Me and you are friends.
You fight, I fight... You hurt, I hurt... You cry, I cry.
You jump off a bridge..........
I'm gonna miss you!
ศาสนา จำเป็นต้องอ้างอิงวิทยาศาสตร์ไหม?
ผมว่าไม่จำเป็นที่จะนำศาสนามาอ้างอิงกับวิทยาศาสตร์นะครับเพียงแต่ช่วงนี้ เป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะประชาชนมีฐานคิดทางวิทยาศาสตร์ และมีความเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วผู้ที่ตั้งใจจะเผยแพร่ศาสนา จึงมักจะต้องตอบคำถามที่มีวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานในการมองโลก จนดูเหมือนกับว่าเอาศาสนามาอ้างอิงอยู่กับวิทยาศาสตร์แต่ผมว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับที่พระพุทธเจ้าต้องทรงอธิบายสิ่งที่พระองค์ค้นพบบนพื้นฐานของความเชื่อของพราหมณ์หรือที่พระเยซูต้องประกาศสิ่งที่ท่านเข้าถึง ผ่านโลกทรรศน์แบบศาสนายิวหรือที่พระศาสดามูฮัมหมัดจะต้องแสดงธรรมที่ท่านซาบซึ้ง ในมุมมองของชาวอาหรับกล่าวคือมันไม่ได้ขึ้นกับว่าอะไรดีกว่า หรืออะไรด้อยกว่าแต่ขึ้นกับว่าอะไรที่มีมาก่อน อะไรที่เป็นพื้นฐานความเชื่อและกรอบการมองโลกของคนในขณะนั้นผมเชื่อว่าการเข้าถึงศาสนา ไม่จำเป็นต้องไปอ้างอิงกับกรอบของวิทยาศาสตร์แม้แต่น้อยแต่ในทางกลับกัน ผมก็คิดว่ากรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าถึงศาสนาเพราะผมคิดว่ามีความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ อยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับศาสนา ความจริงที่ทำให้ศาสนาอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้คือความจริงที่ว่า ศาสนาสามารถนำความสุขและความสงบมาสู่ศาสนิกผู้ที่นับถือศาสนานั้นๆได้จริงไม่ว่าจะเป็นคุณอัญชลี ที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหันมานับถือคริสต์หรือคุณลุงอาซิดเหยื่อระเบิด และปู่เย็น ที่รับมือกับชีวิตด้วยความสงบนิ่งได้อย่างน่านับถือ เพราะนับถือศาสนาอิสลามหรือพุทธศาสนิกชนอีกหลายๆท่านที่แสดงออกถึงความสงบ สันติสุขภายในใจอย่างชัดเจนผมเชื่อเหลือเกินว่า 'แก่น' ที่ทรงพลังของแต่ละศาสนาไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก เพียงแต่ว่าผู้บอกเล่าและนำ 'แก่น' เหล่านั้นมาสู่เรา อาจใช้ 'คำอธิบาย' ไม่เหมือนกันคล้ายๆกับที่ยาตัวเดียวกัน อาจจะมีทั้งแบบยาเม็ด ยาน้ำ หรือยาฉีด ใครพอใจจะใช้แบบไหน หรือมีแบบไหนให้ใช้ ก็ได้ผลพอๆกัน ที่สำคัญคือขอให้ 'ใช้' มันให้ 'ถูกวิธี' ก็แล้วกัน
ความงาม อยู่ที่ไหน?
ผมเชื่อว่า ความงามไม่ได้เป็นคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ รอบตัวเราและไม่ได้เป็นธรรมชาติของจิตเดิมแท้ของเราความงาม เป็นเครื่องมือล่อลวงมนุษย์ และเป็นอาวุธของ 'ความหลง'หากถามว่าความงาม อยู่ที่ไหน?ผมก็คิดว่ามันอยู่ในอุ้งมือของมารตัวที่ชื่อว่า 'ความหลง' นั่นแหละครับ
โลกใบนี้มี 'รัก' น้อยไปหรือเปล่า
โลกอาจจะมี 'รัก' น้อยไปจริงๆบางทีคนอื่นอาจจะไม่ได้ผิดแต่อาจจะเป็นตัวเราเองที่ผิดผิดที่เกิดมาแล้ว และตัดสินใจดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆแต่กลับไปเรียกร้องต้องการ และไม่ยอมรับโลกอย่างที่มันเป็นใครอยากก่อสงคราม ใครอยากก่อการร้ายเราอาจไม่เห็นด้วย แต่ผมก็ไม่คิดว่าเราจะห้ามใครต่อใครเหล่านั้นได้ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะรักโลกใบนี้ทั้งที่มันไม่สวยงามอย่างที่เราหวังรักคนอื่นทั้งที่เขาและเธอป่าเถื่อน โหดร้ายและเห็นแก่ตัว มากกว่าที่เราอยากให้เป็นได้หรือไม่ถ้าเราทำได้โลกก็อาจจะมี 'รัก' มากขึ้น
ว่าด้วยวัฒนธรรม
ผมคิดว่าวัฒนธรรมประพฤติตัวคล้ายวัตถุสิ่งของคือมันต้องการพื้นที่เพื่อที่จะดำรงอยู่พื้นที่บนสายธารแห่งความคิดความเชื่อของคนในสังคมแต่ที่ผมไม่ค่อยจะแน่ใจก็คือหากมันประพฤติตัวคล้ายๆวัตถุจริง มันเป็นวัตถุในสถานะไหน เป็นของแข็งที่หากปะทะกันต้องแตกหักสูญสลายกันไปข้างหนึ่งหรือเป็นสารละลายที่สามารถผสมรวมกัน แต่ทว่าลักษณะหรือคุณสมบัติจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่สัดส่วนของส่วนผสมในแต่ละช่วงเวลาหากเป็นแบบแรกความกลมกลืนทางวัฒนธรรมย่อมไม่อาจจะมีได้แต่หากเป็นแบบหลัง ความกลมกลืนทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่ต้องใช้เวลา ความไม่กลมกลืนจะเกิดขึ้นเฉพาะในช่วงแรกเท่านั้น คล้ายตอนที่เราเอาสารละลายมาผสมกันซึ่งลึกๆแล้วผมเชื่อว่าเป็นแบบหลังมากกว่าดังนั้นการจะเปิดรับหรือปิดกั้นวัฒนธรรมรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากภายในสังคมเองหรือจากวัฒนธรรมต่างถิ่นจากภายนอก จึงไม่ใช่ปัญหาว่ามันจะกลมกลืนกับวัฒนธรรมเดิมหรือไม่มันสำคัญที่ว่ามันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า?เหมือนเวลาที่เราจะเลือกส่วนผสมต่างๆของสารละลายที่ต้องคิดว่าหากผสมกันแล้วมันจะได้สารละลายที่มีคุณสมบัติที่เราต้องการหรือไม่?
ความเชื่อกับความเข้าใจ
ใครบางคนบอกว่า"บางทีเราต้องมีความเชื่อหรือศรัทธาเพื่อที่จะเข้าใจแต่บางทีเราก็ต้องมีความเข้าใจเพื่อที่จะเชื่อ"ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะผมคิดว่า...ความเชื่อ 'ไม่จำเป็น' สำหรับความเข้าใจแต่ความเชื่อหรือศรัทธานั้น อาจจะทำให้เรา 'คิดไปเอง' ว่าเข้าใจ มากกว่าที่จะเข้าใจอะไรจริงๆ ในทางกลับกันความเข้าใจก็ 'ไม่จำเป็น' สำหรับการจะเชื่อหรือศรัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บางคนอาจไม่เชื่อว่าแสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่ ไม่ขึ้นกับผู้สังเกตแต่ก็อาจเข้าใจได้ว่าทฤษฎีสัมพันธภาพน่าจะเป็นจริง 'หาก' แสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่ ไม่ขึ้นอยู่กับผู้สังเกตจริงๆบางคนอาจจะเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ถูกต้องจริงแท้ ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าใจเลยว่าจริงๆแล้วกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร และบางคนอาจศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า แต่ไม่เคยเข้าใจใน 'แก่น' หรือหลักธรรมของศาสนานั้นๆเลย
-------------------------------