รสชาติของบ้านเรา
รสชาติของครอบครัว เออ มันเป็นยังไงกันหนอ พอดีช่วงนี้หยิบเอาละครญี่ปุ่นเก่าๆมาดู เรื่อง สูตรรักข้าวห่อไข่ เป็นเรื่องวุ่นๆของร้านอาหารยุโรป บรรยากาศอบอุ่นชื่อ คิทเช่นมักกะโรนี ซึ่งดูแลจัดการร้านโดย คุณพ่อ พี่ชายคนรองเป็นพ่อครัว และ น้องคนที่สามเป็นคนเสิร์ฟ และฝึกหัดทำอาหาร น้องชายคนเล็กเดินเล่นไปมา ในขณะที่พี่ชายคนโตขโมยเงินและทิ้งแฟนสาวที่น่าสงสัยไว้ที่ร้าน เธอกลายเป็นสมาชิกของร้าน จนในที่สุดก็ถูกทุกคนยอมรับเป็นครอบครัว
ดูแล้วหิวทุกตอน ตอนนี้ก็หิว ทรมานจริงๆ ละครก็สนุกดี มีฮา มีซึ้ง มีหิว แต่ที่รู้สึกดี คือ คุณค่าของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันธ์ของพี่น้อง เพื่อนร่วมงานในร้าน เพื่อนบ้าน หรือ ว่ารสชาติ บรรยากาศร้านที่สืบต่อกันมา 30 ปี
ไม่ทราบว่า เรื่องนี้มันเกินความจริงรึเปล่า แต่ที่ดูรายการต่างๆ ก็ดูเหมือนคนญี่ปุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญกับสิ่งเก่าๆที่สืบทอดกันมา ที่เขายังอยู่กันได้น่าจะเป็นเพราะฝีมือ และการยอมรับของลูกค้า แบบว่ามีน้อย ขายน้อยแต่ราคาดี แต่บ้านเราไม่ค่อยจะยอมจ่ายแพงเพื่อของดีๆ ภูมิปัญญาไทย แต่ยอมจ่ายแพงเพื่อแบนด์เนม โอทอปก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่เราว่ามันก็เป็นแค่กระแส กระตุ้นให้คนใช้จ่าย ให้ SME ตื่นตัว แต่คนไทยยังไม่ได้ซึมซับคุณค่าของเก่าๆดีๆ อย่างจริงจัง เอาหละ มาว่ากันด้วยรสชาติของครอบครัวเราเองแล้วกัน อืมมม เค็มอ่ะ ทุกอย่างขอให้เค็มนำไว้ก่อน ของหวานไม่ค่อยทำเอง อย่างมากก็ของกินเล่นแบบไม่หวาน เช่น หน่อไม้ห่อด้วยแผ่นก๋วยเตี๋ยว กินจนตัวเหลืองแล้ว น้ำพริกกะปิ โตมาชอบมาก แต่ตอนเด็กๆเกลียดจริงๆ ต้องมีปลาทอดด้วยนะ ไม่งั้นไม่ครบ ปลาจาระเม็ดดำ นี่ฮิตเป็นพิเศษ ตัวเล็กๆ ทอดให้กรอบตรงขอบๆ เราชอบมาก พ่อเาทอดเก่งสุดยอดไปเลย ร้านข้าวที่ทำงานเขาทำน้ำพริกอร่อยมาก ปกติไม่ชอบกินน้ำพริกที่อื่น แต่ตาลุงพ่อครัวแกจะทอดปลาให้กิน แบบตัวสวยๆเลย ในวันต่อมา งงครับ แกไม่ทำในวันเดียวกัน
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้กับน้ำพริก คือ ชะอมทอดไข่ ที่บ้านมีต้นชะอม ที่โคนต้นมีจอมปลวก ก็เลยงามเชียว จำได้ว่าตอนเด็กๆ ย่าให้เด็ดชะอม มันเจ็บอ่ะ โดนหนามตำ ตอนรูดใบอ่อนจะยากมากที่จะไม่โดนตำ แต่ก็ฝึกฝนจนช่ำชอง แล้วจะให้อร่อยต้องเด็ดด้วยมือ แต่ออมม่าเรา ใช้วิชามาร แกเอาชะอมมาสับครับท่าน เร็วดี แม่บ้านสมองไวซะอย่าง ผลก็คือ ถ้าวันไหนพ่อทำชะอมทอดไข่ จะนุ่มเค็มๆมันๆ และไม่พอกิน เนื่องจากพ่อเด็ดทิ้งเยอะตามสูตรของย่า แต่ถ้าแม่ทำจะได้เนื้อเยอะ และค่อนข้างจืด และปร่าลิ้นเพราะชะอมแก่เกิน ยกนี้เราให้พ่อชนะ หุหุ
อย่างที่สามคือ แกงป่า เพราะเราเป็นชาวระยอง ลูกน้ำเค็ม อาหารพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อ (กระมัง) คือแกงป่า จะเป็น แกงหมู (ต้องสามชั้น หรือกระดูอ่อน) หรือ แกงเนื้อ อืมม หาเนื้อดีๆยาก แถวนี้ไม่ค่อยนิยม บางทีพ่อก็เอานกมาสับแล้วแกง แต่ช่วงหลังกลัวเป็นหวัดแค๊กๆๆ แกงจะอร่อย ต้องอยู่ที่น้ำแกง เครื่องแกง สมัยที่พ่อกะแม่ยังชอบทำกับข้าว เขาจะทำเครื่องแกงเอง หอมมาก แต่กระบวนการยุ่งยากไม่น้อย หลังๆซื้อเขาก็เลยโทษที่น้ำพริกแกงซะงั้น แต่ก็คงจริง ของที่เราทำมาเองตั้งแต่ต้น ยังไงเราก็ต้องถูกใจกว่าหละว่ามะ จะโบ้ยใครก็ไม่ถนัดปากเท่าไหร่ แต่สำหรับเทคนิคการทำนั้น ยกนี้ให้แม่ชนะไป เพราะแม่จะเคี่ยวเนื้อ หรือหมูให้เข้ากับน้ำแกงก่อน จึงจะใส่ผักต่างๆลงไป ที่เราชอบมากคือ หน่ออ่อนของสัปปะรด แต่สูตรปรุงให้อร่อยไม่ง่าย หลังๆมีเจ๊งบ่อยๆ ถ้าเป็นสูตรกรุงเทพๆ จะใส่มะเขือกลมๆ ฟักทอง ถั่วฝักยาว พริกชี้ฟ้าสีสวยๆ แต่ถ้าระยองแท้ๆ ก็แค่มะเขือพวง กับใบมะกรูด ไม่มีตัวช่วยครับ ว่ากันซะยาวเชียว ใครมาเที่ยวระยองลองสั่งแกงป่าเนื้อทานดูนะ หอมอร่อยกลมกล่อมเชียวหละ
อีกอย่างหนึ่ง ที่เป็นไฮไลท์ คือ ทอดมันปลา กินที่ไหนก็ไม่มันเท่าที่บ้านเพราะชอบใส่ถัวฝักยาวเยอะๆ เคี้ยวแล้วกรุบๆ หอมใบมะกรูด การหั่นใบมะกรูดให้เล็กๆยากมาก ป่านนี้ก็ทำให้ดีไม่ได้ เวลาไปกินที่ร้านอาหาร ทอดมันจะอันใหญ่เปล่งๆ เด้งๆ จืดๆ เราว่ามันเหมือนลูกชิ้นปลาสีส้มมากกว่า ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ ทอดมันนั้นก็ทำยาก เพราะแม่ต้องตีๆเนื้อปลาให้เหนียว ใช้มือกวนๆ แม่ใส่ถุงมือแพทย์ เพราะมันแสบนิ้ว ต้องค่อยๆเติมน้ำลงไปเล็กน้อย บางทีก็ไม่เติมเลย กลัวมันกระด้าง แล้วต้องปรุงให้เค็มและหวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ ที่บ้านทำทอดมันไม่มีน้ำจิ้ม ต้องกินกับข้าวร้อนๆ เรากินได้เป็น 10 ชิ้นก็เคย วันรุ่งขึ้นท้องเสีย เพราะมันเผ็ดเกินไป ปล่าว ไม่ได้รสเผ็ด แต่เรากินข้าวน้อย กินกับข้าวมากเกินไปตะหาก
สมัยเด็กๆ ไม่ชอบอาหารที่บ้านเลย เหมือนทุกบังคับ ต้องกินให้หมด เลือกก็ไม่ได้ เพราะแม่กะพ่อ ทำอยู่ไม่กี่อย่าง แต่มาเริ่มรู้สึกว่า กินข้าวที่บ้านนั้นอร่อยแน่ๆ มีไม่กี่อย่างแต่มันคุ้นลิ้นแน่นอน ก็คือตอนไปเรียนที่กรุงเทพ แล้วก็ตอนทำงาน ที่ไปกินสารพัดที่ตามร้านอาหารต่างๆ
เวลาที่เราเอาข้าวมากินที่ทำงาน เอาใส่กล่องมา บางทีแม่ก็ยัดเยียดมาให้ พอเปิดกล่องออกมา มันไม่สวยเหมือนสั่งที่ร้าน มันมีสีแปลกๆ บางทีมันก็ไหม้ บางทีมันก็เละๆ แต่เราจะหวง ไม่ใช่หวงกลัวคนอื่นแย่งกิน แต่หวงว่าเขาจะกินแล้วรู้รึเปล่าว่ากว่าจะอร่อยเท่านี้ ไม่มากไปกว่านี้ ไม่สวยน่ากินไปกว่านี้น่ะ มันไม่ง่ายเลย ที่จะจำมันได้ เราโชคยังดี ที่มีแม่กะพ่อ ทำอาหารให้กินอยู่ วันนี้เราทำเป็นแค่ไม่กี่อย่างเอง แต่ถ้าในวันข้างหน้า เราก็อยากให้มีคนใดคนหนึ่ง ได้กินอาหารแบบที่เราเคยกิน แล้วก็คิดถึงรสชาติแบบที่เรารู้สึก รสชาติของครอบครัว
Create Date : 20 สิงหาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 20 สิงหาคม 2550 18:28:38 น. |
Counter : 822 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สกุลหลิน (สกุลหลิน ) 20 สิงหาคม 2550 20:33:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: จังไม IP: 203.144.146.2 21 สิงหาคม 2550 12:42:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: NanCy_T 31 สิงหาคม 2550 11:06:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คนทำอาหารเป็น(แม้จะไม่กี่อย่าง) ไม่ว่าหญิงหรือชาย เราว่ามีเสน่ห์ทั้งนั้น น่าผูกไว้ในเรือนครัว มัดไว้ในเรือนใจ