ซินจ่าว ฮานอย ปี 53 (วันที่ 2-ฮาลองเบ)
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2553

ตั้งนาฬิกาตื่นนอนตอนหกโมงเช้า เวลาที่ฮานอยเท่าๆ กับเวลาที่บ้านเราเลยค่ะ

เสร็จธุระส่วนตัวก็เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้น 6 แล้วขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้น 7

ไปทานมื้อเช้ากันค่ะ

ห้องอาหารที่นี่เห็นวิวทะเลสาปด้วย หมอกลงเยอะเหมือนกันค่ะ

อาหารเช้าจะมีเมนูมาให้เราเลือกสั่งว่าจะเอาอะไร มี

เฝอไก่ เฝอเนื้อ บะหมี่สำเร็จรูป บะหมี่ผัด

ออมเล็ต แซนวิชเบคอน

ส่วนเครื่องดื่มก็มี ชา กาแฟ นมสด น้ำสด น้ำแร่ ให้เราเลือกค่ะ

เสิร์ฟแตงโมมาให้ก่อนอาหารหลักจะตามมาค่ะ

เราสั่งบะหมี่ผัด ออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

คือ มาม่าผัดซอสเปรี้ยวหวานนั่นเอง อร่อยดีอ่ะ

กาแฟรสชาติมันอย่างเดียว ไม่มีหวาน ^^

คุณแฟนสั่งเฝอเนื้อ รสชาติดีมากกกกก

น้ำซุปกลมกล่อมสุดๆ ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ หันมาอีกที คุณแฟนกินหมดไปแว้วว






ได้เวลาแปดโมงตรง ทัวร์มารับที่หน้าโรงแรมเลยค่ะ

ไกด์พากลุ่มเราขึ้นรถบัสคันเล็ก

รถขับวนๆ ไปรับนักท่องเที่ยวอีก 2-3 โรงแรม

รวมแล้วไปเที่ยวด้วยกันประมาณ 15 คนค่ะ

รถพาออกนอกเมืองเวลาแปดโมงครึ่งเป๊ะๆ

ไกด์เริ่มแนะนำตัว พูดคุยกันซักพักแล้วเราก็หลับต่อ ^^

ตื่นมาอีกทีประมาณ 9.30 น. คุณไกด์ (กลุ่มเราเรียกว่าพ่อเป็ด

เพราะเราเดินตามเหมือนทัวร์ลูกเป็ดกันทีเดียวเชียว) ให้แวะเข้าห้องน้ำ

และช้อปปิ้งโรงงานภาพปักค่ะ มีเวลาที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง

ภาพปักสวยมากก เป็นงานปักทั้งผืน






ประมาณสิบโมง พ่อเป็ดเรียกขึ้นรถแล้วค่ะ

ส่วนเราก็หลับต่อ ยาวเลย ตื่นอีกทีถึงท่าเรือแล้ว คนเยอะมากกกก ขนาดวันจันทร์นะนี่

รอเวลาเรือพร้อมประมาณครึ่งชั่วโมง เราไปเรือหัวมังกรกันค่ะ

กลุ่มเราเหลือ 13 คน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติแยกไป 2 คน

เห็นว่าเค้าซื้อกรุ๊ปทัวร์แบบค้างคืนนะคะ ก็เลยแยกออกไป

ในขณะที่พวกเราเป็นแบบ One Day Trip






ภายในเรือกว้างดีค่ะ มีกันแค่ 13 คน สบายดี

เรือออกจากท่าได้ซักพัก พ่อเป็ดและคณะเริ่มจัดโต๊ะอาหารกันค่ะ

เวลาใกล้บ่ายแล้ว เราก็เริ่มหิวแว้วววว

อาหารจานแรกถูกเสิร์ฟมาก่อนเลย ปลาทอด

ตามด้วยปอเปี๊ยะทอด รสชาติดีมาก หอมกระเทียมพริกไทยสุดๆ

ผัดเต้าหู้ค่ะ มีรสเผ็ดนิดๆ อร่อยดี

เฟรนฟรายทอดร้อนๆ อร่อยดีนะ

ผัดปลาหมึกกับผักรวมมิตร

กะหล่ำปลีหั่นฝอยผัดน้ำมันงา น้าๆ ชอบมาก บอกว่าได้รสชาติหวานๆ จากผักเลย

อันนี้จานโปรดคุณแฟนค่ะ หอมใหญ่ผัดไข่

แป๊บเดียวว กลุ่มครอบครัวเรากินเรียบบบ

ที่นี่ไม่เสิร์ฟน้ำให้นะคะ มีแต่อาหาร ถ้าเป็นน้ำดื่มเค้าขายเพิ่มค่ะ

น้ำเปล่าขวดขนาดกลางบ้านเราขายขวดละ 7-8 บาท

บนเรือขาย $1 แต่ไม่มีเสียล่ะที่เราจะยอมเสียเงิน

เพราะหาข้อมูลจากห้อง BP มาก่อนแล้วเลยทันมุขนี้ของพี่เวียด

เราซื้อน้ำขวดใหญ่พกไปเองค่ะ 2 ขวดเบ้อเริ่มเลย






อิ่มท้องแล้ว ไปเดินเล่นชมวิวที่ดาดฟ้าบนเรือกันค่ะ

อากาศหนาวจริงๆ ลมเย็นๆ เหนือทะเลมีหมอกตลอดเวลา

เรือไปจอดที่หมู่บ้านชาวประมงค่ะ ที่นี่มีโรงเรียนบนแพด้วย

น้องหมาที่แพ มีเรือพายมาขายผลไม้ค่ะ

พ่อเป็ดมาถามว่า เราจะนั่งเรือเล็กไปเที่ยวชมเกาะมั๊ย

เสียตังค์อีกคนละ $3 ครอบครัวเราตกลงเพราะขี้เกียจเดินไปเดินมาอยู่ในเรือ

ระหว่างที่พ่อเป็ดกำลังดูแลนักท่องเที่ยวคนอื่น

เจ้าของเรือเล็กชาวเวียดนามเดินมาเก็บตังค์

กลุ่มเรา 6 คน คนละ $3 ต้องเป็น $18

แต่พี่ท่านจะเก็บเรา $20 เราก็มีโวยเลยจิ ยังงัยๆ ก็ไม่ยอม

จริงๆ แค่ $2 มันไม่ได้เยอะหรอก แต่เราไม่ชอบที่เค้าใช้วิธีนี้

ก็เลยโวยวาย พ่อเป็ดหันมาเพราะได้ยินเสียงเราโวยวายเถียงกับเจ้าของเรืออยู่

เค้ามาถามว่าเกิดไรขึ้น เราก็เล่าให้พ่อเป็ดฟัง

คราวนี้พ่อเป็ดเลยเถียงแทนเรา แล้วให้เราจ่ายตังค์ไป $18

ถ้าเรือเล็กไม่ยอม พ่อเป็ดบอกเราว่า ไม่ต้องไปเรือลำนี้แล้วกัน

สุดท้ายเรือเล็กเลยยอมค่ะ เพราะดีกว่าเสียกรุ๊ปเราไปเลย






เรือเล็กพาเราลอดถ้ำเล็กๆ เข้ามา ทางเข้าค่ะ

พอเรือแล่นข้ามาภายใน คล้ายเกาะห้องบ้านเราเลย

เรือแล่นช้าๆ ดูเกาะด้านในเรื่อยๆ วนเป็นวงกลม จนถึงทางออกค่ะ

และไปอีกถ้ำนึง คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน เรือเล็กพาไปดูตามเกาะต่างๆ

ส่วนใหญ่เป็นเกาะหินปูน คล้ายเกาะทางใต้ของบ้านเรานะคะ






ซักพักก็ขึ้นเรือใหญ่ต่อค่ะ นั่งเรือชมวิวไปอีกแป๊บนึง

ไปถึงถ้ำ.....ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้วค่ะ ชื่อเรียกยากอ่ะ ^^

เดินไปเที่ยวถ้ำกันค่ะ

พ่อเป็ดเรียกกรุ๊ปเราให้เดินไปด้วยกัน ไม่ให้แยกกันเดินทั้ง 13 คน

ถ้ำนี้ต้องเดินขึ้นบันไดไปสูงพอสมควร

เล่นเอาเหนื่อยพอดู แล้วคุณพ่อเป็ดก็เดินไวขนาด

อ้ายเราก็มัวแต่ถ่ายรูป ชื่นชมถ้ำขนาดใหญ่ สวยนะคะ

ภายในใหญ่ด้วย ไม่อึดอัดเลย มีหินงอกหินย้อยหน้าตาแปลกๆ

ระหว่างที่เราถ่ายรูป พ่อเป็ดก็อธิบายที่มาที่ไปของถ้ำนี้

แล้วก็หันมาเรียกเราเป็นระยะๆๆ เพราะรั้งท้ายกลุ่มเลย มัวแต่ถ่ายรูป ^^

พ่อเป็ดเรียกเราแต่ quick, quick, quick

จนเราแอบบ่นกับคุณแฟนว่าเร่งอยู่นั่นแหล่ะ

ร้องแต่ควิก ควิก ควิก เดี๋ยวแม่ก็เต้นสกาให้ดูซะเรย ^^

คุณแฟนเลยยืนขำอยู่กับเรา คุณพ่อเป็ดรอจนเราเดินไปถึงกลุ่ม

มีการมาถามด้วยน่ะว่าหัวเราะอะไรกัน ทำไมคนไทยยิ้มง่ายจัง

เอ๋า ปั๊ดติโธ่....






จากนั้นเราก็ลงเรือกันต่อค่ะ

บนเรือมีแม่ค้ามาขายไข่มุก งานนี้บันเทิงเริงใจคุณนายแม่กับน้าๆ เลยค่ะ

คนละเส้น สองเส้น ราคาชิ้นละ $8 (ต่อแล้วนะคะจาก $15)

นั่งเรือชมวิวได้อีกนิดเดียว ขึ้นฝั่งพอดีกับเวลา 4 โมงเย็น






รอรถบัสมารับแถวๆ ท่าเรือ มีโรงแรมตรงท่าเรือด้วยค่ะ

ซักพักมีแม่ค้าขายสร้อยมุกเดินมาขายกลุ่มเราต่อ

เค้าคงเล็งเห็นแม่กับน้าๆ แหง เดินตามมาตื้อกันหลายคนเลย

พูดภาษาไทยได้ด้วยนะคะแม่ค้าแถวนี้ รับเงินบาทด้วย

ตื้อเก่งมากมาย เดินหนีแล้วก็ยังเดินตาม

สุดท้ายเลยได้สร้อยข้อมือมาอีก 9 เส้น เอามาฝากสาวๆ ที่ทำงานค่ะ

ซื้อไปหลายชิ้นแล้ว แม่ค้ายังคงตื้อเรากันอีก

เราทำอะไรไม่ถูก เลยเอามือปิดหน้า ส่ายหัวดุกดิกลูกเดียว

แอบมองแม่ค้าว่าไปกันหรือยัง เค้ายังมายืนขำเราอีกแน่ะ ชิๆๆ

พอรถมา เราก็ขึ้นรถบัสเข้าเมืองกันค่ะ หลับยาวจนถึงฮานอยเลย

ถึงโรงแรมประมาณทุ่มนึงได้ คุณแฟนจ่ายทิปพ่อเป็ดไป $10

แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันพักก่อนจะออกไปหาไรกินกัน ^^






ก่อนมาฮานอย น้าได้ข้อมูล (จากไหนไม่รู้) มาว่า

เฝอเป็นก๋วยเตี๋ยวที่ใส่กะปิ ซึ่งพวกเราก็คิดกันว่า รสชาติมันคงแหม่งๆ

แต่พอเมื่อเช้าได้กินเฝอที่โรงแรมแล้วเกิดอาการติดอกติดใจกันใหญ่

มื้อเย็นเราเลยออกตามล่าหาเฝอกินกันต่อค่ะ

เดินออกมาจากโรงแรม ไปทางโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ (จุดที่ 7)

หลังโรงละคร ใกล้ๆ สี่แยกที่มีร้านขายรองเท้ากันเยอะๆ

มองตรงไปเห็นร้านเฝอใหญ่พอสมควร เดินเข้าร้านไปพนักงานที่นี่พูดไทยได้ด้วยค่ะ

แม่กับน้าเลยสนุกกันใหญ่ ตอบโต้กับเค้าเป็นภาษาไทย

สุดท้ายเลยสั่งเฝอมากินกันค่ะ อร่อยสู้ที่โรงแรมไม่ได้ แต่ก็พอโอเค

น้องชายสั่งะหมี่ผัด ได้มาหน้าตาแบบนี้ ส่วนของคุณแฟนเป็นข้าวอะไรซักอย่าง

ค่าเสียหายมื้อนี้ 240,000 ดองค่ะ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 480 บาท/ 6 คน






จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นกันต่อ คืนนี้ไม่มีถนนคนเดินแล้ว

เราก็เดินดูของตามร้านค้าแถวๆ หลังโรงละครหุ่นกระบอก

ที่เค้าเรียกกันว่า ถนน 36 สาย

แม่กับน้าๆ เจอร้านที่ถูกใจจนได้ ร้านขายผ้าไหมค่ะ

คนขายน่ารักดี ยิ้มแย้มแจ่มใส อายุรุ่นแม่เราแล้ว

คุยกันเพลินเลย สุดท้ายแม่ช้อปกระเป๋าผ้าไหมไปหลายใบ

ส่วนเราเองก็ได้กระเป๋าสตางค์ไปฝากแม่คุณแฟน ราคา 25,000 ดอง (50 บาท)

ผ้าพันคอฝากลูกค้าและเจ้านายน้อย ราคาผืนละ 50,000 ดอง (100 บาท)

ภาพปักทั้งผืนฝากเจ้านายใหญ่ ราคาผืนละ $13

ช้อปปิ้งกันเสร็จเราก็เดินกลับโรงแรมค่ะ

จากร้านขายผ้าไหม (จุดที่ 8) เดินกลับมาที่โรงแรม (จุดที่ 9) ใช้เวลาเดินไม่นานค่ะ






จุดที่ 9 ที่แวะก่อนเข้าโรงแรม คือ ร้านขายขนมหวาน

ขนมหวานร้านนี้มีบัวลอยน้ำขิง อยู่ในหม้อที่ตั้งไฟอยู่ค่ะ

และผลไม้ราดนมข้นโปะน้ำแข็งไส

ผลไม้หลากชนิดนอนรออยู่ในแก้ว

เราว่าอร่อยดีนะ หวานๆ เย็นๆ ชื่นใจดี

คุณแฟนบอกว่า มันคือ ไอซ์มอนสเตอร์ บ้านเรานั่นเอง อิอิ






ของหวานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับโรงแรมกัน

เราเกิดอยากกินกาแฟก่อนนอนขึ้นมาอีก (เป็นโรคติดกาแฟค่ะ)

น้าพกกาแฟซองๆ มาด้วย เราก็เลยไปขอน้ำร้อนที่ล็อบบี้ข้างล่างค่ะ

ได้มา 1 กระติกในราคา $1 โอเคๆๆ รับได้ มะมีปัญหา






แก้วน้ำที่นี่หนาพอสมควร ใส่น้ำร้อนได้

ช้อนคนกาแฟไม่มี ทำงัยดี หันรีหันขวาง

เปิดตู้เย็นเห็นทางโรงแรมเตรียมมีดปอกผลไม้ไว้ให้ในตู้เย็น

เราก็เลยจัดการเอามาเป็นช้อนกาแฟฉุกเฉินซะเรย เอิ๊กก

รอดตายแว้ววว ชงกาแฟกินกับขนมเค้กที่ซื้อจากเมื่อวานนี้ค่ะ ^^

กินเสร็จ อาบน้ำนอนเลย เก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ต่อ




Create Date : 11 มกราคม 2553
Last Update : 16 มิถุนายน 2554 17:30:52 น.
Counter : 731 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

chicken demon
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]



Friends Blog
[Add chicken demon's blog to your weblog]