อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร - วัดอาวาสใหญ่, วัดช้างรอบ, วัดสิงห์ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่เมืองโบราณกำแพงเพชร ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ในเขตอำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสามารถติดต่อกับที่ราบลุ่มแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านในท้องที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลกได้และยังต่อเนื่องไปถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำป่าสักในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนพื้นที่ทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกเป็นภูเขา จากลักษณะทางภูมิประเทศดังกล่าว พบว่ามีความเหมาะสมในการตั้งชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สามารถใช้ติดต่อกับชุมชนในพื้นที่ราบได้สะดวก และเป็นชุมชนพักสินค้าเพื่อเปลี่ยนแบบแผนการคมนาคมจากที่ราบสู่เขตภูเขาที่ขึ้นไปทางทิศเหนือและทางทิศตะวันตกต่อไปเมืองโบราณกำแพงเพชรมีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู วางตัวเป็นแนวขนานไปกับแม่น้ำปิง กำแพงเมืองแต่เดิมมีลักษณะเป็นคันดินและคูน้ำสามชั้น ต่อมาได้มีการพัฒนากำแพงเมืองชั้นในเป็นกำแพงก่อด้วยศิลาแลง เชิงเทินตอนบนก่อเป็นรูปใบเสมาและมีป้อมประตูโดยรอบกรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองโบราณกำแพงเพชรมาอย่างต่อเนื่องทั้งการประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตโบราณสถานรวมทั้งการก่อตั้งโครงการอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรขึ้น แล้วจึงมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2534 โดยขอบเขตอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรในปัจจุบันพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดรวม 2,114 ไร่ หรือ 3.34 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่1. เขตกำแพงเมือง มีพื้นที่ 503 ไร่ ตั้งอยู่ในขอบเขตของเมืองกำแพงเพชรโบราณบนฝั่งทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง มีคูเมืองและกำแพงเมืองศิลาแลงรอบล้อม2. เขตอรัญญิก มีพื้นที่ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกรัง นอกเขตกำแพงเมืองด้านทิศเหนืออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร" (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญครั้งที่ 15 เมื่อปี พุทธศักราช 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย โดยมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์มรดกโลกด้านวัฒนธรรม จำนวน 2 ข้อ ดังนี้- เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์- เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรม หรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน หรือว่าที่สาบสูญไปแล้ววัดอาวาสใหญ่ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 (พ.ศ. 1901-2100) วัดอาวาสใหญ่ไม่ปรากฏแนวขอบเขตกำแพงวัด คงมีเฉพาะกำแพงแก้วที่แสดงขอบเขตพุทธาวาส ด้านหน้าก่อเจดีย์รายรูปทรงต่าง ๆ บนฐานขนาดใหญ่ข้างละ 8 องค์ ถัดเข้าข้างในเป็นวิหารใหญ่ยกพื้นสูง มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ฐานวิหารตั้งอยู่บนฐานไพทีขนาดใหญ่ชั้นหนึ่ง ด้านหลังวิหารเป็นฐานเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม กว้างด้านละ 6 เมตร รองรับฐานหน้ากระดานย่อมุม ๆ ละ 5 เหลี่ยม ส่วนยอดเจดีย์พังลงหมด สันนิษฐานในเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง นอกกำแพงแก้วออกไปทางด้านทิศตะวันตกเป็นเขตสังฆาวาส ซึ่งมีฐานกุฏิสงฆ์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งพบร่องรอยของอาคารศาลา บ่อน้ำ และห้องส้วม (เวจกุฎี) ด้านหน้าวัดมีบ่อน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เรียกว่า บ่อสามแสน.ไม่ได้ไปครบทุกวัดนะคะ บริเวณที่เคยเป็นสระน้ำขุดลงไปถึงชั้นศิลาแลงวัดช้างรอบ ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเนินเขาลูกรังในเขตอรัญญิก เมืองกำแพงเพชร มีความสูง 98 เมตรจากระดับน้ำทะเล ผังวัดมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กลุ่มโบราณสถานสำคัญภายในวัดได้แก่ อุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวัด มีใบเสมาทำจากหินชนวนปักบนพื้นดินโดยรอบ 8 ทิศ วิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ทางด้านทิศตะวันตกของวิหาร เป็นเจดีย์ประธานทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 31 เมตร ส่วนฐานประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นรูปช้างครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก โดยมีการตกแต่งด้วยเครื่องทรงและเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากประติมากรรมรูปช้างที่ล้อมรอบฐานเจดีย์แห่งอื่นในวัฒนธรรมสุโขทัย เช่น เจดีย์ประธานวัดช้างล้อม เมืองศรีสัชนาลัย กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 19 - 20 และเจดีย์ประธานวัดสรศักดิ์ เมืองสุโขทัย กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20สามารถกำหนดอายุเจดีย์ประธานวัดช้างรอบได้ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 ด้วยวิธีการศึกษาเปรียบเทียบลวดลายเครื่องประดับของประติมากรรมปูนปั้นรูปช้างที่มีความคล้ายคลึงกับลวดลายชายผ้านุ่งของเทวรูปพระอิศวรสำริดปรากฏจารึกที่ฐานประติมากรรม ระบุศักราช พ.ศ. 2053 รวมถึงลวดลายดอกบัว และเทพพนม ที่ปรากฏบนกระเบื้องเชิงชาย ซึ่งพบจากการดำเนินการทางโบราณคดีมีลักษณะคล้ายคลึงกับลายบนกระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา อาทิเช่น พระราชวังหลวง วัดสุวรรณาราม วัดพลับพลาชัย และตำหนักมเหยงคณ์ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 เดินขึ้นมาด้านบนค่ะมองลงไปข้างล่างบูรณฆฏะ หมายถึง หม้อแห่งความดีงาม อุดมสมบูรณ์ ความเจริญงอกงาม ความสุข ความร่มเย็น และมีสติปัญญามาต่อกันเลยค่ะ บริเวณนี้มีวัดติด ๆ กันอยู่ใกล้กับวัดสี่อิริยาบถค่ะ Create Date :14 มีนาคม 2567 Last Update :14 มีนาคม 2567 19:27:50 น. Counter : 675 Pageviews. Comments :0 twitter google (โหวต blog นี้) ผู้โหวตบล็อกนี้...คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtuk-tuk@korat, คุณThe Kop Civil, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณmultiple, คุณสองแผ่นดิน, คุณดาวริมทะเล, คุณทนายอ้วน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณปรศุราม, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณดอยสะเก็ด, คุณkae+aoe, คุณpeaceplay, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณkatoy, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtuk-tuk@korat, คุณThe Kop Civil, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณmultiple, คุณสองแผ่นดิน, คุณดาวริมทะเล, คุณทนายอ้วน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณปรศุราม, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณดอยสะเก็ด, คุณkae+aoe, คุณpeaceplay, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณkatoy, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณnewyorknurse