อิจฉาคนงมงายในความรักค่ะ ตัวเราเองก็งมงายในหลายเรื่องเลยล่ะ

งมงายค่ะ...งมงายในบล็อค

ขอบคุณค่ะ

งมงายในความรักนี่แหละ คือบรมโง่ของมวลมนุษย์ชาติ
..มาชวนไปรับสารสาระที่บล๊อค

ชอบมากๆค่ะเนื้อหาของบล็อกนี้
บอกได้ว่าโดนใจ
เพราะเราอยากมีความงมงาย
อยากมีศรัทราบ้าง
ทำยังไงก็ไม่สามรถมีได้

หนูนิ้มว่าความหมายของคำว่างมงายและศรัทธาเป็นคนละอย่างกันนะคะ อย่างความเชื่อเรื่องศาสนา การเชื่ออย่างหลับหูหลับตาเชื่อโดยที่ไม่ศึกษา ไม่รู้ข้อดีข้อเสียของแต่ละศาสนา ยกศาสนาตนแล้วไปกล่าวว่าดูหมิ่นศาสนาอื่นโดยไม่รู้จริง หนูนิ้มเรียกว่างมงาย แต่การศึกษารอบด้าน ค้นจนพบความดี ความชั่ว ความจริงแล้วค่อยเชื่อค่อยทำตาม มันน่าจะเรียกว่าความศรัทธานะคะ หนูนิ้มก็ยังคิดว่ามันต่างกันคะ

งมงาย เชื่อมั่น ศรัทธา และอื่นๆ จริงๆอาจจะไม่ต่างกันเลย แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าใครเป็นเจ้าของความงมงาย หรือความเชื่อ หรือความศรัทธานั้น แล้วใครกันเป็นคนที่มองและตีความมัน แล้วก็กำหนดออกมาเป็นภาษาที่กลายเป็นต้นเหตุของความแตกต่างและการแบ่งแยกกัน

ก็ใครว่าสังคมสมัยใหม่ทุกวันนี้ไม่งมงายในวิทยาศาสตร์ ะบบตลาด และประชาธิปไตยเล่า ก็ทำนองเดียวกัน

หวัดดีค่ะ เห็นท่าว่าจะเจอคนคอเดียวกันซะแล้วค่ะ คือชอบวิทยาศาสต์และก้อปรัญชา โดยส่วนตัวคิดว่ามันเป็นศาสตร์ที่รอให้เราหาคำตอบอยู่ตลอดเวลา ไม่มีที่สิ้นสุด...อิอิ ดีใจค่ะที่ได้เข้ามา blog นี้
อ้อ อีกอย่างคือ งมงายในรักเช่นกันค่ะ...

เห็นด้วยนะครับคุณ gluhp
ผมว่าผมก็งมงายในวิทยาศาสตร์ และประชาธิปไตย(จริงๆ)
ผมถึงหวังว่า ผมจะสามารถ 'งมงาย' อย่างฉลาดได้นะครับ
: )


เรื่องภาษา พูดไปแล้วก็น่าปวดหัวจริงๆแหละครับ
คนแต่ละคนก็ตีความ ให้ความหมายกับคำแต่ละคำแตกต่างกันไป

แต่ยังไงผมก็ว่า มันยังคงเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เรามีใช้ในการคุยกัน
สื่อ 'สาร' กัน

เพียงแต่เราอาจจะต้องพยายามทำความเข้าใจ 'สาร' ที่แต่ละคนต้องการจะสื่อ ผ่านภาษาที่เราใช้ไม่ค่อยจะตรงกัน

คุณหนูนิ้ม...
ผมคิดว่า ผมเห็นด้วยกับคุณหนูนิ้มนะครับ

เพียงแต่คำว่า 'งมงาย' ของคุณหนูนิ้ม
น่าจะเทียบได้กับ 'ความหลง' ในความหมายที่ผมพยายามจะสื่อ

เอาใจช่วยนะครับคุณ Piterek

สวัสดีครับ คุณ DaRia คุณ ~Baan_Ohana~ คุณ AM NUCH คุณ yogitai คุณ นกสีเทา และคุณรักเล็กๆ ของคนตัวเล็กๆ
: )

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

อืม
"หากนักกีฬา ไม่งมงายในชัยชนะแล้ว จะทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายไปทำไม?"
*ผมมองว่านักกีฬาไม่ได้งมงายแต่กระหายที่จะชนะ และต้องอาศัยความทะเยอะทะยานที่ต้องการที่จะเป็นหนึ่ง
----
"หากนักวิทยาศาสตร์ ไม่งมงายในทฤษฎีแล้ว จะทุ่มเทเวลา และแรงกายมากมาย เพื่อทำการทดลองอันยากลำบากไปเพื่ออะไร?"
*ผมมองว่านักวิทยาศาสตร์ มักมีจินตนาการที่สูงและการที่เข้าจะให้ได้อย่างที่จินตนาการต้องใช้ความกล้าที่จะแตกต่าง
-----------
"และหากมหาตมะคานธี ไม่งมงายในหลัก 'การไม่เบียดเบียน' แล้ว จะสามารถยืนหยัดต่อสู้ โดยไม่ใช้ความรุนแรงจนสำเร็จได้หรือ?"
*ผมมองว่าการที่มหาตมะคานธีออกมาทำสิ่งต่างๆ คือการไม่โกหก
เข้าแค่นำเสนอความจริงที่ชัดเจน
--------------------------
ที่ผมว่าไปก็อาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ ผมแค่มองในมุมของผม
ผมเชื่อว่าแต่ล่ะคนมีมุมมองที่แตกต่าง
ผลมาจากการศึกษาประสพการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน
ขอบคุณครับ