I'd like to take this opportunity to bow respectfully in order to celebrate the Diamond Jubilee of His Majesty King Bhumibhol Adulyadeja 's Accession to the Throne. LONG LIVE THE KING - - - zardamon - - - Photobucket - Video and Image Hosting
มุตโตทัย: การทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (ตอนที่ 1)

โดย พระอาจารย์มั่น (ภูริทตฺตธมฺโมวาท)

การปฏิบัติเป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ธรรมของพระตถาคตเมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมเป็นของปลอมทั้งสิ้น (สัทธรรมปฏิรูป) แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย

เพราะฉะนั้น เมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติธรรมถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อมาเมื่อฝึกหัดปฏิบัติจิตใจกำจัดเหล่ากะปอมก่า คืออุปกิเลสแล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่ และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากเดิมด้วย

ฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า

ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโท ภควาติ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์ จนได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญานเป็น “พุทโธ” ผู้รู้ก่อน แล้วจึงเป็น “ภควา” ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ สตฺถา จึงเป้นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ฝึกบุรุษผุ้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องในใจจาตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้

แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน ปรากฏว่า ท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว จึงช่วยพระบรทศาสดาจำแนกแจกธรรมสั่งสอนประชุมชนในภายหลัง ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า

ถ้าบุคคลไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษปรากฏว่า ปาปโก สทฺโท โหติ คือเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจาตุรทิศ เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในกาลก่อนทั้งหลาย

มูลมรดกอันเป็นต้นทุนทำการฝึกฝนตน

เหตุใดหนอ นักปราชญ์ทั้งหลาย จะสวดก็ดี จะรับศีลก็ดี หรือจะทำการกุศลใดๆ ก้ดี จึงต้องตั้งนโมก่อน จะทิ้งนโมไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นโมก็ต้องเป็นสิ่งสำคัญ

จะยกขึ้นพิจารณาได้ความปรากฏว่า น คือธาตุน้ำ โม คือธาตุดิน พร้อมกับบทพระคาถาขึ้นมาว่า มาตาเปติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสปจฺจโย สัมภวธาตุของมารดาบิดาผสมกันจึงเป็นตัวตนขึ้นมา เมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้ว ก็ได้รับข้าวสุกและขนมกุมมาสเป็นเครื่องเลี้ยง จึงเจริญเติบโตขึ้นมาได้ น เป็นธาตุของมารดา โม เป็นธาตุของบิดา

ฉะนั้น เมื่อธาตุทั้ง ๒ นี้ผสมกันเข้าไป ไฟของธาตุมารดา เคี่ยวเข้าจนได้นามว่า กลละ คือน้ำมันหยดเดียว ณ ที่นี้เอง ปฏิสนธิวิญญาณเข้าถือปฏิสนธิได้ จิตจึงได้ปฏิสนธิในธาตุนโมนั้น

เมื่อจิตเข้าไปอาศัยแล้ว กลละก็ค่อยเจริญขึ้นเป็นอัมพุชะ คือเป็นก้อนเลือด เจริญจากก้อนเลือดมาเป็น ฆนะ คือเป็นแท่ง และเปสิ คือชิ้นเนื้อ แล้วขยายตัวออกคล้ายรูปจิ้งเหลน จึงเป็นปัญจสาขา คือแขน ๒ ขา ๒ หัว ๑

ส่วนธาตุ พ คือลม ธ คือไฟนั้น เป็นธาตุเข้ามาอาศัยภายหลัง เพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจากกลละนั้นแล้ว กลละก็ต้องทิ้งเปล่าหรือสูญเปล่า ลมและไฟก็ไม่มี คนตาย ลมและไฟก็ดับหายสาบสูญไป จึงว่าเป็นธาตุอาศัย ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ธาตุทั้ง ๒ คือนโมเป็นดั้งเดิม

ในกาลต่อมาเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องอาศัย น มารดา โม บิดา เป็นผู้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมา ด้วยการให้ข้าวสุก และขนมกุมมาส เป็นต้น ตลอดจนการแนะนำสั่งสอนความดีทุกอย่าง ท่านจึงเรียกมารดาบิดาว่า ปุพพาจารย์ เป็นผู้สอนก่อนใครๆ ทั้งสิ้น

มารดาบิดาเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อบุตรธิดา จะนับจะประมาณมิได้ มรดกที่ท่านทำให้ กล่าวคือรูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิม ทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของภายนอกก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลย เพราะเหตุนั้น ตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น “มูลมรดก” ของมารดาบิดาทั้งสิ้น

จึงว่าคุณของท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่ เราต้องเอาตัวเราคือนโมตั้งขึ้นก่อน แล้วจึงทำกิริยาน้อมไหว้ลงภายหลัง นโมท่านแปลว่านอบน้อมนั้น เป็นการแปลเพียงกิริยา หาได้แปลต้นกิริยาไม่ มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุนทำการฝึกหัดปฏิบัติจนไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ

มูลฐานสำหรับทำการปฏิบัติ

นโม เมื่อกล่าวเพียง ๒ ธาตุเท่านั้น ยังไม่สมประกอบหรือยังไม่เต็มส่วน ต้องพลิกสระพยัญชนะดังนี้คือ เอาสระอะจากตัว น มาใส่ตัว ม เอาสระโอจากตัว ม มาใส่ตัว น แล้วกลับตัว มะ มาไว้หน้าตัว โน เป็น มโน แปลว่าใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงได้ทั้งกายทั้งใจเต็มตามสมควรแก่การใช้เป็นมูลฐานแห่งการปฏิบัติได้

มโนคือใจนี้เป็นดั้งเดิม เป็นมหาฐานใหญ่ จะทำจะพูดอะไร ก้ย่อมเป้นไปจากใจนี้ทั้งหมด ได้ในพระพุ?พจน์ว่า นโมปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติออกไปจากใจ คือมหาฐานนี้ทั้งสิ้น เหตุนี้เมื่อพระสาวกผู้ใดมาพิจารณาตามจนถึงรู้จักมโนแจ่มแจ้งแล้ว มโนก็สุกบัญญัติ คือพ้นจากบัญญัติทั้งสิ้น

สมบัติทั้งหลายในโลกนี้ ต้องออกไปจากมโนทั้งสิ้น ของใครก็ก้อนของใคร ต่างคนต่างถือเอาก้อนอันนี้ ถือเอาเป็นสมบัติบัญญัติตามกระแสแห่งน้ำโอฆะ จนเป็นอวิชชาตัวก่อภพก่อชาติ ด้วยการไม่รู้เท่า ด้วยการหลง หลงถือว่าตัวเป็นเรา เป็นของเราไปหมด

มูลเหตุแห่งสิ่งทั้งหลายในสากลโกลธาตุ

พระอภิธรรม ๖ คัมภีร์เว้นมหาปัฏฐาน มีนัยประมาณเท่านั้นเท่านี่ ส่วนคัมภีร์มหาปัฏฐาน มีนัยหาประมาณมิได้ เป็น “อนันตนัย” เป็นวิสัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะรอบรู้ได้

เมื่อพิจารณาพระบาลีที่ว่า เหตุปจฺจโย นั้นได้ความว่า เหตุซึ่งเป็นปัจจัยดั้งเดิมของสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุนั้นได้แก่มโนนั่นเอง มโนเป็นตัวมหาเหตุ เป็นตัวเดิม เป็นสิ่งสำคัญ นอกนั้นเป็นแต่อาการเท่านั้น อารมฺมณ จนถึง อวิคฺคต จะเป็นปัจจัยได้ก็เพราะมหาเหตุคือใจเป็นเดิมโดยแท้

ฉะนั้น มโน ซึ่งได้กล่าวไว้แล้ว ก็ดี ฐีติภูตํ ซึ่งจะกล่าวถึงในคราต่อไป ก็ดี และมหาเหตุ ซึ่งกำลังกล่าวถึง ก็ดี ย่อมมีเนื้อความเป็นอันเดียวกัน

พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัยก็ดี รู้อะไรๆ ได้ด้วยทศพลญาณก็ดี รอบรู้สรรพเญยยธรรมทั้งปวงก็ดี ก็เพราะมีมหาเหตุเป็นดั้งเดิมทีเดียว จึงทรงรอบรู้ได้เป็นอนันตนัย แม้สาวกทั้งหลายก็มีมหาเหตุนี้แลเป็นเดิม จึงสามารถรู้ตามคำสอนของพระองค์ได้

ด้วยเหตุนี้แล พระอัสสชิเถระผู้เป็นที่ ๕ ของพระปัญจวัคคีย์จึงแสดงธรรมแก่อุปติสสะ (พระสาลีบุตร) ว่า เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํวาที มหาสมโณ ความว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุฯ เพราะว่ามหาเหตุนี้เป็นตัวสำคัญ เป็นตัวเดิม เมื่อท่านอัสสชิเถระกล่าวถึงที่นี้ (คือมหาเหตุ) ท่านพระสารีบุตรจะไม่หยั่งจิตลงถึงกระแสธรรมอย่างไรเล่า? เพราะอะไรทุกสิ่งในโลก ก็ต้องเป็นไปแต่มหาเหตุ ถึงโลกุตตรธรรม ก็คือมหาเหตุ ฉะนั้น มหาปัฏฐาน ท่านจึงว่าเป็นอนันตนัย

ผู้มาปฏิบัติใจคือตัวมหาเหตุจนแจ่มกระจ่างสว่างโร่แล้ว ย่อมสามารถรู้อะไรอะไร ทั้งภายในละภายนอกทุกสิ่งทุกประการ สุดจะนับประมาณได้ด้วยประการฉะนี้

มูลการของสังสารวัฏฏ์

ฐีติภูตํ อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา อุปาทานํ ภโวชาติ... คนเราทุกรูปทุกนามที่ได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ ล้วนแล้วแต่มีที่เกิดทั้งสิ้น กล่าวคือ มีบิดามารดาเป็นแดนเกิด ก็แล เหตุใดท่านจึงบัญญัติปัจจยาการแต่เพียง อวิชฺชา ปจฺจยา ฯลฯ เท่านั้น อวิชชาเกิดมาจากอะไร ท่านหาได้บัญญัติไว้ไม่ พวกเราก็ยังมีบิดามารดา อวิชชาก็ต้องมีพ่อแม่เหมือนกัน

ได้ความตามบาทพระคาถาเบื้องต้นว่า ฐีติภูตํ นั่นเองที่เป็นพ่อแม่ของอวิชชา ฐีติภูตํ ได้แก่จิตดั้งเดิม เมื่อฐีติภูตํ ประกอบไปด้วยความหลง จึงมีเครื่องต่อ กล่าวคือ อาการของอวิชชานั่นเอง เมื่อมีอวิชชาแล้ว จึงเป็นปัจจัยให้ปรุงแต่งเป็นสังขารพร้อมกับความเข้าไปยึดถือ จึงเป็นภพชาติ คือต้องเกิดก่อต่อกันไป ท่านจึงเรียก ปัจจยาการ เพราะเป็นอาการสืบต่อกัน วิชชาและอวิชชาก็ต้องมาจาก ฐีติภูตํ เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อมี ฐีติภูตํ กอบด้วยอวิชชา จึงไม่รู้เท่าอาการทั้งหลาย แต่เมื่อ ฐีติภูตํ กอบด้วยวิชชา จึงรู้เท่าอาการทั้งหลายตามความเป็นจริง นี่พิจารณาด้วย วุฏฺฐานคามินีวิปัสสนา รวมใจความฐีติภูตํเป็นตัวการดั้งเดิมของสังสารวัฏฏ์ (การเวียนว่ายตายเกิด) ท่านจึงเรียกชื่อว่า “มูลต้นไทร”

เพราะฉะนั้น เมื่อจะตัดสังสารวัฏฏ์ให้สูญ จึงต้องอบรมบ่มตัวการดั้งเดิมให้มีวิชชา รู้เท่าทันอาการทั้งหลายตามความเป็นจริง ก็จะหายหลง แล้วไม่ก่อการทั้งหลายใดๆ อีก ฐีติภูตํ อันเป็นมูลการก็หยุดหมุน หมดการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ด้วยประการฉะนี้


Create Date : 25 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 11:35:14 น. 17 comments
Counter : 912 Pageviews.

 
จะมีใครเข้ามาอ่านไหมเนี่ย...
แล้วใครจะเข้ามาอ่านเป็นคนแรกนะ...


โดย: zardamon วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:9:32:03 น.  

 
BG อ่านยากหน่อยอ้ะ ซาดาโกะ
ปรับ opacity ให้มันจางลงหน่อยได้บ่?


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:9:59:06 น.  

 
แหะ แหะ แหะ ทำให้จางลงอีกหน่อยละนะ


โดย: zardamon วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:10:20:31 น.  

 
หูย น้า.... สรรหา

ของแบบนี้ถ้าทำได้ง่าย ๆ ก็ดีนะ
อยากเหมือนกัน ก็พยายามปลง ๆ อยู่
ทำทานทำบ่อย ๆ แต่รักษาศีลทำไม่ค่อยได้
แค่ศีลห้ายังยากเลยอ่ะน้า

ภาวนานี่ยิ่งลำบากใหญ่เลย
นั่งสมาธิกับเค้าไม่เป็นหรอก


โดย: Nagano วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:10:40:18 น.  

 
มุตโตทัย ... อนุโมทนาสาธุครับ
เพิ่งกลับมาจากปฏิบัติธรรมที่สกลนครได้สองวัน
เดี้ยงไปเลย ... เป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ
แล้วก็ดันเท้าบวมด้วยล่ะ (สงสัยบุญหล่นทับตีนบวมฟ่ะ)

หมู่นี้อัพเพลงบ่อยครับ
ไม่มีอะไรมาก เอาไว้ฟังเองอ่ะนะ
โชคดีมีความสุขกายสุขใจมากหลายเด้อออ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:11:11:17 น.  

 
แวะมาอ่านธรรมบรรยายของ พระอาจารย์มั่น


โดย: zmen วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:11:57:17 น.  

 
ไม่น่าเจื้ออออออ ...... นึกว่าเข้า Blog ผิดว่ะคับตาสนอ้วน


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:15:22:00 น.  

 
ที่อยู่อ่ะ .... อยากได้โปสการ์ดเอาที่อยู่มา


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:12:17:54 น.  

 
ปีนี้ไม่ค่อยได้ทำบุญทำทานเท่าไหร่เลย แต่โชคดีที่ก็ไม่ค่อยทำบาปเหมือนกันครับ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:11:24:00 น.  

 
ได้รับแล้วค้าบ


ปอลิง. ตกลงชื่อ Zardamon นี่ที่บ้านเค้ารู้จักป่าว
ไม่ใช่เค้าเอา โปต์สการ์ดของพ้มไปเสียงไว้กรงหมานะฮับ 555 ขำ อ่ะ ขำ


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:10:46:41 น.  

 
อืมมมมมมมมมม


ตูจะมาป่วนทุกวัน


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:13:00:31 น.  

 
ไม่ได้มาเยี่ยมน้าสนนานมากแล้วน่ะเนี๋ย หวังว่าคงสบายดีน่ะจ๊ะ


โดย: ปลาทองครีบหยิก วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:16:59:59 น.  

 
^
^
ก็สบายดีครับ ช่วงนี้อ้วนไปหน่อย
เลยใช้ธรรมมะมาข่มใจ เวลาใครว่า Zardamon ว่า ไอ้อ้วน ๆๆๆๆ
ครับ


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:14:52:47 น.  

 
เข้ามารับสิ่ง ดีๆ ครับ

อนุโมทนานะครับ


โดย: DAN_KRAB วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:29:57 น.  

 
เปิดมา
ไม่กล้าแซวเลยผม

เล่นเอาธรรมะเข้าข่ม
เลยอ่ะ


โดย: Kurt Narris วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:20:33 น.  

 

ขอให้วันนี้อารมณ์สดใสนะค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:57:33 น.  

 
ว่าจะเข้ามาทักทายให้เฮฮา ..

ทำเอารีบนั่งพับเพียบแทบไม่ทัน

อนุโมทนา สาธุครับ


โดย: winter love song วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:38:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zardamon
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




aka คุณหนูลมหวน / คุณชายตระกูลโจว / หนูน้อยPineTree / เรียกข้า... ซาดาโกะ! / zardamonoxication / ~ณุคชิน~

อ่าน profile เพียงเท่านี้...
ไม่สามารถรู้จักกันได้อย่างดีหรอก
เข้ามาคุยกันดีกว่า

Anyway, don't take it personal!

อ้อ... โปรดเซ็นสมุดอาคันตุกะ (Guest Book) ด้วยเด้อ...

สิ่งต่างๆ (ข้อเขียน/รูปภาพ) ที่ปรากฎอยู่ใน Blog นี้ ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้ทำซ้ำ ดัดแปลง นำไปเผยแพร่ หรือ อ้างอิง ต่อสาธารณชนซึ่งส่วนหนึ่งส่วนใด หรือ ทั้งหมด ของข้อความ เพื่อประโยชน์ทางการพาณิชย์ หรือ ในทางที่มิชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าโดยประการใด ๆ ก็ตาม โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด


ขณะนี้เวลา...



Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

Ten Top Trivia Tips about Zardamon!
1. Lightning strikes zardamon over seven times every hour!
2. Zardamon is the last letter of the Greek alphabet.
3. It's bad luck to put zardamon on a bed.
4. The canonical hours of the Christian church are matins, lauds, prime, terce, sext, none, zardamon and compline!
5. Influenza got its name because people believed the disease was caused by the evil "influence" of zardamon.
6. Ideally, zardamon should be stored on his side at a temperature of 55 degrees.
7. Over 46,000 pieces of zardamon float on every square mile of ocean.
8. The air around zardamon is superheated to about five times the temperature of the sun!
9. It can take zardamon several days to move just through one tree!
10. Duelling is legal in Paraguay as long as both parties are zardamon.

source: http://thesurrealist.co.uk/trivia.pl
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zardamon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.