ร ว ม มิ ต ร

Me and you are friends.

You fight, I fight... You hurt, I hurt... You cry, I cry.

You jump off a bridge..........

I'm gonna miss you!

Group Blog
 
All blogs
 

เป็นอัตตา หรือเป็นอนัตตา เถียงกันไปทำไม?

ผมเข้าใจว่าการจัดกลุ่มสิ่งต่างๆมีประโยชน์ในการช่วยเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้มากขึ้น

เพราะเรามักจะมีความเข้าใจคร่าวๆอยู่แล้วว่าแต่ละกลุ่มมีลักษณะอย่างไรบ้าง เราจึงพอจะบอกได้คร่าวๆว่าสิ่งใหม่ที่ถูกจัดเข้าในกลุ่มเดียวกันน่าจะมีคุณสมบัติต่างๆเหมือนสิ่งอื่นในกลุ่มเดียวกัน แม้ว่าเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามันมีคุณสมบัติที่ว่านั้นหรือไม่

อย่างเช่น ถ้าเราเดินไปในห้างสรรพสินค้า แล้วมองเห็นวัตถุประหลาดอันหนึ่ง ดูยังไงเราก็ไม่รู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร แต่พอถามคนขายแล้วเขาตอบว่า มันเป็น 'นาฬิกา' เราก็คาดเดาได้ทันทีว่ามันน่าจะสามารถบอกเวลาเราได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบว่ามันบอกเวลาได้อย่างไร

การจัดกลุ่มจะไม่มีความหมายเลย ถ้าเราสามารถรู้จัก 'สิ่งนั้น' ได้ดีในทุกแง่ทุกมุมอยู่แล้ว

การพยายามบอกว่าอะไรเป็นอัตตา หรืออนัตตาก็ทำนองเดียวกัน
เราอาจยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ 'สิ่งนั้น' มากพอ หรือไม่เคยพบ 'สิ่งนั้น'มาก่อน
แต่เราพอจะมีภาพคร่าวๆของสิ่งที่เป็น อัตตา หรือ อนัตตา
การที่ 'สิ่งนั้น' เป็นอัตตาหรือเป็น ก็จะพอทำให้เราเข้าใจว่า 'สิ่งนั้น' เป็นอย่างไรได้ดีขึ้นครับ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 2:02:33 น.
Counter : 452 Pageviews.  

ที่มาของความรู้

ผมเข้าใจว่าเราทุกคนย่อม 'รู้' อะไรบางอย่าง

ทั้งจากประสบการณ์ ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหลาย
การคิดใคร่ครวญด้วยตนเอง
และการรับถ่ายทอดมาจากบุคคลอื่น ทั้งจากการอ่านและการฟัง

ผมคิดว่าในช่วงชีวิตของเรา สิ่งที่เราแต่ละคนสามารถ 'รู้' ผ่านประสบการณ์โดยตรงและการคิดใคร่ควรญนั้น
เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความจริง
เหมือนคนตาบอดที่คลำช้างกันคนละส่วน

โอกาสเดียวที่เราจะเข้าถึง ความจริงทั้งหมด (ถ้ามันมีอยู่จริง)
ก็คือการพูดคุย แลกเปลี่ยนสิ่งที่แต่ละคน 'รู้' ให้กันและกันครับ

ผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากความคิดความเห็นของผู้อื่นได้เสมอ

ใครที่คิดว่าไม่เคยได้อะไรจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนหรือแม้แต่ถกเถียงกับคนอื่นๆเลย
อาจเข้าถึงความจริงทั้งหมดแล้วก็เป็นได้
แต่น่าจะลองถามตัวเองก่อนว่า เคย 'ฟัง' คนอื่นจริงๆบ้างไหม




 

Create Date : 25 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 2:02:52 น.
Counter : 559 Pageviews.  

'ผีร้าย' จากอดีต

ผมเข้าใจว่าหลายครั้งหลายคราวที่เรามีความทุกข์เพราะ 'อดีต' และบุคคลที่สัมพันธ์กับอดีตที่ไม่น่าจดจำ

เคยมีคนบอกว่าความหลังที่เลวร้ายมักจะหลอกหลอนเรา เหมือน 'ผี' ที่คอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวเรา
และหลายครั้งมันก็ 'สิง' มากับบุคคลที่เราเคยรู้จักในช่วงเวลาเลวร้ายนั้น
มันไม่ต้องการอะไรอย่างอื่น นอกจาก 'การให้อภัย'

ให้อภัยคนอื่น...
และให้อภัยตัวเอง

แล้ว 'ผี' ร้ายนี้จะหายไป




 

Create Date : 25 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 2:03:13 น.
Counter : 451 Pageviews.  

เมื่อโลกหันหลังให้คุณ..

เมื่อโลกหันหลังให้คุณ..
อกหัก ตกงาน เป็นหนี้ เพื่อนหักหลัง ไม่มีใครคบ ฯลฯ

ผมไม่แน่ใจว่าถ้าต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นจริงผมจะเป็นยังไง

แต่ในฐานะที่ผมยังไม่ได้เจอมัน ผมก็ขอพูดด้วยเหตุด้วยผลว่าปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาครับ
เราก็แค่ใช้ชีวิตกับ 'ด้านหลัง' ของโลกไปพลางๆก่อน

อย่างน้อยเราก็ได้รู้ 'ความจริง' ของการหลอกลวงเร็วกว่าคนอื่นๆ
ค่อยๆหางาน หาเงินเพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ได้ 'ด้วยตนเอง'

มีคนบอกว่า 'ชีวิตมาทางออก' เสมอ
แต่ส่วนใหญ่เรา 'กลัว' ที่จะใช้ทางที่ไม่คุ้นเคย
กลัวมากจนมองข้ามมันไป

ถ้าคุณคิดว่าชีวิตคุณ มันแย่มาก คุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่ๆ ลองมาพนันกับผมก็ได้
ผมขอพนันว่ามันจะต้องดีขึ้น
สิ่งต่างๆมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดหรอก
ถ้าไม่เชื่อก็ลองเขียนความคิด ความรู้สึกตอนที่แย่มากๆไว้
แล้วกลับมาอ่านอีกรอบ หลังจากนี้ซักหนึ่งหรือสองปี
ผมเชื่อว่า คุณคนที่มาอ่านน่าจะงงว่าคุณคนที่เขียน มันคิดแบบที่เขียนไปได้ยังไง(วะ)

ถ้าไม่เป็นอย่างที่ผมบอก ผมอนุญาตให้คุณกระทืบเลย...
กระทืบพื้นโลกนะ โทษฐานที่มันหันหลังให้คุณไง

อย่างไรก็ตามวันที่โลกมัน 'หันหน้า' กลับมาก็อย่าลืมเสียล่ะว่ามันยังมี 'ด้านหลัง' ด้วย




 

Create Date : 25 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 2:03:31 น.
Counter : 564 Pageviews.  

มนุษย์สามารถมีอิสรภาพอย่างแท้จริงได้หรือ?

ผมเข้าใจว่าอิสรภาพไม่เหมือนกันกับเสรีภาพ

เสรีภาพ คือการที่สามารถคิด พูดและกระทำสิ่งต่างๆได้ตามที่ต้องการโดยไม่มีอุปสรรค
ส่วนอิสรภาพ คือการที่ความคิด การพูดและการกระทำไม่ได้ถูกครอบงำจาก 'สิ่งใดๆเลย'

ผมคิดว่ามนุษย์สามารถมีเสรีภาพ แต่ไม่อาจมีอิสรภาพ
เพราะความคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ไม่อาจเกิดขึ้นมาลอยๆ หากแต่ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์และระบบความเชื่อแบบใดแบบหนึ่ง
เหมือนคนที่ยืนอยู่บนโต๊ะไม่ว่าจะแข็งแรงเพียงใดก็ไม่สามารถยกโต๊ะตัวนั้นขึ้นได้ นอกจากว่าจะเปลี่ยนไปยืนบนโต๊ะอีกตัวหนึ่ง

ผมคิดว่ามนุษย์สามารถเป็นอิสระจากอิทธิพลของสิ่งต่างๆ
หรือแนวความคิดบางอย่างได้ แต่ไม่อาจเป็นอิสระจาก 'ทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง'

ผมเชื่อว่ามนุษย์สามารถมีเสรีภาพเมื่อเขาเป็นอิสระจากการควบคุม หรือการครอบงำทางความคิดจากบุคคลอื่น
แต่เขาไม่อาจได้รับอิสรภาพจากกรงขังของความคิดตน

ผู้ที่ประกาศ 'อิสรภาพทางความคิด' ก็เพียงแต่ก้าวข้ามไปยัง 'โต๊ะ' อีกตัวหนึ่ง
แล้วหันกลับมายก 'โต๊ะ' ที่คนส่วนใหญ่ยืนอยู่เท่านั้น




 

Create Date : 19 มีนาคม 2548    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 2:04:03 น.
Counter : 411 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Amygdala
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับนะครับ

เชิญมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ ปรัชญา วิทยาศาสตร์ หนังสือ รวมถึงเรื่องจิปาถะอื่นๆกันนะครับ
: )


-------------------------------



มีอะไรใหม่?

ชีวิต กับ 'ความหมาย' 6/5/2565





New Comments
Friends' blogs
[Add Amygdala's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.