สุกร กับ สุนัข กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชาวไร่ผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในไร่เชิงเขาเพียงลำพัง เขาเลี้ยงสุนัขกับสุกรไว้อย่างละหนึ่งตัว
วันหนึ่ง เขาก็เรียกสัตว์ทั้งสองมาพบและสั่งความว่า
"ข้ามีธุระจะต้องเดินทางไกล และอาจจะต้องพักอยู่ที่อื่นเป็นเวลานาน พวกเจ้าทั้งสองต้องเฝ้าบ้านให้ข้า และถางไร่ไว้ เมื่อข้ากลับมาจะซื้อเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ มาด้วยจะได้ลงมือเพาะปลูกได้ทันที แล้วข้าจะให้รางวัลพวกเจ้าอย่างงาม"
เจ้าสุนัขกับสุกรก็รับปากกับเจ้านายของพวกมันให้วางใจ
พวกมันทั้งสองจะช่วยกันถางไร่เตรียมดินไว้รอเจ้านายกลับมา
เมื่อชายคนนั้นออกเดินทางไปแล้ว สุกรกับสุนัขก็เข้าไปที่ไร่ทุกวัน
แต่เจ้าสุนัขมีนิสัยที่เสีย ชอบเอาเปรียบเพื่อน
โดยมักจะมีข้ออ้างในการที่ไม่ยอมทำงานอยู่เสมอ ๆ
มันมักจะวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ บริเวณนั้น แล้วอ้างว่าต้องไล่นกไล่หนูบ้าง
ปล่อยให้เจ้าสุกรทำงานหนักอยู่ตัวเดียว ทั้งถอนหญ้า
ทั้งใช้เท้าขุดดินแล้วยังพรวนดินจนทั่ว
ฝ่ายเจ้าสุนัข เมื่อเห็นสุกรพรวนดินจนทั่วไร่ดีแล้ว
มันก็เที่ยววิ่งเล่นไปจนทั่วไร่เหมือนกัน
เพื่อให้รอยเท้าของตนกลบรอยเท้าสุกรเสียหมด
เมื่อเจ้านายของสัตว์ทั้งสองกลับมา เขาก็ถามสัตว์ทั้งสองว่าพวกมันได้ทำงานตามที่เขาสั่งไว้ก่อนเดินทางไปหรือไม่
เจ้าสุกรก็ตอบว่า...
"เสร็จแล้วเจ้านาย ข้าทำงานหนักมากทุกวัน
แต่เจ้าหมาไม่ยอมทำอะไรเอาแต่วิ่งเล่นอยู่ในป่า"
ชายชาวไร่ได้ยินดังนั้นก็ถามเจ้าสุนัขว่า
"ที่เจ้าหมูพูดมานั้นจริงหรือเปล่า ?"
เจ้าสุนัขก็ตอบว่า
"ไม่จริงเลยนาย เจ้าหมูโกหก ข้าต่างหากล่ะที่เป็นคนทำงานทั้งหมด เจ้าหมูเอาแต่นอนสบาย ไม่เชื่อนายไปดูที่ไร่สิ "
เมื่อชายชาวไร่เข้าไปในไร่ก็เห็นว่าบนพื้นดินนั้นมีแต่รอยเท้าเจ้าสุนัขเต็มไปหมด ไม่มีรอยเท้าเจ้าสุกรเลย เขาจึงโกรธมาก บอกกับเจ้าสุกรว่า
"เจ้ามันสัตว์เนรคุณแท้ ๆ แถมยังโกหกหน้าด้าน ๆ ข้าจะทำโทษเจ้าโดยเจ้าต้องไปอยู่นอกบ้าน อย่ามาอยู่ร่วมบ้านกับข้าเลย ส่วนเจ้าหมานั้นซื่อสัตย์และรู้คุณนัก ข้าขอตกรางวัลโดยการอนุญาตให้เข้ามาอยู่ มากินนอนอยู่ในบ้านร่วมกับข้าได้ตามสบาย"
ด้วยเหตุนี้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เราจึงเห็นผู้คนเลี้ยงสุกรไว้นอกบ้าน
ให้อยู่ในเล้าที่สกปรก นอนกับดินกินกับทราย
ส่วนเจ้าสุนัขนั้นเจ้าของบ้านมักจะปล่อยให้เข้าออกบ้านได้อย่างสบาย
แถมปรนเปรอด้วยข้าวปลาอาหารอันโอชารสในขณะที่เจ้าสุกรได้รับเพียงกากข้าวและรำเท่านั้น
นิทานปรัมปราเรื่องนี้เป็นที่มาของคำกล่าวของคนโบราณล้านนาที่ว่า
"หมูสร้าง หมางับ" ซึ่งหมายความว่า
คนทำความดีบางคนสมควรได้รับบำเหน็จความดีความชอบกลับถูกขับไล่ไสส่ง แต่คนบางคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่ประจบเลียขาเจ้านายกลับได้รับการยกย่องสรรเสริญ...อันมีปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่ ๆ ไป
^
^
บ่าว่ากี่ปีจะผ่านไป
สุภาษิตนี้ก่ยังจะใจ้ได้เสมอนะครับ
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 1 กรกฎาคม 2551 13:45:15 น.
น่าสงสารน้องหมา เวลาคนด่า ด่าหมาๆๆ กันจั็ง ^^"
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.121.63 1 กรกฎาคม 2551 14:22:53 น.
เป็นนิทานที่ทันยุคทันสมัยมาก
น่าจะยังใช้ได้อีกนานปีค่ะ
โดย: ร่มไม้เย็น 1 กรกฎาคม 2551 14:24:59 น.
โดย: ammataya 1 กรกฎาคม 2551 18:35:48 น.
แวะมาทักทายกันวันพุทธมาสค่ะ มีความสุขตลอดวันนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิทานสอนใจดีดีเรื่องนี้ ใครว่านิทานไม่เหมาะกับผูใหญ่เถียงขาดใจเลย อิอิ
โดย: หอมกร 2 กรกฎาคม 2551 8:21:23 น.
เศร้าจังค่ะ
แสดงให้เห็นว่า
คนเรา...มักโดนคนไม่ดี
หลอกลวง
แล้วมันจะทำให้คนดี ๆ
ท้อแท้
โดย: โสดในซอย 2 กรกฎาคม 2551 9:28:21 น.
เขานิยมเอาไว้ใส่ปูนแดง ใส่พลู ใช่ไหมครับ
โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง 2 กรกฎาคม 2551 14:21:35 น.
แต่เห็นน้องหมาทำตัวงี้แล้ววงสารน้องหมู
เอ่อ...งั้นงดกินน้องหมูสักช่วงพรรษาน่าจะดีนะพี่นะ
โดย: นกที่ไม่มีเสียง 2 กรกฎาคม 2551 16:18:34 น.
เคยได้ยินคำว่าแต่กี้แต่ก่อน
โดย: grappa 2 กรกฎาคม 2551 21:28:33 น.
โดย: นัทธ์ 2 กรกฎาคม 2551 21:52:55 น.
ยังอาการบ่าดีเต้อเลยครับ
สักวันสองวันจะเอาฮูปใหม่ๆของหมิงหมิงมาอวดเน้อครับ อิอิอิ
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 2 กรกฎาคม 2551 22:10:49 น.
ตอนนี้น้องสาวก็ทำงาน
ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
จะมีสภาพเหมือนน้องหมูตัวนี้ไหมนอ ปี๋สาวเจ้า...
โดย: BeCoffee 2 กรกฎาคม 2551 23:34:28 น.
แม้ว่าจะเป็นนิทาน
แต่อ่านแล้วได้คิดอะไรหลายๆอย่างเลยค่ะ
ทุกวันนี้ก็เห็นคนแบบสุกรและสุนัขในเรื่องนี้
เยอะแยะไปค่ะ
แม่ไก่เอามาเล่าบ่อยๆนะคะ
นิทานสนุกมากเลย
มีความสุขทุกวันจ้า จุ๊บๆ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง 3 กรกฎาคม 2551 8:58:33 น.