สิ้นแล้วเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช
ต่างขั้วย่อมยึดโยงอำนาจให้คงอยู่กับฝ่ายตนให้มากที่สุดและนานตราบเท่าที่นานได้
ยากนักที่จะแบ่งปันให้อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ยกเว้นเสียแต่แบ่งปันผลที่ได้บ้าง
           
            สิ้นแล้วเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช
            เจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชเป็นกษัตริย์ที่นิยมออกรบ ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่ไพศาล จึงมอบหมายให้พระอนุชาครองอำนาจและสั่งการในกรุงราฐมัณฑ์
            เหตุร้ายไม่คาดฝันบังเกิดดุจอสุนีบาตฟาด
           โดยธรรมเนียมราชสมบัติมักตกแก่พระโอรสมากกว่าพระอนุชา
            พระโอรสที่คาดหวังว่าจะได้สืบครองบัลลังก์ มักส่งไปยังหัวเมืองใหญ่
            ทว่าขณะนั้น ผู้ซึ่งสั่งการงานเมืองเช่นกษัตริย์ ได้ใช้ความชาญฉลาด ชิงไหวชิงพริบ ยึดอำนาจให้อยู่ในกำมือทันทีทันใด ที่ม้าเร็วส่งข่าวด่วน
           
            ทหารมีอำนาจยิ่งใหญ่สุดแล้วในกรุงราฐมัณฑ์ ทุกคนมุ่งหวังจะเป็นทหาร ไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดงที่เป็นชาย ต่างฝันจะเป็นทหาร เพราะทหารมีเกียรติและยิ่งใหญ่เหนือกว่าขุนนางอำมาตย์อื่น ๆ
            สมุหพระกลาโหมทหารเอกเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช
           มีใครบ้างไม่เกรงกลัวในกำลังทหารสังกัดสมุหพระกลาโหม แม้แต่เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์
            สมุนลิ่วล้อ สมัครพรรคพวกหลงเหลิงในอำนาจ คิดว่าพวกตนเท่านั้นที่ใหญ่ยิ่งบนผืนแผ่นดินนี้ ด้วยเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่และทำให้กรุงราฐมัณฑ์ได้เป็นเอกราชอีกครั้ง
           สมุหพระกลาโหมเก่งกาจในการรบ และมีกองกำลังทหารคุมอำนาจในเมือง
ทว่าจ้าวอิศเรศรังสรรค์ใช้ไหวพริบรีบประกาศต่อหน้าบรรดาขุนนางอำมาตย์ในท้อง
พระโรงว่า “พระองค์จะขึ้นครองบัลลังก์”
สมุหพระกลาโหมและพรรคพวกยังติดอยู่ในสนามรบ และจ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชยังอยู่ที่เมืองพิชญ์
ทุกคนรู้ว่าสมุหพระกลาโหมหนุนจ้าวธรรมาให้ครองเมือง
สงสัยไหมว่า ทันทีที่สมุหพระกลาโหมกลับเข้าเมือง ได้ทูลทัดทานทันที มิกริ่งเกรงต่อพระอาญา แต่หลังจากเจรจาความกันสองต่อสองกับเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ ทีท่าได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ใครต่อใครต่างรับรู้ว่า สมุหพระกลาโหมนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ทำไมไม่นาน กลับเปลี่ยนใจยอมรับ มันต้องมีข้อตกลงแลกเปลี่ยน
กุศโลบายยกย่องให้เกียรติสมุหพระกลาโหมและพรรคพวก เพราะทรงแน่พระทัยว่า ช่วยค้ำจุนบัลลังก์ให้ หากไม่ทำเช่นนี้ พวกนี้คงก่อกบฏและหาทางให้จ้าวธรรมา โอรสในเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชได้ครองบัลลังก์แทนที่พระองค์เป็นแน่แท้
 
เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ครองเมืองต่อ
จ้าวธรรมาเป็นพระโอรสในเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช ได้รับตำแหน่งให้ปกครองเมืองพิชญ์
ทุกคนต่างรู้กันว่า พระโอรสที่ปกครองเมืองพิชญ์ จะได้ครองกรุงราฐมัณฑ์
เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน เจ้าเหนือหัวจักรพรรดิราช พระบิดาของเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช และจ้าวลักษมันตราธิราชครองเมืองพิชญ์ ก่อนมาครองกรุงราฐมัณฑ์
ทำไมจ้าวธรรมาไม่ได้ครองราชย์ต่อจากเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชทั้งที่เป็นพระโอรสองค์โตและได้ครองเมืองพิชญ์
เมื่อสิ้นเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชในสงครามต่างบ้านต่างเมือง ม้าเร็วส่งข่าวการสวรรคต โดยทัพใหญ่ยังรั้งรออยู่ ณ สนามรบ ม้าเร็วได้แจ้งสาส์นให้เตรียมการจัดพระราชพิธีพระบรมศพเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชให้สมพระเกียรติ
ทันทีทันใดที่ได้รับข่าวการสวรรคตของเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช นับเป็นโอกาสทองของเจ้าอิศเรศรังสรรค์พระอนุชาในตำแหน่งผู้รักษาราชการแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณในขณะนั้น ได้รีบประกาศแต่งตั้งพระองค์เองเป็นเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ทันที
ด้วยข้ออ้างว่า แผ่นดินไม่อาจร้างเจ้าผู้ครองนครได้ อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศชาติบ้านเมือง ทำให้บรรดาขุนนางอำมาตย์ในท้องพระโรง ไม่กล้าทูลคัดค้าน ด้วยไม่แน่ใจว่าหัวอาจหลุดจากบ่าในนาทีนั้นก็เป็นได้
ในขณะนั้น ผู้มีอำนาจสูงสุดในกรุงราฐมัณฑ์คือจ้าวนรสิงห์อยู่แล้ว ด้วยเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชมอบอำนาจการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้แก่พระอนุชาหรือจ้าวนรสิงห์ ด้วยพระองค์ประสงค์ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าจะนั่งปกครองบ้านเมือง
ถ้าอ้างถึงความชอบธรรมในการสืบต่อราชสมบัติ ก็พอจะมีอยู่บ้าง ด้วยเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชมิเคยประกาศแต่งตั้งจ้าวธรรมาเป็นพระมหาอุปราชอย่างเป็นทางการ ถึงแม้โดยนัยยะ พระมหาอุปราชหรือผู้ที่จะได้ครองนครองค์ต่อไปจะได้ครองเมืองพิชญ์ก่อน เพื่อฝึกหัดการเป็นผู้ครองกรุงราฐมัณฑ์
เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์มิได้รั้งรอเวลาให้ทัพใหญ่ที่มีสมุหพระกลาโหมและพรรคพวกกลับมาก่อน
ในสาส์นแจ้งแต่เพียงว่า “ให้เตรียมการจัดพระราชพิธีพระบรมศพเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชให้สมพระเกียรติ” ไม่ได้สั่งการให้จ้าวธรรมากลับมากรุงราฐมัณฑ์ด้วย
เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์รีบคว้าโอกาสทองนี้ทันทีอย่างฉับพลันทันด่วน ทั้งสมุหพระกลาโหมและจ้าวธรรมามิมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิดที่จะมีโอกาสได้คัดค้านท่าทีอันมิชอบมาพากลนี้
 
เมื่อผ่านพิธีการประกาศเป็นเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์แล้ว ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นสมุหพระกลาโหมหรือจ้าวธรรมา คงโดนข้อหาคิดก่อการกบฏเป็นแน่แท้
เอาล่ะ รอไปก่อน รอให้สิ้นเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ก่อน องค์ท่านคงจะทรงคืนบัลลังก์ให้แก่จ้าวธรรมาเป็นแน่แท้ เพราะด้วยสิทธิ์ที่เสมอกันแต่เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ได้ยึดอำนาจไปก่อน เมื่อสิ้นแล้วน่าจะคืนให้แก่ผู้มีสิทธิ์เสมอกัน
ครั้นนานวันเข้า อำนาจอยู่ในกำมือของเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์เต็มที่ มีหรือที่ยอมคืนหรือถ่ายโอนอำนาจนั้นกลับไป แม้นว่าสมุหพระกลาโหมและจ้าวธรรมาจะคิดเช่นนั้นก็ตามทีว่า โอกาสทองน่าหวนกลับคืนมายังฝ่ายตนบ้าง
ทว่า ในความเป็นจริง มิเป็นเช่นนั้น
คงเป็นเพียงฝันค้าง ฝันกลางวันที่เป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์จะยกบัลลังก์คืน มีแต่ยกสิทธิ์อันชอบธรรมนี้ให้แก่พระโอรสของพระองค์เท่านั้น
คงยากที่จะให้สมบัติพัสถานประดามีทั้งหมดทั้งมวลแก่หลาน สู้ยกให้แก่ลูกมิดีกว่าฤา จึงยากนักที่การสืบสายสันตติวงษ์จะผ่านสลับไปสลับมา ยกเว้นเสียแต่เกิดเหตุอันจำเป็นเท่านั้น
เหตุการณ์ที่จะพลิกกลับไปกลับมา มักร่วมด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ฝ่ายตรงข้าม หรือเกิดสงครามกลางเมือง ยากนักจะยอมคืนให้อีกฝ่ายอย่างสงบราบคาบแก้ว  ถึงจะนับเกี่ยวดองเป็นเครือญาติที่สนิทชิดเชื้อมากเพียงใด คงสู้สายตรงของตนมิได้เป็นแน่แท้
 
จ้าวทัศน์พระโอรสเป็นพระมหาอุปราช
เมื่อเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ประกาศแต่งตั้งจ้าวทัศน์พระโอรสองค์โตเป็นพระมหาอุปราชนั้น บรรดาพรรคพวกของสมุหพระกลาโหมย่อมรู้สึกตะหงิด ๆ ในใจ ด้วยจ้าวทัศน์เป็นคนเก่งมีฝีมือฉลาดเฉลียวทั้งบุ๋นและบู๊ สมควรได้ครองอำนาจสืบต่อจากพระราชบิดา
เหตุใดกลุ่มก้อนอำนาจเก่าจึงขัดใจ คงด้วยพระอุปนิสัยซื่อตรงเจ้าระเบียบอาจขัดขวางเส้นทางทำมาหากินได้
 
            เสือสองตัวย่อมไม่อยากอยู่ถ้ำเดียวกันอยู่แล้ว เพราะเริ่มมองเห็นลายเสือหนุ่มจะเข้ามาแทนที่ลายเสือเฒ่าอย่างพวกเขา
แต่จะทำเช่นไรได้ มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชประเพณี แม้ว่าเคยว่างเว้นในรัชสมัยเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราชที่ไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นพระมหาอุปราช แต่ทุกผู้คนใต้หล้าต่างประจักษ์ชัดแจ้งในใจ
            พรรคพวกของสมุหพระกลาโหมเริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ ต่างสุมหัวพูดกัน
“ช่องทางรายได้พิเศษที่เคยผ่านเข้ามือมาอย่างสะดวกโยธินจะโดนขัดขวางหรือไม่”
“พระมหาอุปราชจะมีปฏิกิริยาต่อพวกเขาเช่นไร”
“จะยกย่องเหมือนเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ หรือจะคิดว่าคนแก่ย่อมไร้ฝีมือไปแล้ว อาจจะไม่ยอมปล่อยให้มีช่องทางฉ้อราษฎร์บังหลวงเช่นเคย”
 
จ้าวทัศน์มีฝีมือโดดเด่นและชำนาญทั้งบุ๋นและบู๊ เก่งการทหารและการรบเหนือกว่าพระราชบิดา คงไม่จำต้องพึ่งทหารเก่าที่เริ่มจะแก่แล้วก็เป็นได้ ในการขยายอาณาเขตและปกป้องบ้านเมืองให้พ้นจากภัยสงคราม หนำซ้ำอาจระแคะระคายว่าทหารเฒ่ากลุ่มนี้แอบฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่บ่อย ๆ แถมเอาทีละมาก ๆ เสียด้วย
ทั้งความรู้สึกว่า ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่เคยมีมาอาจหดหายไป ทำให้ขาดผลประโยชน์ที่เคยพึงมีพึงได้ ทั้งความคิดว่า สิทธิ์ในการครองบัลลังก์ควรเป็นของจ้าวธรรมา ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อความคิดหวาดระแวงต่อภัยที่อาจคืบคลานเข้ามาเมื่อจ้าวทัศน์คนเก่งได้ตำแหน่งพระมหาอุปราช พรรคพวกของสมุหพระกลาโหมจึงคิดจะยุแยงตะแคงรั่วเสียให้เกิดสิ่งมิดีมิร้ายก่อน
ทั้งหมดต่างพากันคอยใส่ไฟเติมเชื้อแห่งความหวาดระแวงแคลงใจว่า จ้าวทัศน์นั้นคิดก่อการใหญ่และหวังจะล้มล้างอำนาจเก่าให้หมดสิ้นไป
 



Create Date : 10 กรกฎาคม 2566
Last Update : 10 กรกฎาคม 2566 5:16:55 น.
Counter : 274 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments