Every ending is a new beginning ....

เพราะเรารู้จักกัน

วันศุกร์ มาถึงอีกครั้ง เราตั้งใจ จะมาทำงานทุกวันเสาร์นับจากนี้ไป เพื่อชดเชยให้กับบริษัท และน้ำใจของเจ้านาย และเพื่อนร่วมงาน
เจ้านายคนนี้กับเพื่อนของเรา และเรา เคยทำงานด้วยกันมา ก่อนที่บริษัทจะโดนเทค แล้วเราเป็นคนแรก ที่ลาออกไป ใช้ ชีวิตเร่ร่อน เปลี่ยนงานไปเรื่อยเป็นเวลาเกือบๆ 5 ปี จนกลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อปี่ที่แล้ว และได้ ทำงานด้วยกันอีกจนได้

เจ้านายเราเป็นคนต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยมา 8 ปี มีลูก 2 คนกับภรรยา คนไทยน่ารักคนหนึ่ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่ ตอนที่เขา มาอยู่ประเทศไทย ใหม่ ๆ ตอนนั้นยังทำงาน เป็นพนักงานธรรมดา แต่เป็นต่างชาติ เลยได้ ตังเยอะกว่าคนไทย อย่างพวกเรา เขาเป็นคน ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก กินอะไรก็ได้ ไม่บ่น จำได้ ว่า ตอนนั้น กินข้าวกลางวันด้วยกัน แล้วเขาฝากเราซื้อข้าว เราซื้อข้าวผัดธรรมดา ๆ มา ก็ กินได้ ไม่บ่น แถมยังเอา ตังมาวางไว้ บนโต้ะเราแล้วพยายามเขียน ขอบคุณเราเป็นภาษาไทย คงกำลังจีบกับภรรยา อยู่ ในตอนนั้น เลยหัดภาษาไทย
ตอนมาเจอกัน ปีที่แล้ว ก่อนที่เราจะเข้ามาทำงาน เขาก็สัมภาษณ์ เราไปตามเรื่องตามราว สุดท้าย สรุปเหตุผล ว่า เขาไม่อยากรับคนอื่นเพราะไม่อยากเสียเวลาไปเริ่มต้นทำความรู้จัก และเหตุผลสำคัญ เป็นเพราะว่า "you know me" แล้วเราก็ทำงาน ด้วยกัน ต่อมา เกือบๆ ปี รู้สึกเหมือนได้ทำงานกับเพื่อน เขาไม่เคยมาจี้งาน หรือทวงถามอะไรเรา ดูเหมือนจะไว้ไจ และทำงานด้วยกันแบบ เพื่อนจริงๆ
เราถึงรู้สึกดี ที่ได้ อยู่ที่นี่ บางที อะไรๆ ก้ไม่สำคัญเท่าความสุขในการทำงาน คิดดูสิ เรามีเวลาเขียน บล็อก ตอนบ่ายๆ ด้วยนะ






 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 7 มีนาคม 2551 9:08:44 น.
Counter : 433 Pageviews.  

ในที่ทำงาน เล็กๆ

กลับมาทำงาน ได้ 4 วันแล้ว มีงานหลายอย่างที่ต้องทำ เพราะออดิท กำลังจะเข้า มา ตรวจต้นเดือนหน้านี้แล้ว ยังไม่ได้คุยกับพี่ ที่ทำบัญชีเลย ว่า จะต้องเตรียมเอกสารอะไร เพิ่มเติม บ้าง ดูเหมือนว่าเรา กลายเป้นคนทำบัญชี ทั้งๆ ที่ บริษัท มีคนทำบัญชี อยู่ แล้ว แปลกดี เราว่า พี่เขาก็ไม่ค่อยได้ เข้า มาดูแล อะไรเท่าไหร่ นอกจากตรวจ รายงานให้ ตอนสิ้นเดือน ติดต่อถามอะไรก็ ไม่ค่อยว่าง ก่อนหน้า นั้น เราคิดว่า เราแค่ทำเอกสาร และส่งไปให้ เขา ปิดบัญชี โดยใช้โปรแกรมบัญชี ที่เขา มีอยู่แล้ว แต่ ทำไม สุดท้าย เขาไม่ได้ เอาเอกสาร อะไรไปเลย แถม ยังจะใช้โปรแกรม บัญชี ที่บริษัท ซื้อมา โดยมีเราเป็น คน คีย์ ข้อมูล เอง แบบต้องถามชาวบ้าน เพราะไม่ได้ จบบัญชี มาโดยตรง เอามาเป็นหลักในการ ให้ ออดิท ตรวจสอบ แบบนี้มันจะเละเทะไหม นี่ ยังกลุ้มใจ

พอถาม แกก็ บ่น ว่า น่าจะมีสมุห์บัญชีประจำบริษัท ไปเลย เพราะแกไม่มีเวลามาดู ข้อมูล ในเชิงลึก เราอยากจะพูดว่า ถ้า งั้น บริษัท ก็คง ไม่ต้องจ้าง ทั้งแก และเรา ถ้า รับสมุห์บัญชีมา เพราะบริษัทเล็กแค่นี้ คนเดียวก็ ทำได้แล้ว ไม่ต้องจ้างแก มาปิดงบ ไม่ต้องจ้างเรามาทำเอกสารใน อ้อฟฟิศ ให้เปลือง แบบนี้ ค่าจ้างแก กับเรา รวมกัน นี่ก็คงจ้างสมุห์บัญชี แพงๆ ได้สักคนหรอก ตลกดี
นี่ ยังไม่ได้ โทรคุยกับแก เลย ว่า จะเอาไง ต่อ เราเองก็เริ่มเซ็ง เล็กน้อยเหมือนกัน





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 11:12:19 น.
Counter : 410 Pageviews.  

แล้วแม่ก็ จากไป

ในที่สุด แม่ก็ จากไป อย่างสงบ ใน วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551
นับจากนี้ เราคงต้องอยู่ ตามลำพัง อาจจะกลับบ้านน้อยลง หากิจกรรมทำให้มากขึ้น อ่านหนังสือวิชา ที่จะต้องสอบ (เราลงเรียนเพิ่ม ที่สุโขทัย ตั้งแต่ปลายๆ ปีที่แล้ว) ในเดือน เมษายน อีก 2 วิชา ตั้งแต่ แม่ป่วย เราไม่เคยได้ อ่าน หนังสือเรียนเลย รู้สึกไม่มีสมาธิ กังวล เครียด นอนไม่เคย เต็มที่ เหมือน หลับๆ ตื่นๆ และฝันร้าย

เราคงคิดถึงแม่ไป อีกนาน ถึงนานมาก เพราะ แม่เป็นเหมือน เพื่อนที่สนิทที่สุดของเรา มีเรื่องไรก็จะเล่า ให้แม่ ฟังตลอด นับจากนี้จะไม่มีใครโทรมาถามเรา ว่า " กลับบ้านหรือเปล่า " ในตอนสายๆ ของ วันเสาร์ จะไม่มีใคร ถามเรา ว่า " ตังพอใช้หรือเปล่าล่ะ "ตอนปลายๆเดือน และเราคงไม่มีโอกาสได้โทร บอกใครอีกว่า " แม่ หนูกลับถึงห้องแล้วนะ " ในวันอาทิตย์ เหมือนทุกทีที่ผ่านมา

ตอนนี้เรายังอยู่ในระหว่าง การปรับตัว รับสภาพ ของการใช้ชีวิต โดยไม่มีแม่ ชีวิตประจำวัน ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ วันเสาร์หน้าเราคงไม่ได้กลับบ้าน อย่างที่เคย
กลับไปก็ คงเหงา เห็นแต่รูป พ่อกับแม่ แต่ไม่มีใคร ที่เราจะสามารถจับต้อง สัมผัสได้ อีกต่อไป

ใครที่โสด อยู่ก็ หาแฟน กันซะนะ เดี๋ยว พ่อ แม่ ไม่อยู่ด้วย แล้ว จะเหงา เป็นลูกกำพร้าแบบเรา

ชีวิต ยังคงต้องดำเนิน ต่อไป เราบอกแม่ หลาย ครั้ง ระหว่างที่แม่ป่วยหนักว่า " แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะ หนูอยู่ได้ " เราก็ควรจะอยู่ให้ได้ อย่างที่เรา ตั้งใจ พ่อกับแม่ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง สัญญานะจ้ะ พ่อกับแม่ หนูจะเป็นคนดี ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีค่า รู้จักให้ และเสียสละ อย่างที่พ่อ แม่ สอน ชีวิตนี้สั้นนัก ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ทำวันนี้ให้ดี ที่สุด ก็เพียงพอแล้วล่ะ




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 17:38:24 น.
Counter : 447 Pageviews.  

เวลาที่เหลืออยู่

>
1 เดือนเต็มๆ กับการเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล ของเรากับพี่ๆ มีแต่แม่ที่ยังคงนอน อยู่ในนั้น โดยมีพวกเราสับเปลี่ยนกันไปเฝ้า ดูแล ตอนนี้แม่เริ่มรับรู้น้อยลง สายตาของแม่ดูเลื่อนลอย เหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ มีบางครั้งที่เราเรียกแม่ดังๆ เพื่อที่จะบอกแกว่าเราอยู่ตรงนี้นะ สายตาของแม่จะเป็นเหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่เคยมองเรา เวลาที่แม่ยังไม่ป่วย มีอะไรบางอย่างสื่อให้เรารับรู้ว่าแม่ยังไม่อยากจากเราไป แม่ยังเป็นห่วงและอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเราให้นานกว่านี้ แต่สภาพร่างกายของแม่ไม่แข็งแรงพอที่จะทนทานกับโรคร้ายนี้ได้นานนัก
เรากับพี่ๆนอนเฝ้าแม่ ด้วยกัน ในคืนวันเสาร์ ช่วยกันเปลี่ยนผ้าอ้อม และดูแลแม่เหมือน สมัยที่แม่เคยดูแล พวกเราตอนเป็นเด็กๆ รู้ดีว่าพวกเราคงไม่สามารถทดแทนพระคุณของแม่ได้หมดในชาตินี้ แต่นี่คือโอกาสสุดท้ายที่พวกเราจะทำได้ ในขณะที่แม่ยังพอรับรู้อยู่บ้าง เช้าวันอาทิตย์เรากับพี่สาวออกไปใส่บาตร ที่ข้างโรงพยาบาล วันอาทิตย์เป็นเสมือนวันเกิดของแม่ มีพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นญาติๆ กับเราแนะนำให้ใส่บาตรในวันนี้ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของแม่ เพื่อให้อาการเจ็บปวด ทรมานทุเลาลง พวกเราไม่รีรอที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ดีขึ้น และก็แปลกมาก หลังจากที่กลับจากใส่บาตร อาการทุรนทุรายของแม่เริ่มลดลง เราคงไม่กล้าหวังที่จะมีปาฏิหารย์ ให้แม่เราหายจากโรคร้าย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ แค่ให้แม่ไม่เจ็บปวดทรมาน นั่นคือสิ่งที่เราและพี่ๆร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย ถ้าหากสิ่งศักดิ์สิทธ์ นั้นมีอยู่จริงๆ












 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2551 13:42:44 น.
Counter : 518 Pageviews.  

ยังมีความหวังอีกไหม

มีคนหลายๆ คนที่เรารู้สึกดีๆ ที่ได้รู้จัก หนึ่งในนั้น คือพี่ผู้ชายคนหนึ่ง เราเคยทำงานที่เดียวกัน เป็นเวลา 5 ปีกว่าๆ ตอนนั้น พี่เขา ยังไม่ได้ แต่งงาน ( ปัจจุบัน ลูก 3) พี่เขา มี อะไร หลายๆ อย่าง ที่ คล้ายคลึงกับพ่อเรามากๆ บุคลิก ลักษณะ นิสัย ฯลฯ....... เราจากกันไป นาน ตั้งแต่เราออกจากบริษัท (อันเป็นที่รัก)แห่งนั้น และเราก็ กลับมาเจอกัน อีกครั้ง ตอนปลายๆ ปี่ที่แล้ว เราได้มีโอกาส คุยกับพี่ แก ทางเอ็ม รู้ว่าแกเรียนจบปริญญาโทแล้ว เราถามแกว่า พี่เรียนจบแล้วมี่อะไร แตกต่างจากเดิมบ้าง แกตอบ ว่า รู้สึก ว่าตัวเองฉลาดขึ้น และรู้ว่าที่ผ่านมา ได้เสียเวลา กับอะไรที่ไม่เป็น สาระมานานมาก เหมือนได้ออกจากกะลา อะไรปะมาณนั้น เลยถามแกว่า พี่มีวิธีการทำใจยังไง ที่ต้องเห็นพ่อ หรือ แม่ ที่เรารัก ต้องจากไป
แกตอบ ว่า ไม่เห็นต้องทำใจ เพราะ มันเป็น ธรรมดาของโลก เป็นสัจธรรม แกบอกว่าความเสียใจเกิดจาก ความผูกพัน และถ้าเราไม่แสดงออก ว่าเสียใจ ก็อาจจะถูกกล่าวหา ว่าอกตัญญู แกพูดถูกทีเดียว อย่างตอนนี้เรากำลัง ทำใจ อย่างยากลำบาก
ในวันเดียวกัน เพื่อนสนิทอีกคน โทรมา ปลอบใจว่า ให้คิดให้เป็นปัจจุบันเท่านั้น ถ้าเรา คิดถึงอนาคต เราจะกังวล คิดถึงอดีต เราจะรู้สึก อาลัยอาวรณ์ และเป็นทุกข์
ก็แค่หวังว่า เราจะดำเนินชีวิต ต่อไปได้ให้สมกับ ที่เป็น ลูกสาวคนเก่ง (แต่ไม่ค่อยได้เรื่อง) ของพ่อกับแม่








 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2551 17:54:06 น.
Counter : 379 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  

chawarin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hello friends,

This should be my long diary ....now it's third years for me to be member of this blog....
Thanks all of you to visit my diary :-)

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chawarin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.