@@ หนีร้อน.....บ๊าย บายหลีเป๊ะ (วันที่สี่) @@
วันที่สี่..... 18 เมษายน 2553
ความตั้งใจแรกเลย คือตื่นแต่เช้ามาถ่ายรูปที่ชายหาดหน้าเม้าเท่น ปล. ภาพนี้ถ่ายตอนเที่ยงนะคะ ![]() เคยอ่านเจอในกระทู้ว่าชายหาดหน้าเม้าเท่นสามารถดำน้ำดูปลา ดูปะการังได้เลย ดูความใสของน้ำทะเลที่นี่สิคะ สวยจริงๆ ![]() ที่คิดเอาไว้.....นั่นคือความตั้งใจค่ะ แต่ความจริง หลับ Z..Z..z..z...z....... กว่าจะตื่นอีกทีสายมากๆๆ เก้าโมงกว่าแว้วววว ไม่เคยมาเที่ยวแล้วตื่นสายขนาดนี้เลยนะเนี่ย แสดงว่าที่นี่นอนสบายค่ะ อิอิ ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินไปที่ระเบียงห้องอาหารที่เดิม ไปทานมื้อเช้ากัน ......ทางเข้าไปที่ห้องอาหารค่ะ ![]() เดินไปสำรวจอาหารการกินที่นี่กันดีกว่าค่ะ ![]() ![]() เช้าวันนี้อยากกินอะไรเบาๆ เลยปิ้งขนมปังมา 1 แผ่น + เนยสด + กาแฟดำ ตามด้วยผัดไทย (ที่อร่อยมากจนติดใจลุกไปตักเพิ่มอีกรอบค่ะ) ไส้กรอก ขนมปิ้งกับเนยสดอีกแผ่น (ชักไม่เบาแระ.....เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ อิอิ) โดยมีคุณแฟนนั่งถ่ายรูปชายหาดจากมุมตรงห้องอาหารรอเรากินมื้อเช้า ![]() อิ่มแล้ว เดินกลับไปที่บ้านพักดีกว่าค่ะ ไม่อยากเล่นน้ำแล้ว แดดแรงมากกก กลับไปที่บ้านพัก นอนเล่นหลบร้อนได้ซักพัก แล้วก็เก็บของเตรียมตัวไปเช็คเอ้าท์ค่ะ ![]() ใกล้เที่ยงแล้วค่ะ ระหว่างรอเรือจากบันดาหยามารับ เราสองคนก็เลยชวนกันกินมื้อเที่ยงที่นี่กันก่อน รองท้องกันไปก่อน ของคุณแฟนเป็นสปาเก็ตตี้คาโบนารา....อร่อยค่ะ เข้มข้นกว่าที่บันดาหยา ส่วนเรา ติดใจส้มตำที่นี่ค่ะ แต่คราวนี้ขอเป็นส้มตำทะเลแทน อร่อยเหมือนเดิม ![]() ถึงเวลาที่เรือต้องมารับแล้ว แต่ไม่มีเรือมา.....เอาล่ะสิ - -" งานเข้าค้าบบ เจ้าหน้าที่ของเม้าเท่นเดินมาเตือนบอกว่า เรือยังไม่มารับอีกเหรอคะ เดี๋ยวจะไม่ทันเรือสปีดโบ้ทกลับปากบาราตอนบ่ายครึ่งนะคะ เอาล่ะสิ.....คราวนี้โทรตามกันจ้าละหวั่น สุดท้ายเรือของบันดาหยาลืมเราอ่ะ แป่วววววว ทางบันดาหยากับเม้าเท่นเลยคุนประสานงานกันแทน สรุปคือ ทางเม้าเท่นจะเอาเรือไปส่งเราที่โป๊ะตรงที่ต่อเรือสปีดโบ้ทแทน โดยที่เราไม่ต้องจ่ายตังค์ค่าเรือหางยาวอีกแล้ว ทางบันดาหยาจะจ่ายแทนให้ เรากับคุณแฟนเลยลงไปรอเรือหางยาวที่ชายหาด หาดทรายสีขาว ในเวลาเที่ยงตรง แสบตาสุดๆ แต่น้ำทะเลสีสวยดีนะคะ ![]() และแล้ว.....ฮีโร่ของเราก็มาแว้ววว เย้ๆๆ บังไข่ คนขับเรือของเม้าเท่นซิ่งเรือหางยาวมารับเราที่หน้าหาด ถึงเวลาที่ต้องบ๊าย บาย เกาะหลีเป๊ะจริงๆ แล้ว บังไข่รีบซิ่งเรือเพื่อไปส่งเราที่โป๊ะให้ทันเวลา ![]() เรือแล่นผ่านตรงหน้าหมู่บ้านชาวประมง.... น้ำใสจริงๆ มองลงไปเห็นน้ำใสๆ แล้วอยากลงไปเล่นน้ำอีกรอบจริงๆ ![]() เราต้องไปลงเรือสปีดโบ้ท รอบบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายแว้วว บังไข่ไปส่งเราทันเวลาพอดี เฮ้อออ รอดตัวไปค่ะ จัดการเช็คชื่อแล้วก็ลงเรือตามบัตรคิว ขากลับได้นั่งข้างในเรือสปีดโบ้ทหลบแดดหน่อย ค่อยยังชั่ว ^^ พอลงเรือได้แล้ว เราก็ไม่สนใจอะไรเลยค่ะ หลับยาวรวดเดียวจนถึงท่าเรือปากบารา ถึงที่ท่าเรือปากบาราเวลาประมาณสามโมงเย็น ใช้เวลานั่งเรือขากลับชั่วโมงครึ่งเอง พอถึงท่าเรือปุ๊บ เจ้าหน้าที่ของบันดาหยาเป็นคุณลุงท่านนึงค่ะที่เราเจอกันตั้งแต่ขามาแล้ว เดินเข้ามาส่งยิ้มและทักชื่อเราอย่างถูกต้องเป๊ะๆ เล่นเอาเราทึ่งเลย เพราะถ้าทางบันดาหยามีลูกค้าคือเราคนเดียว เราจะไม่แปลกใจเลย แต่ในเรือที่กลับมาด้วยเป็นลูกค้าของบันดาหยาทั้งนั้น แล้วคุณลุงเคยเจอเราแค่ครั้งเดียวตอนขามาก่อนที่จะลงเรือไปหลีเป๊ะ คุณลุงกลับจำเรา จำชื่อเราได้อ่ะ ......ทึ่งจริงๆ เลยค่ะ เดินออกจากท่าเรือก็ขึ้นรถตู้ของบันดาหยาที่จอดรอไว้แล้ว ขึ้นรถตู้ได้ เราก็หลับต่ออีก (แหะๆ มาพักผ่อนนี่คะ ใช่มะๆๆ) ประมาณสองชั่วโมงก็ถึงสนามบินหาดใหญ่ ตั้งใจจะมาฝากกระเป๋าไว้ที่สนามบิน แล้วหารถเข้าเมืองไปกินโชคดีติ่มซำ ต้นตำรับในเมืองหาดใหญ่ เราบินไฟล์ทสามทุ่มแน่ะ ยังมีเวลาเหลือตั้งสี่ชั่วโมง แต่พอเอาเข้าจริงๆ ขี้เกียจนั่งรถเข้าเมือง แล้วต้องนั่งรถกลับมาที่สนามบินอีก ![]() ว่าแล้วก็เดินหาซื้อของฝากที่ร้านค้าในสนามบินแทนก็ได้ค่ะ เดินเข้าร้านที่เคยซื้อของฝากที่นี่ ร้านเฟิร์ส แอนด์ เฟิร์น ค่ะ ติดใจขนมปั้นสิบที่ร้านนี้ มาหาดใหญ่ทีไรต้องแวะซื้อทุกครั้ง เลยขนซื้อกลับมาซะเพียบ รวมถึงขนมโรตีกรอบ ของฝากฝากเพื่อนที่ทำงานค่ะ แล้วก็ขนมเวเฟอร์ฝากเจ้านาย (เพราะลาพักร้อนมาเที่ยว ^^) คนขายของที่ร้านบอกว่า ไม่ลองชิมมะม่วงแช่อิ่มที่นี่เหรอคะ อร่อยนะ พอลองชิมแล้ว.....ว้าววว อร่อยจริงๆ ด้วย ซื้อกลับมาฝากแม่ดีกว่า ![]() ขนซื้อของฝากเพียบเลยค่ะ แล้วก็มานั่งแพคของแบ่งใส่เป้กับคุณแฟนสองคน ![]() ยังพอมีเวลา คุณแฟนเริ่มหิวอีกแว้ววว เดินไปหาอะไรกินเป็นมื้อเย็นกันดีกว่า เดินไปเดินมาเจอร้านนี้เลยค่ะ ![]() เดินเข้าไปในร้านสั่งอาหารกันเลย ข้าวมันไก่ของคุณแฟน.....อร่อยมากกกกกกก ไก่หอมน้ำมันงาสุดๆๆ ส่วนตัวข้าวมันมีหอมเจียวโรยมาข้างหน้าด้วยค่ะ หอมๆ กำลังดีเลย ของเราเป็นบะกุ๊ดเต๋ อยากกินอะไรร้อนๆ ซดให้คล่องๆ คอ มีข้าวสวยมาให้ถ้วยนึงค่ะ บะกุ๊ดเต๋อร่อยดี หอมเครื่องเทศจีนและพริกไทย ^^ ขนมจีบกุ้ง 1 เข่งมากินเล่นๆ ฮะเก๋าอีก 1 เข่งมากินเล่นๆ (อีกเหมือนกัน อิอิ) ![]() อร่อยจังค่ะ อาหารร้านนี้ ไม่แพงด้วยอ่ะ เบ็ดเสร็จหมดไปประมาณสี่ร้อยบาท ระหว่างรอเวลา นั่งกินอะไรเล่นๆ ไปเรื่อยเปื่อย ซักพักมีคนหน้าตาคุ้นๆ เดินตรงเข้ามาทัก เอ๊า.....มาเจอเพื่อนที่เรียนโทด้วยกันเอาที่นี่ ขนาดมาไกลถึงหาดใหญ่ ก็ยังคงมาเจอเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน โลกมันกลมจริงๆ อิอิ ทักทายเพื่อนเสร็จ เราก็แยกย้ายไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์แอร์เอเชีย แวะซื้อหนังสืออ่านเล่นที่ร้านหนังสือในสนามบินก่อนเพราะเหลือเวลาพอสมควร พอได้เวลาก็ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพค่ะ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนสี่ทุ่มครึ่งพอดิบพอดี จบทริปหลีเป๊ะแต่เพียงเท่านี้นะคะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่ไหน แล้วจะกลับมาเล่าสู่กันฟังใหม่ค่ะ ![]() @@ หนีร้อน.....ไปดำน้ำดูปะการัง...ที่หลีเป๊ะ (วันที่สาม) @@
วันเสาร์ที่ 17 เมษา 2553.....
วันนี้มีโปรแกรมไปดำน้ำบริเวณรอบนอกของเกาะหลีเป๊ะค่ะ ซื้อทริปคนละ 650 บาท + นัดแนะหนุ่มๆ เพื่อนร่วมทริปไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่กินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากบันดาหยา แต่ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ของบันดาหยาไว้ก่อนว่า เย็นนี้จะมารับกระเป๋าแล้วเราจะย้ายไปพักที่เม้าเท่น เพราะจองบันดาหยาไว้แค่สองคืน วันพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงถึงจะเช็คเอ้าท์จากเม้าเท่นแล้วค่อยกลับเรือกับบันดาหยารอบบ่าย ทางบันดาหยารับเรื่องแล้วแจ้งกับเราว่า พรุ่งนี้ตอนเที่ยงจะส่งเรือไปรับที่เม้าเท่นนะคะ น่ารักจริงๆ เลยเจ้าหน้าที่ที่นี่ เซอร์วิสดีจัง ^^ พอได้เวลาเก้าโมงกว่าๆ เรากับคุณแฟนเดินไปที่ชายหาดเหมือนเดิมค่ะ ไปเจอกับกลุ่มเราที่จะไปดำน้ำพร้อมกันตรงหน้าชายหาดพอดี ทริปนี้มีเพื่อนร่วมทริป 8 คน คือ เรากับคุณแฟนสองคน และหนุ่มๆ ที่ดำน้ำด้วยกันเมื่อวานนี้ 4 คน และเพื่อนร่วมทริปใหม่เป็นสาวๆ อีก 2 คนค่ะ ![]() นั่งเรือไปไกลพอสมควร และแล้วก็ถึงที่เที่ยวตรงจุดแรก.....เกาะหินซ้อนค่ะ น่าแปลกนะคะ หินก้อนใหญ่ๆ ไปอยู่บนหินอีกก้อนนั้นได้ยังงัย หนำซ้ำเวลาที่พายุเข้าหรือตอนที่มีสึนามิ หินก้อนนั้นก็ไม่หล่นลงมาด้วยแฮะ ข้างๆ หินซ้อนมีหินรูปร่างแปลกๆ ด้วยค่ะ คุณแฟนจินตนาการไปว่า เหมือนเต่าเลย คิดได้งัยเนี่ย.....แฟนช้านนน ![]() จุดนี้ไม่ได้ลงน้ำค่ะ เรือพาวนรอบๆ เกาะแล้วถ่ายรูปบนเรือเฉยๆ ![]() จากนั้นก็ไปต่อไม่ไกล ไปดำน้ำก้นที่หลังเกาะหินซ้อน สำหรับมือใหม่ดำน้ำตื้นอย่างเราตื่นเต้นมากมายกับท้องทะเลที่นี่ เราเคยไปดำน้ำไม่กี่ที่เองค่ะ ที่ทะเลสมุย เกาะเต่า เกาะนางยวน ทะเลกระบี่ เกาะพีพี อ่าวมาหยา ปิเละโละซามะ เกาะไม้ไผ่ หินกลาง ทะเลแหวก เกาะไก่ เกาะสี่ เกาะห้อง เกาะลาดิง เกาะผักเบี้ย ทะเลตรัง เกาะเชือก เกาะม้า เกาะไหง เกาะกระดาน ส่วนใหญ่แล้วที่ๆ เคยไปดำน้ำจะเห็นปลาชนิดเดียวๆ อยู่เยอะมากบริเวณผิวน้ำ ส่วนปะการังไม่ค่อยเห็นเท่าไรนัก แต่ท้องทะเลที่นี่ สวยมากกกกกก ใต้ทะเล มีอะไรให้ดูเยอะกว่าที่เคยเห็นมาค่ะ ![]() ![]() ![]() .....มือถ่ายค่ะ หนึ่งในบรรดาหนุ่มๆ ผู้ร่วมทริปลงไปถ่ายรูปให้ในระยะใกล้ๆ ส่วนอีกสามหนุ่มกำลังไล่จับปลาใต้น้ำกันอย่างสนุกสนานเลยเชียว กลัวจะน้อยหน้าคนอื่น คุณแฟนเลยถ่ายรูปเราตอนดำน้ำบ้าง (ถึงแม้จะเป็นเพียงผิวน้ำก็ตามแต่ อิอิ) ![]() พอดำน้ำกันไปซักพัก เราก็ลงเรือไปที่อื่นกันต่อค่ะ แวะกินข้าวกลางวันเป็นอาหารกล่องเหมือนเมื่อวานนี้ที่เกาะผึ้ง ยังไม่เที่ยงเลย เราก็เลยไม่ค่อยหิวเท่าไร เพิ่งดำน้ำไปแค่จุดเดียวเอง กินไปได้ไม่กี่คำ ยกข้าวกล่องให้คุณแฟนกินแทน ส่วนเราก็นั่งเล่นน้ำที่ชายหาดเล็กๆ ของเกาะผึ้งรอเวลาเรียกลงเรือไปดำน้ำต่อ จุดที่สองที่ไป บริเวณด้านหลังเกาะผึ้ง อาจจะเพราะเมื่อคืนฝนตกด้วย น้ำทะเลก็เลยไม่ใสซักเท่าไร เราเลยไปดำน้ำต่อที่จุดที่สาม คือ อ่าวลิงค่ะ ที่นี่มีลิงเยอะสมชื่อ ท้องทะเลที่นี่ก็สวยเหมือนกันนะคะแต่อาจจะไม่เท่าที่หินซ้อน ![]() ![]() ดำน้ำที่นี่เสร็จแล้ว เรือก็พาเราไปถ่ายรูปกันที่เกาะรอกลอยค่ะ มาเที่ยวครั้งนี้ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคนกันเลย ถ่ายแต่ภาพวิว ภาพใต้น้ำเพราะตั้งใจจะมาดำน้ำ (ถึงขนาดลงทุนซื้อกล้องถ่ายใต้น้ำเลย อิอิ) กล้องใหญ่ก็ไม่ได้เอามา ภาพวิวสวยๆ บนบกเลยไม่ค่อยจะมีเลยนะคะ ![]() ออกจากเกาะรอกลอย เราไปดำน้ำกันต่อที่จุดสุดท้าย....จำชื่อไม่ได้ค่ะ อิอิ ที่นี่น้ำแรงค่ะ ต้องเกาะเชือกคล้ายๆ ที่ร่องน้ำจาบังเลย น้ำที่นี่ลึกด้วยค่ะ ปลาแปลกๆ เยอะดี ปะการังสีสวยๆ เพียบ คุณแฟนกับหนุ่มๆ เห็นปลาไหลกันด้วยค่ะ แต่เรามองไม่ทัน มุดทรายหนีไปแว้ว ปะการังสีสวยๆเพียบบ ถ่ายรูปที่จุดนี้ไม่เยอะเท่าไร เพราะน้ำแรงด้วย อีกมือต้องเกาะเชือกไว้น่ะค่ะ ![]() พอดำน้ำกันเสร็จก็ขึ้นเรือกลับเกาะหลีเป๊ะ เรือไปส่งเราที่ชายหาดหน้าบันดาหยาเหมือนกับเมื่อวานนี้ค่ะ เราเดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ล็อบบี้ แล้วก็เดินไปเรียกเรือหางยาวรับจ้าง อยู่หน้าหาดบันดาหยาเลยค่ะ ลงเรือไปที่เม้าเท่นรีสอร์ทซึ่งอยู่อีกด้านของเกาะ ค่าเรือคนละ 50 บาทค่ะ เงยหน้าไปเห็นทางขึ้นแล้วท้อใจเลย แดดก็ร้อนสุดๆ แถมมีเป้ใส่เสื้อผ้าอีกตะหาก ![]() เช็คอินที่พักเรียบร้อย ได้กุญแจบ้านพักมาแล้วค่ะ ![]() เดินไปบ้านพักของเราค่ะ บ้านเราอยู่ริมทะเล วิวสวยมากก เข้าบ้านหลบแดดกันดีกว่าค่ะ วิวด้านขวามือที่ระเบียงหน้าบ้าน วิวด้านหน้าตรงๆ ที่ระเบียงหน้าบ้าน และเก้าอี้ที่ระเบียงหน้าบ้านด้านซ้ายมือ ![]() เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเลยนะคะ แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม น้ำดื่ม ที่สำคัญ.....ที่นี่น้ำไหลแรงค่ะ ![]() ![]() นั่งเล่น นอนเล่นในห้องพักหลบร้อนค่ะ ไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ค่อยได้เดินเล่นสำรวจสถานที่เลย เพราะแดดร้อนมากๆ เดินไปได้นิดเดียวจะเป็นลม - -" จนเย็นๆ เราสองคนเดินลงบันไดไปที่ชายหาดหน้าเม้าเท่น ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินกันค่ะ ![]() กำลังคิดจะเดินเล่นตามแผนที่เพื่อไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดินด้านหาดพัทยา ตั้งใจจะไปเดินซื้อของที่ระลึกในถนนคนเดินไปฝากเพื่อนที่ทำงานด้วย ไปๆมาๆ ได้ยินเสียงฟ้าร้องมาแต่ไกล แต่เรากับคุณแฟนก็ยังคงตั้งใจจะไปอยู่ดี เดินไปทางชายหาดหน้าอันดามันรีสอร์ทที่อยู่ติดๆ กัน ได้จึ๋งเดียว เห็นฟ้าแลบแปล๊บๆ เรากับคุณแฟนมองตากันแล้วหันหลังกลับทันที ไม่ไปแระ ถนนคนเดิน กินที่ห้องอาหารเม้าเท่นก็ได้ เดินไต่บันไดไปอีกรอบ แล้วไปหาโต๊ะนั่งสั่งอาหารกันดีกว่าค่ะ ![]() ตัดสินใจไม่ผิดเลยค่ะ ที่กินข้าวที่นี่ รสชาติอาหารดีมากๆ มาอยู่ที่หลีเป๊ะได้สามวันแล้ว อาหารไม่ค่อยถูกปากเราซักเท่าไร แต่ก็กินได้ ไม่เลวร้ายอะไรมาก แต่พอมาเจออาหารที่นี่ บอกได้คำเดียวเลยว่า อร่อยโดนใจหลายๆ อย่าง ที่สำคัญ.....ราคาไม่แพง ค่าอาหารมื้อนี้ประมาณหกร้อยกว่าบาทค่ะ ^^ นั่งกินข้าวรับลมเย็นๆ ที่ริมระเบียงได้ซักพัก ฝนตกแรงมากๆ รีบย้ายโต๊ะเข้าไปนั่งต่อด้านใน ประทับใจพนักงานที่นี่ด้วยค่ะ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้นในการให้บริการลูกค้า ระหว่างรอฝนหยุดตก เราก็นั่งเล่นไปเรื่อยๆ พนักงานแต่ละคนที่เดินผ่านมาส่งยิ้มทักทาย เราก็เลยยิ้มตอบแซวๆ ทักทายกันไป น่ารักดีค่ะ ได้ใจเลยนะคะเนี่ย ^^ พอฝนหยุดตกแล้ว นั่งเล่นกันซักพักก็เดินกลับไปที่บ้านพัก ส่งท้ายวันนี้ด้วยภาพมุมสุดฮิตของที่นี่แระกันนะคะ ![]() @@ หนีร้อน.....ไปตามหาน้องนีโม่...ที่หลีเป๊ะ (วันที่สอง) @@
เช้าวันศุกร์ที่ 16 เมษา 2553
.....วันทำงาน แต่เราลาพักร้อนค่ะ ตื่นสายกว่าทุกครั้งที่มาเที่ยว เพราะทริปดำน้ำนัดเราตั้งเก้าโมงครึ่งแน่ะ พอตื่นนอนทำธุระส่วนตัวเสร็จ แล้วก็เดินไปกินมื้อเช้าที่ห้องอาหารค่ะ ![]() บริเวณห้องอาหารของบันดาหยา คนเต็มเลยค่ะเพราะสายแล้ว ![]() เดินไปสำรวจอาหารของที่นี่กันดีกว่าค่ะ ![]() ตักของโปรดมาก่อนเลยค่ะ เบคอน...เบคอน... ไข่ค่ะไข่..... ตบท้ายด้วยเค้กกับผลไม้ ![]() เก้าโมงเช้าใกล้เวลานัดที่บริษัททัวร์แล้ว เรากับคุณแฟนเดินเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ เข้าถนนคนเดินจนถึง บ.ทัวร์ ทริปนี้มีกัน 8 คนค่ะ เจอกันตรงนี้ 6 คน แล้วเรือไปรับอีก 2 คนที่เม้าเท่นรีสอร์ท .....น้ำทะเลสีสวยมากกก ก่อนมาเที่ยวที่หลีเป๊ะ เราไปเที่ยวที่กระบี่กับเพื่อนๆ มาก่อน ตอนนั้นเอากล้องตัวใหญ่ของคุณแฟน กับกล้องตัวเล็กของเราไป เวลาอยากถ่ายรูปใต้น้ำ ก็เอากล้องตัวเล็กใส่ซองกันน้ำ ภาพที่ได้ในทริปที่แล้วเลยออกจะมัวๆ ไปนิ้ดนึง พอมาทริปนี้ อยากมีภาพใต้น้ำเหมือนคนอื่นเค้าบ้างค่ะ ไปซื้อกล้องถ่ายใต้น้ำของ Olympus มา เลยได้ถ่ายภาพใต้น้ำสมใจ อิอิ ที่ดำน้ำจุดแรก.....ร่องน้ำจาบัง..... เค้าว่ากันว่า จุดนี้ปะการังสีสวย แต่ต้องมาช่วง 8-10 ค่ำ แต่ตอนที่เราไปคงโชคไม่ดีเพราะช่วงข้างขึ้น 2-3 ค่ำ และนักท่องเที่ยวก็เยอะมากกกกกก เลยไม่เห็นปะการังเลยค่ะ น้ำขุ่นด้วย เห็นแต่ผู้คนแทนน้องปลา ![]() น้ำแรงจนต้องเกาะเชือกไว้ ไต่ๆ ตามๆ กันไปค่ะ ![]() เรือพาไปดำน้ำอีกจุดนึงค่ะ จำชื่อไม่ได้แว้ววว ความจำสั้น อิอิ ที่นี่นักท่องเที่ยวน้อยกว่าจุดแรก น้ำใสเชียว เริ่มเล็งถ่ายภาพใต้น้ำได้ เพราะน้ำไม่แรงเหมือนที่ร่องน้ำจาบัง พอเห็นปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเลก็เริ่มสอดส่ายสายตาหาน้องนีโม่ ![]() ในทริปนี้เราได้เพื่อนใหม่อีก 4 คน เป็นชายหนุ่มทั้งนั้นเลย เรากับคุณแฟนมัวแต่เล็งถ่ายภาพใต้น้ำ แต่ก็ถ่ายได้ในระยะผิวน้ำ เพราะเราทั้งคู่ใส่เสื้อชูชีพด้วย หนุ่มๆ เลยอาสาจะดำน้ำลงไปถ่ายน้องนีโม่ให้ในระยะประชิดเลยค่ะ และในที่สุด.....เราก็ได้ภาพน้องนีโม่มาสมใจ ![]() ![]() ได้มีภาพตัวเองตอนที่ดำน้ำแล้ว วีดวิ้ววว ![]() ดำน้ำกันซักพัก เราก็ไปเที่ยวกันต่อที่จุดที่สามค่ะ .....เกาะหินงาม นักท่องเที่ยวนั่งเรียงหินกันเต็มไปหมดตามที่ได้ยินมาว่า ถ้าใครเรียงได้ 13 หรือ 14 ก้อนแล้วอธิษฐานจะได้ตามที่ตั้งใจ แต่เราไม่ได้เรียงหินเหมือนคนอื่นเค้าหรอกค่ะ เวลาเที่ยงตรง หินมันร้อนเหลือกำลัง ไม่ไหวง่ะ ปล่อยให้คุณแฟนเดินถ่ายรูปหินเวลาที่น้ำเซาะเป็นเงาสวยๆ ส่วนตัวเราเองนั่งเล่นแช่น้ำทะเลดีกว่า ![]() ออกจากเกาะหินงาม เราไปต่อกันที่เกาะยางค่ะ ![]() ![]() ฝูงปลาที่ใต้ท้องเรือค่ะ ![]() ออกจากเกาะยาง เราก็ไปต่อกันที่เกาะราวี พักทานข้าวมื้อกลางวันกันที่นี่ ![]() มื้อกลางวันที่นี่เป็นข้าวกล่องค่ะ ดีจังเลย ลดโลกร้อน ชอบๆ อ่ะ ![]() อิ่มท้องแล้ว หนุ่มๆ ผู้ร่วมทริปไปเดินเล่นที่ชายหาดบนเกาะราวี แต่เรากับคุณแฟนสู้แสงแดดไม่ไหว ขอนั่งเล่นที่หาดทรายตรงนี้ดีกว่า จนได้เวลาประมาณบ่ายสองโมง ก็ลงเรือกันต่อค่ะ ไปดำน้ำอีกจุดนึง ซึ่งเราก็จำชื่อไม่ได้อีกแว้วว ^^ อยู่เล่นน้ำ ดำน้ำกันที่นี่นานเลยค่ะ ![]() ![]() ![]() ช่วงที่กำลังสนุกสนานกับการดำน้ำ ถ่ายนู่น ถ่ายนี่ บังเอิญว่าเราทำกล้องหลุดจากมือ ซุ่มซ่ามไม่เลิกเจงๆ อิอิ ได้หนุ่มๆ ผู้ร่วมทริปลงไปช่วยดำน้ำเก็บกล้องให้ ใจหายแว้บบเลย แหม เพิ่งซื้อมาได้สองวัน คิดว่าจะจมอยู่ใต้ท้องทะเลสตูลซะแว้วว ต้องขอบคุณน้องๆ ที่ช่วยตามเก็บกล้องให้ด้วยนะคะ ^^ เสร็จจากดำน้ำตรงนี้เราก็นั่งเรือกลับกันค่ะ แวะส่งสมาชิกผู้ร่วมทริปสองคนที่เม้าเท่นก่อน ส่วนที่เหลืออีก 6 คน เรือไปส่งที่หน้าบันดาหยาค่ะ ก่อนลงเรือนัดแนะกันเรียบร้อย ว่าพรุ่งนี้เราจะมาเที่ยวด้วยกันอีก ในทริปดำน้ำรอบนอก.....มิตรภาพที่ดีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ เลยค่ะ ^^ เดินเข้าไปบ้านพัก อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวจะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน เกิดฝนตกซะงั้น อย่างแรงด้วย คงเพราะอากาศร้อนจัดแหงเลย เราก็เลยนอนดูทีวีในบ้านพักแทน ไม่เคยดูทีวีช่วงเย็นเลยค่ะ พอวันนี้มีโอกาสได้ดู บังเอิญดูเรื่องเพลงรักทะเลใต้ หรือมนต์รักทะเลใต้ อะไรทำนองนี้ คุณแฟนเดินมาเห็นละครในทีวีถึงกับออกปาก เฮ้ย.....นี่เรามาเที่ยวใต้ ทีวีก็มีแต่ซาวด์ภาษาใต้กันเลยเหรอเนี่ย 555 แหม อ่ะนะ ให้มันเข้ากับบรรยากาศหน่อยสิ ระหว่างรอฝนหยุดตก คุณแฟนเดินไปเปิดประตูดูฟ้าดูฝน เจอน้องเหมียวหลบฝนที่ระเบียงบ้าน ว่าแล้วคุณแฟนก็อุ้มเข้ามาเล่นในบ้านซะเลย ![]() น้องเหมียวน่ารักมากกก คุณแฟนเรียกว่า อ้ายถุงเท้าเพราะเท้าเค้าเป็นสีขาว ขี้อ้อนสุดๆ เลยอ่ะค่ะ เล่นกับแมวจนเพลิน ค่ำๆ ฝนหยุดตกเราก็เลยไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ไปหาของกินที่นั่นดีกว่า วันนี้ขอแวะร้านที่ใครๆ ก็พูดถึงหน่อยนะคะ ร้านฅนเล..... อยู่ติดกับร้านไก่ทอด ไก่ย่างที่คุณแฟนติดใจเมื่อวานนี้ ![]() อาหารมาแล้วค่ะ จานแรก ทะเลลวกจิ้ม รสชาติน้ำจิ้มเผ็ดกระจุย กระจาย อร่อยดีค่ะ จานที่สอง.....ปลากระพงราดพริก จานนี้คุณแฟนชอบมากมาย กินซะเกลี้ยงจาน จนจำแทบไม่ได้ว่าจานนี้เคยเป็นปลามาก่อน ตามมาด้วยต้มข่าทะเล.....จานนี้ไม่ผ่านอย่างแรงค่ะ รสชาติหวานมากมาย เหมือนอาหารทะเลต้มกะทิมากกว่า ไม่ได้รสชาติของต้มข่า ![]() ระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ คุณแฟนเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรสะกิดที่ขา ก้มหน้าลงไปดู จ๊ะเอ๋กับเจ้าตัวดีตัวนี้เลย น้องหมาน่ารักมากๆๆ จนคุณแฟนหย่อนทะเลลวกจิ้มให้กินด้วย ซักพักเริ่มรู้สึก เอออ น้องหมาน่าจะอยากกินไก่ย่างมากกว่า เพราะน้องหมาที่บ้ารนชอบกินไก่ ว่าแล้วเดินไปซื้อไก่ไม้ละ 25 บาทมาให้กินดีกว่า เจ้าตัวนี้กินเกลี้ยงเลย หางสั่นแบบดีใจสุดๆ หน้าตายิ้มร่าเชียว อิอิ พออิ่มแล้วก็นอนที่ใต้โต๊ะเราต่อซะงั้นเลย นี่ไม่เกรงใจว่าต้องกลับเครื่องบินนะ สงสัยมีอุ้มน้องหมากลับกรุงเทพด้วยแหงเลย ^^ ![]() อิ่มแล้วก็เก็บตังค์ มื้อนี้หมดไปเจ็ดร้อยกว่าบาทค่ะ อาหารบนเกาะนี้แอบแพงเหมือนกันเนาะ แต่ก็เข้าใจอยู่ ว่าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมา ^^ อิ่มของคาวแล้วไปต่อของหวานเลยค่ะ ที่โรตีร้านเดิม วันนี้อิ่มมาบ้างแล้ว ขอกินเบาๆ (อิ่มแล้วแต่ยังอุตส่าห์จะกินอีก อิอิ) เป็นโรตีกรอบกับชาชักค่ะ สองอย่างนี้รวมกัน 50 บาทถ้วน อ่ะ.....ไม่แพงอย่างที่คิดแฮะ อิอิ ![]() อิ่มท้องกันแล้ว คราวนี้ถึงเวลากลับห้องพักกันแล้วค่ะ คุณแฟนขอแวะมินิมาร์ทที่ถนนคนเดินก่อนถึงบ้านพัก จะซื้อทูน่ากระป๋องไปฝาก "เจ้าถุงเท้า" น้องเหมียวที่บันดาหยา ก่อนนอนเลยได้ป้อนทูน่ากับบรรดาน้องเหมียวทั้งหลาย ที่พากันวิ่งมาที่ระเบียงบ้านพักของเรามากินทูน่ากระป๋องกันหลายตัวทีเดียวเชียว ส่งท้ายวันนี้ด้วยภาพพระอาทิตย์ตกที่เม้าเท่นรีสอร์ทก่อนนะคะ ![]() @@ หนีร้อน.....ไปเจอร้อนยิ่งกว่า...ที่หลีเป๊ะ @@
ช่วงแอร์เอเชียปล่อยโปรโมชั่นเมื่อปีที่แล้ว
เข้าไปเช็ควันที่เล่นๆ ว่าวันไหนตั๋วถูก มีโปรน่าสนใจบ้าง และแล้ว.....ก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปหาดใหญ่ได้ในวันที่ 15 เมษา 53 ตอนที่จองไป ยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะไปทำอะไรที่หาดใหญ่ รู้แต่ว่าได้ตั๋วเครื่องบินถูกมากกก (สองคนรวมกันแล้วประมาณห้าร้อยบาท) หนำซ้ำยังจองได้ในวันที่ 15 เมษา เป็นวันหยุดยาวๆ ช่วงสงกรานต์อีกตะหาก พอได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้วก็เลยเข้ามาหาข้อมูลในห้องนี้ว่าที่หาดใหญ่มีอะไรเที่ยวบ้าง สุดท้ายตัดสินใจได้.....หนีร้อนไปหลีเป๊ะกันดีกว่าค่ะ ^^ ![]() หลังจากได้ตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปหาที่พักค่ะ เพราะเราไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ เลยไม่มั่นใจว่าถ้า walk in เลยเราจะมีที่พักหรือเปล่า เอาชัวร์ๆ ดีกว่าค่ะ ปลายปีที่แล้วมีงานท่องเที่ยวพอดี ก็เลยไปจองแพคเกจของบันดาหยา เป็นที่พัก 2 คืน ห้องดีลักซ์ (มีแอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม) + รถรับส่งจากสนามบินหาดใหญ่ + เรือสปีดโบ้ทไปกลับ ส่วนคืนที่สามจองผ่านเวบไซต์นอนที่เม้าเท่นรีสอร์ทค่ะ พอถึงวันเดินทางก็เก็บเสื้อผ้ายัดใส่เป้ ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า.... ![]() บินไฟล์เช้าสุดประมาณ 6.30 น. ในตั๋วเครื่องบินระบุว่าจะถึงหาดใหญ่ประมาณ 8.05 น. แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงสนามบินหาดใหญ่เวลา 7.45 น. ค่ะ ว้าววว.....กัปตันแอบซิ่งอ่ะ ถึงเร็วทันใจมากๆๆ พอถึงสนามบินหาดใหญ่ได้แป๊บเดียว ทางบันดาหยาโทรมาบอกว่า ส่งรถตู้มารับที่สนามบินแล้ว เดินไปขึ้นรถได้เลยค่ะ สะดวกมากๆ ระหว่างทางรถตู้แวะจอดที่ปั๊มน้ำมันให้ผู้โดยสารแวะเข้าห้องน้ำ แต่เราวิ่งเข้า 7-11 ซะงั้น อิอิ ขอตุนเสบียงก่อนแระกันนะ ขึ้นรถตู้อีกครั้งก็หลับยาวรวดเดียวถึงท่าเรือปากบาราเวลาประมาณ 10.00 น.ค่ะ คนที่ท่าเรือเยอะมากกกกกก แดดก็ร้อนสุดๆ สะพายเป้เดินไปที่ออฟฟิศของบันดาหยาแถวๆ ท่าเรือปากบาราก่อนค่ะ ![]() พอแจ้งชื่อเรียบร้อย วางสัมภาระที่ออฟฟิศบันดาหยา แล้วเราก็สั่งอาหาร กินมื้อเช้ารอเวลาลงเรือกันค่ะ อาหารบริเวณท่าเรือไม่แพง มื้อนี้ค่าเสียหายร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง ![]() เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง เจ้าหน้าที่เรียกให้เราลงเรือค่ะ พอก้าวลงเรือไปแล้ว โอ้ววว พระจ้าจอร์ช คนเต็มลำเรือเลย แล้วอะฮั้นจาไปนั่งที่ไหนกันดีล่ะเนี่ย..... หันไปมองตาคุณแฟนตาปริบๆ คุณแฟนบอกว่า นั่งตรงบริเวณด้านหน้าหัวเรือเลยแระกัน เราบอกว่า พี่คะ....ตอนนี้กำลังจาเที่ยง พี่ดูแดดสิคะ คุณแฟนตอบกลับมาว่า เถอะ เดี๋ยวถึงหลีเป๊ะ เราก็เล่นน้ำจนตัวดำอยู่แล้วนิ เราก็เลยโอเช (แบบไม่เต็มใจ) หยิบแว่นกันแดด ผ้าบาติกมาคลุมตัวซะมิดเลย หลบแดดสุดฤทธิ์ แต่นั่งบริเวณนี้ก็ดีไปอย่างนะคะ รับลมเต็มๆ เย็นดีค่ะ นั่งเรือไปได้ประมาณ 40 นาทีก็ถึงที่เที่ยวที่แรก.....เกาะตะรุเตา ![]() เจ้าหน้าที่บนเรือบอกว่า ให้แวะถ่ายรูปเดินเล่นที่เกาะตะรุเตาประมาณ 15 นาที เราหันไปถามเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า 15 นาทีเนี่ยนะ กว่าจะเดินขึ้นเรือก็หมดเวลาแว้วว เจ้าหน้าที่ตอบยิ้มๆ ว่า 15 นาทีเวลาคนไทยครับ เราก็เลยยิ้มตอบ เป็นอันเข้าใจ พอขึ้นเรือปุ๊บก็จ่ายตังค์ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท แล้วก็เดินเล่นไปถ่ายรูปบริเวณชายหาดหน้าเกาะค่ะ น้ำทะเลที่เกาะตะรุเตาสีเขียว สวยเชียว เดินไปไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อตะรุเตาบริเวณหน้าชายหาด ก่อนจะเดินกลับมานั่งเล่น หลบแดดที่บริเวณท่าเรือ คงเพราะป็นช่วงเที่ยง แดดร้อนมากๆ เราก็เลยขี้เกียจเดินไปไหนไกล นั่งรอเวลาเจ้าหน้าที่เรียกลงเรือต่อดีกว่าค่ะ ![]() เวลาเที่ยงกว่า รวบรวมสมาชิกได้ครบลงเรือไปต่อกันอีกค่ะ นั่งเรือไป นอนหลับไปชั่วโมงกว่าๆ เรือแวะที่เที่ยวลำดับต่อไป.. .....เกาะไข่ค่ะ ![]() น้ำทะเลที่นี่สวยใสสุดๆ ทรายเป็นสีขาวจนแสบตาเลยค่ะ ![]() แวะถ่ายรูปที่เกาะไข่ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยเดินทางต่อไปเกาะหลีเป๊ะ ไปถึงเกาะหลีเป๊ะแล้ว จริงๆ เรือสปีดโบ้ทต้องไปส่งที่โป๊ะก่อนถึงฝั่งค่ะ เพื่อให้เราต่อเรือหางยาวเข้าไปที่ฝั่งอีกต่อนึง แต่เรื่องของเรื่อง วันนั้นนักท่องเที่ยวเยอะมากกก คนเต็มโป๊ะจนเจ้าหน้าที่ของบันดาหยาบอกว่า ถ้าไปส่งที่โป๊ะ สงสัยวันนี้จะได้กินโป๊ะแตกแน่ๆ ทางเรือสปีดโบ้ทเลยไปส่งถึงชายหาดหน้าบันดาหยาเลยค่ะ ![]() พอได้กุญแจมาแล้ว นั่งกิน welcome drink ให้หายร้อนกันก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทเดินถือกระเป๋าพาเราไปส่งถึงห้องพักกันค่ะ .....บ้านพักคนอื่น สวยเชียว ![]() ถึงแล้ววววววว เปิดประตูเข้าห้องพัก ขอเปิดแอร์เย็นๆหลบร้อนก่อนนะคะ ![]() ภายในบ้านพักบันดาหยาค่ะ รีบถ่ายรูปก่อนที่ห้องจะเละเพราะข้าวของของเรา อิอิ ![]() นั่งเล่น นอนเล่นในบ้านพักให้หายร้อน ท้องเริ่มหิวแล้วด้วยค่ะ เลยชวนกันไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน อยู่ไม่ไกลจากบันดาหยาเลย เดินออกมาที่ชายหาดหน้าบันดาหยา เลี้ยวขวาไปแป๊บเดียวจะเห็นป้าย walking street อยู่ติดกับวารินทร์รีสอร์ท เดินเข้าไปใน walking street ตั้งใจจะหาร้านกินข้าว แต่ส่วนใหญ่ร้านยังไม่เปิด เราก็เลยซื้อไก่ทอดมากินกับข้าวเหนียว ไก่ทอดชิ้นละ 50 บาทแน่ะ โอ้วพระเจ้าจอร์ช แอบแพงนะเนี่ย - -" เดินกลับไปกินข้าวที่บันดาหยาด้วยดีกว่า ขากลับแวะซื้อทัวร์ไปดำน้ำวันพรุ่งนี้ด้วยเลยค่ะ เป็นทริปดำน้ำด้านใน ไปเกาะหินงาม ร่องน้ำจาบัง เกาะอาดัง เกาะราวี ราคาทัวร์คนละ 550 บาท รวมอุปกรณ์และอาหารเรียบร้อย จากนั้นเราก็เดินกลับมาที่บันดาหยา นั่งกินข้าวที่นี่พร้อมกับไก่ทอด (ทองคำ) ด้วยเลยค่ะ จานแรก.....สปาเก็ตตี้คาโบนารา รสชาติธรรมดา ไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมาย ของคุณแฟนราดหน้าทะเลค่ะ จานนี้อร่อยดี เราชอบ เส้นหมี่ผัดหอมเชียว และน้ำปั่น อีกสองแก้ว ค่าเสียหายมื้อนี้ประมาณสามร้อยกว่าบาทค่ะ ![]() จากนั้นก็เดินเล่นในบันดาหยา หลบร้อน หลบแดดเข้าบ้านพักดีกว่า จนค่ำๆ ออกมาเดินเล่นถนนคนเดินอีกรอบค่ะ คราวนี้มานั่งกินโรตีที่ร้านนุชโรตี อยู่เกือบสุดถนนคนเดิน โรตีแฮมชีส.....กับน้ำสตรอบอรี่ปั่น ของคุณแฟนเป็นโรตีกล้วยหอม ชีสโรยชอคโกแลตค่ะ ค่าขนมสองร้อยบาทพอดิบพอดี ขากลับผ่านร้านไก่ทอดเจ้าเดิม ถึงจะแอบแพงแต่คุณแฟนยังคงติดใจ อยากจะซื้อกลับไปกินที่บันดาหยาอีก เดินข้าไปซื้อกับลูกสาวคนขาย เป็นเด็กวัยรุ่นน่ะค่ะ เมื่อกลางวันซื้อกับแม่เค้าที่ชิ้นละ 50 บาท ตอนกลางคืนซื้อกับลูกสาวชิ้นละ 35 บาท ปั๊ดติโธ่.....ไก่ทอดที่นี่เหมือนหุ้นเชียว มีราคาขึ้น ราคาลงด้วยแฮะ ^^ ![]() เดินหิ้วไก่ทอดรีบกลับบ้านพักค่ะ เพราะวันที่ 15 เมษา เป็นวันพฤหัส เรามีนัดสำคัญ อิอิ ยังงัยก็ต้องรีบกลับไปนั่งเฝ้าจอทีวี รอดู "วายุ" ในพระจันทร์ลายพยัคฆ์ก่อน ส่วนเรื่องเดินเที่ยวอื่นๆ ค่อยว่ากันทีหลังนะคะ ส่งท้ายรูปน้องนีโม่ที่เราไปดำน้ำเจอในวันรุ่งขึ้นแถวๆ เกาะราวีกันค่ะ ![]() เส้นทางสีชมพู.....บ๊าย บายเมืองเหนือ.....วันที่ 3
เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2553.....
ตื่นตั้งแต่เช้า จะรีบไปเที่ยวสะพานปายกันค่ะ ยังเช้าอยู่ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร ฃ ได้ใส่บาตรข้าวเหนียวปิ้ง + ไข่ปิ้งที่สะพานปายด้วย ![]() ![]() สายๆ คนเริ่มเยอะ แดดเริ่มแรงขึ้น เราสองคนก็เลยขับรถกลับที่พัก ไปทานข้าวเช้ากันดีกว่าค่ะ ที่นั่งทานข้าวเช้า ริมแม่น้ำปาย ![]() เดินเล่นย่อยอาหารกันดีกว่าค่ะ นั่งเล่น เดินเล่น นอนเล่นจนสายๆ เก็บของเช็คเอ้าท์ที่พักกันดีกว่าค่ะ ![]() เช็คเอ้าท์แล้ว แต่ยังจอดรถไว้ที่รีสอร์ท ไปเดินเล่นเมืองปายตอนกลางวันกันต่อค่ะ ![]() จะเที่ยงแล้วค่ะ ไปไหว้พระกันดีกว่า ขับรถตรงมาที่สี่แยกปายหนาว แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับป้ายบอกทางไปวัดน้ำฮู ![]() ออกจากวัดน้ำฮู เราก็ขับรถออกนอกเมืองปายกันค่ะ ก่อนออกเมืองปาย แวะเติมน้ำมันก่อนค่ะ ดอกไม้สวยๆ ที่ปั๊ม ปตท. ในตัวเมืองปาย ![]() แวะเที่ยวร้านดังก่อนค่ะ คนเยอะเหมือนเดิม ![]() คุณแฟนเริ่มหิว ขับรถไปหาข้าวกินกันดีกว่า ![]() อยู่ตรงข้ามสะพานปายเลยค่ะ หาโต๊ะนั่งก่อน เลือกอาหารในเมนู พาสต้าเบคอนของคุณแฟน สปาเก็ตตี้คาโบนาราของเรา สั่งไก่ทอดน้ำปลา แต่ที่ได้มาเป็นไก่ชุบแป้งทอดซะงั้น อาหารรสชาติไม่โอเคสำหรับเราเลยค่ะ กินได้ไม่กี่คำเอง ![]() เดินไปกินกาแฟดีกว่า ร้านอยู่บริเวณเดียวกันค่ะ คาปูชิโน่ปั่น รสชาติโอเค อร่อยดี ^^ ซื้อกาแฟเดินกลับมาที่รถที่จอดข้างทาง ![]() บ๊าย บายเมืองปายค่ะ มุ่งหน้ากลับเชียงใหม่กันดีกว่า เดี๋ยวจะมืดค่ำระหว่างทางก่อนจะถึงเชียงใหม่ เริ่มออกเดินทาง ทางคดเคี้ยวเริ่มมาแระค่ะ ขับมาเรื่อยๆ จนผ่านทางเข้าป่าสนวัดจันทร์และห้วยน้ำดัง ![]() ขับมาสองชั่วโมงกว่าๆ จนถึงทางเข้าน้ำตกหมอกฟ้า แวะกินกาแฟร้านเดิมดีกว่าค่ะ ร้านกาแฟแป้นเกล็ด.....ถูกและดี ^^ ที่นี่มีอาหารขายด้วยค่ะ ขนมปังเนยนม ราคา 30 บาท อร่อยมากกก ขนมปังนุ่มสุดๆ ชามะนาวของคุณแฟน น้ำส้มคั้นของเรา ค่าเสียหายมื้อนี้ 90 บาท เราเลยให้ไป 100 บาทค่ะ นั่งเล่นชิล ชิล อยู่ในร้านจนสี่โมงเย็นแล้วค่อยออกเดินทางต่อ ![]() จากร้านกาแฟแป้นเกล็ด ขับรถต่อไปอีกไม่ไกล สิบกว่าโลเองค่ะ ทางก็ไม่ค่อยคดเคี้ยวซักเท่าไร ก็ถึงทางแยกเข้าเมืองเชียงใหม่ค่ะ ![]() ปรึกษาหารือกับคุณแฟน ตอนนี้ยังไม่ห้าโมงเย็นเลย นัดคืนรถเช่าที่สนามบินตอนสองทุ่มแน่ะ เพราะวันนี้บินกลับกรุงเทพไฟล์ทสามทุ่ม เราไปเที่ยวไหว้พระที่วัดเจ็ดยอดกันดีกว่า..... แต่พอเอาเข้าจริงๆ จะถึงสี่แยกที่จะเลี้ยวไปวัดเจ็ดยอดอยู่แล้ว คุณแฟนเกิดอยากจะซื้อร่ม เลยเปลี่ยนใจกระทันหัน จากที่จะเลี้ยวขวาตรงสี่แยกเพื่อไปวัดเจ็ดยอด เราเลี้ยวซ้ายแทนเลยค่ะ ไปสันทรายเพื่อต่อไปสันกำแพง เราจะไปซื้อร่มที่บ่อสร้างกัน ^^ ![]() ขับรถไปตามป้ายบอกทางไม่ไกลค่ะ เรื่อยๆ จนไปถึงที่บ่อสร้าง ก็เลยได้รู้ว่า ที่บ่อสร้างมีงานพอดีค่ะ เดินหาซื้อร่มกันค่ะ สุดท้ายได้ร่มผ้าสีขาวขนาด 40 นิ้วในราคา 350 บาท ตั้งใจจะเอาไปวางไว้ที่มุมสนามหน้าบ้านค่ะ เดินช้อปปิ้งไม่นาน ดูเวลาใกล้จะทุ่มนึงแล้ว แบกร่มใส่ท้ายรถ ขับไปสนามบินดีกว่า แวะเติมน้ำมันรถให้เต็มถังก่อน ถึงสนามบินเชียงใหม่เวลาทุ่มเศษๆ คืนรถเช่าที่สนามบินเลยค่ะ เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นเราก็มาเช็คอินที่เคาท์เตอร์ โหลดร่มไปกับเครื่อง ส่วนเป้เสื้อผ้าสะพายขึ้นเครื่องเองค่ะ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง รอเวลาขึ้นเครื่องค่ะ นั่งรอที่ gate 6 เราเดินทางตอนสามทุ่มแน่ะ ขึ้นเครื่องไปได้แป๊บเดียว ได้รับของว่างกินกันต่ออีกค่ะ ^^ กินแซนวิชไม่ลงแล้วค่ะ เลยให้คุณแฟนจัดการแทน ![]() ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณสี่ทุ่มค่ะ กลับถึงบ้านประมาณห้าทุ่มกว่าๆ..... จนทริปเส้นทางสีชมพูแล้วนะคะ ความตั้งใจก่อนจะไปคือ ไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งเป็นประเด็นสำคัญ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เจอดอกนางพญาเสือโคร่งนิดเดียวเองค่ะ คุณแฟนแอบแซวว่า ตามหาเสือโคร่งกลายเป็นว่าเจอน้องแมวเหมียวแทน ^^ ถึงทริปนี้จะไม่มีดอกไม้สีชมพูให้ดูตลอดทาง แต่บรรยากาศที่ได้ไปเที่ยวในครั้งนี้ก็สีชมพูสดใสตลออดทริปเช่นกันจ้า ^^ ![]() |
chicken demon
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog
All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |