bloggang.com mainmenu search
ตอน...นกน้อยทำรัง(แต่พอตัว)

ถ้าเป็นนวนิยาย เมื่อพระเอกนางเอกได้แต่งงาน ครองคู่อยู่ด้วยกัน เรื่องราวก็คงจบลงแบบชื่นมื่นผาสุกทั้งตัวละครและผู้อ่าน...
แต่เรื่องของพ่อไม่ใช่นิยาย การแต่งงานจึงไม่ใช่จุดจบบริบูรณ์ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้น...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับพ่อ นั่นเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่เลยทีเดียว...

พ่อเป็นเด็กกำพร้า เติบโตขึ้นมาจากการอุปการะเลี้ยงดูของคนนั้นนิดคนนี้หน่อย...แต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นวัดนั่นเอง...ด้วยพ่อได้เปลี่ยนผ่านช่วงวัยจากวัยเด็กสู่วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ในรั้ววัด...พ่อจึงเป็นคนที่ไม่เคยมีครอบครัวเป็นของตัวเองมาก่อน เมื่อถึงเวลาที่พ่อจะต้องเริ่มต้นสร้างครอบครัวพ่อจึงมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังมาก...มากเสียจน...บางครั้ง...แม่...ผู้ซึ่งมาจากครอบครัวที่อบอุ่น คับคั่ง... รู้สึกอึดอัดแกมรำคาญ
เพราะเมื่อพ่อพลาดหวังจากรักครั้งแรก แล้วได้มาใช้ชีวิตคู่กับแม่โดยที่พ่อไม่ได้นึกฝันมาก่อน พ่อก็ทุ่มเทความรักทั้งหมดใจที่เคยมีให้คนรักเก่า รวมถึงความมุ่งหวังต่ออนาคตครอบครัวที่ดีที่พ่อใฝ่ฝันถึง...มาที่แม่

พ่อเป็นคนอ่อนไหว และสำนึกตัวอยู่เสมอว่า...การได้ครองคู่อยู่กินกับแม่นั้น...นับเป็นโชควาสนาที่ตัวเองไม่ได้เลือก หากเป็นฝ่ายถูกเลือก...
ในขณะที่แม่นั้น...ได้รับการอบรมมาว่าผู้หญิงที่ดีจะต้องรู้จักเก็บตัวเก็บใจ ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ ไม่ว่าจะรัก ชอบ เกลียด ชัง...
ดังนั้น ทั้ง ๆ ที่แม่เองก็ต้องมีใจให้พ่อเต็มที่อยู่แล้วแหละ ไม่งั้นจะยอมแต่งงานด้วยหรือ...แต่แม่ก็ต้องทำท่าเฉย ๆ เข้าไว้ ให้พ่อเขาเข้าใจว่าที่แม่แต่งงานด้วยก็เพราะอยากจะประชดแฟนเก่าเท่านั้น...
ซึ่งในตอนนั้นพ่อก็เข้าใจเช่นนั้นจริง ๆ เสียด้วย...
จึงเกิดเป็นความขัดแย้งขึ้นมา...เหมือนมีม่านบาง ๆ ขวางกลางระหว่างพ่อกับแม่อยู่ในระยะแรกเริ่มนั้น...

พ่อยังไม่มีบ้านของตัวเอง เมื่อแต่งงานกับแม่ก็ต้องย้ายมาอยู่กับแม่ที่บ้านพี่สาวคนโตของแม่.... ป้าคนที่เพิ่งแต่งงานไปกับคุณครูยกบ้านหลังเล็ก ๆ ของป้าที่สร้างไว้ในเขตรั้วเดียวกับบ้านพี่สาวคนโตให้เป็นเรือนหอ บ้านหลังนั้นเล็กมาก ฝาบ้านเป็นฝาขัดแตะ ส่วนหลังคามุงด้วยใบจาก เมื่อพ่อย้ายมาอยู่จึงคิดขยับขยาย คิดจะปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน แต่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งพ่อก็เก็บหอมรอมริบไว้ได้พอสมควร และคาดว่าน่าจะพอ... แต่แม่กลับไม่เห็นด้วยที่จะให้พ่อซ่อมบ้านหลังนั้นเพราะแม่เห็นว่าบ้านหลังนั้นตั้งอยู่ในเขตรั้วบ้านพี่เขย ในอนาคตข้างหน้า เมื่อหลาน ๆ ลูกของพี่สาวโตขึ้น ที่ทางตรงนั้นควรจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา

แม่ชวนพ่อไปอยู่ที่บ้านเดิมของแม่ ซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ค่อนข้างห่างไกลชุมชน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นบ้านของแม่โดยชอบธรรมเพราะแม่เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว
พ่อลังเล...เพราะนั่นมันเป็นการตอกย้ำให้พ่อตระหนักถึงความไม่มีของตัวเองเมื่อเทียบกับแม่...แม่บอกว่าพ่อค่อนข้างคิดมากกับเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยสำหรับแม่...

พ่อคิดหนักอยู่สองประการ นั่นคือ...ที่ตรงนั้นเป็นบ้านเดิมของแม่ หากพ่อเข้าไปครอบครองพ่อเกรงว่าจะถูกมองว่า พ่อไม่มีปัญญาสร้างบ้านดี ๆ ให้แม่อยู่ อีกประการหนึ่งก็คือ บ้านหลังนั้นอยู่ห่างไกลชุมชนและเป็นที่ลุ่ม เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม...(แม่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยเมื่อแม่เป็นเด็กเล็กมาก ๆ น้ำท่วมที่บ้านแม่จนต้องย้ายขึ้นมาอยู่กับญาติอีกฝั่งหนึ่ง...ลำบากมาก)

พ่อค่อนข้างเครียดกับปัญหานี้จนพลอยทำให้แม่ไม่มีความสุขไปด้วย แล้วก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา ในเดือนที่สามของชีวิตคู่...
แม่อดรนทนไม่ไหวจนหลุดปาก...ทีเล่นทีจริง...บอกพ่อว่า..."ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข เราก็เลิกกันเถอะ..." พ่อน้อยใจแม่มากจนเดินออกจากบ้านแม่ไปในวันนั้น...

เมื่อพี่สาวแม่มาถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น...แม่บอกว่า...แม่ไม่ได้ตั้งใจ แม่แค่พูดเล่น ๆ ไม่ได้คิดว่าเขาจะจริงจังนี่...แม่จึงถูกป้าเทศนากัณฑ์ใหญ่...
เมื่อแม่อยู่คนเดียวแม่ก็เริ่มคิดถึงพ่อ...แล้วนึกเสียใจขึ้นมาบ้าง...แต่แม่ก็ปลอบใจตัวเองว่า...เดี๋ยวพ่อก็คงกลับมาน่า...
แม่บอกว่า...ในบางแว่บของความคิด แม่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวของปู่กับย่า...แล้วแอบหวั่นใจว่า...หรือนี่จะเป็นประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเดินซ้ำรอย...
แม่คิดอย่างนั้น...ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นแม่ไม่รู้ตัวเลยว่า...มันเกือบจะซ้ำรอยได้เหมือนจริง ๆ เพราะตอนนั้นแม่กำลังตั้งท้องลูกคนโตของพ่อกับแม่อยู่...

ฝ่ายพ่อ...เมื่อออกมาจากบ้านแม่พ่อไม่ได้กลับไปบ้านแม่อุ๊ยหรอก...เพราะบ้านนั้นมันคงจะใกล้บ้านแม่เกินไป...พ่อกลุ้มใจจึงคิดจะไปหาคนที่พ่อรู้สึกคุ้นเคยมาแต่เล็กแต่น้อย...นั่นก็คือพี่หนาน...(อดีตตุ๊พี่ที่อบรมเลี้ยงดูพ่อมาเมื่อครั้งเป็นสามเณรน้อยนั่นเอง)
เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่หนานมีธุระด่วนจะต้องไปกรุงเทพพอดี พี่หนานก็ชวนพ่อให้ไปด้วยกัน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ...พ่อก็ตอบรับทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย...
และในระหว่างการเดินทางนั่นเองที่พ่อได้คุยกับพี่หนานถึงปัญหาทั้งหมดของพ่อ...ซึ่งพี่หนานก็รับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ...เมื่อพ่อเล่าจบ...พี่หนานก็เทศนาพ่อกัณฑ์ใหญ่...ก่อนที่จะช่วยพ่อคิดหาทางออกของปัญหานี้...

พ่อไปกรุงเทพสี่วันก็กลับมา...พร้อมกับความมั่นใจในแนวทางแก้ไขปัญหาที่พ่อกับพี่หนานช่วยกันขบคิดมาตลอดช่วงเวลาสี่คืนสี่วันนั้น...
เมื่อกลับมาถึงที่หมู่บ้าน พ่อก็ไปนอนบ้านแม่อุ๊ยอีกสองคืน...เพื่อหาทางดำเนินการจัดการกับปัญหาตามที่ได้คุยกันกับพี่หนานและขอคำแนะนำจากพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย...
พ่อกลับมาหาแม่โดยคาดว่าอาจจะได้เห็นร่องรอยของความไม่พอใจบ้าง...จากแม่...แต่พ่อก็ผิดคาด เพราะแม่ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ เลย แม่ไม่ถามด้วยซ้ำว่าพ่อไปไหนมา...(แม่บอกว่า...ก็แม่รู้ล่วงหน้าแล้วนี่...จากอาว แม่ก็เลยไม่ต้องถาม)

แม่ยังคงปฏิบัติต่อพ่อราวกับว่าพ่อเพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเหมือนเช่น
ทุก ๆ วันที่ผ่านมา...นั่นยิ่งทำให้พ่อรู้สึกผิดต่อแม่
พ่อขอโทษแม่และสัญญาว่า...แต่นี้ต่อไปพ่อจะไม่ทำเช่นนั้นอีก...ซึ่งพ่อก็รักษาคำมั่นสัญญานั้นมาตลอดชีวิตของพ่อ...
แม่บอกว่า...นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตคู่กว่าห้าสิบปีที่พ่อกับแม่ต้องแยกห่างกันชั่วขณะ...

พ่อมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งที่พ่ออุ๊ยยกให้ตอนที่แม่ตาย...พ่อได้เอาที่ดินแปลงนั้นมาแลกกับที่ดินที่บ้านของพี่เขยแม่...ก็ที่บ้านที่พ่อกับแม่อยู่นั่นแหละ...ซึ่งพี่เขยก็ไม่ขัดข้อง (แถมยังช่วยพ่อดูแลเรื่องการก่อสร้าง ซ่อมแซมอะไรอีกเยอะแยะไปหมด เพราะพ่อต้องทำงานประจำ ไม่ค่อยมีเวลานัก...)

แล้วพ่อจึงเริ่มซ่อมแซมปรับปรุงบ้านหลังแรกของพ่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มั่นคงแข็งแรงขึ้น...เพื่อให้พร้อมเพียงพอที่จะรองรับลูกนกเล็ก ๆ ..อย่างน้อยก็สักสามสี่ตัว...ของพ่อกับแม่ได้...









Create Date :13 พฤศจิกายน 2550 Last Update :7 ธันวาคม 2550 20:02:15 น. Counter : Pageviews. Comments :7