Group Blog
 
All Blogs
 
คนเขียนบท

“ท่านครับร่างของอาทิตย์หน้าเรียบร้อยแล้ว จะให้อธิบายเลยไหมครับ”

“เอาวางไว้ก่อน เดี๋ยวผมอ่านแล้วจะเรียกคุณมาอีกครั้งล่ะกัน อย่าเพิ่งไหนไกล ๆ นะ” ร่างในชุดสูทสีดำสนิทซึ่งผมเห็นเพียงเบื้องหลังกล่าวตอบกลับมา

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมรับคำพร้อมกับขอตัวออกมาจากห้องทำงานขนาดยักษ์ เดินออกไปยังระเบียงของตึกที่อยู่ตรงหน้าห้องทำงานพอดี ณ จุดนี้ถ้ามองลงไปจะเห็นสวนกว้างใหญ่ที่ดอกไม้กำลังผลิบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ เหล่าผีเสื้อและมวลหมู่ผึ้งกำลังถลาร่อนหยอกล้อกับสายลมอ่อน ๆ ใช้ชีวิตไปตามครรลองราวกับลืมไปแล้วว่าพวกมันถูกนำตัวมาจากที่อื่น ด้วยจุดประสงค์เพื่อให้มาสร้างภาพที่สวยงามภาพหนึ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมบารมีและสร้างภาพพจน์ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ

สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าของผม นำมาซึ่งกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ ทำให้รอยยิ้มเก๋ปรากฏขึ้นมาที่มุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่เกิดจากความพึงพอใจเพราะสวนสวยแห่งนี้ก็เกิดจากผลงานที่ผมสร้างขึ้นมาเช่นกัน ผมกำลังภาคภูมิใจที่ได้เห็นจินตนาการของตัวเองกลายเป็นจริงขึ้นมาได้

ความมหัศจรรย์นี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ผมเริ่มคิดทบทวน...

ในครั้งที่ผมขึ้นไปรับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่ 5 นั้น ผมรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มที เพราะคิดว่าได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุดของการทำงานแล้ว บทภาพยนตร์ทุกชิ้นในช่วงหลังของผมเมื่อเริ่มเขียนเป็นรูปเป็นร่าง ผู้กำกับชั้นแนวหน้าหลาย ๆ คนต่างก็พยายามแย่งชิงราวกับเป็นของวิเศษก็ปาน แต่ก็ไปว่าพวกเขาไม่ได้เพราะจะไม่ให้แย่งกันได้อย่างไรก็ในเมื่อผมสร้างสถิติส่งให้ภาพยนตร์ที่ใช้บทของผมเข้าชิงรางวัลยอดเยี่ยมติดต่อกันมา 8 ครั้งแล้ว

ผมเบื่อความสำเร็จและต้องการแสวงหาความท้าทายครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ซึ่งมันก็มาในรูปของ กระดาษสีขาวแผ่นบาง ๆ ที่เขียนไว้ว่าการทดสอบขั้นที่หนึ่ง ด้านล่างมีหัวข้อให้ผมเลือกเขียนพร้อมกับระบุว่า เมื่อเขียนเสร็จให้ใส่ระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้ไว้ตอนท้ายด้วย จากนั้นจึงเป็นวิธีติดต่อกลับ ผมพบว่ามันถูกสอดไว้ใต้ประตูของอพาร์ทเมนต์ทุกวัน อีกทั้งหัวข้อและรายละเอียดตัวละครที่ให้ก็ได้เปลี่ยนไปทุกครั้ง

ในตอนแรกที่พบผมหัวเราะออกมา เพราะกลั้นไว้ไม่อยู่จริง ๆ นึกไปว่าบรรดาผู้อำนวยการสร้างนี่ช่างสรรหาวิธีการมาหลอกล่อเสียจริง ผมเคยเจอที่หนักกว่านี้มาก็เยอะ บางคนถึงขนาดปลอมตัวเป็นขอทานมาค้นถังขยะบ้านผมเลยทีเดียวด้วยประสงค์จะหาบทที่ผมเขียนพลาดเพื่อนำไปให้นักเขียนบทคนอื่นดัดแปลงอีกที ผมเห็นภาพยนตร์หลายเรื่องมีเส้นทางขึ้นจอในลักษณะนี้แล้วก็ให้สังเวชใจ แล้วจะให้วงการภาพยนตร์บ้านเราพัฒนาไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อคุณไม่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงความสามารถ เฝ้าแต่รองานของผู้มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จซึ่งมีอยู่นับตัวคนได้ เพื่อนำไปเขียนบนใบปิดแล้วโฆษณาว่าเป็นผลงานของเจ้าของรางวัลนู่นรางวัลนี่

ผมไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากมายนัก แต่พอเริ่มบ่อยเข้าก็กลายเป็นความรำคาญและท้ายที่สุดก็กลายเป็นความกลัว กระดาษแผ่นเล็ก ๆ บาง ๆ นั้นติดตามผมไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าผมจะหนีไปพักกับแม่ที่บ้านเกิด หรือหลบไปอยู่กับเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัด จนในที่สุดผมก็หมดความอดทนและคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเผชิญหน้ากับมัน ผมนั่งลงและเริ่มเขียนบทจากกระดาษแผ่นสุดท้ายที่ได้มา มันเป็นหัวข้อเกี่ยวกับวงการมาเฟีย ผมจึงสร้างฉากและสถานการณ์ที่ซับซ้อนหลาย ๆ เหตุการณ์ขึ้นมา แล้วส่งตัวเอกที่ได้รับการกำหนดคาเร็คเตอร์มาแล้วให้ ลงไปโลดเล่น ผมใส่บทสนทนาที่สมจริงลงไป โดยไม่ลืมหยอดมุขตลกมีระดับเพื่อเรียกเสียงฮา รวมไปถึงถ้อยคำหวานหยดย้อยที่แสนกินใจ สุดท้ายจึงหักมุมจบอย่างเหนือชั้นและประทับใจ ผมลงบันทึกไปว่าใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 45 นาที ในการเขียนและแก้ไข จากนั้นจึงนำไปวางไว้หน้าประตูห้องตามวิธีติดต่อแล้วหับประตูลง

ผมยืนอยู่หน้าประตูแนบหูเพื่อรอฟังเสียงเคลื่อนไหว แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าหรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อยนิด จนในที่สุดความอดทนของผมก็สิ้นสุดลง ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อหากาแฟดื่ม เมื่อกลับมาและเปิดประตูห้องอีกครั้งต้นฉบับของผมก็ได้หายสาบสูญไปเสียแล้ว เพียงระยะเวลาไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ

หลายวันผ่านไปผมลืมเรื่องราวของกระดาษปริศนาแผ่นนั้นไปเสียสนิทใจ จนมันกลับมาเข้าสู่ชีวิตอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับหัวข้อการทดสอบครั้งที่ 2,3,4 และต่อ ๆ ไป เหมือนผมได้ทำสัญญากับปีศาจไปเสียแล้ว จากรำคาญและกลัวกลายเป็นเฝ้ารอ ทุกครั้งที่เปิดประตูไม่ว่าด้วยความประสงค์จะเข้าหรือออกจากห้อง ผมมักจะมองต่ำลงไปที่พื้นก่อนเพื่อดูว่ามีกระดาษชิ้นเล็ก ๆ วางอยู่หรือไม่ ในระยะหลังการทดสอบยิ่งทวีความตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น มีการกำหนดให้ตัวละครอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันไร้ทางออก และบีบเวลาสำหรับการเขียนให้น้อยลงยิ่งขึ้น

ผมไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่นของใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้างหรือผู้กำกับคนไหน ผมรู้สึกแต่เพียงว่าผมสนุกกับมัน บางทีสิ่งนี้หล่ะคือความท้าทายที่ผมรออยู่ เมื่อได้กระดาษมาผมจะรีบพิจารณาหัวข้อและศึกษาข้อมูลที่ให้มา อย่างละเอียด หลังจากนั้นจึงตั้งนาฬิกาจับเวลาและลงมือเขียนด้วยความตั้งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมรู้สึกว่าได้สร้างงานที่น่าภาคภูมิใจขึ้นมาหลายชิ้นทีเดียวด้วยวิธีนี้

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาในที่สุดกระดาษเล็ก ๆ ชิ้นสุดท้ายก็ถูกส่งมาพร้อมข้อความ ยินดีด้วยคุณคือผู้ถูกเลือก โปรดรอการติดต่อจากเรา

แม้ว่ามันจะทำให้ผมใจหายไปบ้างแต่ผมก็ยังรอการติดต่อจากบุคคลลึกลับที่ส่งกระดาษแผ่นเล็ก ๆ บาง ๆ นี้มาอย่างใจจดใจจ่อ บางครั้งความไม่รู้ก็เป็นความตื่นเต้นที่น่าค้นหาจริง ๆ สำหรับผม เพราะผมไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงแต่ดำเนินการและสนุกไปกับเกมที่ใครบางคนคิดขึ้นมา มันเป็นความแปลกใหม่ที่เข้ามาในชีวิตที่ซ้ำซากจำเจอย่างที่สุดของผม

และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลง ผลมันออกมาเหมือนเคย เริ่มจากความแปลกใจ ต่อด้วยความกลัวและจบลงด้วยความสนุก ผมแปลกใจในวันที่เปิดประตูออกไปพบกับชายร่างยักษ์สองคน พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เอาหมวกไหมพรมที่หนาทึบ คลุมหน้าผมกลับด้าน ทำให้ผมมองไม่เป็นอะไร แต่ก็ยังดีที่ยังหายใจได้แม้จะไม่สะดวกเท่าใดนัก ผมถูกนำพาตัวไปในลักษณะที่เรียกกันว่า “อุ้ม” นั่นเอง ในขณะนั้นผมไม่รู้หรอกว่าเพื่ออะไรและทำไม

มันทำให้เกิดความกลัวอย่างสุดแสนจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่าความตายอีกเล่า เมื่อคุณจบชีวิตลงทุกสิ่งทุกอย่างจะสูญสิ้นไปหมด ผมไม่อายเลยที่จะบอกคุณว่าผมเดินขาสั่น หายใจขัด น้ำในกระเพาะปัสสาวะนั้นล้นปี่จนแทบจะควบคุมไม่ให้มันหลุดออกมาตามท่อไม่ได้ ผมไม่สังหรณ์ใจสักนิดเลยว่าการถูกอุ้มของผมอาจจะเกี่ยวกับกระดาษเล็ก ๆ แผ่นนั้น พาลแต่คิดไปว่าจะต้องเป็นอริคนใดคนหนึ่งในจำนวนหลาย ๆ คนของผมเป็นแน่ ยิ่งในระยะหลังผมมีศัตรูเพิ่มขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวกผู้อำนวยการสร้าง หรือพวกผู้กำกับที่มาอ้อนวอนขอร้องให้ผมเขียนบทให้ คุณก็รู้ว่าพวกนี้มีพรรคพวกมากมายขนาดไหนทั้งมีสีไม่มีสีตามวิ่งร้องขอเศษเงินกันเป็นขบวน

เมื่อหมวกไหมพรมใบนั้นถูกเปิดขึ้นผมกลับเป็นฝ่ายที่ตกตะลึงเสียเอง แม้จะรู้จากความรู้สึกอยู่แล้วว่าสถานที่ ๆ ถูกพามานั้นไม่ใช่พื้นที่รกร้าง ใต้เท้าของผมไม่ใช่ผืนหญ้าหรือแผ่นดิน แต่เป็นพรม อากาศเย็นรอบกายไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่เกิดจากการผลิตของเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่บุคคลผู้อยู่เบื้องหน้าของผมนี่สิที่สร้างความแปลกประหลาดใจให้เกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวงแก่ตัวผมเอง ผมรู้จักเขาจากหน้าหนังสือพิมพ์ ตามหน้านิตยสารต่าง รวมไปถึงโทรทัศน์และวิทยุ ที่ออกข่าวของเขาแทบจะทุกวัน จวบจนบัดนี้ผมถึงรู้ว่าตัวเองได้เข้ามาผูกพันกับเรื่องราวสำคัญระดับชาติเข้าแล้ว

เครื่องพันธนาการที่อยู่บนร่างกายของผมถูกปลดออก ผมยกมือซ้ายขึ้นบีบนวดข้อมือขวาที่มีรอยบวมแดงจากการที่ถูกกุญแจมือรัดมาเป็นระยะเวลานาน ขณะได้ยินเสียงของ “ท่าน” เอ่ยขึ้น

“ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ทำรุนแรงไปหน่อย แต่เมื่อเห็นผมคุณก็รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เราจำเป็นต้องทดสอบคุณในทุก ๆ ด้าน”

“.....”

“ตามที่คุณได้รับรู้แล้ว คุณเป็นผู้ถูกเลือก แต่ผมขอบอกไว้ก่อนที่จะอธิบายให้คุณทราบถึงรายละเอียดหลังจากนี้เลยว่า คุณสามารถปฎิเสธหน้าที่ ๆ ผมจะมอบหมายนี้ก็ได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าคุณต้องเซ็นสัญญาว่าจะเก็บข้อมูลที่ผมบอกนี้เป็นความลับไปตลอดชีวิตของคุณ มิเช่นนั้นคุณก็รู้ว่าเราสามารถทำอะไรได้ คุณอาจจะถูกพาตัวไปที่ใดที่หนึ่ง เหมือนดั่งเช่นที่คุณถูกพาตัวมาที่นี่ แต่คงจะไม่โชคดีเหมือนกับครั้งนี้แน่ ๆ ผมรับรองได้”

“ครับ… ท่าน” เป็นคำแรกที่ออกมาจากปากของผมหลังจากอมพะนำมานาน ความจริงผมอยากจะพูดอะไรออกไปให้ยืดยาวกว่านี้แต่รู้สึกเหมือนน้ำเสียงมันจะหายไปหมด

“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า ผมประทับใจในงานของคุณมานานแล้ว ผมทึ่งในอัจฉริยภาพของคุณจริง ๆ งานที่ออกมาจากปลายปากกาของคุณนั้นขอให้รับรู้ไว้เลยว่ามันได้ผ่านตาของผมทุกชิ้น ผมซึมซับในบทสนทนาอันเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ และบางครั้งก็นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง คุณก็รู้สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมสื่อ ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ การจะเป็นผู้ชนะต้องอาศัยช่องทางเหล่านี้ ในสมัยนี้ผู้ที่ควบคุมสื่อได้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ผมก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ แต่ก็คิดว่ามันยังไม่เพียงพอ ผมยังขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะเชื่อมผมและสื่อเข้าด้วยกัน วันหนึ่งผมนั่งดูโทรทัศน์แล้วเห็นงานโฆษณาที่คุณเขียนบท มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับวีรบุรุษผู้กอบกู้บ้านเมือง แล้วก็นึกว่าใช่เลย มันจะต้องเป็นแบบนี้ สิ่งที่ผมขาดไปก็คือคนเขียนบทฉลาด ๆ ผู้ที่สามารถคิดบทสนทนาอันเฉียบคมในระยะเวลาอันสั้น ผู้สามารถสร้างวีรบุรุษขึ้นมาจากปลายปากกาได้นั่นเอง”

“ท่าน” หยุดไปสักครู่ใหญ่จึงกล่าวต่อ

“แต่งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ จึงต้องมีการทดสอบกันก่อน แล้วคุณก็ผ่านมาได้จริง ๆ แม้จะมีปัญหาเรื่องความกล้าและความเด็ดขาดบ้างนิดหน่อยแต่ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถเอาชนะมันได้ในที่สุด คุณสามารถเรียกร้องสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้อมูล หรืออำนาจ ผมจะทุ่มไม่อั้นเพื่อทำให้ฝันของคุณเป็นจริง ทำให้ฉากที่คุณสร้างมีตัวตน บทสนทนาที่คุณสร้างจะถูกนำมาใช้จริง ๆ มันจะไปปรากฏตามสื่อทุกสื่อ คุณคิดดูสิมันน่าภาคภูมิใจแค่ไหน เราจะร่วมมือกันสร้างสังคมใหม่ขึ้นมา สังคมที่ผมเป็นผู้นำโดยมีคุณเป็นผู้กำหนดบทบาทให้ ”

“ผม... ขอเสนอให้คุณเป็นคนเขียนบทให้ผม” ท่าน กล่าวอย่างชัดเจนและจ้องมาที่ใบหน้าของผมที่กำลังยืนตกตะลึงกับความคิดที่แปลกใหม่นี้ สายตาที่คมกริบมีอำนาจนั้นทำให้ผมต้องก้มหน้าหลบลงพิจารณาดูลายไม้ที่ฝังอยู่ในพื้นห้อง

“ผมจะให้เวลาคุณคิดสองวัน แต่ต้องขอร้องให้คุณอยู่ในบริเวณที่กำหนดให้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการสิ่งใดให้เรียกชายที่ยืนอยู่หน้าประตูเขาจะจัดการให้คุณหมดทุกอย่าง” ท่านพูดก่อนที่จะเดินจากไป

ผมหันหลังกลับไปมองแผ่นหลังของท่านที่ค่อย ๆ เดินจากไป ความคิดยังวนเวียนปะปนกันไปมาสับสนไปหมด ชักไม่มั่นใจว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ บางทีผมอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ ผมเดินไปนั่งที่โซฟาอันอ่อนนุ่มซึ่งตั้งเข้าชุดกันในมุมหนึ่งของห้อง เริ่มสงบสติอารมณ์ ค่อย ๆ พิจารณาไปทีละเรื่อง ๆ

ผมสรุปได้ว่าไม่ใช่ความฝันแน่ ๆ หลังจากร้องขอน้ำดื่มจากชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าห้อง จากนั้นจึงใคร่ครวญเรื่องต่าง ๆ จนมาถึงประเด็นสำคัญ

“เรากำลังต้องการความท้าทายอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมข้อเสนอนี้จะไม่ใช่คำตอบหล่ะ บทที่เราเขียนขึ้นจะถูกนำไปใช้งานในชีวิตจริง และจะส่งผลกระทบในวงกว้างมากกว่าเดิม เราจะได้เห็นตัวละครที่สร้างขึ้น ได้เห็นการเปลี่ยนของสิ่งต่าง ๆ ในสังคม ที่เกิดจากจินตนาการของเรา มันไม่น่าสนุกหรือ แต่เดี๋ยวก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะทำตามบทของเราจริง ๆ”

ผมร้องขอเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมเวิร์ดจากชายหน้าห้อง หนึ่งเพื่อเป็นการทดสอบว่าพวกเขาสามารถหาทุกอย่างให้ผมได้จริง ๆ หรือไม่ สองผมจะดูว่าเวลาที่พวกเขาใช้ในการจัดการตามสิ่งที่ผมขอนั้นนานสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ปรากฏว่า หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงผมก็มีโน๊คบุ๊คใหม่เอี่ยมเครื่องหนึ่งไว้ใช้ ผมจึงเริ่มเขียนบทที่จะใช้ทดสอบการทำงานของพวกเขาขึ้นมาทันที

และฉากที่ผมสร้างขึ้นก็กลายเป็นสวนเบื้องหน้าห้องทำงานของท่าน ในระยะเวลาแค่สองวันหลังจากที่ผมเขียนบทและส่งไปให้ท่านพิจารณา...

“พี่คะ ๆ“ เด็กรับใช้น่าตาสละสลวยคนหนึ่งของท่าน ใช้นิ้วชี้ที่ขาวผ่องสะกิดไหล่ข้างขวาของผมเพื่อปลุกให้ผมตื่นมาจากภวังค์
“ท่านเรียกเข้าพบค่ะ” เธอกล่าวอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมรู้สึกตัวแล้ว
“ครับ” ผมตอบพร้อมกับเดินตามหลังเธอไป
“อ้าว มาแล้วหรือ นั่งก่อนสิ” ท่านกล่าวขึ้น หลังจากเห็นผมเดินเข้ามาในห้อง ในมือยังถือบทที่ผมนำมาให้พิจารณาเมื่อครู่อยู่
“บทคราวนี้น่าสนใจมากทีเดียวนะ”
“ครับ”
“แต่ผมมีเรื่องที่จะถามคุณพอสมควรเลยหล่ะ”
“เชิญครับ ผมพร้อมเสมอ” ผมกล่าวตอบอย่างมั่นใจ
“จากบทของคุณ นี่เราต้องสร้างตัวละครขึ้นมาอีกตัวใช่มั้ย ที่คุณใส่ให้ชื่อว่า นายชาญ”

“ครับ ผมคิดว่าจะทำให้เรื่องในตอนนี้มีน้ำหนักมากขึ้น เราจะต้องยอมเสียขุนพลสักคนเพื่อส่งเสริมภาพวีรบุรุษของท่านให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น มันจะทำให้ท่านโดดเด่นเหมือนเดือนกลางหมู่ดาวในคืนเพ็ญเลยทีเดียว”

“คุณคิดว่าอย่างนั้นหรือ แล้วเรื่องในพรรคหล่ะ คุณก็รู้ว่าเขามีอำนาจพอสมควร คนของเราหลายคนก็ติดหนี้น้ำใจเขาอยู่ ถึงแม่ว่าช่วงนี้จะมีกระแสต่อต้านเขาอยู่ก็ตาม”

“ท่านก็ทราบดีนี่ครับว่าผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ขึ้นอยู่กับวิธีการเท่านั้นเอง จะทำอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด ซึ่งมันก็มีหลายทาง แต่ผมเลือกค่อย ๆ ริดรอนอำนาจของเขาลงไป เชื่อผมสิครับว่าประชาชนจะอยู่ข้างท่าน”

“อืม น่าสนใจแต่ขอผมตัดสินใจก่อนก็แล้วกัน ประเด็นสำคัญของผมตอนนี้อยู่ที่ฉากการปราศรัยประกาศนโยบายครั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในกลางสัปดาห์ ดูคุณจะเซ็ตฉากนี้ไว้ยิ่งใหญ่ทีเดียวนะ มันจะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือที่จะให้มีการลอบยิงผม”

“ก็ต้องมีการเสี่ยงบ้างล่ะครับ แต่หลังจากการลอบยิงครั้งนี้ท่านจะกลายเป็นขวัญใจประชาชนทั่วประเทศ อย่าว่าแต่ 15 ปีที่ท่านประกาศเลยครับแม้แต่ให้ท่านอยู่จนสามารถดันลูกสาวลูกชายขึ้นมายังไม่ใช่เรื่องยาก”

“จำเป็นด้วยหรือที่ผมจะต้องเจ็บตัว”

“อันนี้ก็แล้วแต่ท่านนะครับ แต่ความคิดผมมันน่าจะคุ้มค่า คนเราน่ะมีความรุนแรงอยู่ในจิตใจ เชื่อเถอะครับว่ามันต่างกันเยอะ ระหว่างการที่ท่านทนพิษบาดแผลกล่าวปราศรัยต่อจนจบ กับท่านในตอนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยขึ้นกล่าวปราศรัยต่อ คนฟังเขาจะจำภาพที่แขนขวาของท่านซึ่งถูกทำแผลอย่างลวก ๆ ห้อยแขวนไว้ด้วยผ้าสีขาวที่มีตราของพรรคกับคอ ในตอนนั้นจะมีเลือดสีแดงสดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา ท่านกัดฟันกรอดพร้อมกล่าวอย่างกึกก้องว่าจะกำจัดผู้ก่อการร้ายให้สิ้นซากไปจากสังคม ลองคิดดูสิครับ นี่ยังไม่รวมไปถึงภาพที่จะออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์เลยนะครับ”

“อืมม…”

“จากนั้นเราก็ส่งคนออกก่อการร้าย สักสามสี่แห่ง วางระเบิดร้านค้าใหญ่ ๆ ตามหัวเมืองอีกสักครั้ง ต้องไม่ให้อยู่ในวันเดียวกันด้วยนะครับ เพราะทุกครั้งที่มีระเบิดท่านจะต้องเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ยังมีผ้าพันแผลคล้องคอ คราวนี้สื่อจะช่วยกันกระพือข่าวของท่าน ยกย่องให้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ สุดท้ายเราก็ให้คนที่วางระเบิดเข้ามอบตัวซะ ตอนนี้ผมติดก็แต่เรื่องคนหล่ะครับจะหาใครมาทำดี เราต้องการพวกเดนตายที่ไว้ใจได้ว่าจะไม่เปิดโปงซัก 5-6 คน โดยเฉพาะมือปืนที่ลอบยิงนี่ต้องฝีมือดีหน่อย“

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ผมพอจะมีคนอยู่บ้าง ว่าแต่ว่าคุณนี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เทียบกับวันที่เข้ามาใหม่ ๆ แล้วเหมือนเป็นคนละคน บทของคุณระยะหลังเล่นเอาผมสะดุ้งได้เหมือนกันนะ”

“ก็เรียนรู้มาจากท่านล่ะครับ ถ้าผมไม่ได้เข้ามาทำงานให้ท่านก็คงยังไม่รู้ว่าในสังคมนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่ได้เรียนรู้ มีอีกหลายเรื่องที่ผมยังสามารถนำมาเขียนเป็นบทได้ ผมยังจำได้ดีถึงคำที่ท่านพูดว่า ในวงการนี้อย่าหลงอยู่กับผิวหรือเปลือกที่ฉาบสีสวยงาม คุณต้องมองลึกให้ถึงแก่น นั่นหล่ะคุณถึงจะเป็นผู้ชนะ”

“อย่างไรก็ตาม ผมขอบคุณ คุณจริง ๆ ที่ผมสามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้อย่างทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคุณด้วย นับว่าผมมองคุณไม่ผิดไปเลย”

“ผมก็ขอบคุณท่านเช่นเดียวกันครับ ที่เปิดโอกาสให้ผมได้แสดงความสามารถ”

“เอ้อ ผม\\อยากให้คุณแก้อะไรนิดหน่อยนะ พอดีคิดขึ้นได้ตอนที่คุณบอกว่าให้ไปวางระเบิด ไหน ๆ ก็จะส่งคนของเราไปทำลายแล้ว ผมขอเป็นคนกำหนดและให้ข้อมูลสถานที่ล่ะกัน คุณจะได้เขียนฉากให้ชัดเจนขึ้น พรุ่งนี้เช้าค่อยมารับรายละเอียดนะ วันนี้ขอบคุณมาก”

“ครับ” ผมทราบดีว่าไม่ควรแสดงออกไปว่าสถานที่ ๆ ท่านจะให้มาน่ะผมก็รู้ดีอยู่แล้ว ตอนนี้กิจการของศัตรูที่ยังกล้าต่อต้านท่านก็เหลืออยู่ไม่เพียงกี่แห่งเท่านั้น ยิ่งแห่งที่วางระเบิดแล้วจะไม่มีใครสงสัยมาถึงท่านนี่ยิ่งสามารถจำกัดวงลงไปได้อีกเยอะ ผมสามารถระบุลงไปได้เลยทีเดียว

ผมกลับมายืนอยู่ในตำแหน่งเดิม แดดสีทองทอดทอทาบลงกับสุมทุมพุ่มไม้สุดสวยงามเบื้องหน้า ผีเสื้อสีเหลืองสดบินวนเวียนกันจ้าละหวั่น ราวกับจะแสดงตัวเป็นเจ้าของพื้นที่ ผมมองมันอย่างไม่ละสายตา ด้วยปราถนาจะโผบินสู่ฟ้ากว้างบ้าง ณ เวลานั้น สายลมและอากาศคงจะต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ละสายตาจากผีเสื้อน้อย มองขึ้นไปบนฟ้า แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ต้องการอะไรก็เพียงแค่กระดิกนิ้วแล้วสั่งลงไป ผมมีนักแสดงที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถ ระดับที่ส่งประกวดรางวัลระดับโลกได้สบาย ๆ เป็นจำนวนมากชนิดที่คุณคาดไม่ถึง บางครั้งผมยังนึกเสียใจที่วงการภาพยนตร์บ้านเราต้องเสียผู้มีพรสวรรค์ระดับสุดยอดไปหลายร้อยคน หนึ่งในนั้นก็คือ ”ท่าน” ท่านไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักครั้ง ไม่ว่าบทนั้นจะยากเย็นสักเพียงใด เมื่อท่านแสดงมันออกมาจะดูเป็นธรรมชาติอย่างที่สุดไม่ว่าจะอารมณ์ น้ำเสียงหรือท่าทาง ท่านสามารถยิ้มแย้มได้แม้ยามในใจทุกข์เศร้าแสนสาหัส ผมเชื่อว่าต่อให้ท่านเอามีดค่อย ๆ กรีดเลือดกรีดเนื้อของคุณออกมาทีละชิ้น ๆ คุณก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดแถมยังสรรเสิญสิ่งที่ท่านทำเสียอีกเมื่อได้รับการอธิบายจากน้ำเสียงที่อ่อนน้อมนั้นภายหลัง ในเวทีปราศรัยที่ผมเขียนบทให้ท่านเป็นครั้งแรกแม้ผมซึ่งเป็นคนเขียนบทยังคล้อยตามคำหวานที่ท่านกล่าวออกมาตามปลายปากกาของผมเลย อย่าว่าแต่ชาวบ้านร้านตลาดผู้ไม่รู้เรื่องราวที่ถูกเกณฑ์มานั่งฟัง

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ดาราย่อมมีวันดับแสงตัวของท่านก็เช่นกัน อีกไม่นานก็คงจะเป็นเพียงความทรงจำบทหนึ่ง แม้จะรู้สึกเสียดายบ้างที่ต่อไปนักแสดงคนสำคัญของผมคงจะต้องจบบทบาทไป แต่ผมก็จะเพิ่มสิ่งที่เข้าไปทดแทนกัน นักแสดงคนใหม่นี้จะถูกใจผมกว่าเดิม แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์ในการแสดงสักเท่าไหร่แต่ในเรื่องของการทำความเข้าใจบทแล้วไม่มีใครที่จะเข้าใจบทที่ผมเขียนมากไปกว่าเขาอีกแล้ว ผมได้เพิ่มตัวละครตัวหนึ่งเข้าไปอย่างลับ ๆ และแนบเนียนจนท่านไม่ได้สังเกตหรือสังเกตแต่ไม่ได้สนใจมากว่าปีแล้ว เขาค่อย ๆ มีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งไปแล้ว อีกไม่นานหรอก ผมจะยกเขาให้เป็นตัวเอกแทน เพียงแค่ยังต้องใช้เวลาอีกสักนิด

แต่ในตอนนี้คงต้องให้นักแสดงอีกคนรับช่วงบทของ ”ท่าน” ไปก่อน ผมล้วงโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดขึ้นมา แล้วโทรติดต่อเขาทันที

“ท่านรอง หรือครับ ....ครับ แผนการสำเร็จแล้ว ถ้า “ท่าน” ร้องขอมือปืนระดับพระกาฬ ก็ให้ส่งคนสนิทของท่านรองไปได้เลย จัดการให้เรียบร้อย นะครับ ...ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ผมดันท่านรองเต็มที่แน่ ๆ เรื่องอื่น ๆ ผมเตรียมไว้แล้วครับ”

…แล้วบทภาพยนตร์ของผมก็ดำเนินไปตามครรลองของมัน.

**************************************************************



Create Date : 12 กรกฎาคม 2548
Last Update : 12 กรกฎาคม 2548 19:04:41 น. 2 comments
Counter : 494 Pageviews.

 
เข้ามาด้วยความบังเอิญค่ะ เสิร์ชหาคำว่า "คนเขียนบท" เลยได้อ่าน คนเขียนบท จนจบ...ความจริงอยากจะอ่านเรื่องอื่นๆ ด้วย แต่งานเร่งด่วนจนแทบกระดิกไม่ได้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ "เจ้าของบล็อก" เขียนเรื่องน่าอ่านไปเรื่อยๆ นะคะ ถ้ามีโอกาสอีกคงได้แวะมาเยี่ยม

ขอบคุณค่ะ


โดย: T IP: 124.120.228.119 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:52:58 น.  

 
อืม


โดย: คนเขียนบทเล็กๆ IP: 125.25.85.38 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:20:36:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biblio
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add biblio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.