Group Blog
 
All Blogs
 
เพียงแค่ฝันตื่นหนึ่ง

ผมกำลังจับตาดูการถ่ายทอดสดประชุมสภาผู้แทนในโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่ลูกชายวัย 5 ขวบกว่า ๆ กำลังนั่งเล่น เคาน์เตอร์ สไตร์ก ออนไลน์ อยู่ห่างออกไปด้านหลังไม่ไกลมากนัก นาน ๆ ทีก็จะได้ยินเสียงคำราม ฆ่ามัน ๆ เล็ดรอดไรฟันของเขาออกมาเบา ๆ

ภาพบนหน้าจอกำลังดุเดือดเข้มข้น สมาชิกสภาคนหนึ่งกำลังอภิปรายถึงประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับการทุจริตของรัฐมนตรีในกระทรวงไร้สาระสนเทศ เรื่องโครงการจัดตั้งศูนย์ให้บริการสิ่งศักสิทธิ์ออนไลน์ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้แก่บรรดาเซียนหวย ที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลในการเล่นหวยได้จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ และต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบายมากกว่าที่เป็นอยู่

“ท่านประธานที่เคารพครับ ผมขอชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ผิดปกติวิสัย ของโครงการนี้ครับ”
“จากข้อมูลที่ได้มาเราพบว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการมีราคาเกินจริงมากกว่าราคาที่ควรจะเป็นครับ”

ชายร่างท้วมที่สวมสูทสีดำสนิทในโทรทัศน์ยกบอร์ดสีเขียวที่จัดทำขึ้นมาเอง วางไว้บนแท่นเบื้องหน้า ก่อนที่จะกล่าวต่ออย่างคล่องแคล่ว
“ยกตัวอย่างเช่นนี่ครับ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในโครงการครับ ราคาเครื่องละ 150,000 บาท ผมไม่รู้เหมือนกันว่านี่มันราคาคอมหรือราคารถกันแน่....”

“5555 เหอ ๆ หึ ๆ ก๊ากกกก ๆ” เสียงหัวเราะหลากหลายอารมณ์ดังขึ้นมาอย่างครื้นเครงในสภา สมาชิกสภาที่กำลังอภิปรายหยุดรอจังหวะหลังจากปล่อยมุขไปสักครู่อย่างมืออาชีพ ก่อนที่จะเริ่มต่อ

“ผมมีข้อเปรียบเทียบครับพิจารณาในตารางช่องที่สองนะครับ ในสมัยที่ผมเป็นรัฐบาลก็ได้เคยพิจารณาโครงการที่มีประโยชน์มหาศาลนี้เช่นกันครับท่าน ราคาที่ผมเสนอตอนนั้น แค่ 99,999 บาท เพียงช่วงเวลาผ่านมาราคาขึ้นไปอีก 50000 บาทเชียวหรือครับท่านประธานที่เคารพ นี่ยังไม่รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ เลยนะครับ ประชาชนไม่ใช่ควาย นะครับท่าน”

“คุณอภัยครับ กรุณาสุภาพด้วยครับ”
“ครับท่าน เอ้อ... ขอโทษครับ ขออภัยด้วยครับท่านสมาชิกทุกท่าน ผมเพียงแต่คิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติมากไปหน่อยครับ”

ผมละสายตาจากจอโทรทัศน์ไปที่ห้องทางด้านซ้ายมือ เพราะเสียงเพลงอัลเตอร์ที่ดังผ่านประตูออกมา พร้อมกับร่างลูกสาววัยแรกแย้มของผมที่เดินตรงดิ่งไปที่ห้องครัวโดยไม่สนใจแม้แต่จะทักทายพ่อที่อยู่ใกล้ ๆ ใจของผมสลดลงครู่นึงแต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อนึกไปถึงว่า ผมไม่เคยปฏิเสธเมื่อเธอมาร้องขออยากได้อะไรจากผมเลย และถ้าเธอมีปัญหาอะไรก็คงเข้ามาปรึกษาเองน่ะแหล่ะ งานทุกวันนี้ก็หนักจะตายชักอยู่แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลให้มากมาย เธอยังมีทั้งแม่ ทั้งครูที่โรงเรียนนี่นา

ในที่สุดผมก็กลับมาสนใจการอภิปรายบนหน้าจอต่อ คราวนี้เป็นทีของท่านรัฐมนตรีกระทรวงไร้สาระสนเทศ อภิปรายถึงกรณีทุจริตโครงการฯ ซึ่งประเด็นหลักที่ทางฝ่ายค้านใช้ในการยื่นถอดถอนท่านออกจากตำแหน่งแล้ว

“ท่านประธานที่เคารพครับ ในกรณีนี้ผมสามารถชี้แจงได้ครับ...” ชายวัยกลางคนสวมสูทสีเทาเข้ารูป ศีรษะค่อนไปทางล้าน แบบที่คนไทยโบราณเรียกแร้งกระพือปีกลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

“เป็นที่ทราบกันดีนะครับ ว่าราคาที่สินค้าได้รับมานั้นได้ผ่านกระบวนการพิจารณาหลายขั้นตอนมาก จนกว่าจะมาถึงผม...”

สมาชิกสภาทุกคนต่างลอบร้องคำ “ร้ายกาจ” ในใจ ขิงแก่จะอย่างไรยิ่งเผ็ดร้อนแรงกว่า เพียงขึ้นประโยคมาก็สลัดความรับผิดชอบไปให้เบื้องล่างได้แล้วส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็แค่เถลือกไถลไปตามน้ำเท่านั้น มิน่าบุคคลคนนี้ถึงได้เป็นรัฐมนตรีมากว่า 6 กระทรวง บางคนถึงกับจดใส่สมุดโน๊ตไว้เป็นบทเรียนเลยทีเดียว

เว้นจังหวะไปช่วงหนึ่ง รัฐมนตรีเจ้าของฉายา ”ไหลไปกับสายน้ำ” ที่นักข่าวตั้งให้เมื่อสิ้นปีที่แล้ว จึงเริ่มชี้แจงต่อ

“ผมและที่ปรึกษาอีก 16 คนได้พิจารณาเป็นอย่างดีแล้วว่า อุปกรณ์ที่เสนอมานั้นอยู่ในระดับที่มีคุณภาพราคาจึงแพงกว่า แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่เหมาะสมนะครับ....”

“อ๊อดด......... อ๊อดดๆๆๆๆๆ...” เสียงอ๊อดดังมาจากทางหน้าบ้าน หลังจากเสียงแรกดังขึ้นแล้วเงียบหายไปนานเกือบ 5 วินาที เสียงต่อ ๆ มาก็ดังกระหน่ำขึ้นราวกับปืนกลที่กระหน่ำยิงอย่างไม่เกรงใจกัน ผมหันไปมองแวบหนึ่งก่อนที่จะเรียกให้ ลูกชายที่กำลังเล่นเกมส์อย่างเมามันอยู่ว่าใครมาหา เห็นเขาระดมยิงศัตรูที่อยู่บนหน้าจออยู่พักใหญ่ สุดท้ายจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินไปที่ประตู

ไม่นานนัก เขาก็วิ่ง ตึ๊ก ๆ กลับมา เข้าไปทุบประตูห้องที่อยู่ทางซ้ายมือ พร้อมกับร้องเรียก
“พี่บีม ๆ แฟนพี่มาหาแน่ะ...”

สำเนียงเจื้อยแจ้ว ของเด็กชายลอยมากระทบกับโสตประสาทของผม ห้วงคิดคำนึงพาลหลุดลอยไปถึงลูกสาวอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกสาวมีแฟนกับเขาแล้ว ยังรู้สึกว่าเพิ่งจะอยู่ในช่วงก่อนวัยรุ่นได้ไม่นานเองนี่นา เห็นทีจะไม่ได้การซะแล้ว ยิ่งเป็นผู้หญิงยิงเรืออยู่ด้วย อย่างนี้คงต้องเรียกมาสั่งสอนซะหน่อยแล้ว

ผมแสร้งเป็นลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ในจังหวะที่ลูกสาวผมเดินก้มหน้าออกไป ในช่วงขากลับจึงลอบมองออกไปตรงม้าหินซึ่งเป็นที่ ๆ ทั้งคู่คุยกันอยู่ เห็นทั้งคู่นั่งหน้างุ้มใส่กัน เหมือนกับโกรธแค้นกันมาเนิ่นนาน ฝ่ายชายดูท่าทางก็อายุพอ ๆ กันกับลูกสาวของผม ผมถอนหายใจก่อนที่จะนั่งลงพร้อมกับคิดว่าเด็กสมัยนี้นอกจากแก่แดดแก่ผมแล้วยังมีพฤติกรรมแปลก ๆ เยอะจริง ๆ แล้วอย่างนี้จะให้ไปตามดูโดยตลอดได้อย่างไรล่ะ

ผมหันกลับมาที่หน้าจออีกครั้งท่านรัฐมนตรียังอภิปรายอย่างยืดยาวต่อไป แม่น้ำทั้งห้าสายตอนนี้คาดว่าคงชักมาได้ถึง 4 สายแล้ว แต่ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังออกมาจากข้างนอกบ้าน ผมรีบวิ่งออกไปโดยทันที ภาพที่ปรากฏอยู่นั้นทำให้หัวใจของผมแทบหล่นไปอยู่ที่ตามตุ่ม ท่ามกลางเสียงร้องหวีดอย่างหวดกลัวของลูกสาวผมเด็กชายอายุไม่น่าจะเกิน15ปี มือหนึ่งถือ เอ็ม 16 มือหนึ่งถือระเบิดมือ เอ็ม 26 บนใบหน้ายังมีน้ำตานอง ยกปืนขึ้นจี้ที่ร่างของเด็กสาวซึ่งนอนหงายอยู่ด้านล่าง พร้อมกับกล่าวอย่างวนไปวนมาด้วยเสียงสั่นเครือออกมา

“บีมกล้า ดีอย่างไร ไม่รักเรา อ่ะ กล้าดีอย่างไร ขนาดพ่อแม่เรายังรักเราจะตายเลย เราเป็นคนดีนะ เป็นคนดีจริง ๆ ด้วย เพราะชายใช่มั้ย ดีหล่ะ เราจะฆ่ามัน ฆ่าให้หมดเลย ฮือ ๆ”

ไม่มีเสียงตอบจากลูกสาวของผมเพราะหล่อน ได้แต่สะอื้นออกมาด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่สุด ส่วนผมนั้นก็แทบไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก แต่จะอย่างไรจิตสำนึกแห่งความเป็นพ่อก็ยังพอจะแสดงอาณุภาพออกมาบ้าง จึงปลุกประโลมความกล้าในจิตใจขึ้นมา

“เอ่อ ไอ้หนู ใจเย็น ๆ ไว้ก่อนดีมั้ย ค่อย ๆ พูดกันก็ได้ มีอะไร มาตกลงกันดี ๆ ดีกว่านะ” ผมเริ่มอย่างสะเปะสะปะ
“ลุงไม่ต้องมายุ่งเลย นี่เรื่องระหว่างผมกับบีม คนอื่นไม่เกี่ยว ฮือ ๆ” หนุ่มน้อยพูดขึ้นพร้อมกับส่ายปืนไปมา จนทำให้ผมต้องเอี้ยวตัวหลบด้วยความเสียว
“ลุงเป็นพ่อบีมนะ ลูกลุง ลุงสั่งได้ทุกอย่างล่ะ เอางี้มั้ย เข้าบ้านกินน้ำก่อนสิ”
“พ่อบีมเหรอ บีมไม่รักผมแล้วน่ะ บีมไม่รักผม ผมเป็นคนดีนะ ดีมาก ๆ ด้วย ไม่เชื่อไปถามเพื่อน ๆ ผมได้”

สายตาของเขาเกิดประกายสับสนขึ้นมานั่นทำให้ผมกล้าเข้าใกล้มากกว่าเดิม
“เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อ ลุงดูโหงวเฮ้งเป็นนะ อย่างเอ็งนี่เป็นคนดีมาก ๆ เลย หน้าผากกว้าง คิ้วหนา เขาว่าเป็นคนมีบุญมาเกิดนะ”
“จริงเหรอ.... แล้วทำไมบีมไม่รักผมแล้วหล่ะ”
“เขาแค่งอนเท่านั้นหล่ะลูกลุง ๆ รู้ดี” ในจังหวะนั้นเองผมก็สังเกตเห็นว่าปืนที่เขาสะพายอยู่ไม่ได้ปลดล็อก นี่คงเป็นความดีของการฝึก ร.ด. ตอนสมัยเรียนมัธยม ที่ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ นั่นทำให้ผมได้คิดว่า ระเบิดมือก็ต้องปลดล็อกเช่นเดียวกันถึงจะทำงานได้ ในช่วงนั้นผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะหาโอกาสเข้าชาร์ตเขาให้ได้ เพราะจากสภาพรูปร่างเขาก็ยังไม่โตสมบูรณ์ ถึงแม้มันจะดูเสี่ยงไปสักหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าให้ไอ้เจ้าเด็กหนุ่มนี่ ฉุกใจปลดสลักสิ่งใดสิ่งหนึ่งในสองสิ่งที่เขาถืออยู่ขึ้นมาได้

“งั้นเหรอ ลุงช่วยพูดให้ผมหน่อยได้มั้ย ผมรักบีมนะรักมากด้วย”
“ได้เดี๋ยวลุงพูดให้เลย” ผมรีบกำหนดเป้าหมายก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ พยายามหาทางสบตากับลูกสาวเพื่อให้รับรู้แผนการณ์ แต่เธอก็ยังก้มหน้าตามเดิม
“บีมม.... ลูก....” ในช่วงเวลานั้นเองผมอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ หันกลับไปคว้ามือที่จับระเบิดมือของเขาไว้แน่น ส่วนอีกมือก็จับข้อมืออีกข้างไว้ โน้มตัวเขาลงและกระทุ้งเข่าเข้าไปที่ท้องน้อยอย่างสุดกำลัง เด็กหนุ่มทรุดลงตรงเบื้องหน้าผม มือค่อย ๆ หมดแแรง คลายออก ผมรีบปลดระเบิดมือและเอ็ม 16 ที่คล้องคอของเขาอยู่โดยเร็วและหยิบเชือกร่มที่อยู่แถวนั้นมัดมือไขว้หลังเขาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะถอยหลังกลับมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วปาดเหงื่อที่ไหลท่วมใบหน้าออก

เด็กหนุ่มยังซึมเซาเอ่ยประโยคเดิมวนไปวนมา ด้วยเสียงที่สั่นเครือ

ในตอนแรกผมคิดจะแจ้งตำรวจ แต่นึกขึ้นมาได้ว่า ในกลางกรุงเช่นนี้เด็กหนุ่มหาอาวุธสงครามมาได้ ย่อมมีความเป็นมาอยู่ เกิดผมไปเหยียบตาปลาลูกคนใหญ่คนโตเข้าหล่ะจะมิเป็นเรื่องราวไปใหญ่โตหรือ จึงสอบถามเบอร์โทรศัพท์ทางบ้านของเขาจากลูกสาวแล้วโทรไปบอกให้มารับทราบเหตุการณ์และรับลูกชายกลับไป

ผมนั่งคอยอยู่หน้าบ้านไม่นานนัก รถยนต์ยุโรปคันใหญ่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาเทียบที่ริมรั้ว ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวอายุไร่เรี่ยกันก้าวลงมาจากรถ ผมรีบเดินไปเปิดประตูให้ทักทายและชักชวนให้เข้ามานั่งตรงม้าหิน บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นจึงแก้มัดเด็กหนุ่มและยัดเยียดให้เขานั่งลงที่ตรงกลางระหว่างผู้ปกครองของเขา

“ผมต้องขอโทษ จริง ๆ ครับ ไม่รู้ว่าแกทำไปได้อย่างไร ความจริงแกเป็นเด็กดีมากนะครับเนี่ย ไม่งั้นผมไม่ไว้ใจบอกที่ซ่อนอาวุธให้แกรู้หรอก คุณก็รู้นี่น่าเดี๋ยวนี้ผู้ร้ายขโมยขโจนวิ่งพล่านกันเต็มเมือง ความจริงก็ก่ะเอาไว้ให้แกป้องกันตัวเผื่อวันไหนเกิดฟลุคโจรมันขึ้นบ้านขึ้นมา แต่ก็เฮ้อ... ไม่รู้ว่าแกจะเอามาเล่นแบบนี้”

“เอ่อ... ถ้าไม่รังเกียจผมยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนะครับ” ว่าแล้วเขาก็หยิบ ซองขาวหนาปึ้กที่เตรียมไว้ขึ้นมา พร้อมกับค่อย ๆ เลื่อนมันมาเบื้องหน้าผม

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เด็ก ๆ ก็อย่างนี้หล่ะครับ ควบคุมสติ อารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่...”

“ค่ะ เดี๊ยนก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะค่ะ ลูกเดี๊ยนนี่เลี้ยงมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก นะคะ แม่นมก็แม่นมชั้นหนึ่ง พยาบาลก็ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ ดิฉันให้แกเข้าคอร์สอบรมดนตรีเพื่อพัฒนาอารมณ์ ด้วยนะคะ เปียนโน เชลโล่ ไวโอลิน นี่แกเล่นได้หมดค่ะ รางวัลไม่รู้จะเอาไปกองไว้ที่ไหนแล้ว ชั้นว่ามันต้องเป็นเพราะเพื่อน ๆ แน่เลยค่ะ แย่นะคะเด็กสมัยนี้เนี่ย โรงเรียนแทนที่จะไว้ใจได้กลับเป็นแหล่งซ่องสุมไป อาจารย์ก็ไม่รู้เอาหูเอาตาไปไว้ที่ไหน” แม่ของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่ผม ยังพูดไม่จบ

“นั่นก็เรื่องหนึ่งนะ อีกเรื่องก็พวกสื่อนี่หล่ะ ทั้งภาพยนตร์ โฆษณา วีดีโอเกมส์ ประโคมโหมเข้าไป ดูสิมีแต่เรื่องยิงกัน ฆ่าล้างโคตร ฆาตรกรรมหั่นศพ แล้วจะไม่ให้เด็กมันเลียนแบบได้อย่างไร ก็เห็นกันอยู่ทุกวัน ไม่รู้พวกผู้ใหญ่ในสภาเขาทำอะไรกันอยู่นะเนี่ย เห็นทีผมคงจะต้องใช้อิทธพลสักหน่อยแล้ว ความจริงก็ไม่อยากเลยนะเนี่ย คุณรู้จักท่านรัฐมนตรีสาทิตมั้ย นั่นน่ะเพื่อนกันเองนะ .... ฯลฯ” คนเป็นพ่อสมทบขึ้นบ้าง

ผมนั่งมองเด็กชาย ที่ยังงึมงำประโยคเดิมอยู่ ด้วยสายตาที่เหม่อลอย ประโยคของเขาเริ่มสั้นลง เหลือเพียงแค่ “ไม่รักผม ไม่รักผม” จนผมไม่รู้แล้วว่าใครไม่รักใครกันแน่ พ่อแม่ของเขา เพื่อน ๆ หรือลูกสาวของผม สงสารก็สงสารแต่จะทำอย่างไรได้ อีกไม่นานเขาคงจะได้บินไปเรียนต่างประเทศเร็วกว่าที่คิดไว้ ความอ้างว้างความโดดเดี่ยวที่เขาเผชิญมาทั้งชีวิตคงจะรุมเร้ามากขึ้นไปอีก แล้วเมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากจะคิดไปถึงเลย ใครจะรู้เล่าว่าภายใต้เปลือกนอกที่สดใจจะห่อไว้ด้วยจิตใจที่เหี่ยวเฉา

พ่อแม่ลูกร่ำลาจากไป ทิ้งไว้แต่ซองขาวที่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกันมันดีเมื่อสักครู่ ใจหนึ่งก็อยากจะคืนไป แต่ใจหนึ่งก็อยากจะเก็บไว้ ท้ายที่สุดมาคิดได้ว่าถึงผมจะคืนไปเขาก็คงจะไม่รับแน่ ๆ อยู่แล้วจึงตัดใจเก็บไว้เสียเอง ผมหยิบซองขาวเข้าบ้าน นิ้วมือสัมผัสกับความหนาของสิ่งที่อยู่ภายในพร้อมกับคาดเดาค่าของมัน

ลูกชายของผมยังนั่งเล่นเกมส์อยู่ที่เดิม บนจอโทรทัศน์ปรากฏภาพของสภาที่กู่ไม่กลับเสียแล้ว สมาชิกต่างฝ่ายต่างงัดอาวุธของตัวเองที่เตรียมมาออกมาใช้กันอย่างเต็มที่ บางคนถือกระป๋องที่บรรจุโคนสีดำสนิทสาดใส่สมาชิกฝ่ายตรงข้ามจนดำสกปรกไปตาม ๆ กัน บ้างก็ถูกสีจากฝ่ายตรงข้ามป้ายจนลายพร้อยไปทั่วทั้งตัว ฝ่ายคนป้ายก็ยังถือพู่กันแปรงทาสียิ้มหัวเราะร่า มีหลายคนปรากฏงูพาดอยู่บนลำคอพยายามกันงูไม่ให้กัดตัวเองคาดว่าคงพลาดออกแรงขว้างไปไม่พ้นคอนั่นเอง ส่วนเหล่ารัฐมนตรีนั้นหนักหน่อยเพราะผมเห็นถูกเอามีดกรีดสาวไส้ออกมาเป็นขด ๆ จนกองเป็นวง ๆ บนโต๊ะ แต่ก็ดูท่านยังสบายดี ค่อย ๆ เก็บไส้เหล่านั้นยัดเข้าพุงทีละน้อย แม้อีกด้านของลำไส้จะถูกฉุดดึงไว้ด้วยอีกพวกที่พยายามสาวก็ตาม บรรดาสิงสาราสัตว์ ทั้งสัตว์ป่า สัตว์ปีก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พากันวิ่งเล่นจนเต็มสภาไปหมด

ภาพพลันตัดไปที่ร่างของรัฐมนตรีกระทรวงไร้สารสนเทศ ที่กำลังยืนให้สัมภาษณ์ ที่ด้านล่างของจอมีชื่อพร้อมตำแหน่งบอกไว้ใต้เส้นสีแดง พณฯ สาทิต(มน 3*) บรรพกิตเจริญรุ่งโรจน์รัตนชาติบริภัทร รัฐมนตรีกระทรวงไร้สาระสนเทศ ข้าง ๆ ยังมีร่างของภรรยาของเขานาง รอบคอบ(ผ*) สกุลสุดโสภา กำลังติดสติ๊กเกอร์ข้อความ “สามคนยังพออยู่ ถ้ามีอีกกูฆ่าแน่” ที่ท้ายรถประจำตำแหน่งคันโต ทันใดนั้นบรรดาสัตว์ทั้งหลายต่างพากันกรูออกมาจากสภา ก่อให้เกิดปัญหายุ่งเหยิงไปทั่วบริเวณ และกระจายวงกว้างออกไป ทั่วเมือง ทั่วจังหวัดและทั่วประเทศ

ตาของผมเริ่มเบิกกว้างขึ้น หันมองไปรอบด้าน ลูกชายของผมกำลังเล่นเอ็ม 16 ที่เด็กหนุ่มคนนั้นทิ้งไว้ ลูกสาวของผมลูบคลำระเบิดมือและค่อย ๆ เลื่อนสลักออก ผมก้มหน้าลงมองในซองที่อยู่ในมือ แกะออกดูภายในนั้นกลับมีแต่แบงค์กงเต็กเป็นฟ่อน ๆ ก่อนที่จะปลิวกระจายออกมาสู่สายลม เสียงหัวเราะของเหล่าปีศาจที่ว่ายวนเวียนอยู่แถวนั้นพลันดังโหยหวนขึ้นมา

ผมทะลึ่งพรวดตื่นขึ้นมาจากฝันที่ร้ายอย่างสุดแสน พาให้คนที่นอนอยู่ข้างกาย สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วย
“ฝันร้ายหรือ...”
“อืมมม…” ผมครางรับ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า แล้วจึงพยุงตัวขึ้นมานั่งกึ่งนอน รอจนตาชินกับความมืดจึงเอื้อมไปหยิบขวดน้ำกับแก้วที่วางอยู่บนหัวเตียงมารินดื่ม ก่อนที่จะสำลักออกมาจนฝอยน้ำฟุ้งกระจายเมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาของเธอ

“คุณ ฉันว่าจะเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมนะ ทางบ้านเขาไม่ค่อยชอบนามสกุลคุณเลย เขาว่ามันโหลล่ะ...”

*********************
มน 3 = เมียน้อย 3 คน
ผ = ผัว
- เป็นคำย่อที่เกิดจากตรากฏหมายฉบับหนึ่งที่ได้รับการโหวตจากคนส่วนน้อยแต่ได้รับการประกาศให้ใช้กับบุคคลทั่วประเทศ ในดินแดนแห่งหนึ่ง
นอกจากข้างบนยังมี

มน2ล1 = เมียน้อยสองเลิกแล้ว 1 แต่ยังต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู
ยม = ยังไม่มีเมีย
ฯลฯ.



Create Date : 13 กรกฎาคม 2548
Last Update : 13 กรกฎาคม 2548 17:51:01 น. 0 comments
Counter : 417 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biblio
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add biblio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.