Every ending is a new beginning ....

ได้เวลากลับไป....



  ใช่แล้ว คิดว่าได้เวลากลับไปนอนฟังเสียงคลื่นทะเล อีกสักรอบ หลังจากที่เราเอาแต่ เที่ยว ปีนัง มะละกา จนลืมที่จะกลับไปนอนริมทะเล สถานที่ๆ เยียวยาหัวใจได้ดี ที่สุด  ทุกครั้งที่ไปทะเล แบบเกาะช้าง เกาะกูด เราชอบคิดว่า ไม่กลับได้ไหมวะ หางานทำมันบนเกาะนี้ได้ไหมอ่ะ คงรู้สึกเหมือนได้พักร้อนตลอดเวลา เอาจริงๆ ถ้าได้ทำงานที่นั่น ทุกวันของเราคือการพักร้อน จริงๆ นั่นล่ะ 
อ้างอิงจากการทีเคยไปเป็น night audit ที่เกาะช้างมาสามเดือนเต็มๆ 
    ตอนนั้นทำงานแบบได้ค่าจ้างรายวัน เราทำงานแบบไม่หยุด ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเลย เข้ากะตอนบ่าย งานเลิกประมาณห้าทุ่ม เดินกลับที่พักท่ามกลางแสงจันทร์ และเสียงคลื่นทะเล คือ .....รู้สึกมึความสุขมาก ช่วงนั้นเหมือนชีวิตได้พักผ่อนจริงๆ อากาศก็บริสุทธิ์ รีสอร์ทที่ไปทำงานก็สวยงาม  ยังจะต้องการอะไรที่ดีไปกว่านี้ อีก .....แต่สุดท้าย  หัวหน้างานบอก ให้เรากลับบ้านเพราะ เราไม่เหมาะกับที่นี่ ....อ้าวววว 55555555555 อุตส่าห์ชอบที่จะอยู่ละยังจะไม่เห็นคุณค่าเราอีก มันใช่หรือ เอาวะ เราอาจจะไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ คงเหมาะกับการมาเที่ยวและกลับไปในที่ๆ เราควรอยู่ ก็ดีละ ตอนนั้นรู้สึก ขอบคุณกับการพักร้อนบนเกาะสวยๆ  สามเดือน ได้เงินกลับไปอีกตางหาก คุ้มสุดไรสุด 
ตัดกลับมาปัจจุบัน เราเตรียมจอง ที่พักกับตั๋วรถทัวร์ไปสมุยอีกรอบละ ไปล่าสุด ปี 2013 ถ้าจำไม่ผิด
อยากไปถ่ายรูปอีกสักรอบ ลองกล้องตัวใหม่ที่ยังคงถ่ายไม่ได้เรื่องด้วย คิดถึงพระอาทิตย์ตกกลางทะเล  สวยมากจริงๆนะ สวยที่สุดเท่าที่เราเคยเห้นด้วยตาตัวเอง  คิดถึงทะเลแล้วเหมือนชีวิตมีพลังขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลมาก ๆ แต่เรารู้สึกแบบนี้ จริงๆนะ 
ทีนี่ก็งานไม่ค่อยเยอะ มีเวลานั่งพิมพ์แบบเหลือเฟือมาก เอาจริงๆ ก็เบื่อนะ แต่ทำไงได้ บางทีทางเลือกก็ไม่ได้มีมากมาย เช่นกัน  
ว่างๆ เลยย้อนกลับไปอ่าน บล้อกเก่าๆ ที่เคยเขียนไว้ เฮ้ย นี่เราเขียนอะไรได้เวิ่นเว้อขนาดนั้นเลยรึ
ตอนนั้นคงว่างมาก มากเหมือนตอนนี้ละ ^^  มีอะไรเปลี่ยนไปหลายอย่างจริงๆ แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือ 
ความโสดของฉันนั่นเองค่ะ  เหอ เหอ น่าภูมิใจปนเศร้าลึกๆ อย่างแยกไม่ออก  ว่าควรจะร้องไห้ หรือ
ยิ้มแห้ง ๆ ดี .... แต่โดยรวมละ เราโอเคนะ มีความสุขในระดับนึง ..อยากลงรูปทะเลแต่ย่อไฟล์ไม่ได้ 
ไว้ค่อยรื้อฟื้นว่าทำยังไงนะจ้ะ 




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2561 16:12:49 น.
Counter : 997 Pageviews.  

คนที่ยังคิดถึง



เรา ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ ปีกว่าๆ น่าจะได้ ------ 
จำได้ว่า ล่าสุดคือเราเดินมาเจอกันโดยบังเอิญที่ หน้า 7 11 แถวๆ ถนนสุรวงศ์ ดีใจมากๆ ที่เจอกันโดยไม่ได้คาดหวัง เราเดินเข้าไปกอดเขา แบบไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง ถามเขาว่า สบายดีไหม ชีวิตเป็นอย่างไร ช่วงนั้นเรารู้มาว่า เขาลาออกจากงาน จริงๆ ก็ไม่เชิงลาออก ควรเรียกว่า ออกแบบมีเงื่อนไขมากกว่า เราเองก็กำลังเคลียร์งานและกำลังออกจากงาน ณ ตอนนั้นเหมือนกัน เราถามเขาถึงลูกสาว  ----- 
เขาหยิบรูป ในกระเป๋าเงินมาโชร์พร้อมกับบอกเราว่า นี่ไม่ใช่ลูกสาวคนโตนะ แต่เป็นลูกสาวอีกคนที่เพิ่ง เกิดตอนเขาย้ายไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ หน้าตาน่ารัก พอๆ กับพี่สาว รู้สึกเหมือนใจวูบๆ แปลกๆ ที่รู้ว่าเขา มีลูกอีกคนแล้วหรือ  ชีวิตมักจะมีอะไรให้แปลกใจเสมอ รวมทั้งความรู้สึกของเราเองก็เช่นกัน 
บางที ก็ รู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกของตัวเอง  ทำไมต้องรู้สึกใจหาย เสมือนว่าเราจะยิ่งห่างกันไปเรื่อยๆ  ตามวันเวลาที่ผันผ่านไป เรากอดลากันเป็นครั้งสุดท้าย และเราคิดว่าน่าจะสุดท้ายจริงๆ แล้วล่ะ  เขาดูเขินๆนิดนึง  แต่เป็นเราซะอีกที่ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากจะดีใจ ที่ได้เจอ ....
หลังจากนั้น เราก็ได้ข่าวว่า เขาไปทำงานที่ฮ่องกง เมื่อปีที่แล้ว จนปัจจุบัน ย้ายมาทำงานที่สิงคโปร์ 
เรายัง สไกด์ไป อวยพรวันเกิดให้เขาเมื่อเดือนที่แล้ว และเขาก็ เหมือนเดิม คือขอบคุณนะ .......^^ 
เหมือนว่าเขาจะยุ่งๆ กับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในขณะที่เราก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับเหตุการณ์ปัจจุบัน 
ยังหวังว่า เราอาจจะได้พบกันอีก ในสักวันหนึ่ง เขาจะมีลูกอีกคนรึเปล่านะ อันนี้ต้องลุ้นดู 
แต่เรารู้สึกดีนะ ที่เขามีชีวิตที่ดี เขายังเป็นคนพิเศษในความรู้สึกเราเสมอ   No matter what 
Have a nice day 




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2561 10:30:33 น.
Counter : 257 Pageviews.  

กลับมาแล้วนะ



หายไป หนึ่งปี คิดถึงบล้อกจังเลย ^^ เราเริ่มงานใหม่มาได้ แปดเดือนกว่าๆ หลังจากตกงาน ยาวววไป เกือบๆ หกเดือน รู้สึกดีที่ได้กลับมานั่งทำงานในอ้อฟฟิศ เวลาหมดไปกับการทำงาน ได้เงิน ได้เงินใช้ไปเดือนๆ 
การตกงานที่ผ่านมาให้บทเรียนกับเราค่อนข้างเยอะ  อย่างแรกคือ ความใจร้อน และความมั่นใจที่มากไป ของตัวเราเอง ต่อไป คงต้องตัดสินใจให้รอบคอบ และใจเย็นให้มากกว่านี้  
ข้อดีของการตกงานที่ผ่านมา คือเรามีเวลาไป เที่ยว แบบเหลือเฟือ บ่อยสุดคือปีนัง ไปเกือบทุกเดือน รู้สึกชอบที่นั้น เกาะเล็กๆ ที่มีทั้งทะเล และ ภูเขา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนที่หลากหลายวัฒนธรรม อาหารรสชาดแปลกแต่อร่อย ปีที่แล้วไป มะละกา มาด้วยล่ะ รอบที่สอง ชอบมากกก 
ช่วงที่ไม่มีงานทำ รู้สึกเหงาๆ เหมือนกัน ชีวิตผ่านไปแต่ละวัน แบบ ---ไม่มีรายได้ 5555555 
จนมาวันนี้ งานที่ทำก็นะ ถ้ายุ่ง เราคงไม่ได้มานั่งเขียนบล้อกแบบนี้หรอก ถึงจะไม่ชินแต่ก็ยังดีที่มีงาน มีรายได้ Life is morevaluable
แล้วจะกลับมาเขียนใหม่🤣🤣




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2561 16:26:04 น.
Counter : 407 Pageviews.  

Long time no see



นานแค่ไหนแล้วเนี่ย ที่ไม่ได้เข้ามา เขียนบันทึกเรื่องราวของตัวเอง สองปีกว่า แล้ว นานจนลืมว่า ต้องเข้ามาเขียนตรงไหน ยังไง  ชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่มีในหลวงแล้ว   เหมือนชีวิตขาดที่พึ่ง รู้สึกอ่อนแรง อีกครั้ง หลังจากที่เราเสียแม่ไปหลายปีก่อน แต่ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป 

กลับมามองชีวิตของตัวเอง หึหึ เราต้องหางานใหม่อีกแล้วหรือ เฮ้ออออออ  บางทีก็รู้สึกท้อ แต่ก็นั่นล่ะ 
มันทัอไม่ได้อ่ะ " แกต้องพึ่งตัวเองไง อันนี้คือเรื่องจริงที่แกต้องพึงสังวรไว้  "ไม่ว่าจะยังไง เราต้องผ่านไปให้ได้ ไม่ว่า เหตุการณ์นั้นจะแย่ขนาดไหน กำลังใจก็มาจากตัวเรานี่ล่ะ  เข้ามาบ่น แต่ก็รู้สึกดีน่ะ เหมือนได้ระบาย แต่ก็นะ  ในเรื่องที่คิดว่า มันแย่ มักจะมีเรื่องดีๆแอบซ่อนอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองแบบไหน .........every ending is a new beginning.....




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2559    
Last Update : 23 ตุลาคม 2559 14:48:14 น.
Counter : 826 Pageviews.  

ประสบการณ์ผ่าตัดไทรอยด์

ไม่ได้เขียนเรื่องราวความเป็นไปในชีวิต เป็นเวลายาวนานหลายเดือน เริ่มจากการเปลี่ยนงานเมื่อปี2556 จนถึงปัจจุบัน มาเขียนเรื่องผ่าตัดไทรอยด์กันดีกว่าเน้อะ....
เริ่มสังเกตุเห็นก้อนเล็กๆขยับได้ตรงคอด้านขวาประมาณปลายเดือนสิงหาปีที่แล้ว( 2556) เลยไปหาหมอที่
รพ แถวบ้านที่ต่างจังหวัด หมอเจาะเลือดกับดูดน้ำตรงก้อนเล็กๆออกไปตรวจ ผลออกมาว่าไม่ได้เป็นไทรอยด์ แต่เป็นซีสต์น้ำในไทรอยด์ เลยย้ายมารักษาที่ รพ ที่เราใช้สิทธิ์ประกันสังคม ที่ กรุงเทพ
โดนเจาะน้ำไปตรวจอีกทีในปี 2557 ฟังผลก็ยังไม่มีไรเปลี่ยน ก้อนที่คอยังโตขึ้นเหมือนมีลูกกระเดือกเพิ่มมาอีกหนึ่ง ......เดือนเมษายนหมอเลยถาม ผ่าเลยไหมจะได้รู้ว่าข้างในมีอะไร เราก็เลย ผ่าก็ผ่าวะ รำคาญละ นานเกิน หมอว่างผ่าอีกสองเดือนต่อมาคือ วันที่ 9 มิถุนายน 2557......
เราทำงานครบหนึ่งปีพอดี เลยลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์เพื่อมานอน รพ โดยเฉพาะ วันที่ 9 มาถึงหมอก็ให้แอดมิท ไปตรวจคลื่นหัวใจ กับสแกนปอด แล้วก็ขึ้นไปนอนที่ตึกผู้ป่วยประกันสังคม ห้องกว้างๆมีสี่เตียง มีเก้าอี้ยาวๆให้ญาตินอนเฝ้าได้ มีห้องน้ำ พออยู่ได้ไม่น่าเกลียดเกินไป โดนพยาบาลเจาะเลือดไป หลอดใหญ่มาก แต่น้อยกว่าตอนไปบริจาคเลือด เลยไม่รู้สึกอะไรมาก ......พี่สาวมาส่งขึ้นห้องนั่งเป็นเพื่อนจนบ่ายสามแล้วก็กลับไป คืนแรกยังไม่ต้องมีคนเฝ้า แต่คืนสองต้องมี พยาบาลกำชับไว้ เราเปลี่ยนชุดผู้ป่วยแล้วมานอนมอง ผู้ป่วยร่วมห้อง พี่คนที่นอนเตียงตรงข้ามดูเหมือนอาการจะหนักพอสมควรต้องให้เลือดกับน้ำเกลือตลอด ตกเย็นหมอคนที่จะผ่าเรา เดินมาเยี่ยมให้กำลังใจ ถามว่าพร้อมน่ะพรุ่งนี้ ไม่ต้องห่วงน่ะรับรองแผลสวยเพราะหมอฝีมือดี หุหุ รู้สึกมั่นใจมาก หมอเป็นแขก(โพกผมด้วย) หน้าตาท่าทางฉลาด เราก็เชื่อหมอเต็มที่ หลังจากนั้น มีหมอหลายๆคน เดินมารุมถามอาการ ทุกคนเป็มทีมงานของหมอที่ต้องผ่าเรานั่นล่ะ
หน้าตาแต่ละคน น่ารักสดใสทั้งหญิงและชาย ...แล้วคืนแรกในห้องผู้ป่วยก็ผ่านไป เรานอนไม่ค่อยหลับ กังวลกับวันพรุ่งนี้มากๆ หิวด้วยเพราะงดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ตื่นมาตอนเช้า น่าจะตีห้าได้พยาบาลมาปลุกไปอาบน้ำ จะได้เตรียมตัวรอ แล้วเขาก็เอาสายน้ำเกลือมาเสียบ ตอนนี้เริ่มไม่มีอิสระ ไปไหนต้องลากสายน้ำเกลือไปด้วย สายๆพี่สาวคนเดิมมาให้กำลังใจ เราหิวน้อยลงเพราะกินน้ำเกลือไปตั้งแต่เช้าแล้ว
จนเกือบๆเที่ยง พยาบาลเดินมาบอกว่า ห้องผ่าตัดมารับแล้ว ให้ไปได้เลย แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเข็นเราไปชั้นสี่ แบบเรานอนไปเลยเหมือนในละคร มีพี่สาวเดินตามไปด้วยจนมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
เราก็โดนเข็นเข้าไปวัดความดันรึอะไรสักอย่าง รออีกแป้บก็เข็นต่อไปในห้องผ่าตัดเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อเขียวปิดหน้าแต่ไม่ปิดตา วิสัญญีแพทย์ จัดการล้อคมือเท้า แล้วถามว่าน้ำหนักเท่าไหร่คะ คิดว่าหมอคงคำนวณปริมาณยาสลบที่เหมาะสม

(เราหันไปเห็นหมอคนที่ต้องลงมือผ่าตัดเรายืนอยู่แถวนั้น คงรอเวลาผ่า ) เสร็จแล้วก็เอาอุปกรณ์ดมยาสลบมาครอบที่จมูกกับปากแล้วบอกให้สูดเข้าไปลึกๆ เราสูดเข้าไปแบบเต็มๆ รู้สึกได้ถึงความชา วิ่งจากจมูกไปถึงปลายเท้า พอจะสูดอีกครั้ง รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก ได้ยินเสียงหมอถามว่าอึดอัดหรือ แล้วหมอก็มาดึงออกให้......
แล้วเราก็มารู้ตัวอีกที เหมือนโดนรุมทำอะไรสักอย่าง เบลือๆหนาวๆแล้วก็โดนเข็นออกมาจากห้อง เห็นหน้าพี่ชายคนโตเดินตามมาติดๆ มาถึงห้องพักหมดแรง คอตึง มีสายดูดเลือดห้อยออกมาจากคอด้วย  เสียงหายไม่มีแรงพูด
ตอนเย็น หมอชุดเดิมเมื่อวานเดินมารุมถาม บังคับให้ออกเสียง แต่เราไม่ไหวจริงๆเสียงไม่ออก คืนนั้นลุกขึ้นมาอ้วกหลายรอบมาก หมอบอกเป็นเพราะฤทธิ์ยาสลบ  แต่เราก็ลุกไปเข้าห้องน้ำได้เอง ชวนพี่สาวไปเป็นเพื่อน สายน้ำเกลือดันหลุด
เลือดงี้หยด น่ากลัวมากๆ โดนพยาบาลเวรดึกดุว่า ทำไมถึงหลุด เราก็ตอบว่าไปเข้าห้องน้ำไง มันเลยหลุด เวร
  เช้ามาเสียบน้ำเกลือใหม่ พยาบาลฉีดยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อให้ แต่เราไม่ค่อยเจ็บแผลเท่าไหร่ แบบว่าทนได้
นอน รพ สามคืน เช้าวันที่ 12 หมอถอดสายดูดเลือดที่คอ ออก แล้วเราก็ออกจาก รพ กลับมาพักที่ห้อง แผลยังคงตึงๆบวม คอช้ำ แต่ไม่เจ็บ กลืนอาหารได้ปกติ 
วันที่  16 หมอนัดไปดูแผล แกะพลาสเตอร์ให้ บอกโดนน้ำได้แล้ว แต่ผลชิ้นเนื้อยังไม่ออกต้องมาอีกทีจันทร์หน้า
เรากลับทำงานวันที่ 18-20 น้องๆที่อ้อฟฟิศ ไม่กล้ามองคอเรา บอกกลัว คิดถึงละครเรื่องศรีษะมาร  หุหุ
วันนี้ 23 มิถุนายน ไปฟังผล.....ดีใจมากหมอบอกผลออกมาเป็นเนื้อไทรอยด์ธรรมดา นัดอีกทีสองเดือน ข้างหน้าเช็คผลเลือด
วันนี้ได้ยาแก้ปวดเพิ่ม คอยังช้ำๆ แต่สบายใจ ไม่ต้องกังวลละ.......ผ่าตัดไม่ได้น่ากลัวนะคะ แล้วมันจะผ่านไปค่ะ
ดูแลสุขภาพกันนะคะ




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2557    
Last Update : 23 มิถุนายน 2557 19:04:01 น.
Counter : 1007 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

chawarin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hello friends,

This should be my long diary ....now it's third years for me to be member of this blog....
Thanks all of you to visit my diary :-)

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chawarin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.