Group Blog
 
All Blogs
 

Chapter 27 - By the way

หลังที่ผมออกจากงานแล้ว ตอนนี้ผมก็เป็นเหมือนกระเหรี่ยงที่ปลดแอกตัวเองมีสภาพเป็นนักท่องเที่ยวคนนึง ที่พร้อมจะเดินทางท่องเที่ยวอเมริกาเมืองแห่งเสรี ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกนี้

ไม่ต้องไปทำงานในโรงงานนรกแล้วว้อย


ผมรีบวางแผนในการไปท่องเที่ยวทันทีด้วยเงินที่ทำงานเก็บมานี่แหละ
จากนี้ไปผมไม่ต้องยืนวันละ8ชั่วโมงแล้ว แต่จริงๆแล้วแอบรู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่ตื่นเช้าขึ้นมาวันนึงแล้วไม่ได้ไปทำงานเหมือนตลอด3เดือนที่ผ่านมา ใครจะทำงานที่Totally Toddlerแทนกุวะ แล้วมันจะโดนDeliaจิกหัวใช้เหมือนกุเปล่าวะ
ผมคิดไว้ว่าสักวันนึงผมก็คงจะได้กลับไปที่นั่นอีกถ้าSix flagsมันยังไม่เจ๊งซะก่อนหรือว่าผมไม่ซวยตายห่าไปซะก่อนนะ

ในใจตอนนี้เลยรู้สึกโล่งสิ่งเดียวที่จะทำก็คือตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวไหน
ความคิดของผมมีอยู่3ที่ด้วยกัน 1.New York 2.Las Vegas 3.San Francisco จริงๆแล้วผมมีความฝันนะ ฝันว่าจะเดินทางไปให้ทั่วอเมริกา ไปให้มันทุกรัฐ ทุกภาคเลย ก็ไม่รู้จะว่าจะไปมันทำไมเหมือนกัน ผมอยากแค่ได้เดินทาง ผมหลงไหลการเดินทาง ผมคิดว่าคนเราเกิดมาแล้วมันต้องเที่ยวเทียวไป
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนึง เรย์ แมคโดนัล บอกว่าเหตุผลที่เขาชอบเดินทางก็เพราะว่าบ้านเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกับเขา เขาเลยอยากจะเดินทางเพื่อให้เจอสิ่งใหม่ๆในโลกนี้ บางทีมันอาจจะช่วยให้ลืมเรื่องราวที่บ้านได้... ผมอยากจะบอกว่าผมก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ

ผมจึงอยากจะไปให้มันทุกที่เลย ไปให้มันเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ไปให้มันรอบโลกเลยก็ดี นานๆกลับบ้านซะทีนึง แล้วเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผมได้พบได้เจอมาให้คนอื่นฟัง
แต่ตอนนี้ด้วยเวลาและงบประมาณที่จำกัดผมจึงยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้ คงต้องปล่อยให้มันเป็นความฝันที่สวยงามไปก่อน สักวันนึงถ้ามีโอกาสผมจะทำให้ได้อย่างแน่นอน

ตัดสินใจอยู่พักนึงในที่สุดผมก็เลือกที่จะหารถเช่าสักคันนึง เพื่อเดินทางไปLas VegasกับSan Francisco 2เมืองดังของอเมริกาฝั่งตะวันตก แต่มันก็ดันมีปัญหาอยู่ที่ว่าผมไม่ได้ทำใบขับขี่สากลมานี่สิ แล้วไอ้บ้าที่ไหนจะให้กูเช่ารถวะ

จริงๆผมอยากจะไปนิวยอร์คนะ อยากไปเห็นอเมริกาฝั่งตะวันออกบ้าง ว่ามันเจริญกว่าฝั่งนี้แค่ไหน แต่ผมกลับมาคิดว่าถ้าผมเลือกที่จะไปนิวยอร์ค ผมก็ต้องนั่งเครื่องบินไปอย่างเดียวเท่านั้น ผมไม่มีทางที่จะขับรถไปเองได้เลย เพราะอย่างน้อยต้องใช้เวลาในการขับรถไปกลับเป็นสัปดาห์ ก็มันแน่นอนแหละ ผมอยู่แอลเอนี่หว่า เสือกจะขับรถข้ามทวีปไปอีกฝั่งนึง เหตุผลอีกอย่างที่ผมไม่อยากนั่งเครื่องบินไปนิวยอร์คก็เพราะว่าถ้าผมนั่งเครื่องบินไปมันอาจจะเร็ว อาจจะเท่ก็จริง แต่ระหว่างทางผมจะไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรเลย นอกจากก้อนเมฆ และแอร์โฮสเต็จสวยๆ ผมคิดว่ามันไม่ใช่วิถีทางของผม ไม่ใช่แนว อย่างผมมันต้องไปช้าๆแบบชิวๆน่ะ มองข้างทางเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ
ผมคิดว่าความหมายของการเดินทางมันอยู่ระหว่างตอนที่เรากำลังจะไปให้ถึง ไม่ได้อยู่ตอนที่ถึงแล้ว
ผมจึงเลือกที่จะหาบริษัทให้เช่ารถเพื่อขับไปLas VegasและSan Francisco บริษัทไหนก็ได้ที่มันไม่ต้องใช้ใบขับขี่สากล ใช้ใบขับขี่ไทยแทนได้!?! แล้วมันจะมีไหมเนี่ย ที่นี่มันอเมริกานะว้อยย

ในที่สุดแล้วปรากฏว่ามันมีจริงๆคับ ไอ้บริษัทเช่ารถที่ยอมรับใบขับขี่ไทย ผมกับเพื่อนจึงทำการจองรถผ่านอินเตอร์เน็ต วันรุ่งขึ้นก็เดินทางเพื่อไปรับรถทันที
เดินหาบริษัทมันกว่าจะเจอมันเล่นเอาเหนื่อย
บริษัทที่ว่านี้จริงๆแล้วเป็นร้านเช่ารถเล็กๆอยู่แถวสนามบินLAX เดินเข้าไปติดต่อกับพนักงานซึ่งผมเข้าใจว่าเธอคงจะเป็นเมียเจ้าของร้านแห่งนี้ซึ่งเธอเป็นคนญี่ปุ่น แต่พูดอังกฤษได้คล่องมากทีเดียว พอทำเรื่องเอกสารเสร็จเธอก็ให้ผมไปเลือกรถทันที
แหมมาอเมริกาทั้งทีมันก็ต้องขับรถแบบอเมริกันใช่ไหมคับ จะเอาอะไรดีหนอ Ford, Chevy, Pontiac หรือว่าDodgeดีเอ่ย แต่พอไปเห็นรถเข้าจริงๆ เฮ้ย ทำไมมันมีแต่Toyotaวะ แถมมันยังมีแต่Toyota Corolla(แบบที่บ้านเราเรียกAltis)อีกด้วย โถๆๆ แถวบ้านกุเขาเอามาทำเป็นTaxiกัน มาอเมริกาทั้งทีกุต้องมาขับรถTAXIเหรอวะเนี่ยยยยย ผมเลยจำเป็นต้องเลือกTAXIคันที่ดีที่สุดมาคันนึง อนาถจริงๆ

หลังจากได้รถมาขับสมใจแล้ว ผมก็ไปซื้อแผนที่มาฉบับนึง เพื่อที่จะเดินทางไปลาส เวกัสเมืองในฝัน(ของผีพนันทั่วโลกและคนไทยหลายๆคน)ทันที




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 28 กันยายน 2550 0:13:49 น.
Counter : 381 Pageviews.  

Chapter 26 - My last day in Six flags

ตอนนี้มันมาถึงช่วงที่ผมกำลังจะหมดแรงเต็มทีกับภาระกิจในร้านTotally Toddlerของผมแล้ว ร้านที่เงียบเหงาที่สุดในสวนสนุกRoller Coaster
ผมตัดสินใจยื่นใบTerminationให้กับDeliaนายใหญ่ของผม ซึ่งDeliaก็อนุมัติให้ผมออกจากงานในอีกอาทิตย์นึงถัดไป

ผมจำได้ว่าวันสุดท้ายของผมนั้น เวลามันดูเหมือนจะผ่านไปรวดเร็วกว่าทุกๆวัน ผมรู้สึกว่าวันนี้ผมไม่เบื่องานของผมเหมือนกับวันก่อนๆหน้านี้ ผมยิ้มแย้มให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาซื้อของในร้าน
มีลูกค้าสุภาพสตรีคนนนึงเข้ามาซื้อตุ๊กตาในร้าน ลูกค้าคนนี่เธอเป็นคนที่ยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี เข้ามาคุยกับผม
เธอถามผมว่า
"งานที่นีเป็นยังไงบ้าง"
ผมตอบเธอไปว่า
"มันน่าเบื่อแต่ผมรักที่นี่นะ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะทำงานที่นี่แล้วด้วย" อย่ากระไหนเลยเอางี้ผมจะลดราคาสินค้าให้คุณ(ปรกติไม่มีสิทธ์ที่จะทำได้)
เธอดีใจขึ้นมาทันทีแล้วถามผมว่า "ทำไมถึงลดจู่ๆให้เธอล่ะ เพราะว่าเธอNiceหรือว่าit's your last day"
ผมตอบเธอไปทันทีว่า เพราะมันเป็นLast dayของกุต่างหาก

คืนวันนั้นผมบอกลาร้านTotally Toddlerของผมที่ผมทำงานอยู่ในร้านนี้คนเดียวมา3เดือน พร้อมกับเดินออกจากร้านนั้นไป ผมรู้สึกผูกพันธ์กับมันนะถึงจะเป็นเวลาแค่3เดือน ผมเดินไปบอกลาเพื่อนๆร่วมงานของผมบอกลาJenny, Ting, และไอ้เจ แต่ไม่ยักกะเห็นDelia ผมเลยเขียนข้อความไว้ที่โต๊ะของเธอ

To Delia
Nice to work with you Delia
I got alot of fond memories
while I worked in Totally Toddler

จากนั้นผมก็เอาชุดพนักงานไปคืนที่Merchandise Dpt.
จากนี้ไปผมไม่ได้เป็นพนักงานในSix Flagsอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ผมเป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัวแล้วว้อยยยยยยย 555
ลาก่อนTotally Toddler ลาก่อนDelia ลาก่อนSix flags แล้วผมจะกลับมาอีกสักวันนึง




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2550 2:20:33 น.
Counter : 579 Pageviews.  

Chapter 25 - one day in CCK

หลังจากที่ผมทำงานอยู่ในร้านTotally toddlerที่แสนจะเงียบเหงาและน่าเบื่อมาตลอด วันนึงเหมือนเบื้องบนจะเห็นใจผม ผมก็ได้รับคำสั่งตรงจากนายใหญ่Deliaของผม ให้ไปปฏิบัติภารกิจที่ร้านCCK (Coaster Cartoon Kitchen)
ซึ่งเป็นร้านขายขนมที่ตั้งอยู่ที่ประตูทางเข้าออกของพาร์คเลย ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้เปลี่ยนบบรยากาศไปทำงานที่ร้านอื่นบ้างเพราะผมเบื่อที่จะต้องยืนอยู่เฉยๆทั้งวันในร้านTotally Toddlerของผม

หลังจากได้รับคำสั่งจากDeliaแล้ว ผมก็เดินไปร้านCCKอย่างร่าเริง 555 วันนี้กุไม่ต้องยืนอยู่เฉยๆอย่างเดียวแล้วว้อยคงจะมีอะไรสนุกๆให้ทำที่CCKได้ข่าวว่าร้านนี้ลูกค้าเยอะด้วย
ทันทีที่เข้าไปในร้านCCKผมก็เจอJenniferซึ่งเป็นพนักงานอยู่ในร้านอยู่แล้ว เธอบอกผมว่าวันนี้ร้านของเธอขาดคน เพราะเด็กไทยที่ทำอยู่ที่ร้านประจำได้ลาไปเที่ยวLas Vegas เลยต้องหาคนมาช่วย ซึ่งก็คือผมนั่นเอง
Jenniferเป็นสาวHispanicอายุน่าจะ20ต้นๆเหมือนผม เธอเป็นคนที่น่ารักดีพูดจาดี เธอถามสารทุกสุขดิบของผมว่าทำงานที่ร้านTotally Toddlerเป็นไงบ้าง ผมบอกเธอว่าEvery thing drive me crazy เธอบอกว่าเข้าใจผม แล้วถามผมต่อว่าDeliaนายใหญ่ของผมเธอเป็นยังไง ผมเลยเล่าให้เธอฟังว่าShe is a mean girl อืมมมมมมมมมมม......เธอก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันเด๊ะเลย

สักพักJenniferก็Clock Outออกจากร้านไป เธอบอกว่าเธอกำลังจะเข้าไปเรียนที่UCLAปีหน้า ตอนนี้เธอมาทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆ ขอให้โชคดีนะJennifer บ้ายบาย

สักพักไอ้JJหนุ่มอเมริกันสัญชาติฟิลิปินส์ก็เดินเข้ามาในร้านเพื่อทำงานแทนJenniferที่เพิ่งClock Outออกไป
ผมกับไอ้JJเห็นกันบ่อยคับ เพราะมันเป็นเอเชียด้วยกัน เลยโดดเด่นออกมา ไอ้JJนิสัยดี ผมชวนมันคุยไปเรื่อยแหละ มาอยู่อเมริกาได้กี่ปีแล้ว บ้านเดิมที่ฟิลิปินส์อยู่เมืองอะไร เสือกไปซะหมด แล้วผมก็ถามว่ามีแฟนหรือยังวะ?
มันทำหน้าคิดสักพักนึง แล้วตอบผมว่ามันก็ไม่แน่ใจว่าแบบนี้ใช่แฟนหรือป่าว ผมเลยถามต่อว่าแล้วเธอ(ผู้โชคร้าย)คนนั้นเป็นฝรั่ง แขก ดำ หรือว่าเอเชีย?
แน่นอนคับไอ้นี่มันเอเชียนิยม ผู้หญิงคนนั้นเป็นเอเชีย ผมเลยให้กำลังใจมันว่า"สู้วุ้ย"
แต่หลังจากนั้นผมก็มารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นของไอ้JJมันก็คือเด็กไทยคนนึงในพาร์คที่ผมรู้จักนั่นเอง ซึ่งมันก็เคยแอบถามผมว่า ผมรู้จักเด็กไทยทุกคนที่ขึ้นรถคันเดียวกับผมหรือป่าว ผมบอกว่ารู้จักกันหมดแหละ แต่มันก็ไม่กล้าถามอะไรผมต่อ ได้แต่ทำหน้าแดงๆ

หลังจากที่คุยกับไอ้JJเกือบทั่งวันแล้วก็จะถึงเวลาปิดพาร์คแล้ว วันนี้พาร์คปิดเร็ว5โมงเย็นก็เตรียมจะปิดแล้ว ไอ้JJก็ออกไปแล้ว มีคนใหม่เข้ามาแทนอีก เขาให้ผมไปยืนStanbyหน้าร้าน หลังจากนั้นไม่นาน ลูกค้ามากันมืดฟ้ามัวดิน เข้าแถวรอซื้อCaramel Appleกันจนแถวยาวเหยียด ต่อออกไปนอกร้าน ผมต้องขายทุกอย่างคนเดียวหยิบนู่นหยิบนี่แทยไม่ทัน มีลูกค้ากำลังต่อแถวอยู่ถามผมว่าร้านนี้มีFunnel Cakeไหม ด้วยความที่ไม่รู้จักอาหารฝรั่ง ผมเลยตอบไปว่า"มีว้อย"ขณะที่หัวก็หมุนอยู่ต้องหยิบนู่นหยิบนี่ใส่ถุงแล้วคิดเงินให้ลูกค้า ขายไปเท่าไรมันก็ไม่มีทีท่าว่าแถวมันจะสั้นลง
ผมขอบอกเลยว่าถ้าเกิดใครสามารถส่งสินค้าเข้าไปขายในอเมริกาได้แล้วสินค้าเกิดติดตลาดขึ้นมาละก็ รวยคับ

หลังจากที่ขายของอย่างบ้าระห่ำไปจนลูกค้าเกือบจะหมดแล้ว ผมเลยได้สติว่าไอ้Funnel Cakeร้านนี้มันไม่มีนี่หว่า แล้วกุบอกไปได้ไงวะว่ามี เออป่านนี้มันคงจะรู้แล้วว่าไม่มีเพราะไม่เป็นมันมาซื้อจริงๆเลย เวรกรรม

วันนั้นที่ผมขายของได้ทั้งหมดในCCK มันมากกว่าที่ผมขายได้ในร้านTotally Toddlerทั้งอาทิตย์หรืออาจจะทั้งเดือนซะอีก




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 12:07:16 น.
Counter : 473 Pageviews.  

Chapter 24 - เรื่องนี้เกี่ยวกับอเมริกา

ผมอยากจะมีบทความสักชิ้นนึงเกี่ยวกับประเทศอเมริกา ผมไม่ใช่ศาสตราจารย์ทางประวัติศาสตร์หรือนักรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอะไรทั้งนั้น แต่ผมศึกษาเรื่องราวของอเมริกาและเรื่องราวต่างๆของโลกนี้มาพอสมควร พอดีกับที่ได้ดูMVเพลงWhat I've done ของLinkin parkมา เพลงนี้สะท้อนเรื่องราวที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจได้เป็นอย่างดี
ไม่รอช้าขอโม้เลยแล้วกัน

ถ้าถามว่าในโลกนี้ผมสนใจในประวัติศาสตร์ประเทศไหนมากที่สุด ผมขอตอบว่าอเมริกา ที่มีประวัติศาสตร์แค่200กว่าปีเท่าๆกับกรุงรัตนโกสิน เหตุผลที่ชอบก็คือขี้เกียจอ่านเยอะคับ ของจีน3000กว่าปี ใครจะไปบ้าอ่านให้หมด
แต่เหตุผลจริงๆแล้วคือ ผมรู้สึกทึ่งในการสร้างชาติของอเมริกาที่ใช้เวลาแค่200ปีผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเบอร์1ของโลกใบนี้ได้ อเมริกาไม่มีแม้กระทั่งภาษาของตัวเองต้องยืมภาษาอังกฤษ,สเปนมาใช้
อเมริกาไม่มีเชื้อชาติต้องจำแนกประชากรออกตามสีผิว
แต่กลับรวมกันแล้วสามารถสร้างชาติตัวเองให้เจริญทัดเทียมกับมหาอำนาจในสมัยนั้นได้

หลังจากระเบิดปรมาณูลูกที่2ลงที่นางาซากิแล้ว ญี่ปุ่นยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข จะมีอยู่อย่างเดียวก็คือขอให้ดำรงสถาบันจักรพรรดิเอาไว้ มหาอำนาจในโลกนี้จึงได้ถูกเปลี่ยนมือจากยุโรปกลางและยุโรปตะวันตกสู่2สองมหาอำนาจใหม่ทันที นั่นก็คือสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

โลกจึงได้เข้าสู่ยุคของสงครามเย็น บรรยากาศแห่งความหวาดระแวงซึ่งกันและกันของโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์แผ่ไปทั่วทุกมุมโลก จนกระทั่งปี1991สหภาพโซเวียตล่มสลาย

อเมริกาผงาดขึ้นเข้าสู่ตำแหน่งมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกใบนี้ทันที จากนั้นเป็นต้นมาลัทธิมอลโลที่ยึดอเมริกาไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกได้ถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง
อเมริกาเข้ามากำหนดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้
อเมริกาเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศที่มีผลประโยชน์
อเมริกาส่งกองทัพเข้าไปจัดระเบียบทุกประเทศที่ต่อต้านตัวเอง
อเมริกาคือความถูกต้องและชอบธรรม สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับอเมริกาคือความเลวร้ายและไม่ถูกต้อง


ย้อนกลับไปในอดีตโลกใบนี้ได้เคยมีมหาอำนาจมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ โรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ นาซี
ทุกๆอาณาจักรเหล่านี้มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยใด คือทุกๆอาณาจักรมหาอำนาจเหล่านั้น ใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่เข้าแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองทั้งนั้น
ทุกอาณาจักรรุกรานประเทศอื่นที่อ่อนแอกว่าตัวเอง
ทุกอาณาจักรพยายามที่จะครอบครองโลกใบนี้ให้ได้
และที่สำคัญทุกๆอาณาจักรก็มีวันล่มสลายหรือถูกอาณาจักรอื่นขึ้นมาแทนที่อยู่เสมอ

ผมคิดว่าสักวันนึงอาณาจักรอเมริกาก็จะต้องล่มสลายเหมือนกับทุกๆอาณาจักรในอดีต
คำถามอยู่ที่ว่าเมื่อไร? อาจจะอีก10ปี 100ปีหรือ1000ปีข้างหน้า มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอเมริกาได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความผิดพลาดของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นในอดีต

ผมไม่หวังว่าในโลกนี้จะมีมหาอำนาจไหนที่จะขึ้นมาแล้วจะไม่ใช้อำนาจของตัวเองหาผลประโยชน์ มันไม่มีหรอกมหาอำนาจแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย ที่กำลังจะผงาดในเร็ววันนี้ ทุกประเทศเมื่อมีอำนาจก็ต้องใช้ทั้งนั้นแหละ ไม่มีหรอกประเทศไหนที่โตขึ้นมาได้แล้วจะกลายมาเป็นยักใหญ่ใจดี

ผมหวังแต่เพียงให้มหาอำนาจเหล่านั้นทำให้โลกใบนี้คงไว้ซึ่งอารยธรรมของมวลมนุษย์ชาติเอาไว้ แค่นั้นเอง

*ผมไม่คิดว่านาโต้คือองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือบ้าบออะไรนั่น ผมคิดว่านาโต้คือองค์กรรับประกันความยิ่งใหญ่ทางทหารของชาติคนผิวขาวที่นับถือศาสนาคริสต์*




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 17 กรกฎาคม 2550 16:55:09 น.
Counter : 507 Pageviews.  

Chapter 23 - คนไทยในLA

ผมมีความลำบากใจที่จะต้องเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคนไทยในแอลเอ เพราะสิ่งที่ผมพบเห็นมานั้นมันก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี แต่อยากจะขอย้ำว่าเรื่องที่ผมเขียนทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผมพบเห็น ผ่านมุมมองของตัวเองและเป็นระยะเวลาแค่3เดือนกว่าๆที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในแอลเอ สิ่งที่ผมเห็นอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณของตัวเองคับ

หลังจากที่ผมออกจากวัดไทยแล้วผมก็ได้มาเช่าบ้านBenton Wayหลังที่ตั้งอยู่บนเนินเหนือถนน101 บ้านหลังนี้ผมใช้เป็นที่นอนตลอดระยะเวลา3เดือนที่อยู่ที่นั่น
ผมเช่าบ้านหลังนี้จากคนไทยด้วยกันคับ เป็นครอบครัวคนไทยที่มาอยู่ที่แอลเอได้สักพักนึงแล้ว ครอบครัวนี้ทำอาชีพเย็บตัดเสื้อผ้าเหมือนกับร้านเสื้อผ้าทั่วไปในบ้านเรา
ป้าๆลุงๆครอบครัวนี้ดีกับพวกผมมาก ซื้อไมโครเวฟให้ หาฮีตเตอร์มาให้ใช้ ให้ข้าวสารมากินกันบ้าง บางวันถ้าแกทำอาหารก็จะทำเผื่อพวกผมด้วย
แต่พวกผมก็พอจะทราบมาว่าจริงๆแล้วแกเช่าบ้านหลังนี้มาอีกทีนึง แล้วก็เอามาให้พวกผมเช่ากันต่อ ผมไม่คิดอะไรมากคับคิดว่าแกก็คงจะได้กำไรนิดหน่อย
ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้ น้ำไหล ไฟมีให้ใช้ตลอด คนไทยด้วยกันเองมีอะไรก็ขอความช่วยเหลือกันได้

แต่มาอยู่วันนึง พวกผมดันไปรู้จักกับลุงที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริงคับ แกอยู่บ้านชั้นล่างของผมนี่เอง(ผมเช่าเฉพาะชั้น2ทั้งหมด) ลุงเจ้าของบ้านตัวจริงก็มาถามสารทุกสุขดิบของผมว่าเป็นไงกันบ้าง แล้วลุงเจ้าของบ้านก็ถามว่าเสียค่าเช่าเดือนเท่าไรล่ะ พวกผมก็บอกกับลุงไปอย่างซื่อๆว่า2500เหรียญต่อเดือนคับ
เชื่อไหมง่าลุงแกทำหน้าตกใจมากๆ ลุงแกอึ้งไปสักพัก แล้วบอกกับผมว่ารู้ไหมลุงให้เขาเช่าเดือนละเท่าไรที่เขาไปให้พวกเธอเช่าอีกที่นึง พวกผมชักไม่อยากจะรู้แล้วรู้ไปก็เก็กซิมป่าวๆ แต่ลุงแกก็บอกพวกผมคับ ลุงให้เช่าเดือนละ800เหรียญ !?!

พวกผมรู้สึกว่าอะไรเนี่ย กำไร3เท่าตัวเลยหรือ? พวกผมเป็นนักศึกษาไทยอยู่นะรายได้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แล้วที่สำคัญเราเป็นคนไทยเหมือนกันไม่ใช่หรือ หรือว่าพวกลุงๆป้าๆไม่ใช่คนไทยกันแล้ว... เราก็จำเป็นต้องเช่าบ้านหลังนี้ด้วยราคา2500เหรียญต่อเดือนไปจนถึงวันสุดท้ายที่เราอยู่แอลเอกัน เพราะถ้าจะไปหาที่อื่นอยู่มันก็ลำบาก ไหนจะย้ายของ ไหนจะต้องปรับตัวใหม่ แล้วหาที่ใหม่มันก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ทุกวันนี้เพื่อนๆทุกคนในบ้านก็ยังจำเรื่องนี้ได้ดีรวมทั้งผมด้วย บางคนอาจจะแค้น บางคนอาจจะเกลียดพวกป้าๆเหล่านั้น
แต่สำหรับผม ผมขอเลือกจะจดจำแต่ความรู้สึกดีๆแล้วกันคับ ผมเคยไปขอความช่วยเหลือจากครอบครัวนั้นอยู่บ่อยๆ ทั้งไปถามข้อมูลต่างๆ ขอน้ำเปล่าขึ้นมากิน ขอยืมเครื่องครัวบ้าง
หลังจากกลับมาเมืองไทยผมเล่าเรื่องนี้ให้ญาติของผมฟัง ญาติของผมบอกกับผมว่า ให้มองมันเป็นการตลาด เขาทำการตลาดดี เขาสามารถหาลูกค้ามาเช่าบ้านด้วยราคาที่สูง ต่างจากเจ้าของบ้านตัวจริงที่ทำการตลาดไม่ดีเลยต้องให้เช่าแบบถูกๆ แล้วที่สำคัญพวกผมเป็นคนรับข้อตกลงนั้นเอง เขาไม่ได้มาบังคับขู่เข็ญพวกผมให้ต้องไปเช่าบ้านหลังนั้น เราเอาเงินไปให้เขาเอง ใช่แล้วคับพวกผมDealกับเขาแบบนั้นเอง

ขอพูดถึงลุงเจ้าของบ้านตัวจริงสักหน่อย ลุงแกเป็นนักประดิษฐ์ เรียนไม่จบปริญญาสักที่แต่ความคิดความอ่านระดับด็อคเตอร์เลยทีเดียว ลุงบอกว่าแกไม่อยากจะเรียนเพราะไม่รู้จะเรียนไปทำไม ถ้าลุงอยากจะรู้อะไรก็อ่านหนังสือเอา ลุงทำอาชีพมาแล้วหลายอาชีพแต่ปัจจุบันนี้ลุงแกเป็นเถ้าแก่บ้านเช่าคับ มีบ้านให้เช่าอยู่หลายหลังเหมือนกันในแอลเอ สิ่งนึงที่ลุงรักและทำมาตลอดคืองานที่เกี่ยวกับวิศวะคับ
ลุงเป็นนักประดิษฐ์คิดค้น สิ่งที่ลุงกำลังคิดค้นอยู่ตอนนี้คือ
วัตถุบินได้ที่ในอนาคตจะมาแทนเฮลิคอปเตอร์ ลุงบอกผมว่าสักวันนึงเฮลิคอปเตอร์จะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ลุงกำลังคิดค้นอยู่ แล้วแน่นอนว่าผมจะเป็นAgencyในประเทศไทยให้ลุงแน่นอน

อีกคนนึงที่ผมต้องบอกว่าเป็นคนที่Niceมากเลยที่ผมได้พบเจอคือ"พี่ตุ่ม"พี่ตุ่มเป็นเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำกงศุลไทยในแอลเอ พี่ตุ่มช่วยเหลือพวกผมและเพื่อนทุกอย่าง ไม่ว่าจะพาไปทำใบขับขี่ พาไปเลี้ยงอาหารจีนที่China Town แล้วยังจัดปาร์ตี้ให้พวกผมคืนนึงด้วย
พี่ตุ่มบอกผมว่า"ชอบที่จะเห็นพวกวัยรุ่นมีความสุขกันมากๆ" วัยรุ่นแบบนี้มันต้องหาความสุขให้เต็มที่กับชีวิต เพราะว่าชีวิตของแกขาดหายเวลาช่วงนี้ไป เพราะย้ายมาอยู่แอลเอตั้งแต่เป็นวัยรุ่นเหมือนพวกผมนี่แหละ แต่ว่าพอมาถึงแล้วก็ต้องรีบทำงานสร้างตัวเลย จึงไม่ค่อยได้เที่ยวและใช้ชีวิตให้คุ้มซะก่อน
พี่ตุ่มจัดปาร์ตี้ให้พวกผมคืนนึง ทีแรกเป็นวันเกิดเพื่อน2คนที่เกิดพร้อมๆกัน แต่เอาเช้าจริงเป็นวันเกิดอยากจะกินกันนั่นเอง สนุกมากคับคืนนั้นปิ้งย่างกันแบบBBQ พี่ตุ่มบอกว่าจะจัดปาร์ตี้แบบอเมริกันมันต้องBBQปิ้งกันกลางแจ้งเท่านั้น คืนนั้นเมากันทุกคนเบียร์ก็เล่นกันเป็นลังเลยทีเดียว บางคนอายุยังไม่ถึง21ก็เมาไปด้วย ดีที่ไม่โดนตำรวจซิวเอาเห็นขับรถมาด้อมๆมองๆเหมือนกัน

มีพี่อีกคนนึงที่ผมเจอเป็นนักศึกษาเพิ่งจบใหม่ บินมาอเมริกาครั้งแรกเพื่อมาเรียนภาษา แล้วก็หารายได้เล็กๆน้อยๆจากการนวดแผนไทย แต่พี่แกพกร่มชูชีพไว้ตลอด กะจะโดดเต็มที่ที่มีโอกาส ผมรู้สึกว่าพี่เขาก็เหงานะพอเจอคนไทยด้วยกันก็เข้ามาตีสนิททำความร้จัก คนเราก็แบบนี้แหละต้องการสังคมและเพื่อนฝูง มันทำให้เรารู้สึกมีความมั่นใจขึ้นในการที่จะใช้ชีวิต

คนไทยในแอลเอมีอยู่ทุกวงการแหละคับ แต่จะหนักไปทางงานบริการหรือไม่ก็เปิดร้านอาหารไทยอันเรื่องชื่อ
ผมเคยเจอป้าอยู่คนนึงแกเป็นนักแสดงตัวประกอบให้กับหนังHollywood แสดงมาแล้วหลายเรื่องแต่ส่วนมากจะเป็นบทเดินผ่านกล้องซะส่วนใหญ่
คนที่ทำงานตามCasinoก็มีคับ อยู่ในแอลเอนี่แหละ หลายคนสงสัยว่าทำไมที่แอลเอถึงมีCasino ทีแรกผมก็สงสัยเหมือนกันจากข้อมูลที่อยู่ในหัว มีบางรัฐเท่านั้นไม่ใช่หรือที่สามารถให้เล่นการพนันได้ แต่Californiaนั้นผมคิดว่าไม่อนุญาติ แต่ป้าคนนี้บอกว่าเล่นได้ในบางพื้นที่เขาจะจัดโซนให้สามารถตั้งCasinoได้ แต่ไม่ได้ทั่วทั้งรัฐเหมือนNevada, New jersy

ส่วนมากคนไทยในแอลเอจะมารวมตัวกันตามงานเทศกาลต่างๆ เช่น งานวันสงกรานต์ที่วัดไทย และก็งานวันสงกรานต์ที่ไทยทาวน์ด้วย ซึ่งจะจัดกันคนละวัน งานสงกรานต์ที่วัดไทยกับไทยทาวน์ถ้าไปอยู่ในงานแล้วอาจจะงงได้ว่าที่นี่มันอเมริกาหรือประเทศไทยกันแน่ เพราะจะมีแต่คนไทยทั้งนั้น เดินไปไหนก็ได้ยินแต่ภาษาไทย
ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ข้ามเหนียวมะม่วง หากินได้หมดทุกอย่าง แต่ก่อนจะซื้อขอให้ดูป้ายราคาก่อนเดี๊ยวจะรับประแดกกันไม่ลงคับ บรรยากาศที่งานอบอวนไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย เพลงที่ใช้เปิดในงานก็เป็นเพลงลูกทุ่งซะส่วนใหญ่ เช่น เพลงสะใภ้(อดีต)นายก,
หนูอยากโดนอุ่ม เป็นต้น เต้นกันมันเลยทีเดียว เด็กๆที่มีสายเลือดไทยก็ออกมาประชันความสามารถที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยกันเช่น ร้องเพลงไทย รำไทย เล่นดนตรีไทย ใช้ของไทยและร่วมใจประหยัด

มีการแสดงมวยไทยบนเวทีมวยอีกด้วย เป็นการแสดงจริงๆไม่ใช่การต่อสู้กันจริงจัง มีนักมวยฝรั่งและนักมวยไทยขึ้นมาทำพิธีไหว้ครูและแสดงศิลปการต่อสู้แบบเบาๆ
นอกจากนั้นยังมีพิธีเปิดงานโดยMayorของเมืองLA
ทำมะดาซะที่ไหนกัน คนไทยในแอลเอเนี่ย






 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 12:16:28 น.
Counter : 3249 Pageviews.  

1  2  3  4  

CAsky
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




PK worked as a retailler in Totally Toddler store
Six Flags Magic Mountain Valencia California by himself (one man standing) Since March 2006 - June 2006

"In Some Situation the funninest place turn to be the borriest place"

"I'm a working man
I don't understand why clockout
come so slow everytime
That's one line I stay right behind"


free music
Friends' blogs
[Add CAsky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.