1.1วัยเยาว์โหยหารักจากพ่อ
เด็กชายสามคนนั่งเล่นใต้ต้นมะขามใหญ่ กำลังพูดคุยกันด้วยสีหน้าท่าทางไม่สู้ดีนัก
สิงห์ ตัวโตใหญ่ล่ำสัน น่าจะเป็นหัวโจก อีกสองคนคงเป็นลิ่วล้อ
สิงห์มักโดนใคร ๆ แอบมอง และกระซิบกระซาบ จนต้องมาบ่นกับเพื่อนทั้งสอง ขวัญกับแก้ว
“เฮ้ย อะไรกันนักหนาวะ พวกนั้นมันพูดอะไรถึงข้าอีก” ชักอยากรู้ น้ำเสียงหงุดหงิด
“นั่นสินะ พี่บ่นแบบนี้ทุกครั้ง ทำไมไม่เข้าไปถามตรง ๆ เลยล่ะ” ขวัญยุส่ง
แก้วเปรยว่า “ทำไมใคร ๆ เห็นพี่ทีไร ต้องมุบมิบพูดจา เหมือนมีลับลมคมใน”
ขวัญเลียบ ๆ เคียง ๆ พูดขึ้นว่า “มันต้องเรื่องนั้นแหละ ที่เที่ยวโพทะนาว่า พี่เป็นลูกที่พ่อไม่ต้องการ คนที่อ้างว่า เป็นพ่อแม่ ก็ไม่ใช่หรอก เขาเก็บมาเลี้ยง”
สิงห์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องนั้น ทำใจไปนานแล้ว ไอ้ลูกที่ไม่มีพ่อ แต่ข้าสงสัยว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นมั้ย”
ทั้งสามไม่ใช่ลูกกระจอกงอกง่อย ลูกตาสีตาสา เพราะมีโอกาสเข้านอกออกในเขตพระราชฐาน ด้วยมารดาของสิงห์นั้น เป็นญาติพระสนมของเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ทีเดียว
ที่ที่เฉพาะเจ้านายนี่แหละ ที่มีเสียงซุบซิบ หลายครั้งเมื่อเห็นสิงห์เข้าวัง
สิงห์นับเป็นพี่ใหญ่ด้วยเกิดก่อน 2 ปี รองลงมาเป็นขวัญ อ่อนสุดต้องเป็นแก้ว
เมื่อสิงห์ สั่งทำอะไร ขวัญกับแก้วมักทำตามโดยไม่เอ่ยปากถามถึงเหตุผล ด้วยเชื่อมั่นในตัวเพื่อนที่เหมือนเป็นพี่คนนี้
 
สิงห์ไว้ผมจุก ส่วนขวัญกับแก้วไว้ผมเปีย
เพลงล้อเล่นที่ร้องกันบ่อย ๆ จนกว่าจะได้ตัดจุกตัดเปียเมื่ออายุ 13 
ผมจุกคลุกน้ำปลา เหม็นขี้หมา มานั่งจ๊องหง่อง
ผมเปียมาเลียใบตอง พระตีกลองตะลุ่มตุ้มเม้ง
เพื่อนคนอื่นมีทั้งผมโก๊ะ ผมแกละ แล้วแต่
สิงห์พี่คนโต ฉลาดและเก่งกาจสุด มักตั้งคำถามที่เด็กวัยเดียวกันไม่เคยนึกมาก่อน และถ้าสงสัยจะซักถามจนได้คำตอบ
วันหนึ่งสิงห์ ถามผู้เฒ่าผู้แก่ในเรือนว่า “ทำไมต้องไว้ผมจุกด้วย”
ขวัญ แก้ว อ้าปากหวอ “เอพี่เรา ทำไมถามเช่นนี้ล่ะ ใคร ๆ เขาก็ไว้กัน ไม่เห็นจะน่าแปลกตรงไหนเลย พี่เรานี่ขี้สงสัยเสียจริง” ปากพูดแต่ในใจสงสัยขึ้นมาบ้างตามพี่สิงห์ที่สงสัยก่อนใคร
ถ้าเป็นสมัยนี้คงนึกถึงนิยายแม่มดของแฮรี่ พอตเตอร์ ตอนที่เลือกหมวกเพื่อไปอยู่ในปราสาทแต่ละหลังแล้ว
คำตอบของผู้เฒ่าผู้แก่ “ชาวราฐมัณฑ์เชื่อว่า เด็กเล็กมีแม่ซื้อคอยดูแล ไม่มีใครสงสัยหรือมาตั้งคำถามเช่นนายสิงห์”
คนเล่าคงงงเหมือนกัน ทำไมต้องมาถามเช่นนี้ แต่เล่าให้ฟังอย่างละเอียดลออ
คนในเรือนต่างเรียกว่า “นาย” แล้วต่อท้ายด้วยชื่อ เช่น สิงห์ เป็นนายสิงห์ แสดงถึงการยกย่องว่าเป็นบุตรของเจ้านาย ไม่ได้เรียก “สิงห์” หรือ “ไอ้สิงห์” ตามอย่างคนทั่วไป
ถ้าเป็นลูกตาสีตาสา ไม่ใช่ลูกขุนนาง คงโดนเรียกว่า ไอ้สิงห์ ไอ้ขวัญ ไอ้แก้วไปแล้ว
คำว่าไอ้ อี ไม่ใช่คำหยาบคาย แต่บ่งบอกเพศของเด็กเท่านั้น เด็กชายมักขึ้นต้นด้วยไอ้ ส่วนเด็กหญิงเป็นอี
 
คำพูดที่ว่า เด็กช่างซักช่างถาม เด็กวิ่งเล่นซุกซน จะเป็นเด็กฉลาด แต่ถ้านั่งเฉย ๆ ซึม ๆ เซา ๆ ล่ะแย่เลย ทุกคนในบ้านจำต้องคอยตอบคำถามนายสิงห์เสมอ เพราะท่านแม่นายสั่งเอาไว้
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อไปว่า “พออายุครบโกนจุกจะไม่โกนจนเกลี้ยงเลย ต้องเหลือไว้กระหย่อมหนึ่งตรงกลางกระหม่อมเพราะคิดว่าผมเป็นตัวแทนของขวัญที่คอยดูแลเด็ก หลังจากโกนจุกแล้วนี่จะปล่อยให้ผมยาวไปเรื่อยจนเป็นทรงผมของหนุ่มน้อย ส่วนที่ใครจะไว้จุก โก๊ะ แกละหรือเปียต้องแล้วแต่เด็กเลือกตอนเล็ก ๆ นายคงจำไม่ได้แล้วกระมัง”
ผู้เฒ่าผู้แก่หันมาย้อนถามเด็ก ๆ ถึงความหลังครั้งเก่าก่อน
ทั้งสามส่ายหน้าพร้อมกัน ตอบว่า “จำได้นิดนึง ถ้าชอบตัวไหน จะได้ไว้ผมทรงนั้น แต่ไม่รู้ว่า ทำไมถึงชอบตัวนั้น ลืมแล้ว” พร้อมเสียงแฮะ ๆ ประกอบว่าลืมจริง ๆ
ตุ๊กตาดินเหนียว 4 ตัวที่มีทรงผมจุก โก๊ะ แกละ เปีย เป็นตัวเสี่ยงทายว่าเด็กเล็กที่ยังไม่รู้ประสีประสาจะหยิบตัวใดขึ้นมาก่อน เมื่อเลือกตัวใด เด็กคนนั้นจะได้ไว้ผมทรงนั้น
            สิงห์ ยังตั้งคำถามต่อไปว่า “แล้วขวัญกับกระหม่อมคืออะไร”
ขวัญ แก้วงงอีกแล้ว งงตามลูกพี่ 
“ใช่แล้วมันคืออะไร” พลอยเอออออยากรู้ตามลูกพี่ไปด้วย พึมพำเหมือนสงสัยเสียเต็มประดา
            ผู้เฒ่าผู้แก่อธิบายต่อไปว่า “ยายก็ไม่รู้ว่าขวัญอยู่ตรงไหน แต่ใคร ๆ บอกกันว่า ทุกคนมีขวัญติดตัว มองไม่เห็น ดูไม่รู้ เหมือนเป็นเทวดาคุ้มครองกระมังสิงห์ ถ้าขวัญอยู่กับเนื้อกับตัวคนนั้นจะสบายเนื้อสบายตัว ไม่ตกใจง่าย ๆ ไม่ขวัญหนีดีฝ่อ”
ยายตอบเท่าที่รู้ ใครจะไปรู้เสียทุกเรื่องราวล่ะ
            ยายอีกคนที่นั่งใกล้ ๆ เถียงขึ้นทันใดว่า “ขวัญอยู่ตรงกลางหัวไงเล่า แต่นายสิงห์อาจมองไม่เห็น มันจะขด ๆ เวียนเหมือนก้นหอย ต้องลองเปิดดูหนังหัวตรงกลางดูสิว่ามีกี่ขด ถ้ามีก้นหอยขดเดียวเรียกว่ามีขวัญเดียว ถ้ามีก้นหอย 2 ขด มีสองขวัญ  ยายเคยเห็นมีมากสุดสามขวัญเลยนะ”
ยายรีบตอบเพราะรู้นิสัยสิงห์ที่จะถามต่อว่า แล้วสูงสุดจะมีกี่ขวัญ พร้อมทั้งบอกเท่าที่รู้
“เคยมีคนบอกว่า ส่วนใหญ่มีกันแค่ละคนละขวัญเดียว วนซ้ายจึงจะดี มี 2 ขวัญ เป็นคนฉลาด มีไหวพริบ ถ้าเป็นลูกชายโตขึ้นจะเจ้าชู้ ขยันหาเมีย”
 
            ทุกคนในเรือนรู้ดีว่า นายสิงห์นั้นช่างซักช่างถาม ใคร่รู้ไปเสียทุกเรื่องราว มีแต่สงสัย แล้วจะเอ่ยปากถามทันที มิมีเสียล่ะ ที่จะเก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัว เมื่อคนตอบ ตอบทุกคำถาม เลยยิ่งทำให้สิงห์เป็นเด็กฉลาดมากขึ้น
            ทุกคนรีบเปิดดูขวัญของเพื่อน เพราะมองขวัญของตัวเองไม่เห็น แล้วตอบ “มีคนละขวัญขอรับ”
            สิงห์ ถามต่อว่า “แล้วกระหม่อมคืออะไร เคยได้ยินแต่พวกมหาดเล็กแทนตัวว่ากระหม่อม แล้วทำไมต้องเหลือผมไว้กระหย่อมหนึ่งตรงกลางกระหม่อม”
            สิงห์ เป็นเช่นนี้เอง ช่างซักช่างถามจนกว่าจะหายสงสัย นิสัยเช่นนี้เองทำให้สิงห์ รอบรู้ไปเสียทุกเรื่องราว ยิ่งเมื่อโตขึ้น จะสนใจใฝ่รู้ให้เข้าใจชัดเจน ไม่มีสิ่งใดคั่งค้างในใจเลย
            ผู้เฒ่าผู้แก่อธิบายต่อไปว่า “ตอนเด็กเกิดใหม่  ๆ นั้น ตรงกลางหัวจะมีส่วนที่นุ่ม ๆ นิ่ม ๆ ตรงนั้นเรียกว่ากระหม่อม พอโตขึ้นส่วนนั้นจะแข็งมองไม่เห็นแล้ว อยากรู้ต้องไปขอดูจากเด็กเล็กก่อน 2 ขวบ เมื่อคนใหญ่คนโตจะให้ศีลให้พรลูกหลานหรือบริวารจะเป่าตรงกระหม่อมนั่นแหละ”
            เป็นอันจบเรื่องที่สิงห์ อยากรู้อยากเห็นไปอีกเรื่อง สบายใจขึ้นหน่อยที่รู้ตามที่อยากรู้แล้ว
 
ครั้นพอโตขึ้น ทั้งสามได้เป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในวังหลวง โดยใช้เส้นสายใหญ่โต
เมื่อบิดาเป็นขุนนางผู้ใหญ่และมีโอกาสใกล้ชิดพระราชวงศ์ มักได้รับข้อยกเว้นและมีสิทธิพิเศษเสมอ เช่นนำลูกหลานมาเข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก เพื่อคอยรับใช้เจ้าเหนือหัว พระมเหสี พระสนม และบรรดาพระโอรส รวม ๆ คือคอยรับใช้เจ้านายนั่นเอง
พี่สิงห์ ได้เข้าเป็นมหาดเล็กวิเศษเพราะอายุถึงเกณฑ์คัดเลือกก่อน ส่วนขวัญและแก้วได้เป็นมหาดเล็กจงกรม แล้วทั้งสามได้รับคัดเลือกให้เป็นมหาดเล็กยาม เพราะมีฝีมือทางอาวุธกับศิลปะการป้องตัวที่ได้รับฝึกฝนมาก่อน
เมื่อเป็นมหาดเล็กยามจะได้รับเงินเดือนและโอกาสก้าวหน้าตามลำดับ จากมหาดเล็กยาม มหาดเล็กวิเศษ นายรอง หุ้มแพร จ่า นายเวร จางวางหรือหัวหมื่นหรือจมื่น และผู้บัญชาการกรมมหาดเล็ก
มหาดเล็กอยู่ในกรมทหารรักษาพระองค์ สังกัดในฝ่ายทหาร ประกอบด้วย กรมพระตำรวจหลวง กรมสนมทหาร กรมรักษาพระองค์ กรมพลพัน กรมทหารใน กรมทนายเลือก กรมเรือคู่ชัก
ทั้งสามเข้านอกออกในพระราชวังตั้งแต่เป็นเด็กไว้จุก ไว้เปียแล้ว ก่อนจะเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กด้วยซ้ำ จึงคุ้นเคยและเป็นพระสหายกับพระโอรสเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ ทั้งจ้าวทัศน์ จ้าวภาคย์ที่ประสูติแต่พระมเหสีเอก จ้าวอินทร จ้าวอินทา จ้าวทองพระโอรสที่เกิดจากพระสนม
กาลต่อมาเมื่อเติบใหญ่ ทั้งสามเจริญเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
สิงห์พี่ใหญ่สุดได้เป็นถึงพระยากลาโหมสิงห์ศรีวรวงศ์ มหาอำมาตย์เอก ขวัญได้เป็นพระขวัญณรงค์เทพฤทธิ์ เจ้ากรมทหารรักษาพระองค์ และแก้วได้เป็นพระแก้วจารึกจรยุทธิ์เจ้ากรมพระตำรวจหลวง
 
มิตรภาพที่ก่อตัวในวัยเด็กฝังรากลึก ไม่ผันแปรไปฝักใฝ่ฝั่งตรงข้าม ทั้งที่ช่วงนี้มีหลายวังที่แก่งแย่งในอำนาจ
เมื่อเลือกฝ่ายตรงข้าม โอกาสจะเป็นศัตรูย่อมมีมากขึ้น การอยู่ใต้อาณัติผู้มีอำนาจต่างขั้ว มีหรือจะยังคงเป็นมิตรต่อไปได้อย่างสวยงาม
ไม่มีใครรู้อนาคต ไม่มีใครคาดการณ์ได้ แต่ทั้งสามยืนยันตามประสาเด็ก ๆ ว่า มิตรภาพของเราสามจะมั่นคงและยืนยาวไปตลอดกาล
ถ้าเป็นหนังจีน คงกรีดเลือดร่วมน้ำสาบาน ดื่มน้ำผสมเลือดที่ต่างกรีดลงขัน พร้อมกล่าว แม้นไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่ขอตายพร้อมกัน
ถ้าเป็นขุนนาง คงถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เป็นการถวายความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
 
รู้จักกันแต่เล็กแต่น้อย
รู้ใจกันทุกเรื่องราว
คุ้นเคยสนิทสนมเป็นเพื่อน
และคงมิตรภาพจนวันตาย
 
           เสียงซุบซิบที่ใครต่อใครมักเอ่ยถึง มันคืออะไร เป็นความลับที่ยากบอกนักหรือว่า ใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง แล้วพ่อแม่ที่เลี้ยงดูล่ะ จำเป็นอย่างไรจึงต้องรับมาเป็นลูก
 
           ทุกคนรับรู้ว่า  สิงห์คือบุตรชายคนโตของพระศรีธรรมากับแม่อิน ทั้งสองเลี้ยงดูสิงห์อย่างเทิดทูน มิมีคำน้อยให้ต่อว่าด่าทอ
           เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ทั้งสองไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แม้ว่าพ่อแม่จะยืนยันเสียงหนักแน่นทุกคราที่สิงห์เอ่ยปากถาม
            เสียงพูดซุบซิบดังไปทั่ว จนแทบไม่ใช่เสียงกระซิบผ่านสายลมซะแล้ว แต่พูดอย่างเอิกเกริก ราวกับเป็นเรื่องจริง ที่ไม่ควรปกปิดซ่อนเร้นอีกต่อไป เสียงนี้ดังจนมาเข้าหูสิงห์หลายครั้งหลายครา
ความเป็นเด็กอาจจะยังไม่รู้สึกน้อยอกน้อยใจมากนักว่า เหตุใดคนเป็นพ่อแม่แท้จริงจึงไม่ยอมรับตนในฐานะลูก มีแต่ความสงสัยเคลือบแคลง
หลายครั้งหลายครา ราวกับตั้งใจจะสะกิดถามเขาโดยตรงเสียด้วยซ้ำ ทำเป็นพูดลอย ๆ ให้ผ่านหู เจตนาให้เขารับรู้ แล้วอาจพาลโกรธ หันมาโต้ตอบโดยตรง
            เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบบ่อยครั้งเข้า สิงห์จึงถามแม่อินว่า “แล้วจริง ๆ ลูกเป็นลูกใครกันแน่ ลูกของแม่จริง ๆ หรือเปล่า แล้วใครเป็นพ่อที่แท้จริงล่ะ แม่อิน”
            แม่อินจะยืนยันเสียงแข็งทุกครั้งเช่นกันว่า “แม่เป็นแม่ของลูก และพ่อเป็นพ่อของลูก มิผิดไปจากนี้หรอก ลูกรัก คนก็พูดกันไปให้มากความ อาจจะแค่เย้าแหย่ลูกเล่น”
            เมื่อสิงห์ได้ฟังคำยืนยันจากแม่เช่นนี้ทุกครั้ง จะเถียงคอเป็นเอ็นเมื่อได้ยินใครพูดว่า สิงห์เป็นลูกของใครกันแน่ และจะตอบโต้ทันทีด้วยน้ำเสียงโกรธนิด ๆ ว่า “ตนเป็นลูกของพระศรีธรรมากับแม่อิน”
            ไม่มีสักครั้ง ไม่มีสักครา ที่แม่จะเผลอพูดความจริงออกมาหรือแสดงท่าทีมีพิรุธให้ลูกสังเกตจับผิดได้ แม่จะยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจังเสมอมา
บางครั้งยังถามว่า “ลูกไปได้ยินใครพูดมา แม่จะไปเอาเรื่อง
”ท่าทีเช่นนี้เพื่อตอกย้ำว่าจะไปหาเรื่องกับคนที่พูดให้ลูกไม่สบายใจ
 
            เมื่อสิงห์เริ่มโตพอรู้ความมากขึ้น สิงห์จะไม่ถามแม่เช่นเดิม เพราะแม่คงจะยืนยันคำเดิมทุกคราไป แต่ในใจเริ่มปะติดปะต่อในเรื่องราวที่ใคร ๆ พูดกันถึงชาติกำเนิดของตน
            ถึงจะถามไปกี่ครั้ง คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง แต่เสียงลือนั้นเริ่มเบาบางลง ด้วยเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงนานวันขึ้น คงเหมือนข่าวลือทั่วไปที่มักจะกระพือโหมแรงในช่วงแรก ๆ เท่านั้น
 
            เสียงซุบซิบทำให้ใจของสิงห์สับสนงงงวย เพราะบางเสียงเอ่ยถึงเจ้าเหนือหัว
“แท้จริงแล้วสิงห์เป็นพระโอรสลับของเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ สังเกตสิว่า พระองค์โปรดปรานและรักใคร่เอ็นดูในสิงห์มากกว่าลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย เพียงแต่ไม่ยกย่องอย่างออกนอกหน้านอกตาเท่านั้น”
“อะไรกันนี่ มันขนาดนี้เชียวรึ เป็นพระโอรสเจ้าเหนือหัว” เสียงนี้ทำให้ใจกระหยิ่มพองเต็มอก
เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมามากมาย
ทำไมถึงต้องปกปิดล่ะ ในเมื่อเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์มีพระโอรสธิดากับมเหสี กับสนมมากมาย
เหตุใดต้องปกปิดตนแต่เพียงผู้เดียว
บ้างบอกเพราะแม่อิน คือญาติสนิทกับพระสนม แต่อิจฉาริษยาเกลียดชังกันรุนแรง จึงไม่ยอมรับนางเป็นสนมอีกคน และไม่ยอมรับสิงห์เป็นลูกด้วย เช่นนี้ ย่อมแสดงว่า แม่คือแม่ แต่พ่อไม่ใช่
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ๆ ล่ะ
สิ่งที่เขาคิดเช่นเห็นตามว่า พ่อที่แท้จริงของเขาต้องใหญ่โตมาก ๆ เขาจึงได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าการเป็นลูกของญาติพระสนม
 
            พวกที่ยืนยันว่า “สิงห์เป็นพระโอรสลับของเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์นั้น กล่าวต่อไปอีกว่า “จะให้ยกย่องได้เช่นไร ในเมื่อตอนที่แม่อินตั้งท้อง พระสนมที่เป็นญาติ องค์ที่เป็นแม่ของจ้าวอินทรที่มาจากบางปะอินด้วยกัน โกรธลูกพี่ลูกน้องคนนี้ยิ่งนัก แทบจะเอาเป็นเอาตายกันทีเดียว ถึงจะเป็นญาติแต่เกลียดกันเข้ากระดูกดำ ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่กันแล้ว พอรู้ว่ามาตั้งท้องกับผู้ชายคนเดียวกัน ยิ่งเป็นเรื่องราวใหญ่โต”
            บางพวกที่ไม่เชื่อตามที่พูดจะแย้งว่า “บางทีเป็นเรื่องพูดเล่นเย้าแหย่กันของแม่อิน ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ให้พระสนมแค้นเล่น เลยแกล้งยั่วให้หึง คนได้ยินเลยพูดต่อ ๆ กันมาจนดูเป็นเรื่องจริงไป เป็นเรื่องโอละพ่อไปเสียนี่”
           “ไม่ใช่พระโอรสของพระองค์หรอก แม่เป็นญาติสนิทของพระสนมที่ได้เข้าวังครั้งที่เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์ ติดเกาะและพบรักกัน ณ เกาะบางปะอิน เจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์รับหญิงนั้นมาเป็นบาทบริจาริกา เป็นพระสนมที่ทรงรักใคร่เสน่หามาก ไม่น่าจะนอกใจเป็นอื่นกับญาติของคนที่รัก” เสียงนี้ไม่เชื่ออีกเช่นกัน
           บางเสียงแอบนินทาว่าร้ายว่า “สองสาวนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่แท้ที่จริงพ่อแม่ของนางทั้งสองไม่ใคร่ปีนเกลียวกันสักเท่าใดนัก ถึงจะเป็นญาติจึงเหมือนไม่ใช่ญาติ และทั้งสองต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด คนพี่ดุมากนัก ไม่ยอมให้น้องสาวได้ดีมาตีเสมอตน และประกาศชัดเจนว่า ยังไงเสียจะไม่ยอมให้น้องคนนี้ได้มายืนในตำแหน่งเดียวกับตน”
บางคนยังตีขลุม พูดราวกับเป็นคนสนิทไปเสียอย่างนั้นจึงรู้แม้กระทั่งความในใจของพระสนม
“ถ้าเป็นเรื่องจริง ที่ว่ามีสามีคนเดียวกันก็คงยอมกันไม่ได้ เมื่อพี่สั่งห้ามยกย่องน้องเด็ดขาด ให้ยกแก่ผู้ใดผู้หนึ่งก็ได้ ถึงแม้นมารู้ภายหลังว่าติดท้องมาก็ตามที แล้วให้แล้วกันไป”
นี่ก็คนที่ยังเชื่อว่าเป็นจริง ที่ว่าตนนั้นเป็นพระโอรสลับที่ไม่ได้รับการยกย่อง เหตุเพราะแม่และพี่ของแม่ที่เป็นสนม ขัดข้องหมองใจ จนยากจะยอมยกให้เป็นสนมอีกคน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายอมรับความจริง เมื่ออีกฝ่ายมีอำนาจ ทำให้อีกฝ่ายต้องหาพ่อให้ลูกใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
 
ทว่าเสียงซุบซิบที่แอบเล็ดลอดมาเข้าหูสิงห์นั้นมีหลายกระแส
บ้างก็ว่า “ไม่ใช่หรอกที่กล่าวกันว่า สิงห์เป็นพระโอรสลับของเจ้าเหนือหัวอิศเรศรังสรรค์น่ะ
แท้จริงสิงห์เป็นพระโอรสลับของเจ้าเหนือหัวลักษมันตราธิราช ตอนที่ไปออกรบต่างหาก แล้วองค์ท่านได้กับหญิงชาวบ้านหรือสาวชาวลาว เลยรับเด็กคนนั้นกลับมาให้พระศรีธรรมากับแม่อิน เลี้ยงดู ไม่ใช่ลูกแม่อิน เสียด้วยซ้ำ สิงห์น่ะลูกชาติลูกตระกูลเชียวนะ”
 



Create Date : 06 กรกฎาคม 2566
Last Update : 6 กรกฎาคม 2566 9:07:17 น.
Counter : 155 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments