Group Blog
 
All Blogs
 
อักษรวสันต์

ในวันที่เงียบเหงาของเดือนเมษา ผมตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวันที่กินเวลายาวนาน นานจนคิดว่าคงจะข้ามวันไปแล้ว แต่แสงสีมลังเมลืองของอาทิตย์ยามบ่ายที่ลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ของม่านสีน้ำทะเลเข้ามานั้นก็ปลุกสติของผมให้กลับมาสู่ปัจจุบันกาล ปัจจุบันที่ไร้แก่นสารราวกับชีวิตไร้ค่า ไม่มีประโยชน์แก่ใครแม้กระทั่งตัวเอง ผมขยับขึ้นมาอยู่ในท่านั่งกึ่งนอนโดยมีหลังพิงหัวเตียง มองขาและแขนที่เรียวลีบเล็กลงของตัวเอง มันผิดจากมนุษย์ปกติไปมากพอสมควร ความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของโลกนั้นปรากฏขึ้นในใจของผมมาเนิ่นนานแล้ว แต่ผมยังไม่กล้าพอที่จะทำร้ายจิตใจของคนที่ผมรักและรักผมไปมากกว่านี้

นับตั้งแต่วันที่ผมประสบกับความอาฆาตของฟ้าดิน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตก็ดูเหมือนจะถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็ว ความหรูหราฟุ่มเฟือยไม่มีความหมายอีกต่อไป ผมเก็บตัวอยู่กับบ้านและซ่อนตัวอย่างมิดชิด จนผิวกายแทบเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เพื่อนฝูงที่เคยคบหาชื่นชมหดหายจนเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ ผมเคยคิดว่านี่เป็นการกลั่นกรองเพื่อนแท้ที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ตอนนี้ที่ผมเหลืออยู่นั้นมีคุณภาพมากกว่าปริมาณเป็นไหน ๆ แต่ก็คงไม่มีใครอยากลองใช้วิธีนี้นักหรอก

ประตูห้องถูกเปิดขึ้น เสียงฝีเท้าอันนุ่มนวลแผ่วเบาค่อย ๆ เดินเข้ามาจนถึงข้างเตียงเธอหยุดและนั่งลงบนขอบเตียงในขณะที่ผมยังมองไปทางหน้าต่างตลอดเวลา ไม่ใช่ไม่กล้าเผชิญหน้า แต่ผมกลัวสายตาที่มีแต่ความรักและเมตตาของเธอ ซึ่งผมคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับมันเลยแม้แต่น้อยนิด ด้วยในความคิดนั้นดูแต่จะหมกหมุ่นอยู่กับการทำร้ายเธอวันแล้ววันเล่าวนเวียนไปเรื่อย ๆ

“เปิดม่านไหม” เธอพูดขึ้น
“...........” ผมไม่พูดกับใครอีกเลยนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น
“ออกไปเดินเล่นนอกบ้านมั่งสิ บางทีแขนขามันอาจจะดีขึ้นนะ”
“..........”

เธอยกมือของผมขึ้นไปแนบกับใบหน้านวล หยาดน้ำใสไหลรินออกมาจากดวงตาหยดลงบนมือที่แสนเย็นชา แต่น่าแปลก ที่สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกับเป็นหัวใจ มันบีบตัวจนแทบแหลกสลายราวกับว่าจะเค้นเอาความคับแค้นใจที่ไม่สามารถบอกเธอให้รับรู้ออกมาจากตัวเองได้

ความอบอุ่นของอุ้งมือยังคงอยู่ ในขณะที่ร่างของเธอจากไปแล้ว ผมกำมือไว้แน่นราวกับกลัวว่าไออุ่นนั้นจะหายไป แต่มันก็คงอยู่ได้ไม่นาน ในใจเฝ้าบอกตัวเองว่าทำถูกต้องแล้วอยู่ตลอดเวลา ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียใจเมื่อเวลาของผมมาถึง ซึ่งก็คิดว่าคงอีกไม่นานเท่าไหร่นัก

ผ้าม่านผืนบางโบกพัดด้วยแรงลม แสงสุรีย์ที่รอดช่องน้อยเข้ามาเกิดการแกว่งตัว สร้างแถบสว่างเล็ก ๆ ให้แก่ห้องที่อยู่ในความมืดหม่น เธอเป็นคนเปิดหน้าต่างในทุก ๆ เช้า แล้วชักม่านบังความสว่างไว้อย่างที่ผมต้องการ ความจริงแล้วแม้กระทั่งหน้าต่างผมก็ไม่ประสงค์จะให้เธอเปิด แต่นี่เป็นการพบกันครึ่งทางอย่างที่เราเคยใช้เป็นประจำในครั้งอดีต

ผมเอื้อมมือไปใต้หมอนหยิบกุญแจที่ซ่อนไว้ นำไปไขลิ้นชักที่ข้างเตียง แล้วมันก็กลับเข้ามาอยู่ในมือของผมอีกครั้งหนึ่ง ความเยียบเย็นของดุ้นเหล็กในมือนั้นชวนให้ใจสงบลงบ้าง เพียงจ่อแล้วเหนี่ยวไกลง แค่นั้นเองผมก็จะปลดปล่อยทั้งตัวเองและเธออันเป็นที่รักไป เธอยังสาว สวย ยังมีหนทางอีกไกลให้เดินไป ไยจะต้องมาจมปลักกับคนที่ไร้ค่า เฝ้าฝันถึงแต่อดีตอันสวยงามเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงชีวิตที่แสนเศร้าตรมอีกเล่า

มือของผมยกมันขึ้นมาจ่อเข้ากับขมับด้านขวา จากนั้นจึงหลับตาลง ผมคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางอีกครั้งแม้ไม่รู้ว่ามันจะไปจบลงตรงที่ใดก็ตาม นิ้วมือของผมสัมผัสกับไกในขณะที่ใจเกิดตะกอนขุ่นมัวขึ้น ภาพของแววตาอันนุ่มนวลอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยเมตตานั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง น้ำตาของผมไหลออกมา น้ำตาที่ไม่เคยปล่อยให้ใครเห็นมาก่อนแม้จะต้องเจ็บปวดรวดร้าวทั้งร่างกายและจิตใจสักเพียงใด มัจจุราชสีดำสนิทถูกลดลงอย่างช้า ๆ จนไปสงบนิ่งอยู่บนที่นอนอันยับย่น สีของมันตัดกับผ้าปูที่นอนสีอ่อนอย่างรุนแรง ผมยกมือขึ้นกุมศีรษะแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ...ผมไม่กล้าทำร้ายเธอ แต่ผมกำลังทำลายเธออยู่ แล้วจะให้ผมทำอย่างไร

แสงแดดยังไม่อ่อนแรงปืนและกุญแจกลับไปอยู่ในที่ของมัน ผมหันไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง เฝ้าคิดว่าโลกภายนอกจะเป็นอย่างไรบ้างหลังจากผมจากมา บางวันผมจะค้ำไม้เท้ากะเผลกตัวทนความปวดร้าว เข้าไปใกล้ ๆ หน้าต่างเพื่อแอบฟังเสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงหมู่ไม้ที่หยอกล้อกับสายลมที่ลอดผ่านม่านเข้ามา แต่ความขี้ขลาดตาขาวก็เข้าครอบงำจนไม่กล้าออกไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้น อีกทั้งก็กลัวเธอจะรู้ว่าผมยังมีกำลังใจที่จะมีชีวิตซึ่งนั่นจะทำให้เธอตัดสินใจที่จะอยู่กับผมบนเส้นทางที่ไร้จุดหมายต่อไป

สายลมพัดมาอย่างแผ่วเบา ม่านผืนบางปลิวขึ้นอีกครั้ง แดดทาบทอลงบนโต๊ะข้างเตียงมันสะท้อนเป็นประกายกับตัวอักษรเคลือบเงินบนปกของหนังสือเล่มหนึ่ง แม้เธอจะรู้ว่าผมไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ก็ยังจัดหามาให้ทุก ๆ วัน และแต่ละวันก็ยังเปลี่ยนไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ได้สัมผัสกับมือของผมเลยก็ตาม …แต่วันนี้ผมหยิบมันขึ้นมา

หนังสือถูกวางอยู่บนตัก มือของผมลูบคลำตัวอักษรสีเงินที่นูนเด่นอยู่บนหน้าปก ในใจคิดว่าทำไมตัวเองถึงไม่ชอบอ่านหนังสือ นั่นอาจเป็นเพราะในอดีตผมมีพร้อมทุกอย่าง ผมสามารถหาความสุขอย่างอื่นได้ตั้งมากมาย ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำมากกว่ามาเสียเวลานั่งอ่านหนังสือเป็นเล่ม ๆ ทีละนาน ๆ เหมือนอย่างที่เธอชอบทำ แต่ก็อีก ดูในวันนี้สิผมสามารถทำอะไรได้บ้าง

...ในที่สุดผมเปิดหนังสือเล่มนั้นขึ้นและเริ่มอ่านมัน

ผมรู้สึกฉงนกับตัวหนังสือมากมายซึ่งผ่านสายตาไปหน้าแล้วหน้าเล่า มันประกอบเป็นตัวแสดงในจินตนาการของผมโดยมีผู้แต่งเป็นผู้ชี้นำ ผมเริ่มเดินทางไปกับมัน กับตัวอักษรที่เคยเกลียดชังและเคยบอกกับตัวเองบ่อย ๆ ว่าไม่มีเวลาให้ บางครั้งผมร่วมสู้รบไปพร้อมกับเหล่าผู้กล้าหาญ ตะลุยฝ่าไปในโลกแห่งเวทย์มนต์ บางทีก็เข้าป่าไปกับจอมพราน ร่วมกันล่าเสือหาสมบัติล้ำค่า มันนำมาซึ่งรอยยิ้ม ความตื่นเต้น ความสุขและคราบน้ำตา รวมไปถึงความรู้แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน

หนังสือผ่านไปเล่มแล้วเล่มเล่า เธอเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏเมื่อเอาหนังสือมาเปลี่ยน แต่ผมยังปวดใจเช่นเดิมและยิ่งเจ็บทุกครั้งเมื่อเห็นประกายแห่งความหวังในแววตาของเธอ ความคิดที่จะทำร้ายตัวเองยังไม่จางหายไป

จนกระทั่งในวันหนึ่งวันที่ผมรับรู้ได้ว่ามวลหมู่ไม้กำลังผลิบานเต็มที่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกไปสัมผัสและซึมซาบกับมันอย่างแท้จริง ขณะที่หนังสือในมือถูกเปิดไปครึ่งเล่มและผมกำลังเพลิดเพลินกับโลกแห่งจินตนาการ ก็พลันมีเสียงประหลาดดังขึ้นมาจากเบื้องบน ผมเงยหน้าขึ้นไปมองบนเพดานสีขาวที่อยู่สูงขึ้นไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีสิ่งใดผิดปกติอยู่บนนั้น ผมจึงก้มหน้าลงมาจดจ่ออยู่กับหนังสือต่อ แต่ยังไม่ทันที่จะอ่านจบย่อหน้าที่ยังค้างเสียงนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันเริ่มจากเสียงตกกระทบหนึ่งเสียง... สองเสียง... และก็ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเสียงกราวใหญ่ แรกเริ่มผมคิดว่ามันคือเสียงฝนหรือลูกเห็บที่ตกลงมา แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แล้วมันไม่ใช่แน่ ๆ เพราะนอกจากจะไม่มีกลิ่นดินที่หอมชื่นใจกำจายขึ้นมาเหมือนทุกทีแล้ว อากาศก็ยังไม่หนาวเหน็บหรือมีทีท่าว่าลมจะพัดแรงขึ้นแต่อย่างใด

ลมฤดูใบไม้ผลิยังพัดเข้ามาเบา ๆ ม่านผืนบางโบกพัดเหมือนเคย ความอบอุ่บร่มเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้ง ๆ ที่มีเสียงดังเหมือนมีสิ่งของตกลงมาจากฟ้า ผมเพ่งมองไปที่หน้าต่างผ่านช่องเล็ก ๆ ของม่านสีน้ำทะเลออกไป แล้วฉับพลันก็สังเกตเห็นเงาของสิ่ง ๆ หนึ่งตกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครั้งแล้วครั้งเล่า

ผมก้มหน้าลงพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่สนใจกับเสียงที่เกิดขึ้น แต่เปล่าประโยชน์ ใจของผมรบเร้าให้ออกไปเผชิญหน้ากับมันด้วยความกล้าหาญ จนในที่สุดผมก็ทนเสียงเรียกร้องของตัวเองไม่ได้ ผมเอื้อมมือขวาไปคว้าไม้ค้ำที่วางอยู่ข้างเตียงยัดมันใส่ซอกรักแร้ขวาค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ผมใช้มือข้างซ้ายที่หงิกงอ ช่วยมือขวาดึงไม้ค้ำขึ้นเพื่อให้ตัวเคลื่อนไปข้างหน้า ในขณะที่ขาขวาที่ยังสามารถสั่งการได้ค่อย ๆ กะเผลกตามไปทีละก้าว ๆ จนไปถึงหน้าต่างอย่างทุลักทุเล

เสียงแห่งชีวิตยังคงดังเข้ามาจากเบื้องนอก ดูราวกับว่าสิ่งที่ตกลงมานั้นไม่มีผลต่อสรรพชีวิตเลยแม้แต่น้อยนิด ผมยืนฟังเสียงของนกและแมลงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจใช้มือเปิดผ้าม่านที่กั้นระหว่างผมกับโลกภายนอกออก แสงสีทองแห่งวันสาดพุ่งเข้ามายังใบหน้าทำให้แทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ผมก็อยู่เผชิญกับมันจนในที่สุดก็สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นได้

ภาพที่ผมพบเห็นก่อให้เกิดความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ในขณะนี้มีฝนตกอยู่ แต่มันไม่ใช่ฝนธรรมดา เป็นฝนแห่งอักษรที่พร่างพรมลงมาจากฟ้ากว้าง ผมเห็นตัวอักษรมากมายเป็นหมื่นเป็นแสน ทั้งพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ บ้างก็จับตัวเป็นคำ เป็นประโยค ลอยลงมา มันตกกระทบหลังคาและสิ่งก่อสร้างกระเด็นกระดอนก่อนจะไปสงบลงที่พื้นและค่อย ๆ แทรกซึมลงไปในผืนดิน

ตัวอักษรหลายตัวตกลงบนร่างกายของผู้คน บางทีผมก็เห็นมันซึมซาบผ่านร่างของพวกเขาไป บางครั้งมันก็กระเด้งสะท้อนออกมาราวกับคนผู้นั้นไม่ต้องการมัน ตัวอักษรบางตัวยังค้างเติ่งอยู่บนยอดหญ้าหรือกิ่งไม้เหมือนกับจะรอคอยอะไรสักอย่าง

คนหลายคนพากันวิ่งไล่เก็บและยืนรอรับมันด้วยความสุขสมหวัง ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนปล่อยให้มันตกผ่านร่างของเขาไปเฉย ๆ ไม่ก็จับมันโยนทิ้งโดยไม่เหลียวแล บางคนนำอักษรเหล่านั้นมาเรียงร้อยเป็นถ้อยคำ ทั้งร้อยแก้ว บทกวี แล้วร้องเรียกให้คนอื่น ๆ มาชื่นชม ซึ่งก็มีทั้งที่ประสบความสำเร็จมีคนชมล้นหลามและไม่มีแม้ใครมาเมียงมอง แต่ถึงไม่มีใครมาชื่นชมผมก็ยังเห็นความรู้สึกปีติของเขาที่แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

ลมแห่งวสันต์ที่ดูจะไม่สิ้นสุดยังพัดพาเอาตัวอักษรหลายตัวผ่านร่างของผมไป ในยามนั้นผมถึงเข้าใจว่าทำไมตัวอักษรเหล่านี้ถึงกระเด้งสะท้อนออกมาเวลาตกใส่หลังคา สิ่งก่อสร้างหรือคนที่ไม่สนใจมัน นั่นเป็นเพราะมันจะมีตัวตนก็ต่อเมื่อสิ่งที่มันตกใส่เข้าใจถึงความหมายของมันนั่นเอง ผมรู้สึกถึงความเป็นอยู่ความชุ่มฉ่ำและความหมายของมัน มันเรียกร้องให้ผมออกไปข้างนอกไปสู่โลกอันกว้างใหญ่ ผมก้มลงเก็บตัว ก.ไก่ ซึ่งเป็นพยัญชนะตัวแรกสุดขึ้นมาในยามนี้แม้แค่ตัวอักษรเพียงตัวเดียวก็ดูมีความหมายลึกล้ำเกินกว่าจะคาดคิด

ผมยิ้มขึ้นและพยายามพาตัวออกไปสัมผัสกับสายฝนแห่งอักษรอันชุ่มชื่นที่อยู่เบื้องนอก จนในที่สุดก็ออกมาพ้นจากตัวบ้านได้

ฝนอักษรสาดซัดใส่ร่างอย่างนุ่มนวล ผมพบว่าโลกแห่งอักษรช่างกว้างใหญ่ตัวอักษรที่มีอยู่จำกัดสามารถเอามาเรียงประกอบสร้างความหมายได้ไม่มีที่สิ้นสุด นี่ไยไม่ใช่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ผลของมันนำพามาซึ่งสิ่งต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะด้านวัตถุหรือจิตใจ ทั้งความสุข เศร้า กำลังใจและปัญญา นั่นขึ้นอยู่กับว่าใครจะเก็บเกี่ยวได้

ร่างของผมล้มคว่ำลงบนสนามหญ้าด้วยหมดแรง สองมือแทบไม่เหลือกำลัง แต่ผมก็ยังพลิกตัวแหงนหน้าขึ้นไปยังเบื้องบน ตัวอักษรยังพร่างพรมลงมา ผมปล่อยให้มันผ่านร่างและซึมทราบกับความหมาย ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังและหวาดกลัวลบเลือนไปจากใจ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน กำลังเริ่มกลับคืนมา ผมค่อย ๆ พยุงร่างขึ้นโดยมีเธอซึ่งคอยเฝ้าดูอยู่ด้านข้างตลอดเวลาเข้ามาช่วย ผมยิ้มให้เธอ และบอกให้ประคองขึ้นนั่งก็พอ เธอร้องไห้เมื่อได้ยินคำขอร้องครั้งแรกจากปากของผมแต่ก็ทำตามที่ต้องการในทันที

ไม่นานนักในมือของผมก็เต็มไปด้วยตัวอักษร ผมเริ่มเรียงร้อยมันเป็นถ้อยคำ จากถ้อยคำกลายเป็นประโยคสื่อความหมาย ตัวอักษรได้ผลิดอกออกผลขึ้นในใจและความคิดของผมแล้ว มันเติบโตอย่างรวดเร็ว จนสามารถเก็บเกี่ยวมาใช้งาน ผมทำงานอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย จากบรรทัดเป็นย่อหน้า จากย่อหน้าเป็นเรื่องราว

รอบข้างเริ่มมีคนเข้ามายืนชม ไม่มีใครสนใจกับความพิกลพิการไม่เหมือนใครของผมอย่างที่เคยกลัว พวกเขามองไปยังตัวอักษรและข้อความที่กลั่นออกมาจากความคิด และเฝ้าพินิจถึงเรื่องราวที่ผมสร้างขึ้นมา งานของผมก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ด้วยมีแรงบันดาลใจหนุนนำ

ผมตั้งใจไว้แล้วว่าเรื่องแรกของผมนี้ จะเรียงร้อยขึ้นเพื่อเธอ...

************************



Create Date : 12 กรกฎาคม 2548
Last Update : 12 กรกฎาคม 2548 18:04:06 น. 1 comments
Counter : 373 Pageviews.

 
ได้อ่านทุกเรื่องละ ... เขียนได้ดีคะ

^^



โดย: เสือดาว IP: 61.91.118.202 วันที่: 13 กรกฎาคม 2548 เวลา:5:25:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biblio
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add biblio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.