วันที่ ๓ มีนาคมเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตฉัน...
เพราะวันที่ ๓ มีนาคมนี่เองที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรักและรักฉันมากที่สุดในโลกได้จากไป...เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๙
แม้จะล่วงเลยมาถึง ๓ ปีเต็ม ๆ แต่เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้นยังคงแจ่มชัดอยู่ในคลองความทรงจำของฉัน
และคิดว่ามันคงจะไม่มีวันลบเลือนไป...จนวันตาย
วันนั้นเป็นวันศุกร์...
วันก่อนหน้านั้นเป็นวันแรกในช่วงเกือบสองเดือนที่ฉันได้กลับไปนอนที่บ้าน...
โดยในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าที่บ้านโดยตลอด...
สลับกันไปมาระหว่างอยู่โรงพยาบาลสองสัปดาห์ กลับมาอยู่บ้านหนึ่งสัปดาห์...
แล้วก็กลับไปโรงพยาบาลอีก เป็นเช่นนี้อยู่ร่วมปีทีเดียว
จนท้ายที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Hospice* ของทางโรงพยาบาลชุมชนเล็ก ๆ ใกล้บ้าน
เพราะพ่อเคยบอกพวกเราไว้เสมอว่า ถ้าพ่อป่วยจนอาจจะไม่สามารถสื่อสารได้แล้ว (พ่อมีอาการทางสมอง ซึ่งจะมีอาการเบลอ แต่ก็รู้สึกตัวเป็นพัก ๆ )
เมื่อถึงเวลาจะไปก็ขอให้ปล่อยพ่อไป อย่ายื้อ อย่ารั้งพ่อด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ใด ๆ ซึ่งพวกเราก็เข้าใจและรับปาก
วันนั้นฉันตื่นแต่เช้า... แม้ว่าคืนก่อนหน้านั้นจะได้นอนหลับไปในช่วงเวลาสั้น ๆ
พี่สาวโทรมาจากโรงพยาบาลบอกว่า...
แม่สั่งให้ไปบอกลุงช่วยทำพิธี "ขอสมาลาโทษ"**เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน ให้พ่อหน่อย...
และตัวเองก็ให้รีบมาที่โรงพยาบาล...
ฉันมือสั่น ใจสั่น ขณะวางหูโทรศัพท์ลง รู้ดีว่าเวลาที่เราหวั่นกลัวกำลังจะมาถึงจริง ๆ แล้ว
ฉันวิ่งไปบ้านลุงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
แล้วก็วิ่งไปบ้านญาติอีกคนหนึ่ง วานให้เขาขับรถไปส่งที่โรงพยาบาล
(ฉันเพิ่งได้รับอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์...
กระดูกไหปลาร้าหักยังต้องคล้องผ้าคล้องแขนอยู่)
ฉันไปถึงที่นั่นตอนประมาณ ๘ โมงเศษ ๆ ...พ่อนอนเหยียดยาว สงบนิ่งอยู่บนเตียง
โดยมีแม่นั่งฟุบอยู่ข้างเตียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งพี่สาวยืนกุมมือพ่อไว้
พอเห็นฉันเข้าไป พี่สาวก็เข้ามากระซิบบอกว่าหมอบอกว่าพ่อคงจะไม่พ้นวันนี้แล้ว
เพราะความดันพ่อตกจนไม่สามารถวัดได้ตั้งแต่เมื่อคืน
และไม่สามารถให้อาหารหรือน้ำเกลือได้อีกแล้ว...
ทั้ง ๆ ที่รู้... ทั้ง ๆ ที่เตรียมใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว
แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะยอมรับ
ฉันสะกิดบอกให้แม่ไปนอนที่เตียงเฝ้าไข้ แล้วฉันก็ขยับเข้าไปนั่งแทนที่แม่...
แต่การนั่งทำให้ฉันไม่สามารถมองหน้าพ่อได้ถนัด
ฉันจึงเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืน
พี่ถอยไปนั่งเงียบ ๆ ที่ระเบียงหลังห้อง
ฉันทาบฝ่ามือข้างขวาลงบนตำแหน่งหัวใจของพ่อและใช้มือซ้ายจับมือข้างขวาของพ่อไว้...
การเคลื่อนไหวอ่อนและเบาใต้ฝ่ามือบอกให้รู้ว่า...พ่อยังอยู่กับฉัน
ฉันเริ่มต้นคุยกับพ่อ ทุกเรื่องที่อยากจะคุยอยากจะบอก ทุกเรื่องที่ฉันคิดว่าพ่ออยากจะรู้...
มือขวาของพ่อที่ฉันจับไว้ กระตุกเป็นระยะ ๆ เหมือนจะส่งสัญญาณการรับรู้...
นัยน์ตาที่เดิมทีดูเลื่อนลอย จับอยู่บนเพดานห้อง ถึงตอนนั้นค่อย ๆ เลื่อนมาจับนิ่งที่ใบหน้าฉัน...
ฉันจึงยิ้มให้พ่อ ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่แย้มออกมาจากหัวใจโดยตรง และพ่อก็ยิ้มตอบฉัน...ด้วยดวงตา
ฉันสวดมนต์บทสวดมนต์พิเศษแปล...ที่เราเคยสวดร่วมกันให้พ่อฟัง...แรงบีบน้อย ๆ ที่มือ บอกให้รู้ว่าพ่อรับรู้
พี่ ๆ น้อง ๆ และญาติ ๆ หลายคนทยอยเข้ามาในห้อง แต่ฉันก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ...
พยายามพูดและเคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่นให้แผ่วเบาที่สุด
เพื่อจะได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวใต้ฝ่ามือที่เนิบเนือยลง...
ผ่อนและแผ่วลงจนนิ่งสนิทในที่สุด
ในเวลา...๑๑.๕๐ น.
(ขอบคุณภาพประกอบจาก //www.olddreamz.com/ ค่ะ)
*Hospice เป็นโครงการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้ป่วยระยะสุดท้าย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี สงบสุขและอบอุ่นท่ามกลางญาติมิตร เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ พ่อของจขบ.เป็นคนไข้รายที่ ๔ ของโครงการค่ะ(ผู้ใดสนใจโครงการนี้ติดต่อหลังไมค์ได้ค่ะ)
** การขอสมาลาโทษผีบ้านผีเรือนเป็นคติความเชื่อของคนโบราณล้านนาที่ผู้ป้วยในระยะสุดท้ายควรจะได้กระทำก่อนการจากไปอย่างสงบ
โดย: แพนด้ามหาภัย 3 มีนาคม 2552 13:21:41 น.
โดย: คุณนายทหารเรือ 3 มีนาคม 2552 15:24:47 น.
พ่อของเอ็มจากไปเมื่อ 12 ปีก่อน
ในเดือนนี้เหมือนกันค่ะ
ส่งกำลังใจมาให้พี่แม่ไก่นะคะ
โดย: discipula 3 มีนาคม 2552 16:36:58 น.
ปี้สาวเข้มแข็งมากเลยเจ้า
โดย: BeCoffee 3 มีนาคม 2552 16:44:38 น.
โดย: Clear Ice 3 มีนาคม 2552 18:10:08 น.
เปลี่ยนกำหนดการเป็นอัพเวลาใดกะได้เจ้าในวันที่ 16 เจ้า
โดย: BeCoffee 4 มีนาคม 2552 6:33:35 น.
แวะมาทักทายกันจ้าคุณแม่ไก่
โดย: หอมกร 4 มีนาคม 2552 10:05:45 น.
หลายคนอาจกึ๊ดว่าบล็อกนี้เศร้า
แต่ผมว่าบล้อกนี้ของปี้แม่ไก่
งดงามตี้สุดแล้วครับ
ท่านจากไปอย่างสงบและงดงามแล้วครับ
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 4 มีนาคม 2552 16:27:03 น.
ตามมาแซวเอ้ย มะใช่
มาอวยพรขอให้มีรอยยิ้มทุกวัน
แล้วก็มาบอก
ตารางออกอากาก
2 หมิง กะอินชอน 5555
5 03 2009 ตอน ที่มาของชื่ออินชอน ภาค1
6 03 2009 ตอน พ่อก่าหลอกหมิงอีกแย้ว
7 03 2009 ตอน ต้นมะพร้าวกะตู้จดหมาย อิๆๆๆ
จะได้ไปฮาด้วยกัง
โดย: พลังชีวิต 4 มีนาคม 2552 19:54:52 น.
อ่านแล้วน้ำตารื้นคะ .. ปากก็เคยบอกว่าเรื่องการพลัดพราก
เป็นนิรันดร์ ..เป็นเรื่องต้องเจอ แต่ก็อดเศร้าบ่ได้
แต่ก็คิดเหมือนคุณก๋าค่ะว่า จากไปอย่างสงบ เป็นสิ่งที่
หลายๆ คนหวังเอาไว้เช่นกันค่ะพี่
โดย: JewNid 4 มีนาคม 2552 23:43:07 น.
ขอแสดงความเสียใจ๋เจ้าปี้
เป๋นกำลังใจ๋หื้อปี้แม่ไก่เจ้า
โดย: แม่เฮือน 5 มีนาคม 2552 1:55:52 น.
โดย: พลังชีวิต 5 มีนาคม 2552 9:31:33 น.
โดย: พลังชีวิต 5 มีนาคม 2552 9:32:12 น.
โดย: กะว่าก๋า 5 มีนาคม 2552 10:56:54 น.
ได้ฟังเสียงสวดมนตร์ของลูกสาว ท่านคงไปอย่างไม่มีอะไรต้องกังวล
ขอบคุณสำหรับชื่อเรียกวัดในภาษากวางตุ้งด้วยนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 5 มีนาคม 2552 13:46:23 น.