ครั้งแรก กับการเดินทางไกล >>> Dubai
ตั้งใจว่าจะเขียนบล้อกนี้ มานานแล้วค่ะ แต่ไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบปี ช่วงนี้อย่างที่รู้ๆ กันว่า ทุกคนต่างกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วม จนไม่มีสมาธิในการทำอะไร เรายังคงมาทำงานตามปกติ ตั้งใจว่าถ้าไม่เห็น กระแสน้ำมาเคาะประตูหน้าอพาร์ทเม้นท์ เราก็จะยังไม่ย้าย.. หุหุหุ พอดีว่าบ้านเราอยู่ใกล้ กรุงเทพฯ และไม่ได้ อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เลยคิดว่าคงกลับบ้านไม่ยาก อะไรมากมาย เลยได้ โอกาสเขียนเรื่องที่ค้างคา
เรามีโอกาสเดินทางไป อบรมโปรแกรมที่ ดูไบ เมื่อธันวาคม 2553 (เรื่องเก่า เพิ่งเอามาเล่า อิอิ) เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกเพื่อนร่วมงานบางคนบอกว่า น่าจะเป็นครั้งเดียวของเรา (ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเอง เพราะบรัษัท ฯ จ่าย) ที่สำคัญ เราต้องเดินทางคนเดียว ตื่นเต้นแบบสุดๆ คิดในใจว่าจะเป็นยังไงนะ เวลานั่งอยู่บนเครื่องบิน แล้วถ้าเกิดบังเอิญ เครื่องที่เรานั่งไป ดันเกิดอุบัติเหตุตก หรืออะไรประมาณนั้น พูดง่ายๆ คือกลัวตายนั่นล่ะ หลานชายเราต้องปลอบใจว่า เปอร์เซนต์ที่จะเกิดอุบัติเหตุ มีน้อยถ้าเทียบกับการเดินทางทางรถยนต์ เราก็เลยรู้สึกสบายใจขึ้น
ก่อนเดินทาง พี่ชาย กับพี่สาว และหลานชายขับรถพาเราไป ดู สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นของจริง ตั้งแต่สร้างเสร็จมานานหลายปี นึกภาพออกเลยใช่ไหมคะว่าเราเชยขนาดไหน 555
แล้ววันที่เดินทางก็มาถึง .....เหมือนเดิม พี่ชาย พี่สาวมารับที่อพาร์ทเม้นท์และไปส่งที่สนามบิน พี่ๆ ขับรถหลง ลงผิดทาง เป็นผลให้เรามาถึง เค้าท์เตอร์เช็คอิน ของสายการบิน EK เกือบไม่ทัน พนักงานที่ เช็คอินให้เรา บอกเราว่า พี่ รีบๆ เข้าไปเลย จะไม่ทันแล้ว ......
เราร่ำลา พี่ๆ แบบอาลัย อาวรณ์ แต่หลังจากเข้าไปข้างในแล้ว เราต้องรออีกเกือบครึ่ง ชั่วโมงกว่าจะได้ขึ้นเครื่อง ความรู้สึกแรกคือ เครื่องบิน ลำใหญ่มากๆ
เรานั่งชั้น อีโคโนมิค คลาส ดูเหมือนจะแออัด ที่นั่งเต็มทุกที่ ผู้คนมากหน้าหลายตา เรานั่งริมหน้าต่าง เพือจะได้ดูวิว ข้างนอก คนที่นั่งข้างเราคือคู่สามี ภรรยา ต่างชาติ เขาน่ารักมากๆ ช่วยแนะนำเรื่องคาดเข็ดขัด ปรับเบาะ เปิดมอนิเตอร์์ตรงหน้าที่นั่ง และที่สำคัญ ....ช่วยแปลภาษาอังกฤษ ( จาก แอร์โฮสเตส ) เป็นภาษาอังกฤษ ให้เราฟังอีกที สุดยอด แห่งความใจดี เรารู้สึก โง่มากๆ ที่ฟังแอร์ พูดไม่เข้าใจ 5555
ความรู้สึกต่อมาคือ ตื่นเต้นมาก ตอนที่เครื่องบินกำลังจะยกระดับสูงขึ้นจากพื้น เรามองออกไปนอกหน้าต่าง มันเป็นมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มุมสูงที่เห็นอะไร ข้างล่างเล็กไปหมด เรายังคงมองเห็น พื้นล่างอยู่สักพัก หลังจากนั้น ก็เห็นแต่เมฆลอยผ่านหน้าต่าง ....โคตรคิดถึงบ้านเลยทีเดียว นึกในใจว่า จะไปเจอกับอะไรวะนี่รู้สึกโดดเดี่ยวมาก แตความกลัวมันหายไป หลังจากเครื่องบินยังคงรักษาระดับต่อไป เรานั่งหลับๆ ตื่นๆ ข้าวปลาไม่กิน เพราะตื่นเต้น ฝรั่งข้างๆถามเรา แน่ใจรึ ไม่กินอะไรน่ะ เราบอกว่าไม่ค่ะ ขอน้ำเปล่าแก้วเดียวพอ ....แต่มันไม่หิวจริงๆ น่ะ รู้สึกตืนเต้นมากกว่า เผลอแป้บเดียว (จริงๆ มันนาน ประมาณ 5 ชั่วโมง) ได้ยินเสียงประกาศว่า เรากำลัง แลนดิ้งแล้ว เย้ .....เรามองออกไปที่หน้าต่าง .....
ทะเลทราย ....ภูมิทัศน์ที่แสนจะแตกต่างจากบ้านเรา โดยสิ้นเชิง ตื่นเต้น สุดๆ ... เราลาสองผัวเมีย ที่นั่งมาด้วยกัน เขาถามเราว่า จะมีคนมารับเราใช่ไหม ดูท่าทางเขาจะเป็นห่วง เพราะเราบอกว่า นี่คือครั้งแรกของเราที่ออกจากประเทศไทย เขาอาจคิดในใจ มันจะไปรอดไหมนั่งนี่ อิอิอิ แล้วเราก็บ้ายบาย จากกันที่สนามบิน
เราเดินตามผู้คนมากมาย เพื่อจะผ่านด่าน ตม เจอคนไทย หลายคนแต่ ยิ้มทักทายกันแล้ว แยกย้ายกันไป เพราะพี่ๆ เขามา ต่อเครื่องไป อีกประเทศนึง เราเดินไปเข้าแถวกับน้องผู้ชายคนไทย ระหว่างรอก็คุยกันฆ่าเวลา เขาบอกว่าเขามาหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่นี่ ท่าทางเขาคล่อง และมนุษยสัมพันธ์ดีมาก น่าจะเดินทางบ่่อย น่าอิจฉา
รอสักพัก ก็มาถึงคิวเรา เราไปเจอ ตม หน้าตาดี เขาเช็ค พาสปอร์ต วีซ่า แล้วถามเราประโยคเดียวว่า พักที่ไหน เราตอบชื่อโรงแรมไปถาม สั้นมากๆ น่าจะถามเยอะๆ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเราก็ เดินไป รอรับกระเป๋าที่เลื่อนมาตามสายพาน นั่นไง มาแล้ว กระเป๋าโทรมๆ ของเรา(ยืมพี่ชายมาอีกที) แล้วเราก็ลากกระเป๋าออกไป สู่ ดูไบ อย่างเดียวดาย .....
เวลา ณ.ตอนนั้น บ่าย 2.30 บ้านเราคง 6 โมงเย็นแล้ว ..... เดี๋ยวมาเขียนต่อค่ะ
(รูปนี้ถ่ายตอนขากลับค่ะ)
Create Date : 27 ตุลาคม 2554 | | |
Last Update : 27 ตุลาคม 2554 22:46:03 น. |
Counter : 597 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
Hello friends,
This should be my long diary ....now it's third years for me to be member of this blog.... Thanks all of you to visit my diary :-)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|