ดิวิเอ สโคป
 
รำลึกอดีต ตอนต่อมา

และแล้วความอดทนของเด็ก 12 ก็สิ้นสุดลงในเย็นวันหนึ่ง

พร้อมๆ กับความอดทนของครูกล้ามโตที่โดนคณะบริหารจี้ตูดมา "รับมาซะไม่งั้นจะพาไปโรงพัก เข้าเครื่องจับเท็จ" ผมบอกกับตัวเองว่าผมเบื่อแล้วเป็นงัยเป็นกัน "ไปครับครู" เค้าแสดงท่าที่แปลกใจกับทีท่าของผม แกบอกผมว่า ถ้าเข็มกระดิก มันหมดอนาคตเลยนะ จับติดคุกเลยไม่ได้กลับบ้านไม่ได้เห็นหน้าแม่อีกแล้วนะ พ่อเธอก็เสียไปตั้งแต่เธอสามสี่ ขวบ ใครจะดูแล โดนออกจากโรงเรียนเธอจะไม่มีอนาคต รับสารภาพซะเรื่องมันจะได้จบๆ เรื่องนี้จะเป็นความลับ ผมนั่งชั่งใจอยู่นาน คิดอยู่ว่าในขณะนี้ผมกลัว เกิดเจ้าหน้าที่เค้าขู่ตะตอกใส่ ผมตกใจเข็มกระดิด ผมมิต้องเป็นอย่างที่ครูเค้าว่าเหรอ ความคิดนี้มันสลับกับเสียงเร่งเร้าของครู ที่บอกคิดดีๆนะ หมดอนาคตนะ

ครับครูผมสารภาพแล้ว นั้นเป็นเหตุให้ผมต้องมานั่งเขียนคำสารภาพยาว 2 หน้ากระดาษ กับคดีที่ผม อุปโลกขึ้นมาร่วมๆ 20 กว่าคดี ไปเอาของเมื่อเวลานั้น ตึกนี้ห้องโน้น ได้ตังไปเท่านั้นเท่านี้ พร้อมกับลางร้ายเริ่มก่อเค้าขึ้นมา อย่างช้าๆ "โหยดูซิผมว่าเราลาออกแล้วมาหากินอย่างมันดีกว่า เงินเยอะดีแหะ" คำถากถางเริ่มมาอีกแล้ว ผมได้แต่นั่งก้มหน้าขีดเขียนไปตามประสา เอาเท่าที่นึกออก สักแต่ให้มันจบๆ ไป

เช้าวันต่อมาข่าวของผมมันดังไปทั้งโรงเรียน ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักผม เริ่มโดนตราหน้าว่า ไอ้ขี้ขโมย ไอ้เลว ครูประจำชั้นผมเริ่มไม่แน่ใจในผมอีกแล้ว จะมีก็แต่ครูสอนวิทย์ซึ่งเป็นครูประจำชั้นอีกห้องนึงที่แกไม่เชื่อว่าผมจะทำ ในสิ่งที่ผมได้เขียนลงไป ผมได้เกรดสามวิชาวิทย์มาตลอด ที่ไม่ได้สี่ เพราะไม่เคยส่งหนังสือแบบฝึกหัดเลยรวมเก้าเล่ม ตั้งแต่ ม.1 ยัน ม,3 เลยไม่ได้คะแนนในส่วนนี้ ครูท่านนั้นกำลังจะรื้อฟื้นคดี โดยเอาไอ้กระดาษอุปโลกของผม ไล่ถามและตามหาเจ้าทุกข์อย่างลับๆ ในขณะที่ผมต้องทนกับความกดดัน การดูหมิ่นเหยียดหยาม ทั้งเพื่อนร่วมห้อง ทั้งคณะครู ผมจึงไม่อยากไปเรียน เริ่มโดนเรียน แต่งตัวออกจากบ้าน แต่ไปที่อื่น หอสมุดแห่งชาติ เป็นหนึ่งในสองแห่งที่ผมมักจะไปประจำ อีกที่นึงก็เป็นมาบุญครอง ผมจำชั้นไม่ได้ แต่มันเป็นร้านขายชุดคลอส ของเซย่า ผมจะนั้งอยู่หน้าร้านเพื่อดู วิดีโอเซย่า ที่เค้าเปิดเพื่อเรียกลูกค้า ถ้าวันใหนเค้าเปิดซ้ำ ผมก็จะนั่งรถกลับมาที่หอสมุด ซักสองสามวันพอม้วนใหม่ออกมาผมก็กลับไปนั่งดูอีก ยันจบภาดโกล์เซนต์

คุณแม่ของผมตอนท่านยังเด็กๆ ท่านประสบอุบัติเหตุทำให้หนังตาข้างซ้ายเป็นรอย จนดูคล้ายตาสองชั้น พอมีตังท่านก็เลยไปทำตาสองชั้นข้างขวาให้มันเท่ากัน หลังจากผ่าได้วันเดียวไปรณีย์บัตรนรก มาถึงบ้านบอกว่าผม หายไปไม่มาเรียน เมฆเค้าแห่งความหวาดกลัวมันเพิ่งจะเริ่มต้น ประมาณเที่ยงวันนั้น ผมได้ยินเสียงประกาศางลำโพง ให้ผมไปเข้าห้องฝ่ายปกครอง สิ่งที่เห็นมันทำให้เด็กผู้ชาย อายุ 12 ตัวเล็กๆ คนนึงต้องขาสั่น ผ้ากอสยังปิดตาแม่อยู่ แม่ร้องให้ น้ำตาและเลือด มาออกมาพร้อมกัน และแม่อ่านการดาษแผ่นนั้น ใหนว่าความลับไง ผมให้ครูไม่ต้องอยู่เย็นกับผมงัย ใหนว่าเรื่องมันจะอยู่แค่ครูงัย (ไอ้สัตว์)

ผมต้องออกปลายเทอมนั้น หึหึหึ ลาก่อนเซนต์จอห์นทั้งๆที่อีกสามวันผมจะสอบไล่อยู่แล้ว ออสมัยนั้นเค้าไม่ได้เรียกว่าไล่ออก เค้าเรียกว่าย้ายโรงเรียน ผมต้อมมาเรียนศึกษาผู้ใหญ่ วัดตรีทศเทพ ตั้งแต่นั้นมากผมมีชีวิต เพื่อรอ "มืด" เมื่อความมือเข้ามาปกคลุม ผมถึงจะได้ไปโรงเรียน เลิกเรียนก็สามทุ่ม ตรงกับเวลาสถานบันเทิงเปิด ถ้าใครอายุมากกว่าผมหน่อยจะรู้จัก สี่แยกบางขุนพรหม และเป็นสี่แยกที่ผมจะต้องเดินผ่านเพื่อไปลงเรือข้ามฝากที่แบงค์ชาติ แล้วทางที่ผมเดินผ่าน มันทั้งโต๊ะสนุก อาบอบนวด ซ่อง ร้านเหล้า เรียงราย ทั้งหมดนี้กับเด็ก อายุ ย่าง13 เท่านั้น ผมต้องการคนคุ้มครอง พี่ขาใหญ่ นั้นเองคือคำตอบ เพราะผมมีเรื่องกับน้องของแกที่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน น่าจะเป็นข้อหาโชว์เกรียน ก็แหมเด็ก เซนจ์จอห์น เรื่องท๊อป คณิตกับวิทย์ และอังกฤษ ใน รร. ศึกษาผู้ใหญ่ มัน ชิวๆอะนะ เลยโดนซะน่วม พอจบเรื่องแกเห็นว่ามีแววแถมภาษาใช้ได้ ก็เลยกลายเป็นมือขวาติดตาม เดินอยู่ตรอกข้าวสาร ตอนนั้นผมไม่รู้ว่า ทำไมนั้งกินเหล้าอยู่ดีๆ มีคนเอาตังมาให้ ยกมือใหว้พี่เต้ แล้วก็ผมด้วย หูย์นุกหนาน ทั้งฝรั่งทั้งคนไทย เดินไปใหนมีเป็นกลุ่ม บางที่ผมนั่งดื่มคนเดียวระหว่างรอพี่เต้ ยังมีคนมาออกค่าเหล้าให้ บางคนก็มานั่งคุยแป๊บๆก็ยัดตังใส่มือผม 500 บอกว่าช่วยค่าเหล้า ครับคุณน้อง อำนาจผมคือ แป๊ะ หึหึหึ ในภาษาจีน ออกเสียงเต็มๆว่าแป๊ะเหล่าเถ้า แป๊ะคือตนแก่ เหล่าเถ้าคือผมสีขาว แล้วอะไรหละครับที่มันสีขาวเหมือนผมคนแก่ หน้าที่ผมคือรับตังแล้วบอกว่าอยู่ตรงโคนต้นไม้ อยู่ตรงถังขยะ อยู่ตรงนั้นอยู่ตรงนี้ ไปหาเอาเองเพราะจะไม่เก็บของไว้กับตัวถ้าตำหนวด มาก็ซวยดิ๊ พอมาสมัยนี้วิธีนี้ไม่ได้ผลครับ เพราะสายตำรวจจะถ่ายสำเนาธนบัตรไว้ ล่อซื้อแล้วไปเอาของแล้วก็จะมาจับและค้นตัวผม เอาตังที่มีในตัวทั้งหมด มาเทียบกับที่ถ่ายสำเนาไว้ เอ่อ สมัยนี้เรียก คดี เบอร์แบงค์ครับ

บ้านเมตาคือที่ๆ ที่ผมต้องแวะเข้าไปนอนจนได้ เมื่อโรงพักวัดชนะสงครามส่งผมเข้าไปหลังจากนอนในตารางมาสามวัน จึงต้องระเห็จไปอยู่ที่บ้านนั้นร่วมๆสองอาทิตย์ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นนั่งๆกิน เหล้าอยู่ดีๆ อยู่ๆพวกวิ่งมาบอกว่า พี่เต้มีเรื่องผมเลยเอา .32 ไปด้วย พอถึงพวกตะโกนว่าตำหนวดมา ด้วยความไว ผมถอดแมกกาซีนออก แล้วดึงสไรด์ เอาลำกล้องกับ สปริงค์รับแรงสปริงค์รีคอย์ โยนทิ้งคลองหลอด อย่าลืมนะผม ค้าทั้ง .22 ยัน .38 .357 ความรู้เรื่องปืนได้มาจากหนังสืออาวุธปืน ทั้งถอดทั้งประกอบ พวกเซมิออโต้ผมทำได้หมด เรื่องกฎหมายได้ความรู้จากวงเหล้า ต้องเข้าใจนะครับว่าเหล้าวงผมมันวงนอกกฎหมาย เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนผม(เพราะผมชอบปืน)จึงต้องสนใจเป็นพิเศษ แหมก็พวกขี้คุกขี้ตารางมันจะคุยเรื่องรัยกัน ผมผิดเรื่องนี้นะ ผมผิดเรื่องนั้น ผมรอดได้เพราะทำอย่างนี้ ที่เกมส์เพราะพลาดตรงนั้น

คดีผมเลยกลายเป็นสิ่งเทียมอาวุธ แปลง่ายๆ เหมือนเอาปืนอัดลมไปแหย่เล่นกับชาวบ้าน พวกตกใจไปแจ้งความว่าท่านเอาปืนอัดลมไปข่มขู่เค้า เพราะเข้าใจว่านั้นคือปืนจริง แต่ในกรณีผมมันคือปืนจริงๆ แต่ไม่อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะทำอันตรายใครได้ ที่ผมมีอยู่จึงไม่ต่างจาก อัดลมเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีรังเพลิงไม่มีลำกล้องไม่มีแม้กระทั่ง แมกกาซีน แถมพกด้วยหลุดคดีพยามฆ่า ฟังเพื่อประกอบคำสารภาพแล้วกันนะอย่าเอาโพรงเลยนะเพราะท่านคงไม่ใช่กระรอกมาให้ผมชี้

โดยเฉพาะคดีมันได้กลายเป็นอย่างอื่นไป และเพื่อให้เบาลง ต้องจ่ายด้วยเงินเป็นแสน ล้างบัณชีแดงอีกกว่าแสนต่างหากเพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดินอีก หึหึหึ

ต่อตอนจบ แล้วจะขึ้น บทสู่เส้นทางลูกเรือ อีกไม่นานเกินรอ


Create Date : 01 สิงหาคม 2549
Last Update : 3 สิงหาคม 2549 2:05:35 น. 3 comments
Counter : 495 Pageviews.  
 
 
 
 
ชีวิตคนเรายิ่งกว่านิยายซะอีก เข้มข้น แต่เด็กเลยค่ะ ท่านกับตัน
 
 

โดย: ปลายฟากฟ้า วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:20:55:12 น.  

 
 
 
ฮื่อ พอได้ลงเรือ แล้ว นุกก่านี้อีก ทั้งผี ทั้งคน ท้างโจร พาเรือไปโดนจับงี้ นำเรือยุธวิธีเพื่อหลบ เรือรบอย่างงั้น โอ้ยตรูจา บร้า
ฮื่อๆๆ มีแต่คนบอกว่าผมประสบการณ์สูง

ผมต้องยืดอก แล้วตอบไปตรงๆ ว่า ทำไมต้องด้องเป็นกรูด้วยวะ ไม่อยากได้เล้ย แต่คนมันเฮง อะทำงัยได้ เฮ้อ
 
 

โดย: หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:23:31:50 น.  

 
 
 
นั่งอ่านเฉยๆหน้าคอม นี่มันมากเลยพี่

 
 

โดย: monocryl (monocryl ) วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:15:10:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




เป็นนักเดินเรือรุ่นกลางๆคือไม่อยากแก่ (ฮา)แม้จะ 32 แล้วก็ตาม ไม่ใช่เรือประมง ไม่ไปต่อตีกับใครเพราะไม่ใช่เรือรบ แต่เป็นเรือสินค้าวิ่งปุเลงๆ รับส่งอยู่แถวๆ เอเชียตะวันออกนี่เอง

4ปีนายท้าย 6ปีต้นหน รวม10ปีที่อยู่เรือ ไม่ได้เป็นต้นเรือซะทีเฮ้อ
[Add หน้าไม้ใจเย็นยิ่ง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com