เที่ยวใต้ครั้งแรกในชีวิต.....ทริปกระบี่ - ทัวร์เกาะห้อง (วันที่สาม)
วันเสาร์ที่ 18 ต.ค. 51

ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม ลงมาทานมื้อเช้าตามเดิม





เพิ่งสังเกตุ....ขนมปังปิ้งเป็นรูปแมวเหมียวด้วย น่ารักดี





เติมพลังก่อนไปเที่ยว.....







หลังจากอิ่มท้องแว้ววว ก็มานั่งเล่นรอทัวร์มารับที่หน้าโรงแรมเหมือนเดิม

ประมาณแปดโมงครึ่งรถสองแถวเล็กของบาราคูดัสก็มารับค่ะ

ลงจากรถเค้าก็มาเก็บใบเสร็จพร้อมกับให้สติ๊กเกอร์สีเขียว

มาแปะที่เสื้อเรา ให้เป็นสัญลักษณ์เหมือนเดิม

วันนี้เราจะเดินทางด้วยเรือหางยาวหรือเรือหัวโทงค่ะ

คุณแฟนบอกว่า ชอบแบบนี้อ่ะ ดูคลาสสิคดี...





คลื่นลมสงบมากๆ เหมือนนั่งเรือในแม่น้ำเลย

นั่งเรือไปพักนึงก็ถึงที่เที่ยวจุดแรก....เกาะแดงค่ะ





เค้าให้ลงไปดำน้ำดูปลาประมาณ 40 นาที

เราไม่ลงเหมือนเดิม ปล่อยให้คุณแฟนดำน้ำ ดำผุดดำว่ายอยู่แถวๆ นั้น






นั่งคุยกับพี่ที่ขับเรือบอกว่า แถวนี้ถ้าโชคดีจะเจอฉลามด้วย

เราก็ตาโตเลยจิ...แฟนช้านอยู่ในน้ำ พอเราเริ่มจะโวยวาย

พี่ที่ขับเรือบอกว่า ฉลามไม่ดุ ฉลามพันธุ์ไม่ดุ ไม่ต้องกลัว

เอ๋า...ก็แหม...เล่นพูดซะ..ตกใจหมดเลย..





ขึ้นจากการดำน้ำที่เกาะแดง เราก้นั่งเรือไปต่อกันที่เกาะไร่





เกาะไร่อยู่ใกล้กับเกาะผักเบี้ย เรือจอดให้เล่นน้ำที่เกาะผักเบี้ยค่ะ





ที่เกาะผักเบี้ยทรายไม่ขาวเหมือนที่อ่าวมาหยา

แต่คนน้อยดีค่ะ มีเกาะรูปร่างแปลกๆ เหมือนเห็ดเลย





เกาะผักเบี้ยในมุมต่างๆ







ก่อนขึ้นเรือไปเที่ยวต่อ ไกด์ถ่ายรูปคู่ให้ค่ะ ชอบมุมนี้อ่ะ





มุมนี้คล้ายทะเลแหวก







เรือไปต่อที่เกาะลาดิง....สวยมากกกกกก

เป็นเกาะที่มีจุดถ่ายรูปอย่างเยอะเลยค่ะ

คุณแฟนถ่ายรูปซะ..หลายมุม...หลายรูป















บนเกาะค่ะ




แวะทานข้าวมื้อเที่ยงกันที่นี่ด้วยค่ะ

เป็นข้าวกล่อง เมนูน่องไก่เล็กทอด 1 ชิ้น ผัดผักรวมมิตร ผัดพริกหมูสับ

รสชาติอาหารโอเคค่ะ ใช้ได้ๆๆ





ได้เวลาออกจากเกาะลาดิง เราก็ไปต่อกันที่ลากูนค่ะ

เรือแล่นไปช้าๆ ทุกคนในเรือ กดชัตเตอร์กันมือระวิงเลย





สวยอ่ะ ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะมาก





นั่งเรือวนๆ ในลากูน







ซักพัก เรือก็แล่นต่อไปที่เกาะห้องค่ะ





นักท่องเที่ยวที่เกาะห้องเยอะอยู่เหมือนกัน

เรือจอดให้เล่นน้ำที่นี่ประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ





เราก็เลยได้ลงไปว่ายน้ำเล่นเพราะน้ำไม่ลึกมาก

มีปลาว่ายมาอยู่รอบๆ ตัวเราเยอะอยู่เหมือนกัน

แต่ไม่มากเท่ากับเมื่อวานนี้ เล่นน้ำอยู่ซักพัก





จนบ่ายสามก็เริ่มออกเดินทางกันต่อค่ะ

ที่เกาะห้องเป็นจุดสุดท้ายของทริปนี้

ขากลับต้องไปที่ไร่เลย์เพื่อไปส่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พักที่นั่นค่ะ

มีรีสอร์ทชื่ออะไรก็จำไม่ได้เหมือนกัน..แหะๆๆ

อยู่ในมุมสงบดีนะคะ ดูเป็นส่วนตัวดี

แต่ดูแล้วท่าทางจะหาของกินยากอยู่เหมือนกัน เพราะอยู่ในนั้น

คงออกมาเดินเล่นไปร้านโน้น ร้านนี้ อย่างที่เราชอบทำคงไม่ได้เพราะไม่สะดวก






มาถึงฝั่งประมาณสี่โมงเย็น วันนี้ไม่ขึ้นสองแถวของทัวร์กลับโรงแรม

ขอเดินเล่นกลับโรงแรมเองดีกว่า เรื่องของเรื่อง...คุณแฟนเริ่มหิวค่ะ

ข้าวกล่องมื้อกลางวันท่าทางจะเอาไม่อยู่ซะแล้วววว

แวะ 7/11 ซื้อมาม่าคัพ + นม + ขนม มาเป็นเสบียงตุนไว้ดีกว่า

และแล้วพอมาถึงโรงแรมก็จัดการต้มมาม่าได้เลย

ที่โรงแรมมีกาน้ำร้อน กาแฟ เตรียมไว้ให้ฟรีอยู่แล้วในห้องพัก สะดวกดีค่ะ





รองท้องก่อนมื้อเย็นค่ะ





จัดการทำธุระส่วนตัว อาบน้ำสระผม

เปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาเดินเล่น รอดูพระอาทิตย์ตกทะเลที่ชายหาดค่ะ





ชายหาดอ่าวนางอยู่หน้าโรงแรม





เดินเล่น นั่งเล่นที่ชายหาดจนเย็น





พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วค่ะ









พระอาทิตย์ตกทะเลไปแว้วววว...

เริ่มได้เวลามื้อเย็น (อีกแระ) เรียกรถซาเล้งไปร้านเดิมเลยค้าบ...ครัวธารา

คุณแฟนอยากกิน...แกงส้มปลาทราย

อร่อยแบบ...ประทับจิต ประทับใจจริงๆ

น้ำแกงรสชาติดีมาก ยอดมะพร้าวอ่อนในแกงส้มก็อ่อนจริงๆ

เสียอย่างเดียว...เผ็ดไปนิ้ดดด แต่เข้าใจค่ะ แกงส้มปักษ์ใต้ ไม่เผ็ดได้งัย

ใช่มะ...เล่นเอาปากสุกกันไปข้างนึงเลย แต่ไม่ยอมแพ้กันเลยนะเพราะอร่อยจริงๆ





สั่งกุ้งทอดกระเทียมมาต่อเพื่อแก้เผ็ด

อร่อยดีค่ะ ที่ร้านบอกว่าถ้าไม่สั่งกุ้งกุลาหรือกุ้งแชบ๊วยที่โลละ 800 บาท

ก็สั่งกุ้งเล็กทอดกระเทียมมาก็ได้ค่ะ จานละร้อยเท่านั้นเอง

โอเค๊...พอมาสั่งมา แหมคิดว่าจะเล็ก จริงๆ ก็ไม่เล็กหรอกนะนั่น

กุ้งขนาดกำลังดีสำหรับเราเลยแหล่ะ อร่อยค่ะ ใช้ได้ๆ





ตามด้วยหมึกไข่ย่างค่ะ น้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่เด็ดจริงๆ เล้ย





ปิดท้ายด้วยปูนิ่มผัดพริกไทยดำค่ะ





ข้าวเปล่าอีก 2 + น้ำอัดลมเช่นเคย

มากินมื้อนี้ค่าเสียหายกับข้าว 4 อย่าง ราคา 550 บาทค่ะ

ทานข้าวเสร็จก็นั่งรถซาเล้งไปลงที่หน้าโรงแรม

แวะซื้อโรตีแถวหน้าโรงแรมเป็นของหวานตบท้าย

ก่อนขึ้นห้องพักเตรียมตัวเที่ยวในวันพรุ่งนี้ค่ะ




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 3:26:06 น.
Counter : 1561 Pageviews.

0 comment
เที่ยวใต้ครั้งแรกในชีวิต.....ทริปกระบี่ - ทัวร์เกาะพีพี (วันที่สอง)
วันศุกร์ที่ 17 ต.ค. 51

ตั้งนาฬิกาตื่นตอนหกโมงเช้า ทำธุระส่วนตัว

ก่อนลงไปทานมื้อเช้าแบบ ABF ที่ทางโรงแรมจัดให้รวมกับค่าห้องแล้ว





อยากทานอะไรก็สั่งเอาค่ะ ทั้งไข่ดาว ออมเล็ต ไข่ลวก

ต่อด้วยมุมอาหารทั่วไป ก็มี เบคอน ไส้กรอก ขนมปังชุบไข่

มุมสลัดอยู่ถัดไป มีผักไม่เยอะมากเหมือนโรงแรมใหญ่ๆ แต่ก็โอเค..ใช้ได้ค่ะ

ต่อด้วยมุมขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ ซีเรียลต่างๆ น้ำสับปะรด น้ำส้ม นมสด

และผลไม้ มีกล้วย กับมะละกอค่ะ

อาหารมีให้เลือกไม่เยอะ แต่รวมๆ ดูแล้วถือว่าโอเคนะคะ สำหรับโรงแรมเล็กๆ แบบนี้





ทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวรอทัวร์มารับ

ไปเที่ยวทะเลที่หน้าโรงแรมตอนแปดโมงเช้าค่ะ

วันนี้มีโปรแกรม....ทัวร์พีพี...





รถสองแถวเล็กมารับพาเราไปที่หน้าออฟฟิศของบาราคูดัส

ความจริงเดินไปก็ได้ค่ะ เพราะบาราคูดัสอยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมที่พักหน้าอ่าวนางเลยค่ะ

ไปถึงบาราคูดัสก็ยื่นใบเสร็จให้พนักงาน

เค้าเอาสติ๊กเกอร์สีฟ้ามาแปะให้เราเป็นสัญลักษณ์

ก่อนจะพาเราลงเรือสปีดโบ้ท มุ่งหน้าไปที่แรก...ถ้ำไวกิ้ง...





ก่อนมาภาวนาอย่าให้ฝนตกเลย แล้วก็ปรากฎว่าวันนี้ฟ้าใสมากๆ ค่ะ

แวะถ่ายรูปที่ถ้ำไวกิ้งแป๊บนึง ก่อนจะออกเรือต่อมุ่งหน้าไปจุดที่สอง..ปิเละ





เป็นที่ฮือฮาคนบนเรือมากๆ สวยสุดๆ เลยอ่ะ เคยเห็นแต่ในหนังสือ+ทีวี

พอมาเจอของจริง สวยมากๆๆๆ

จุดนี้ได้แวะจอดเรือดำน้ำประมาณ 40 นาทีค่ะ





เราไม่กล้าลงเพราะว่ายน้ำไม่เป็น ถึงจะมีเสื้อชูชีพให้ก็เถอะ..แต่กลัวอ่ะ

ใจไม่กล้าพอเลยได้แต่ถ่ายรูปชมวิวอยู่บนเรือ





ถ่ายรูปคุณแฟนที่ลงไปดำผุดดำว่ายดูปลาเป็นฝูงๆ แทน





ปลาเยอะจริงๆ ค่ะ นักท่องเที่ยวต่างชาติตื่นเต้นกันใหญ่

ความจริงอย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเลย..

นักท่องเที่ยวไทยอย่างเรา + อีกครอบครัว ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน





ถึงเวลาไกด์เรียกขึ้นเรือแล้วเราก็ไปกันต่อ





ที่สุดฮิต...อ่าวมาหยา...





แวะเที่ยวที่นี่ประมาณชั่วโมงนึงค่ะ ประชาชนที่อ่าวมาหยาประมาณแสนสอง (เวอร์ซะ..)

คนเยอะมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้นเลยค่ะ

คงเพราะเราไปวันศุกร์ด้วยมั้งคะ ไม่ใช่วันหยุดเลยไม่ค่อยมีคนไทย





อ่าวมาหยา น้ำทะเลสีสวย ทรายสีขาว ฟ้าใสสุดๆ






ไกด์พาเดินขึ้นเขาไปนิดนึง บอกว่ามุมถ่ายรูปอยู่ตรงนี้ค่ะ

จะได้มุมเหมือน Postcard แบบไม่ติดคนมาอ่ะ





ต่อจากอ่าวมาหยาก็ใกล้เที่ยงพอดี ได้เวลาไปต่อกันที่เกาะพีพี

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่ พีพีดอน (หรือป่าวหว่า) แหะๆ ความจำสั้นอ่ะค่ะ





ไปทานข้าวเที่ยงแบบบุฟเฟต์ที่ทางทัวร์จัดไว้ให้

มีเมนูสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ เรากินไม่ได้เพราะไม่กินเนื้อ

แต่คุณแฟนบอกว่า อร่อยมากๆ

หรือเพราะเหนื่อยจากการดำน้ำดูปลามากหรือเปล่าก็ไม่รู้....อิอิ

ข้าวเปล่า ต้มยำทะเล ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด (อันนี้เราชอบ..อร่อยดี)

ปลาสามรส ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผัดผักรวมมิตร

ผลไม้ คือสับปะรด + แตงโม และน้ำเปล่า ชา กาแฟ





อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ เลยกินกันซะ..เต็มที่เลย





มีเวลาพักบนเกาะพีพีประมาณชั่วโมงนึง

หลังจากทานข้าว+กาแฟเสร้จแล้ว ก็เลยเดินเล่นในตลาดบนเกาะค่ะ

นักท่องเที่ยวต่างชาติฮือฮาร้านสบู่แกะเป็นดอกไม้มากๆ

ยืนมุงที่หน้าร้านจนเราคิดว่าเค้าแจกของหรือนั่นเลยเชียว

ส่วนมากร้านค้าบนเกาะมีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินะคะ

เพราะราคาแพงเอาการอยู่เหมือนกัน





อากาศตอนเที่ยง แดดร้อนมากๆ ในใจแอบคิด..

เป็นงัยล่ะ กลัวฝนดีนัก ไม่เจอฝนแต่เจอฟ้าใสชนิดเมฆยังไม่มี

ร้อนตับแลบแดดออกเปรี้ยงๆ กันทีเดียวเชียว





อยากแวะกินเค้กเป็นของหวานล้างปากเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา

เดินเล่นแป๊บเดียว ไม่ไหว..ร้อนขนาด เลยแวะเข้าห้องน้ำบนเกาะ ไม่เสียเงินนะคะ

แล้วก็เดินขึ้นไปรอคนอื่นๆ บนเรือต่อดีกว่า หลบแดดอ่ะค่ะ






ทัวร์พาไปดำน้ำกันต่อที่เกาะกลาง อยู่กลางทะเลเลยค่ะ

ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมัวหลบแดดนั่งดูคุณแฟนดำน้ำอยู่บนเรือ

คุณแฟนบอกว่า ที่ปิเละปลาเยอะกว่า เราก็เลยอยู่ที่นี่กันแป๊บเดียว





แล้วไปต่อที่เกาะไผ่ เป็นที่สุดท้ายค่ะ..





น้ำทะเลที่นี่สีสวยมากกก น้ำใสสุดๆ

แต่ดูไป..ดูมา..คล้ายเกาะล้าน ที่พัทยาเหมือนกันนะคะ

จะแตกต่างกันก็ตรงที่เกาะไผ่มีปลามากๆ แม้กระทั่งชายหาดยังมีปลาเลยอ่ะ





ที่นี่เป็นชายหาด เล่นน้ำตื้นได้เราเลยไม่กลัว อิอิ

ได้ลงเล่นน้ำที่นี่ค่ะ พร้อมกับได้ซ้อมดำน้ำดูปลาเป็นครั้งแรกด้วย

เพราะปลาเยอะจัด..เวลาที่เราลอยตัวปลามาว่ายมาชนตัว ชนหน้า

คุณแฟนแกล้งเอาขนมล่อปลามาวางไว้บนหัวเราอีกตะหาก

ปลาเลยว่ายมาตอดที่ผม เล่นเอาเรากรี๊ดซะ..ฝรั่งหัวเราะกันตรึม..

เอ้า..ก็คนตกใจนี่นา ถึงจะมีหน้ากากก็เหอะ แต่ปลาว่ายมาตอดหน้าแบบนี้ ตกใจง่ะ..





อยู่ที่เกาะไผ่ประมาณชั่วโมงครึ่ง จนบ่ายสามกว่าๆ ไกด์มาเรียกขึ้นเรือเพื่อกลับฝั่งค่ะ





ถึงฝั่งประมาณสี่โมงเย็น รอรถสองแถวมารับเพื่อไปส่งที่โรงแรม

ไปถึงก็อาบน้ำอาบท่า สระผม พักผ่อนกันแป๊บนึงแล้วก็ได้เวลามื้อเย็นกันต่อ....

เรียกรถซาเล้งไปที่ร้านครัวธารา ร้านดังของห้องบลู

บรรยากาศในร้าน..กำลังปรับปรุงซ่อมร้านอยู่

เรานั่งอยู่ที่ชั้นล่าง ถ่ายวิวชั้นบนมาค่ะ





ไม่พลาดเมนูแนะนำ

....หอยชักตีนลวก อร่อยดีค่ะ น้ำจิ้มสุดยอดดด

ผัดผักเหลียงกุ้งเสียบ คุณแฟนบอกว่า อร่อยอ่ะ กินเพลินคนเดียวหมดจานเลย





ตามด้วย..หมึกไข่นึ่งมะนาว..อันนี้รสไม่จัดอ่ะ

เราเคยกินรสจัดกว่านี้ เลยเฉยๆ แต่ที่ร้านนี้ไข่ปลาหมึกเยอะมากๆ





คุณแฟนอยากกินอะไรๆ ที่เป็นทะเลแบบรวมๆ เลยสั่งทะเลผัดฉ่ามาอีกจาน..





ต่อด้วยนางเอกของวันนี้ น้องปูทะเลนึ่งค่ะ

สั่งมาตัวใหญ่ๆ ตัวเดียวไปเลย





สั่งข้าวเปล่าอีก 2 + น้ำอัดลม

กับข้าว 5 อย่าง...กินกันสองคน...อิอิ แบบว่า อิ่มจนจุกไปเรย

ไอ้นู่นก็อยากกิน ไอ้นี่ก็อยากกิน เลยสั่งมาซะ

แต่ทุกอย่างก็หมดในพริบตา เพราะคุณแฟนถือคติ ท้องแตกดีกว่าของเสีย..





ค่าเสียหายมื้อนี้ 730 บาท...กินอลังการงานสร้างกันตั้งเยอะ จ่ายยังไม่ถึงพันเร้ยย

ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ตอนแรกว่าจะนั่งซาเล้งกลับไปที่อ่าวนางแวะกินไอติมซักหน่อย

แต่ไม่ไหวแล้วอ่ะ อิ่มจริงๆ เลบให้รถมาส่งที่หน้าโรงแรมดีกว่า ค่ารถคนละ 30 บาทค่ะ

เดินมาเรียกแถวๆ หน้าร้านอาหารได้เลย





พอมาถึงที่หน้าโรงแรม คุณแฟนเป็นโรคต้องดื่มนมก่อนนอน

เด็กอนามัยจริงๆ....เลยเดินเล่นย่อยอาหารไปทางหาดอ่าวนาง

เพื่อไป 7/11 แถวหน้าโรงแรมเกือบจะถึงออฟฟิศทัวร์บาราคูดัสแล้ว

เพราะอยู่ใกล้กันนิดเดียว แวะซื้อขนม + นม ที่ 7/11

ขากลับเดินผ่านข้างทางขายโรตี คุณแฟนเลยต่อโรตีอีก..สามารถจริงๆ

กลับมาที่โรงแรม ล้างหน้าล้างตาชงกาแฟที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้

เป็นการกินกาแฟตบท้ายมื้อเย็น นอนดูทีวีแป๊บเดียวเผลอหลับไปเลยไม่รู้ตัว....



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 3:25:43 น.
Counter : 1899 Pageviews.

0 comment
เที่ยวใต้ครั้งแรกในชีวิต.....ทริปกระบี่ (วันแรก)
ยังคงอยู่ในโหมด.....ย้อนเวลาหาอดีต

วันพฤหัสที่ 16 ตุลา 51

.....ตื่นตั้งแต่ตีห้า (วันทำงานยังไม่เคยตื่นเช้าเท่านี้เลย..ให้ตายเหอะ)

แต่เรื่องเที่ยวไม่ต้องเป็นห่วง....ถึงไหน ถึงกัน เช้าแค่ไหนก็สามารถค่ะ

Check in ที่สนามบินตอนหกโมงเช้า

กว่าจะบินจริงๆก็ไฟล์ทแปดโมงเช้านู่นแน่ะ

ก็เลยได้โอกาสเดินเล่นเย็นใจนั่งรออยู่ที่สนามบิน

มองไปมองมามีแต่คนต่างชาติทั้งนั้นเลย..

แอบถ่ายคุงแฟนที่สนามบิน รอขึ้นเครื่องค่ะ





ไปถึงสนามบินกระบี่เวลาประมาณ 9.30 น. ไปติดต่อรถเช่าที่เคาท์เตอร์ในสนามบิน

ได้ของบริษัท National เป็นรถแจ๊สสีบรอนซ์....คุณแฟนถูกใจมากๆ เพราะปกติขับรถแจ๊สอยู่แล้ว

คุยกับพี่ที่เคาท์เตอร์ พี่เค้าพูดจาดี๊..ดีค่ะ อธิบายเส้นทางกระบี่กันเราหลงทาง

แต่เราสองคนก็หลงทางกันจนได้...อิอิ.. ส่วนเรื่องเช่ารถไม่ต้องมีเงินประกันอีกตังหาก

ตกลงกันว่า เช่ารถวันเดียว แล้วพรุ่งนี้พี่เค้าจะส่งคนไปรับรถที่โรงแรมตอนเช้า

.....รถคันนี้แหล่ะค่ะ...ที่พาเราเที่ยวกระบี่ในวันแรก





พอได้รถเช่าแล้วก็ขับรถตามแผนที่ + พี่ที่เคาท์เตอร์รถเช่าบอกทางมา

ตรงดิ่งไปไหว้พระที่วัดถ้ำเสือเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเลยค่ะ





เข้าไปไหว้พระที่เป็นศาลาในถ้ำมาด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

ชวนคุณแฟนขึ้นไปชมวิวบนเขา..

แต่คุณแฟนส่ายหน้าดิกๆ เมื่อแหงนหน้าดูยอดเขาที่มีจุดชมวิว

พร้อมกับพระอาทิตย์ที่กำลังส่องหน้าตอนเวลาสายๆ..

สุดท้ายเลยเดินเที่ยวในวัด มีงานไหว้เจ้าแม่กวนอิมพอดี





ที่นี่มีลิงเยอะมากๆ..คุณแฟนถ่ายรูปลิงมา ไม่วายหันมากัดเราว่า..

ดูลิงที่นี่ดิ โพสต์ท่าเก่งกว่าคนอีก พอยท์เท้าจิกตามองกล้องเก่งกว่าเราอีกแน่ะ..ชิ





ไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ

จริงๆ ตั้งใจจะไปกินขนมจีนร้านโกจ้อย ที่เหนือคลอง

จากที่ได้เคยอ่านกระทู้ของพี่ๆ ที่รีวิวมาก่อนหน้านี้อ่ะค่ะ

แถมพี่ที่เคาท์เตอร์รถเช่าก็แนะนำมาว่า อย่าพลาดขนมจีนร้านนี้เลยเชียว

สุดท้าย...หาไม่เจอค่ะ..แป่วว ไม่เป็นไร ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่

ค่อยหาของกินเอาข้างหน้าแระกัน (เริ่มปลอบใจตัวเอง + ปลอบใจคุณแฟนไปพลางๆ)

คุณแฟนขับรถตามแผนที่ไปเรื่อยๆ จนถึงคลองท่อม..

เป้าหมายของเราคือ..น้ำตกร้อนค่ะ..ไกลอยู่เหมือนกันนะนี่

ไกลจนแอบคิดไปว่า...เราจะออกไปนอกจังหวัดกระบี่กันไหมล่ะนั่น แลดูไกล๊..ไกล..

แต่หาไม่ยากค่ะ เพราะข้างทางมีป้ายบอกทางตลอด

จนในที่สุด..ก็มาถึงน้ำตกร้อนจนได้..





ถนนเล็กๆ ก่อนเดินไปถึงน้ำตกร้อน เดินไม่ไกลเท่าไหร่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว





แวะถ่ายรูปกันแป๊บเดียว ไม่ได้เล่นน้ำเพราะคนเยอะอยู่เหมือนกัน

ขนาดของน้ำตกก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่คนทะลักทะลาย....

ถ่ายรูปกันเสร็จ เลยชวนกันเดินกลับไปที่รถออกเดินทางไปสระมรกตกันต่อดีกว่า...





วิวสองข้างทางเป็นป่า มีต้นไม้สวยๆ ให้แวะถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ





เราก็อุตส่าห์คะยั้นคะยอให้เลือกเดินเส้นทาง 1400 เมตร

จะได้มีที่ถ่ายรูปเยอะๆ เพราะเห็นว่าเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ





แต่คุณแฟนยืนยัน..นั่งยัน..ว่าไม่ๆๆ จะเลือกจะเดินระยะทาง 800 เมตร

เวลาเที่ยงๆ แบบนี้ 1400 เมตรเห็นจะไม่ไหวเอานะนี่..

แต่ถึงจะเลือกเส้นทางสั้นๆ 800 เมตร..แต่ก็เล่นเอาเราสองคนเหนื่อยไม่เบา..





สระมรกต....เหมือนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ๆ

ท่าทางจะลึกเหมือนกันนะคะ เด็กๆ เล่นน้ำกันเยอะมากๆ

อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอมด้วย ก็เลยมีเด็กๆ มาเล่นน้ำเยอะอยู่เหมือนกัน





ออกจากสระมรกตจะไปตามหาร้านโกจ้อยต่ออ่ะค่ะ

เลยแวะซื้อน้ำเป๊บซี่ที่ปากทางเข้าสระมรกต

กะจะถามทางพี่เค้าด้วยว่า รู้จักร้านโกจ้อยมั๊ยคะ

พี่เค้าหน้าตาแอบดุ แลดูโหดๆ แต่ตอนนั้นอารมณ์หิวแล้วง่ะ เลยไม่กลัวแระ

พอเอ่ยปากถามออกไป พี่เค้าก็ตอบมาแบบสำเนียงใต้สุดฤทธิ์

อ้ายเรารึ..ก็พยายามทวนคำพูดพี่เค้าช้าๆ พี่เค้าก็ยิ้ม..ชนิดเห็นฟันขาวมาเลย

ทำเอาเรายิ้มตาม..คนหน้าดุๆ เวลายิ้มนี่ แลดูโลกสดใสในพริบตาเลยนะนั่น

คุยกันอยู่นาน สุดท้ายพี่เค้ากลัวเราจะหลงทาง บอกเราว่ารอแป๊บนะ

แล้วพี่เค้าก็วิ่งไปถามเพื่อนคนที่พูดสำเนียงไม่ใต้มากนักมาช่วยอธิบายทางให้เราอีกแน่ะ

ทำเอาเรากับคุณแฟน อมยิ้มเลย ในความพยายามบอกทางของพี่เค้า..

สุดท้ายเราสองคนก็ไปถึงร้านโกจ้อยจนได้ค่ะ แต่พอไปถึง...ร้านปิด...

โอ้ว...พระเจ้า...คราวนี้ทำงัยดีล่ะเนี่ย..แผนสองไม่มี

ขับรถเข้าเมืองไปหาไรกินแระกัน ตามแผนในทริปกะจะมากินที่ร้านเรือนไม้มื้อเย็น

ไหนๆ ก็ไหนๆ แระ เปลี่ยนมาเป็นมื้อกลางวันตอนบ่ายสามแระกันนะ





ขับรถตามแผนที่เข้าเมืองมาเรื่อยๆ...สุดท้าย..

ไม่เจอร้านเรือนไม้ แต่เจอเขาขนาบน้ำแทน

ก็เลยจอดรถชมวิว ถ่ายรูปกันอีกพักใหญ่ๆ





ยืนกางแผนที่ริมสวนสาธารณะกับคุณแฟนอยู่สองคน

ดูไป..ดูมา..มีซอบสิบที่ติดกับธนาคารจะทะลุถึงสี่แยกคนโบราณได้...

หันมามองตากัน 10 วิ..เอาวะ ถึงไหนถึงกัน ลองขับรถชมเมืองเล่นแระกัน

พอขับทะลุมาเจอสี่แยกคนโบราณ รถติดไฟแดงพอดีเลยถามคุณป้าที่ขับมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างๆ

คุณป้าบอกว่า ขับรถตรงไปเลยหนู เลยสี่แยกนกอินทรีย์แป๊บเดียวชิดซ้ายได้เลย

เราก็ขอบคุณคุณป้าเรียบร้อยแล้วขับรถตรงไปตามที่บอกแบบงงๆ ว่า

เมืองกระบี่มีสี่แยกที่เป็นสัญลักษณ์ทุกแยกเลยเหรอนั่น แล้วก็พบความจริงว่า

ที่กระบี่มีสี่แยกนกอินทรีย์จริงๆ ด้วยอ่ะ นอกจากสี่แยกคนโบราณที่ว่าแปลกๆ แล้วนะ

พอไปถึงหน้าร้าน...ร้านปิดเวลาบ่ายสามอีกแล้วค้าบบบ

เอาล่ะสิ คราวนี้ทำงัยดี..เลยหันมาปรึกษาหารือกะคุณแฟนว่า

งั้นเราไป Check in ที่โรงแรมก่อนเลยแระกันนะ ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่อีกที..





โรงแรมอ่าวนางซันเซตค่ะ..

ขับรถตามแผนที่มาเรื่อยๆ มาอ่าวนางคราวนี้ไม่หลงแฮะ

รูปโรงแรมตรงที่ทานข้าวเช้าค่ะ





โรงแรมเล็กๆ..แต่มีของใช้พื้นฐานครบนะคะ..ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว





มีสระว่ายน้ำด้วยค่ะ ขนาดเล็กๆ





ในห้องพักตามมุมต่างๆ















ห้องน้ำค่ะ..เสียอย่างเดียว ไม่มีสายฉีดชำระ





ไม่มีอ่างอาบน้ำให้นะคะ มีแต่ผ้าม่านกันน้ำกระเซ็น (แต่กันไม่ได้อ่ะ น้ำเปียกกระจาย)

ในห้องน้ำมีของใช้ครบค่ะ น้ำอุ่น แชมพู ครีมนวด สบู่ หมวกคลุมผมอาบน้ำ





หลังจากที่เช็คอินที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็โทรหาทัวร์บาราคูดัสที่ติดต่อไว้ก่อนมา

คอนเฟิร์มเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ได้เวลาเดินหาของกินดีกว่า...

ตัดสินใจอยู่นานว่าจะทานข้าวที่ไหนดี สุดท้ายเลยเลือกร้านเยื้องๆ กับโรงแรม

แต่จำชื่อร้านไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย แบบว่าหิวจัด

สั่งข้าวราดปลาหมึกกระเทียม กับข้าวราดทะเลกระเทียม + น้ำเปล่า 2

กะจะกินรองท้องไว้ก่อนมื้อเย็น ก่อนมาเที่ยว...ทำใจไว้อยู่เหมือนกันว่า

อาหารการกินที่นี่คงแพงน่าดู พอกินเสร็จเรียบร้อยเรียกเค้ามาคิดตังค์..

ทั้งหมด 90 บาท...ข้าวจานละ 45 บาท...โอ้ว พระเจ้า เล่นเอาตกใจเลยอ่ะ

เพราะถูกกว่าที่คิดไว้มากมาย เห็นที่เมนูหน้าร้านติดไว้จานละ 100++

น้องในร้านบอกว่า...ราคาคนไทยค่ะพี่..(แล้วก็ส่งยิ้มหวานมาให้เรา 1 ที)

อึ้งค่ะ..มื้อแรกที่กระบี่...เล่นเอาประทับใจไปเลย..





หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว แดดยังร้อนอยู่ ฟ้าใสมากๆ ไม่มีเค้าฝนเลยซักนิด

เลยกลับโรงแรมก่อนดีกว่า ล้างหน้าล้างตานอนพักแป๊บนึงจนถึงช่วงเย็นๆ

นึกขึ้นมาได้ว่า พรุ่งนี้ตอนคืนรถเช่าต้องเติมน้ำมันคืนพี่เค้าด้วยอ่ะ

เพราะตอนที่รับรถพี่เค้าเติมน้ำมันมาให้เต็มถังเลย

ก็เลยลงไปถามน้องพนักงานของโรงแรมว่า ปั๊มน้ำมันอยู่แถวนี้มีมั๊ยคะ

น้องเค้าบอกว่า ใกล้ๆ โรงเรียนกระบี่อ่ะพี่ ขับรถไปทางเข้าเมืองอ่ะค่ะ

เราก็...โอเค๊...ลุยต่อ...ขับไปเรื่อยๆ..สุดท้าย..หลงอีกแล้วค้าบพี่น้องงง

ขับไป ขับมา จนหวั่นๆ ว่าจะออกนอกเมืองอีกไหมล่ะนั่น

สุดท้าย...วนไปมาท่าไหนไม่รู้แต่มาโผล่ที่เขาขนาบน้ำเหมือนเดิม..

เห็นเขาขนาบน้ำแล้วดีใจสุดฤทธ์เพราะหลงทางมาที่เดิมที่หลงเมื่อตอนกลางวัน

เลยมองหาซอยสิบเลี้ยวเข้าไปทางเดิมเป๊ะๆ เจอสี่แยกคนโบราณเช่นเดิม

ก็เลยแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มเชลล์แถวนั้นซะเลย

ไหนๆ ก็ขับมาในเมืองขนาดนี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจทานข้าวเย็นที่ร้านเรือนไม้เลยแระกัน

มาร้านได้อย่างเป๊ะๆ ไม่หลงทาง (เพราะหลงมาแล้วเมื่อตอนกลางวัน)

สั่งอาหารตามเมนูยอดฮิตของห้องบลูเลยค่ะ

...น้ำพริกกุ้งเสียบ...อร่อยแบบ..เป็นน้ำพริกกุ้งเสียบที่อร่อยที่สุดในโลกเลยอ่ะ จริงๆ นะ

กินกับใบมะม่วงหิมพานต์ แตงกวา ใบบัวบก ใบมันปู...เข้ากันสุดๆ เลย

ต่อด้วยต้มยำทะเล รสชาติธรรมดา..ไม่จัดจ้านเท่าไร แต่กุ้ง+ปลาหมึกสดมากๆ

และก็มีปลาอินทรีย์ทอดซีอิ๊ว หวานๆ กินแก้เผ็ดค่ะ

ข้าวเปล่าอีก 2 น้ำเปล่า + น้ำอัดลม

ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะหิวแล้ว เลยถ่ายไม่ทันแระ

บรรยากาศในร้านสวยดี ตอนแรกคิดว่านั่งทานข้าวอยู่แถวๆ ภาคเหนือซะอีก

เพราะตกแต่งร้านสไตล์ไม้ๆ ร้านบรรยากาศดี อาหารอร่อยและราคาไม่แพงเลย

เพราะคิดราคามาแล้ว 360 บาทค่ะ อึ้ง...รอบที่สองอีกแล้วค้าบพี่น้อง....

หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ....คิดอยู่ว่าจะกลับโรงแรมที่อ่าวนางยังงัยล่ะเนี่ย

เพราะขาไปโรงแรมตอนแรก..ก็ไปอีกทาง

ขากลับเข้ามาในเมือง..ก็มาโผล่อีกทาง

เอาล่ะสิ ถามน้องพนักงานในร้านเรือนไม้

น้องๆ อธิบายทางจนในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่า กลับทางเดิมทางแรกนั่นแหล่ะ

ที่ต้องผ่านโรงแรมคริสตัลแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ทะลุอ่าวนางเอง

และในที่สุด..ก็มาถึงจนได้...แอบหลงนิดหน่อยแต่กลับมาทันถูกทางพอดี

เฮ้อ..กว่าจะมาถึงโรงแรมอย่างเรียบร้อย เล่นเอาลุ้นๆ เรื่องขับรถหลงทางเลยนะนี่

แต่ก็สนุกดีเหมือนกันค่ะ เหมือนได้สำรวจเส้นทางไปในตัว

มาคราวหน้ากะจะพาครอบครัวมาเที่ยวด้วย คราวหน้าคงไม่หลงแระ



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 3:25:11 น.
Counter : 1337 Pageviews.

0 comment
ลัลลา.....เกาะล้าน.....
นั่งรำลึกความหลัง.....ย้อนอดีตไปเมื่อปี 50.....

.....วันเสาร์ที่ 16 มีนา 50

ตื่นแต่เช้า ตีสี่ครึ่งเพื่ออาบน้ำแต่งตัวรีบไปเอกมัย

สมัยนั้นยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง ไปไหนมาไหนรถประจำทางตลอด

นั่งรถทัวร์ เอกมัย-พัทยา ของ บ.รุ่งเรืองทัวร์ เวลา 05.40 น.

ราคาค่ารถ 117 บาท/คน ถึงพัทยา 07.30 น

เดินมาขึ้นรถสองแถวที่จอดรอในท่ารถเลย

บอกคนขับสองแถวว่า ไปท่าเรือเกาะล้าน ค่ารถสองแถว 30 บาท/คน

นั่งรถสองแถวได้แป๊บเดียว ถึงท่าเรือแหลมบาลีฮาย

คุณลุงคนขับรถสองแถวจอดซะ..แทบจะเกยขึ้นเรือเลยทีเดียว

ดูเวลาเรือออก ท่าหน้าบ้านเวลา...10.00 น.

แต่เวลาที่ยืนอยู่ที่ท่าเรือ เกือบจะแปดโมง.....

เอางัยดี..หันรีหันขวางกะคุงแฟนอยู่สองคน

สุดท้ายตัดสินใจได้...กระโดดลงเรือไปหาดตาแหวนแทนแล้วกัน

เวลาเรือออกไปหาดตาแหวนมีทุกชั่วโมง ค่าเรือ 20 บาท/คน

นั่งเรือจาก ท่าเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ - ท่าเรือหาดตาแหวน เกาะล้าน

ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ถึงหาดตาแหวนประมาณแปดโมงกว่าๆ





หาดตาแหวนยามเช้า..





เดินไป..เดินมา แดดร้อนมั่กๆๆ

เลยว่าจะหาร้านอาหารทานข้าวเช้า แต่.....

มีแต่นักท่องเที่ยวเกาหลี จีน เยอะมั่กๆๆ

จนหาร้านทานข้าวเช้าไม่ได้เรย..

ว่าแล้วหลบแดด นั่งมอเตอร์ไซค์กลับที่พักดีกว่า

ค่ารถมอเตอร์ไซค์จากหาดตาแหวน ไปท่าเรือหน้าบ้าน

ที่พัก..ลารีน่า รีสอร์ท & สปา ค่ารถ 20 บาท/คน





พอไปถึงที่พัก ยังเช็คอินไม่ได้เลยฝากของไว้ที่เคาท์เตอร์ก่อน

เดินเลยมาที่ร้านอาหารบริเวณท่าเรือหน้าบ้าน

แวะทานข้าวเช้าที่ร้านนี่เลยแล้วกัน

ขี้เกียจเดินหาแล้วอ่ะ เพราะแดดร้อนเจงๆๆ

สั่งอาหารมี ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวทะเล

คาปูชิโน่ 1 แก้ว เป๊บซี่ขวดนึง น้ำเปล่า 1 ขวด น้ำแข็ง 2 แก้ว

รวมค่าอาหารมื้อเช้า 135 บาท

ไม่แพงหรอกเนาะ...ตอนแรกคิดไว้เหมือนกันว่าอาหารจะแพง

แต่พอคิดเงินแล้วเก๊าะ...โอเค...พอรับได้ๆๆ

.............................................................

ทานข้าวเช้าแล้วก้อเลยเดินกลับที่พัก

แต๊ดแต๋ เดินเล่น นั่งเล่นในบริเวณรีสอร์ทรอเวลาเช็คอิน

ปล. คุณแฟนในสมัยโน้น หน้าตาละอ่อนมากมาย อิอิ





บริเวณที่นั่งเล่นรอในล็อบบี้ ลมเย็นมั่กๆๆๆ





หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นอ่านหนังสือรอเวลาเช็คอินจนเกือบหลับ

เวลาเที่ยงกว่าๆ น้องพนักงานที่รีสอร์ทเดินมาบอกว่า

เช็คอินได้แล้วค่ะพี่....โอ้...เหมือนเสียงสวรรค์เลยเชียว





เปิดประตูห้องพักเข้าไป.....

พูดได้ประโยคเดียวว่า ห้องพักสวยมั่กๆๆๆ

เป็นห้องพักที่ยื่นไปในทะเล นอนมองปลาว่าริมหน้าต่างได้เลย





ส่วนเตียงนอนกว้างๆๆ กับโคมไฟสวยๆๆ





บริเวณระเบียงห้องพัก กับ เตียงนอนเล่นดูปลาในน้ำ





เตียงนอนดูปลาริมหน้าต่าง..อีกมุมนึง





อีกซักมุมนึงงงงงงงง





โมบายริมหน้าต่าง...สวยมั่กๆๆ โรแมนติกสุดๆๆ





ยืนชมวิวริมหน้าต่าง...โดยมีคุงแฟนแอบถ่าย

ถ้าจำมะผิด แต่ก่อนโน้นในปี 48 น้ำหนักเราประมาณ 38-40 กิโล

พอปี 49 น้ำหนักพุ่งพรวดมาเป็น 45 อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เผลอกินขนมมากไปนิ้ดด

เห็นรูปตัวเองด้านหลังแล้วอนาจจิต...อ้วนเจงๆๆ เรย





นั่งเล่น นอนเล่น หลบแดดในห้องพักจนถึงบ่ายสาม





แล้วก็ได้เวลาแต๊ดแต๋นอกสถานที่รีสอร์ท

นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ( เช่นเดิม ) ไปหาดตาแหวนอีกรอบ

เพราะที่ไปมาเมื่อเช้า หาดสวย ทรายขาว น้ำใสมากก





น้ำใสจนอดใจไว้มะด้ายย ลงเล่นน้ำคนเดียว

เพราะคุงแฟนกลายเป็นช่างภาพ (จำเป็น) + เฝ้ากระเป๋าให้ด้วย





เล่นน้ำกับเด็กๆ ที่มาเล่นน้ำที่ชายหาด





ความใสของน้ำ.....เห็นเท้าคุงแฟนชัดมั่กๆๆ





วิวสวยๆ บนหาดตาแหวนยามเย็น พระอาทิตย์กะลังจาตกแย้วว





พระอาทิตย์ตกดินไปแย้วว เริ่มมองหาร้านอาหาร....ไม่มีเรย...แป่วววว

ถามพี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้คำตอบว่า มีร้านหมูกระทะบนภูเขาเจ้าเดียว ราคาคนละ 99 บาท

จิงๆ ก็อยากขึ้นไปชมวิวเหมือนกันนะ แต่ขากลับอ่ะ ทำงัยล่ะทีนี้

ไปๆ มาๆ นั่งมอเตอร์ไซค์กลับดีกว่า แล้วไปตาบเอาดาบหน้า

ร้านอาหารแถวท่าเรือคงบ้างล่ะน่า...( ปลอบใจตัวเองๆๆ )

..................................................................

นั่งรถกลับมาคนละ 20 บาท อีกเหมือนเดิมพร้อมกับเดินหาอะไรใส่ท้อง

เดินไปหน้าวัด อยู่ใกล้ๆที่พักอ่ะค่ะ เดิน 5 นาทีก็ถึง

พอดีขากลับจากหาดตาแหวนนั่งมอเตอร์ไซค์ผ่าน

เลยเดินเล่นย้อนกลับไปอีกที ถือโอกาสสำรวจเส้นทางด้วยเรย

ได้ยำปลาดูฟู 40 บาท โรตีกล้วยหอมใส่ไข่ 25 บาท

เดินย้อนกลับมาที่ท่าเรือเจอยายขายลูกชิ้น ไก่ทอด

ยายคุยเก่งมากๆๆๆๆ เป็นเจ้าบ้าน (เกาะ) ที่ดีมั่กๆๆ

แนะนำที่เที่ยวหลายที่เลย แต่น่าเสียดาย เรามาแค่สองวันเท่านั้นเอง

อุดหนุนไก่ทอดของยายเป็นปีกไก่เต็ม ราคาชิ้นละ 10 บาท.....

โอ้ว...พระเจ้า ทำไมถึงถูกเช่นนี้หนอ อร่อยมั่กๆๆ อีกตะหาก

เพราะยายทอดเดี๋ยวนั้นเลย ไก่เลยกรอบๆๆ ชนิด KFC ยังอาย

เดินต่อมาที่ร้านอาหารที่เป็นโต๊ะไม้บริเวณท่าเรือ

เห็นชาวต่างชาตินั่งอยู่หลายคน แต่ยังอยากได้กับข้าวเพิ่ม

ก้อเลยสั่งกับข้าวเป็นกล่อง ผัดกระเพราะกุ้ง+ปลาหมึก ราคา 80 บาท

ข้าวกล่อง 2 กล่อง ราคา 40 บาท (โหดมากกกกก)

เดินบ่นเล็กน้อยว่าข้าวเปล่าแพงจังงงงง

แต่พอได้ชิมผัดกระเพราะกุ้ง+ปลาหมึกแล้ว...

โอ้ววว ร้านนี้ แพงก้อแพงเต๊อะ...ยอมจ่าย อร่อยมากๆๆ





หน้าตาอาหารมื้อเย็น





หน้าตากุ้ง+ปลาหมึกตัวเป้งๆๆ น่ากินมั่กๆๆ





พอหนังท้องตึง..หนังตาเริ่มหย่อน..แต่ก่อนจะอาบน้ำนอน

ขอเดินเล่นชมวิวบริเวณรีสอร์ทยามค่ำคืนบ้างดีกว่า

เพราะเห็นทางรีสอร์ทตกแต่งบริเวณรีสอร์ทเป็นโคมไฟล้วนๆ

ท่าทางจะโรแมนติกไม่เบา...





กลับมานอนฟังเสียงคลื่นทั้งคืน เพราะใต้ถุนบ้านพักก็เป็นทะเลแย้ว

ตื่นแต่เช้าเพราะอยากนั่งดูทะเลยามเช้า

สวยมั่กๆๆ หมอกจางๆๆ เหนือทะเล สวยเจงๆ เรย

แต่ไม่มีปัญญาถ่ายรูปทะเลยามเช้าให้สวยได้อ่ะ

เพราะตื่นมาชมทะเลอยู่คนเดียว คุงแฟนหลับสบายมะยอมตื่นเรยย





สายๆ ประมาณเก้าโมงเช้า บริเวณที่นั่งเล่น นอนเล่นของรีสอร์ท

หรืออีกชื่อว่า ล็อบบี้ ( แบบ 'ติสท์ๆ ) ตั้งกระทะทอดไส้กรอก ไข่ดาวกันตรงนั้นเรย

เลยเดินมาปลุกคุงแฟนให้ล้างหน้า แปรงฟันไปทานอาหารเช้ากัน

อาหารเช้าเป็นแบบ ABF ไม่เต็มรูปตามแบบโรงแรมหรูๆ นะคะ

แต่อาหารก็โอเค ใช้ได้ เพราะทำเดี๋ยวนั้น ทอดเดี๋ยวนั้น ทานเดี๋ยวนั้นเลย

ที่รีสอร์ทห้องพักไม่เยอะ แขกไม่มาก แลดูไม่วุ่ยวายดีอ่ะค่ะ

เมนูมี ไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง เนยสด แยมผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำเปล่า

อาหารเช้าบริการฟรีค่ะ นั่งทานอาหารเช้าพร้อมชมวิวริมทะเลไปด้วย...มีฟามสุขเจงๆๆ

ประมาณสิบโมงกว่าๆ ได้เวลาเที่ยวเกาะกันดีกว่า...

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก้อเดินไปที่ท่าเรือหน้าบ้าน

มะวานเราไปเที่ยวหาดตาแหวนมาแย้ว...วันนี้เปลี่ยนบ้างดีกว่า

บอกมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปอีกหาดที่ขึ้นชื่อเหมือนกัน...หาดแสม....





ค่ารถ 50 บาท/คน

เพราะหาดแสมไกลจากท่าเรือหน้าบ้านมากกว่าหาดตาแหวน

แต่พอไปถึงแล้ว...ว่าหาดตาแหวนทรายสวย น้ำใสแล้วนะ

หาดแสมก็ใช่เล่นนะนี่ คนไม่พลุกพล่านดีด้วย






น้ำใสจนสุดท้าย...คุงแฟนอดใจไว้ไม่ได้ขอลงเล่นน้ำด้วยคน

ถามพี่เจ้าของเก้าอี้ผ้าใบว่า มีล็อคเกอร์ฝากของให้เช่ามั๊ยคะ

ได้คำตอบว่า มีค่ะ ค่าเช่า 50 บาท/วัน

ส่วนเก้าอี้ผ้าใบที่มีเบาะรองนุ่มๆ ( ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ ) ราคา 30 บาท/วัน

ค่าเช่าห่วงยาง ราคา 50 บาท/ห่วง/วัน

ว่าแล้วก้อเก็บของใส่ล็อคเกอร์ แล้วเช่าห่วงยางสีสันสดใสลากลงทะเลทันที

น้ำทะเลที่หาดแสมสวยใสไม่แพ้หาดตาแหวนเลย

แต่เล่นน้ำที่หาดแสมสนุกกว่าหาดตาแหวน

เพราะหาดตาแหวนเป็นทะเลสวยแบบคลื่นลมสงบ

แต่ทะเลที่หาดแสมมีคลื่นลมทะเลให้เล่น...

....สนุกจนลืมร้อนกันไปเลย เพราะเล่นลงทะเลตอนเที่ยง...

โอ้ว....จากเดิมที่สีผิว สีแทน (ที่ขาว) อยู่แล้ววว

จนคิดว่าเป็นเบอร์สุดท้ายแระ ไม่สามารถดำได้มากกว่านี้แระ

ที่ไหนด้ายยยย พอขึ้นจากทะเล โห....เป็นรอยเสื้อกล้ามเห็นๆ เลย เกรียมเรยล่ะค่ะ...

.......................................................................

เล่นน้ำจนหนำใจกันแล้ว ได้เวลาเกือบจะบ่ายต้องกลับไปเก็บของจากที่พักซะแล้ว

ก่อนกลับคุงแฟนเดินไปเอาของออกจากล็อคเกอร์

แล้วแวะดูเมนูอาหารที่ติดอยู่ข้างเสาใกล้ๆ เก้าอี้ผ้าใบ

เห็นราคาอาหารแล้ว....อืมมมม เข้าใจๆๆ บนเกาะก็คงแพงแบบนี้แหล่ะ

กะลังหันมาคุยกะคุงแฟนว่า เราจะทานข้าวที่ไหนกันดี

พี่เจ้าของล็อคเกอร์เดินมาบอกว่า

อย่าตกใจนะน้อง นี่ราคาขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ราคาคนไทยไม่ถึงหรอก 40-50 บาทก็กินได้แล้ว

นานๆ จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยมาเที่ยวซะที....

หันมาสบตาปิ๊งๆๆ กับคุงแฟน 2 วิ....ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้สั่งอาหาร

เมนูอาหารกลางวันริมหาดแสม..................

ข้าวผัดทะเล + ข้าวปลาหมึกกระเทียม + น้ำมะพร้าวปั่น + น้ำแตงโมปั่น รวมราคา 160 บาท

ขอบอกได้เลยว่า....ราคาไม่แพงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพ

ปลาหมึกชิ้นโตๆ ให้มาเยอะมาก กุ้งสดตัวใหญ่ๆ...

คิดแล้วยังอยากกลับไปกินอีกเรย....ประทับใจ ( อีกแย้ว )

...................................................................

บ่ายโมงกว่าแล้ว ได้เวลาต้องกลับที่พักเพื่อเช็คเอ้าท์แย้ว

จิงๆ ต้องเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง แต่เราอยากเล่นน้ำ+เที่ยวบนเกาะ

แบบที่ไม่ต้องแบกเป้ไปด้วย และอยากกลับมาอาบน้ำที่ห้องพัก

น้องพนักงานที่รีสอร์ทช่วยเช็คตารางห้องพักให้

แล้วบอกว่า พี่เช็คเอ้าท์ตอนเย็นก้อได้พี่ ไม่มีแขกพักต่อ

รอเวลาเรือออกแล้วพี่ค่อยขนของออกไปก็ได้....

แหม....ใจดีจนเราเกรงใจจิงๆๆ เรย...

กลับที่พักด้วยมอเตอร์ไซค์ริมหาดเหมือนเดิม ราคา 50 บาท/คน

กลับมาถึงที่พัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขนของออกจากห้องพัก

เพราะเกรงใจพี่ๆ ที่ต้องเข้าไปเคลียร์ทำความสะอาดห้องพัก

มานั่งเล่น นอนเล่นที่ล็อบบี้ ( แบบ 'ติสท์) เหมือนเดิม

เดินไปคุยกับน้องพนักงานถามห้องอื่นๆ

น้องบอกว่า พี่เข้าไปดูก็ได้ ห้องที่ไม่มีแขกพักต่อ

แต่ห้องยังไม่ได้เคลียร์ เลยไม่สะอาดนะ

เราก็...โอเช ไม่เป็นไร แบบว่าอยากดู

เดินดูอีกแค่ห้องเดียว เพราะห้องอื่นไม่ว่าง มีแขก

ชื่อห้อง...ปะการังขาว





ริมระเบียงห้องปะการังขาว





นอนเล่น นั่งเล่น ในรีสอร์ทเพื่อรอเวลาเรือออกจากท่า





จนเห็นเรือมาจอดที่ท่าเรือหน้าบ้าน เวลา 16.30 น.

เราสองคนเลยต้องเดินออกจาก ลารีน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา

เพื่อกลับพัทยา.......





ข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ...

ค่ารถเอกมัย-พัทยา ป.1 บ.รุ่งเรืองทัวร์ ราคา 117 บาท

ค่ารถกลับพัทยา-เอกมัย ป.1 บ.รุ่งเรืองทัวร์ ราคา 113 บาท

( ค่ารถไม่ยักกะเท่ากันแฮะ ว่ามั๊ยคะ ขาไป/ขากลับ ) รถมีออกทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ

ค่ารถสองแถวจากท่ารถพัทยาไป / กลับ ท่าเรือแหลมบาลีฮาย 30 บาท

ค่าเรือโดยสารจากท่าเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาไปเกาะล้าน 20 บาท เรือมีไปลง 2 ท่านะคะ

ถ้าลงหาดตาแหวนมีตั้งแต่ 8.00-16.00 น. เรือออกทุกชั่วโมง

ส่วนถ้าลงท่าหน้าบ้านมีรอบ 07.00 น. 10.00 น. จนถึงเย็นอ่ะค่ะ จำเวลาแน่นอนไม่ได้

หาดตาแหวนจะเป็นที่นักท่องเที่ยวลง เพราะเป็นชายหาดเล่นน้ำเลย

ส่วนท่าหน้าบ้าน เป็นท่าเรือสำหรับคนที่มาค้างคืน

เพราะมีที่พักอยู่หลายรีสอร์ทจะอยู่ด้านนี้นะคะ

การเดินทางในเกาะ มีแบบรถสองแถวและรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งราคาเท่ากัน

ท่าหน้าบ้าน - หาดตาแหวน ราคา 20 บาท/เที่ยว

ท่าหน้าบ้าน - หาดแสม / หาดเทียน ราคา 50 บาท/เที่ยว

ที่เกาะล้านห้ามเอารถข้ามมาค่ะ ต้องโดยสารรถบนเกาะสถานเดียว

ร้านอาหารมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ที่เจอจะมีแต่พ่อค้าแม่ค้าใจดีอ่ะค่ะ

พอเห็นว่าเราเป้นคนไทยด้วยกัน ให้ราคาพิเศษแถมซะจนเกรงใจ

ส่วนที่พัก ที่ลารีน่ารีสอร์ท ห้องที่ไปพักมา ราคา 1,500 บาท/คืนค่ะ

วันเสาร์-อาทิตย์ จะอีกราคานึงนะคะ จะเป้น 1,800 บาท/คืน

เหมือนกันทั้งห้องปลาดาว ห้องปะการังขาว + ABF ไว้แล้ว

มีห้องพักที่ราคาถูกกว่านี้นะคะ แต่ไม่ได้วิวสวยๆ นอนมองทะเลน่ะค่ะ

....................................................................

สรุปแล้ว....ไปเกาะล้านครั้งนี้ ประทับใจมากกก

ทรายสวย น้ำใส จนไม่น่าเชื่อว่าอยู่ตรงข้ามกับพัทยาแค่นี้เอง

การเดินทางไม่ลำบาก อาหารการกินไม่แพงมากนัก

คนที่ชอบเที่ยวแบบคุณหนูๆๆ อาจจะลำบากนิดนึง

เพราะไม้ให้มีรถส่วนตัว ไม่มี 7-11 บนเกาะ ไม่มี ATM

ที่พักไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น มีแต่ทีวี ตู้เย็น วิวสวยๆ ให้ดูแทน

เกาะล้านยังคงแบบดิบๆ อยู่นะคะ ในความรู้สึกส่วนตัว

ดิบๆ แบบธรรมชาติ ซึ่งประทับใจมาก

แต่น้ำใจคนบนเกาะไม่ดิบเลย น่ารักและมีน้ำใจมั่กๆๆ....

ปล.อีกจิ๊ด...คราวหน้าไม่พลาดหาดเทียนแน่ๆๆ

ได้ข่าวว่าสวยนัก สวยหนา เสียดายไปแค่สองวันเลยไม่มีเวลาเรย...

ปล.อีกครั้งนึง...น้ำสตรอเบอรี่ปั่นหน้าวัดอร่อยมั่กๆๆ ค่ะ

หอมสตรอเบอรี่สุดๆๆ แม่ค้าไม่หวงสตรอเบอรี่เลย แก้วละ 10 บาท (ประทับใจอีกแย้ว)

.......จบทริปฮันนีมูน แบบไม่สะเทือนกระเป๋าสตางค์แต่เพียงเท่านี้




Create Date : 25 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 3:24:36 น.
Counter : 1790 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  

chicken demon
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]



All Blog
Friends Blog
[Add chicken demon's blog to your weblog]