ดินดี ต้องมีค่า C.E.C. สูง
หลายครั้งที่เกษตรกรมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการใส่ปุ๋ยคือใส่ปุ๋ยลงไปในอัตราปกติ แต่พืชไม่แสดงอาการสนองและยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้นไปเรื่อยๆแต่พืชก็กลับไม่แสดงอาการทางใบให้ดูว่าได้รับได้กินปุ๋ยขึ้นไปแต่อย่างใดบางครั้งกลับยิ่งแย่กว่าเดิมคือมีอาการใบเหลือง ทรุดโทรม แคระแกร็นดอกและผลอ่อนหลุดร่วง อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ในหลายกรณีก็จริง แต่ในกรณีอยากจะนำเสนอในเรื่องที่เกี่ยวกับดินโดยเฉพาะคือดินอาจจะผ่านการใส่ปุ๋ยเคมีแต่เพียงอย่างเดียวมาเป็นระยะเวลานานหรือเป็นเนื้อดินที่ผ่านการเพาะปลูกมาหลายปีเนื่องด้วยสภาพพื้นที่และภูมิอากาศในประเทศไทยเราอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรที่มีทั้งความร้อนความชื้น น้ำท่วม ฝนแล้ง หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทำให้คุณภาพของเนื้อดิน เสื่อมถอยลงองค์ประกอบที่เป็นอนินทรีย์หินแร่จะลดน้อยด้อยค่าไปอยู่ในกลุ่มของเนื้อดินที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาได้ต่ำดินเหล่านี้ส่วนใหญ่จะดินที่มีอินทรียวัตถุน้อย เป็นกรดหรือด่างมากเกินไปและที่สำคัญเมื่ออินทรียวัตถุน้อยค่าความสามารถในการจับหรือแลกเปลี่ยนประจุบวกต่ำ (C.E.C.= Catch Ion Exchange Capacity) ดังนั้นถ้าพี่น้องเกษตรกรหมั่นสังเกตเนื้อดินของเราอยู่ตลอดเวลาคอยดูว่าถ้าดินสีเริ่มจืด ดินเริ่มมีความแน่นแข็ง เป็นทรายขี้เป็ด เป็นดินดานดินที่ไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยนั่นหมายถึงดินของท่านควรที่จะต้องได้รับการปรับปรุงให้มีค่า C.E.C.ที่สูงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอาจจะเป็นการเติมอินทรียวัตถุปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก เพื่อปรับโครงสร้างทางเคมีสร้างกิจกรรมให้จุลินทรีย์เข้ามาทำกิจกรรม อาจจะมีการใส่เสริมเพิ่มจุลินทรี่ย์ขี้ควาย(จุลินทรีย์จากสัตว์สี่กระเพาะ)เพื่อให้สมาชิกหรือกองทัพจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายมีจำนวนมากขึ้น ดินก็จะค่อยๆมีอัตราการแลกเปลี่ยนประจุเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หรืออีกวิธีการหนึ่งก็คือการเติมกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟ (VolcanicRock) ซึงโดยตัวของเขาเองนั้นก็จะมีความโปร่งพรุนมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกได้ค่อนข้างสูงอยู่แล้วตามเกรดหรือชนิดของหินแร่ภูเขาไฟแต่ละแหล่งไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย หรือต่างประเทศและคุณสมบัติก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายเพียงใดนักถึงแม้ว่าจะมีการบดให้ละเอียดเล็กลงไปถึง100 หรือ 200 เมช เมื่อถูกเติมลงไปในดินดินก็จะมีค่าความสามารถในการจับตรึงและแลกเปลี่ยนประจุบวกได้ทันทีและค่อยทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ (Buffer) มิให้โครงสร้างทางเคมีของดินเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง(สภาวะ กรด และ ด่าง) ดินที่มีค่า C.E.C.สูงมีค่าพีเอชที่เหมาะสม ก็จะทำให้การเพาะปลูกใส่ปุ๋ยมีการตอบสนองที่ดีขึ้น พืชโตเร็วใส่ปุ๋ยก็งาม แม้กระทั่งการใส่แต่เพียงปุ๋ยอินทรีย์ก็ตาม มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 18:01:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 835 Pageviews. |
|
|
|