอง แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถันธาตุเสริม เหล็ก ทองแดง แมงกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดินั่ม นิกเกิล ฯลฯช่วยทำให้ดินทรายดินขาดแคลานความอุดมสมบูรณ์กลับมาพร้อมต่อการเจริญเติบโตของพืชได้โดยที่ลดการซื้อหรือการใช้ปุ๋ยเคมีเข้ามา เพราะหินแร่ภูเขาไฟนั้นจัดว่าเป็นแหล่งอาหารให้กับพืช สัตว์แพลงค์ตอนชนิดหนึ่ง และที่สำคัญไม่สะสมความเป็นด่างเหมือนกับวัสดุปูนและมีค่าความสามารถในการจับตรึงและแลกเปลี่ยนประจุบวก (Catch Ion ExchangeCapacity : C.E.C) จึงช่วยให้ปุ๋ยกลายเป็นปุ๋ยละลายช้าได้อีกทางหนึ่งด้วย มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 18:05:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 404 Pageviews. |
|
|
|