ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
กุมภาพันธ์ 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
8 กุมภาพันธ์ 2564
 
 
มิอาจเปลี่ยนใจ Unchanged บทที่ 2 (YURI)

 

“พวกเธอไม่อายคนอื่นบ้างรึไง ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด อยากทะเลาะก็ไปที่อื่น” รุจรวีตำหนิทั้งสองเสียงเย็นเยือก ใบหน้าสวยหวานสงบนิ่ง แต่สายตาคู่งามฉายแววไม่พอใจชัดเจน กวาดตามองนารากับปิ่นมณีที่ก้มหน้าต่ำสลับไปมา แล้วถอนใจแบบเบื่อหน่าย

หล่อนเรียกสองสาวไปคุยยังมุมด้านหนึ่งของชั้นหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นที่รับรองแขก ผู้คนที่ผ่านไปมาสามารถมองเห็น แต่ไม่ได้ยินว่าทั้งสามพูดอะไรกัน

ฉันไม่ใช่กรรมการห้ามมวยนะ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ คู่นี้ เฮ้อ!

นึกบ่นแบบเซ็งๆ ปรายตาไปทางสาวหน้าคม ผู้ที่ตนไม่อยากเจอที่สุดในโลก

มาทำงานวันแรกก็ก่อเรื่อง...งามหน้ามาก

รองประธานสาวสังเกตเห็นว่า นาราเปลี่ยนไปจากเด็กสาวหลายปีก่อนมาก สูงขึ้นมากทั้งที่เมื่อก่อนเตี้ยกว่าตน ใบหน้าสวยคมดูมีเสน่ห์ชวนมอง

...แต่ไม่มีอารมณ์จะมาทักทายเจาะแจ๊ะด้วย

“อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก ครั้งนี้จะภาคทัณฑ์เอาไว้ก่อน ถ้ามีครั้งหน้าฉันจะหักเงินเดือนทีละ 10% ถ้าไม่พอใจก็ลาออกไป”

เฮ้ย!

คำขู่นั้นทำให้คู่กรณีทำหน้าแตกตื่น ไม่คิดว่าสาวสวยจะเล่นไม้แข็งแบบนี้

แค่นี้ก็จะไม่พอใช้อยู่แล้ว ขืนหักเงินอีก ก็ตายพอดี

“พี่วีคะ...” สาวเปรี้ยวเรียกอีกฝ่ายแบบอ้อนๆ แต่พอสบตาคู่สวยที่ตวัดจิกมาก็รีบปฎิเสธ “มะ ไม่มีอะไรค่ะ”

ปิ่นมณีอาจจะกล้ากับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับรุจรวี

นาราเผลอกลืนน้ำลายลงลำคออย่างยากเย็น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะข่มขู่กันซึ่งหน้าแบบนี้ กลอกตาไปมาถึงจุดประสงค์แท้จริงของหล่อน

ตั้งใจจะหาเรื่องไล่ออกสินะ

เธอมองสายตาออกว่า รุจรวียังคงไม่ชอบหน้าตนอยู่ ต่างจากที่อธิปพ่อของหล่อนบอกไว้ลิบลับ

“วีใจกว้างจะตายไป ไม่ถือสาเรื่องในอดีตหรอก ผ่านมาตั้งหลายปี คงลืมไปแล้วล่ะ” เขาบอกแบบนั้น ตอนโน้มน้าวให้เธอมาทำงานด้วย “นาอย่าไปคิดมากอีกเลยนะ”

ลุงอธิปหลอกฉัน...เยี่ยม!

สาวหน้าคมนึกปวดขมับขึ้นมาทันที เมื่อเรื่องราวต่างๆ ผิดจากที่คิดไว้มาก

“เข้าใจไหม?” รองประธานสาวถามเสียงเข้ม

“ค่ะ” / “เข้าใจค่ะ”

สองสาวรีบตอบอย่างพร้อมเพรียง อยากจะเผ่นไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แค่นี้ก็อับอายมากพอแล้ว หลังเห็นสายตาหลายสิบคู่จับจ้องมาอย่างสนใจ

...รู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ทำโทษประจานต่อหน้าเสาธง

“ดี ไปกินข้าว แล้วรีบไปทำงาน” หล่อนโบกมือไล่

ทั้งคู่พร้อมใจกันจากไป ราวกับมีวิชาตัวเบา

กลุ่มไทยมุงที่อยู่ห่างออกไปจึงสลายตัว เพื่อจับกลุ่มซุบซิบกันต่อที่อื่น

ต่อไปคงมีแต่เรื่องให้ปวดหัวมากขึ้น

สาวสวยคิดบ่น ก่อนเดินไปหาเลขาสาวแว่นตาของตน

“ใครเหรอคะคุณวี?” แววตาถามอย่างสงสัย ไม่คุ้นหน้าของนาราเอาเสียเลย

คนในบริษัทนี้ล้วนรู้พิษสงของปิ่นมณีเป็นอย่างดี จึงไม่มีใครกล้าตอแยด้วย ในฐานะลูกสาวผู้จัดการ แถมยังพ่วงตำแหน่งหลานสาวของท่านประธาน

กล้าต่อล้อต่อเถียงกับคุณปิ่น...ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย

“เด็กเส้นพ่อน่ะ” รุจรวีตอบแบบไม่ใส่ใจ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ไปทานข้าวกันดีกว่า”

“ค่ะ” เลขาแว่นสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเจ้านายผ่านหางเสียง จึงไม่ซักไซ้ต่อ ได้แต่เก็บความฉงนสนเท่ห์เอาไว้

เป็นไม่กี่คนที่ทำให้คุณวีหงุดหงิด...น่าสนใจซะแล้วสิ

 

“ขอโทษที่มาช้าค่ะ” ร่างสูงเอ่ยขอโทษกับสมาชิกฝ่ายการเงิน หลังหอบหิ้วอาหารกลางวันไปให้เกือบบ่ายโมง

มิรันตรีกับคนอื่นจึงลุกมารวมกันตรงโต๊ะกลางยาว ที่ใช้เป็นที่นั่งพักรวมของฝ่าย แล้วบริการตนเองหยิบอาหารใส่จาน

“มาช้ามาก รอจนเกือบตาลายเลย” นพินออกอาการบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง

ซวยแล้วยายนา

ขวัญฤทัยนึกสงสารเพื่อน แต่พูดมากไม่ได้ สมาชิกฝ่ายการเงิน นพินคือคนที่จู้จี้มากที่สุด เอาใจยากมากๆ

“ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวหน้าเจื่อน

“ขอบใจนะ” หัวหน้าฝ่ายพูดยิ้ม ก่อนชวนคุย “คนเยอะเหรอ?”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะพี่มิ” สาวผมสั้นตอบเสียงแผ่ว “ที่ช้าเพราะมีปัญหานิดหน่อยค่ะ”

“ปัญหาอะไร?” สาวรุ่นพี่ซัก ไม่คิดปล่อยผ่านไปง่ายๆ

เมื่อโดนสายตาจับจ้องเหมือนคาดคั้น นาราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อนแบบย่อๆ ขณะที่คนอื่นฟังไปทานอาหารไปด้วย

“คือแบบนี้ค่ะ...”

หญิงสาวละประโยคที่ว่า ‘คนรักเก่าแบบเธอ’ ไว้ ด้วยไม่อยากให้คนอื่นมองรุจรวีกับตนไปในทางเสื่อมเสีย

สายตาสี่คู่มองเด็กใหม่อย่างอึ้งทึ่ง ด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ตอนแรกมองนาราเป็นเด็กสุภาพเรียบร้อย นุ่มนวล ไม่น่าจะกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้

บ้าหรือโง่เนี่ย?

เกือบทุกคนคิดคล้ายกัน ยกเว้นแค่คนเดียว

“โอ๊ย! ขำมาก” มิรันตรีหัวเราะร่วนเสียงดัง หัวร่อจนน้ำตาเล็ด ไม่คิดเลยว่า จะมีเหตุการณ์สนุกๆ เกิดขึ้น พร้อมปาดน้ำตาทิ้ง พอหยุดขำก็เอ่ยขึ้น “รู้งี้พี่ลงไปด้วยก็ดี อยากเห็นกับตาจริงๆ”

อยากเห็นตอนฉันถูกตบเหรอคะพี่มิขา? หรือตอนท่านรองวีจะฉีกเนื้อฉันละคะ?

เดาความคิดอีกฝ่ายไม่ถูก

“ง่า พี่มิอ่ะ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ” เด็กใหม่ไม่ตลกด้วยเลยสักนิด

“พี่พูดจริงๆ นะ” หัวหน้าฝ่ายการเงินยืนยัน เม้มปากแน่น เพื่อไม่ให้หลุดขำอีกรอบ

อยากเห็นหน้าวีตอนเจอนาจัง...น่าเสียดายชะมัด

“ทำเป็นพูดเล่นไป ขืนมีปัญหากับคุณปิ่น เดี๋ยวก็ได้ซองอั่งเปาเป็นที่ระลึกหรอก” นพินเตือนเสียงเย็น

รู้อยู่ว่าเกือบทุกคนที่เคยมีปัญหากับปิ่นมณี มักจะพบจุดจบไม่ดี โดนมือมืดบีบให้กระเด็นจากบริษัท ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นฝีมือของปิติยา ผู้จัดการบริษัท ซึ่งเป็นน้องสาวท่านประธานอธิป แต่ไม่มีหลักฐาน

หลังมีการเชือดไก่ให้ลิงดูไม่กี่ครั้ง ก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับปิ่นมณีอีก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงตลอด...กลัวตกงาน

“นั่นสิ” วสุเห็นพ้องด้วย

เขาเป็นพวกรักสงบ ธรรมะธัมโม ไม่ชอบชิงดีชิงเด่นกับใคร แค่ทำงานอย่างมีความสุขไปวันๆ ก็พอใจแล้ว

“แต่ทำให้คุณวีเอ่ยภาคทัณฑ์คุณปิ่นได้ แบบนี้เท่ากับว่าประกาศเป็นศัตรูกับคุณปิติยาด้วย ฉันล่ะกลัวแทนเธอเลยนะนารา” ขวัญฤทัยเบะปาก ทำหน้าสยองแทนเพื่อนของตน ก่อนตักข้าวหมูแดงเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

ต้องกลัวด้วยเหรอ?

เด็กใหม่ทำหน้าแปลกใจ ไม่คิดว่า บริษัทนี้จะมีเรื่องเส้นสายมาก ชนิดใครก็แตะต้องไม่ได้ เท่าที่รู้จักอธิปมานาน ดูแล้วไม่น่าเป็นพวกเอียงกระเท่เร่

...ผิดกับปิ่นมณีกับปิติยาสองแม่ลูก

“ขนาดนั้นเชียว?”

“อาฮะ” เพื่อนร่วมรุ่นตอบในลำคอ เพราะอาหารเต็มปาก

นี่ก็พูดเกินไป

มิรันตรีซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามนาราทนฟังไม่ไหว ไม่อยากให้เข้าใจผิด จึงเอ่ยปากขึ้น

“แต่พี่ไม่เห็นด้วยกับขวัญนะ”

ขวัญฤทัยเลิกคิ้ว หลังกลืนอาหาร จึงย้อนถาม

“ตรงไหนคะ?”

“ตรงที่เราต้องเกรงใจคุณปิ่นมณีมาก ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายข่มเหงคนอื่นก่อน มันไม่ถูกต้อง” หัวหน้าฝ่ายกล่าวแบบไม่อ้อมค้อม

มิรันตรีไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เจอครั้งแรก ปิ่นมณีเป็นรุ่นน้องที่มหา’ ลัย เป็นดาวคณะที่หว่านเสน่ห์กับผู้ชายไปทั่ว ได้เห็นอุปนิสัยที่ดูเสแสร้งแกล้งทำ พูดจาอ่อนหวาน แท้จริงเป็นพวกปากหวานก้นเปรี้ยวที่ไว้ใจไม่ได้สักนิด

เลือกคบเพื่อหน้าตา เพื่อให้ดูดี พอเจอคนใหม่ที่น่าสนใจกว่าก็ทิ้งคนเก่า นิสัยใช้ไม่ได้!

ตอนนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะเป็นญาติผู้น้องรุจรวี อุปนิสัยต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว ถึงจะเป็นลูกสาวผู้จัดการ แต่เพื่อนหล่อนก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเกินไปกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น

ทำไม่ถูกแต่ยังไงก็หลานท่านประธาน วันๆ ไม่ต้องทำงาน เดินชูคอกร่างซะไม่มี

ขวัญฤทัยนึกเถียงในใจ ไม่คิดจะเถียงกับหัวหน้าตัวเอง กลัวโดนเหม็นขี้หน้า จึงตอบไปว่า

“เข้าใจแล้วค่ะ”

“ไม่ต้องกลัวนะนา พี่เชื่อว่ารองวีต้องให้ความเป็นธรรมแน่” สาวรุ่นพี่หันมาพูดเสียงนุ่มกับเด็กใหม่

แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะคะ

สาวหน้าคมไม่เชื่อมิรันตรีสักเท่าใด หลังเจอกับหล่อนแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม แต่ก็เออออไปเพื่อให้จบๆ

“ค่ะพี่มิ”

 

วันแรกของการทำงาน นารากลับถึงบ้านเกือบสองทุ่ม ด้วยคนอื่นต้องอยู่เคลียร์งานให้เสร็จ แม้มิรันตรีจะอนุญาตให้เธอกลับบ้านก่อนได้ แต่สาวหน้าคมยืนกรานที่จะอยู่ด้วย โดยหาขนมกับเครื่องดื่มมาคอยบริการ แล้วรอกลับบ้านพร้อมๆ กัน

...เพียงแค่นี้ เด็กใหม่ก็ได้คะแนนพิศวาสจากทุกคนไปเต็มๆ

“กลับมาแล้วค่ะ” นาราพูดกับแม่ ที่นั่งดูโทรทัศน์ในห้องรับแขก ไม่ต่างจากทุกวัน

“หิวแย่เลยล่ะสิ” นภาถามลูกสาวอย่างอ่อนโยน หลังเหลือบมองนาฬิกาแขวน

“นิดหน่อยค่ะ โชคดีทานขนมรองท้องมาบ้าง” ลูกสาววางกระเป๋าถือและข้าวของที่โต๊ะใกล้ๆ

“ไปล้างไม้ล้างมือ แล้วมาทานข้าวเลย วันนี้แป้งซื้อของโปรดมาให้ลูกด้วยนะ” คนเป็นแม่บอกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

‘แป้ง’ ที่เอ่ยถึงคือสาวใช้คนสนิท ที่อายุมากกว่าลูกสาวสิบกว่าปี อยู่ช่วยงานกันมานาน ซื่อสัตย์ไว้ใจได้

“เหรอคะ” สาวหน้าคมเผยยิ้มกว้าง หลังจากล้างมือเสร็จ ตักข้าวใส่จาน กับข้าวบนโต๊ะมีสามอย่าง แกงจืดเต้าหู้ หมูทอดกระเทียมพริกไทย และผัดเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้ ล้วนแล้วแต่ชวนน้ำลายไหลทั้งสิ้น

ว้าว! น่าอร่อยทุกอย่าง

หญิงสาวตักข้าว แล้วมานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย

ครอบครัวเธอมีฐานะปานกลาง บ้านเป็นทาวเฮ้าส์สองชั้น มีคนอยู่แค่สามคน คือแม่ นารา และแป้ง

หลังพ่อเสียไม่นาน แม่เปิดร้านขายขนมหนึ่งคูหา อยู่ปากซอยบ้าน โดยขายเบเกอรี่เพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มพวกชากาแฟ และไอศกรีมโฮมเมด ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี หลังลูกค้าติดใจในความอร่อยของขนม จึงบอกปากต่อปากทำให้ตอนนี้ทำขายแทบไม่ทัน แต่นภาก็ไม่ได้กู้หนี้มาขยายร้าน เหมือนผู้รู้หลายคนแนะนำ แค่จ้างคนงานมาช่วยเพิ่ม โดยให้เหตุผลกับลูกสาวว่า

“แม่อยากขยายร้าน แต่ไม่อยากกู้แบงค์ ค่อยๆ เก็บหอมรอมริบ เงินพอค่อยขยายเถอะ...ธุรกิจที่ไม่มีหนี้ คือธุรกิจที่มีความสุขที่สุด”

พอฟังแบบนี้ นาราจึงตั้งใจว่า หลังเรียนจบจะขยันทำงาน เพื่อเก็บเงินให้แม่ขยายร้าน แต่ไม่ทันจบดีหรือยื่นสมัครงานที่ไหน อธิปก็โทรเรียกตัวเสียก่อน

มีงานดีกว่าตกงาน ทำไม่ไหวค่อยเปลี่ยนก็ไม่สาย

เธอใช้เวลาคิดไม่นาน ก็โทรไปตอบตกลง

นภาลุกมานั่งคุยเป็นเพื่อนลูกสาวทานข้าว ตอนแรกที่อธิปเพื่อนรักของสามีที่เสียไป โทรมาชวนให้นาราไปทำงานที่บริษัทเขา แม่เธอไม่ถึงกับเห็นด้วยนัก ด้วยรู้ว่านาราเคยทำให้รุจรวีกับรดาขุ่นเคืองใจมากในอดีต ส่งผลให้ช่วงหลังสองบ้านไม่ไปมาหาสู่กันนัก

...มีเพียงอธิปที่ยังคงปฎิบัติตัวเสมอต้นเสมอปลาย

“ฉันเกรงใจนะคะ ไม่อยากให้นาไปสร้างปัญหาให้หนูวีอีก” นภาตอบกึ่งบอกปัดอย่างนุ่มนวล

ทว่าพ่อหล่อนกลับยืนกรานหนักแน่น

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมอยากให้เด็กสองคนคืนดีกันเสียที เรื่องตอนนั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด และมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ผมเชื่อนะว่า นาไม่ได้เจตนาร้ายกับวี ถือว่าให้นามาฝึกงานกับผมก่อนก็ได้ ช่วยพูดกับนาให้ผมทีนะครับ ผมรู้ว่านาเชื่อฟังคุณนภาที่สุด นะครับ”

“งั้นก็ได้ค่ะ”

นภาใจอ่อน รู้ว่าอธิปหวังดี อยากช่วยการเงินของครอบครัวตน ร้านขนมที่เปิดขายอยู่ ก็ได้เขาช่วยสนับสนุนในช่วงแรก จึงยอมเอ่ยปากถามเรื่องนี้กับลูกสาว โดยไม่คิดจะบังคับคาดคั้น

และเป็นไปตามที่อธิปคาด นาราไม่ปฏิเสธ ซึ่งทำให้นภาแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ว่าอะไร

...เคารพในการตัดสินใจของลูกสาว

‘พ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว การปล่อยให้ลูกได้เติบโตอย่างอิสระ จะทำให้เขาเข้มแข็ง’ ...นภาเชื่อแบบนั้น

“ทำงานวันแรกเป็นไงบ้างล่ะ?” มารดาถามไถ่อย่างใส่ใจ

“ก็ดีค่ะ” ลูกสาวตอบยิ้ม เว้นเรื่องพิพาทไม่เอ่ยถึง ไม่อยากให้แม่ต้องพลอยไม่สบายใจไปด้วย ก่อนเล่าต่อ “คิดไม่ถึงเลยว่าพี่มิ มิรันตรีจะเป็นหัวหน้าของนาด้วยค่ะ”

“อ๋อ! รุ่นพี่นาคนนั้น” มารดาจำหน้าได้ ด้วยเป็นไม่กี่คนที่ลูกสาวเคยพามาเที่ยวที่บ้าน “พรุ่งนี้ก็เอาขนมไปฝากพี่เขาด้วยสิ”

นภาเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดี มองว่าการมีของฝากเล็กๆ น้อยๆ จะทำให้เข้ากับคนอื่นได้ง่ายขึ้น

“ค่ะแม่” สาวหน้าคมรับปากอย่างว่าง่าย

แต่พอหวนคิดถึงเรื่องวิวาทวันนี้ เธอได้แต่พูดไม่ออก นึกตำหนิตัวเอง ที่อารมณ์ร้อนง่ายเกิน จนปะทะคารมกับปิ่นมณี

ถ้าแม่รู้พฤติกรรมของฉันคงเสียใจ...ไม่เอาไหนเลยฉัน

 

“ทำไมคุณต้องรับเด็กนามาทำงานด้วยคะ?” รดาถามเสียงเขียว หลังปิติยาแม่ของปิ่นมณีโทรมาฟ้องว่า นาราเป็นพนักงานใหม่ของบริษัท RB ซึ่งเป็นเรื่องที่อธิปปกปิดเอาไว้

หลังวางสายมารดาหล่อนจึงโวยวายสามี ที่ดูข่าวโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก สาเหตุมาจากนาราเคยทำให้รุจรวีเสียชื่อเสียงนานหลายปี และอีกเหตุผลคือ อิจฉาที่สามีสนใจนาราสองแม่ลูก มากกว่าตนกับลูก

...ความอิจฉาตาร้อนเป็นหนึ่งในนิสัยเสียของผู้หญิงส่วนใหญ่

เฮ้อ! ใครโทรมาฟ้อง ข่าวไวเกิน

อธิปถอนใจเบาๆ ละสายตาจากจอสี่เหลี่ยม มองหน้าคนพูด ไม่ชอบเลยเวลาต้องปะทะคารมกับภรรยา

“อย่างไรพ่อนาก็เป็นเพื่อนรักผม ถ้าเราไม่ได้เขาช่วย บริษัทคงเจ๊งไปแล้ว อย่าลืมสิครับ”

ทว่าอีกฝ่ายเบื่อที่จะฟังเรื่องนี้ ยืนกอดอก แล้วส่งสายตาจิกให้

“ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่า คุณช่วยบ้านนั้นเยอะขนาดไหน ไหนจะดาวน์ร้านให้ ช่วยส่งค่าเทอมจนกระทั่งยายเด็กนั่นเรียนจบ มันยังชดเชยไม่พออีกรึไง” ภรรยาพูดอย่างเหลืออด แล้วเอ่ยตัดพ้อน้อยใจออกมา “ฉันว่าคุณรักสองแม่ลูกนั่น มากกว่าฉันกับลูกซะอีก”

คิดได้ไง?

อธิปเลิกคิ้วหนาขึ้นเล็กน้อย

“พูดอะไรน่ะคุณ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นสักหน่อย” เขาเดินไปโอบเอวรดาหลวมๆ เพื่อออดอ้อน

ภรรยาสะบัดตัวออกห่าง

“ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉันเลย”

ขี้งอนไปนะ

สามีไม่คิดจะสนใจ ยังคงเดินหน้าตื้อแบบไม่อับอาย รวบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น จนอีกฝ่ายหนีไม่ได้ แล้วเกยคางบนไหล่ของรดา

“ไม่กอดเมียแล้วจะให้ผมกอดใครล่ะ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูผู้หญิงตรงหน้า ที่แม้จะอายุเลขสี่ปลายๆ แต่ยังคงเค้าความสวยไม่ต่างจากวัยสาว

“อยากเจ็บตัวก็ลองดูสิ” แม่หล่อนขู่ฟ่อ ไม่ต่างจากแม่เสือ ความขุ่นเคืองเบาบางลงไป หลังสามีพูดหวานหู

ขู่เก่งจริง เมียใครเนี่ย

อธิปคิดติดตลกในใจ ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่เลยสักนิด แต่ก็พูดเอาใจอีกฝ่าย

“ผมไม่กล้าหรอกคุณ” เขากดปลายจมูกเข้าที่แก้มเนียนของรดาหนึ่งฟอด “ผมรักคุณที่สุดนะ คุณรดา”

“ทำมาปากหวาน จะเชื่อได้รึเปล่า?” ใบหน้าภรรยาขึ้นสีแดงจาง เขินอายกับคำว่ารัก อบอุ่นไปทั้งหัวใจ

“เชื่อได้แน่นอนครับ” อธิปยิ้มกว้าง มั่นใจว่าอีกฝ่ายหายโกรธตนแล้ว หอมแก้มภรรยาอีกหนึ่งฟอด “มาดูทีวีกันเถอะ ละครเรื่องโปรดคุณมาแล้วล่ะ”

เขาดึงมืออีกคนไปนั่งที่โซฟา เพื่อดูโทรทัศน์ด้วยกัน ซึ่งรดาก็ยอมไปโดยดี

รุจรวีที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน ยืนอยู่ข้างนอก หลังบังเอิญได้ยินบทสนทนาตั้งแต่ต้น จึงไม่คิดเข้าไปขัดจังหวะงอนง้อของพ่อแม่ จึงยืนพิงกำแพงอยู่นอกบ้าน

หล่อนหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงนารา

มาวันแรกก็ทำป่วนไปหมด...ยายเด็กบ้า!

OoXoO

เจอปุ๊บ ขู่ปั๊บ...เป็นการเจอกันครั้งแรกที่น่าประทับใจมาก 5555

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุกหัวใจ และทุกการติดตามนะคะ ช่วงนี้เขียนไปได้พอสมควรแล้ว ต่อไปคงจะอัพเร็วขึ้นอีกนิด (หลังโดนเขียนทวงบ่อยๆ อิอิ)

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ พบกันตอนหน้าค่ะ

นาง ^^ 

OoXoO 




Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2564 13:29:01 น. 0 comments
Counter : 676 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com