ห่างหายจากการบอกเรื่องราวในครั้งที่แล้วไปหลายเดือน
วันนี้กลับมาบอกเล่าความคืบหน้าเรื่องการรักษาน้องต้นไม้ค่ะ
คุณหมอด้านกระดูกนัดต้นไม้ไปติดตามผลเรื่องขาโก่งเมื่ออายุครบ 2 ขวบ เพื่อดูว่าขาโก่งเกินมาตรฐานที่รับได้หรือไม่
เนื่องจากเด็กที่เป็น Achondroplasia จะมีการเจริญเติบโตของกระดูกขาและแขนที่ผิดปกติ
ซึ่งทำให้กระดูกขาจะโก่งมากกว่าคนปกติ
วันที่ 9 มิถุนายน 2554 แม่พาต้นไม้ไปตรวจที่ศิริราช ผลเอ็กซเรย์บ่งชี้ว่า ขาทั้งสองข้างโก่งเกิน 20 องศา
ซึ่งหากไม่ทำการรักษา เมื่อต้นไม้โตขึ้นเรื่อย ๆ น้ำหนักตัวจะยิ่งทำให้ขาโก่งมากขึ้น และจะส่งผลต่อข้อเข่ากับการเดิน และอาจจะเจ็บปวดได้
ทางแรกที่หมอแนะนำให้ทำในเวลานี้คือ ใส่เหล็กดามขาไว้ ซึ่งการใส่เหล็กดังกล่าวไม่ได้ช่วยทำให้สิ่งที่เป็นอยู่แล้วหายหรือดีขึ้น
เพียงแต่ช่วยป้องกันไม่ให้โก่งไปมากกว่าเดิมเท่านั้น ต้นไม้ถูกส่งตัวต่อไปยังแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู
ที่นั่นแม่ได้รับคำแนะนำเรื่องการใส่เหล็กดามขา และนอกจากนั้น ต้นไม้ยังต้องใส่รองเท้าสั่งตัดพิเศษ เพื่อช่วยเสริมกันอีกด้วย
คุณหมอบอกว่า เหล็กนี้ก็คงจะต้องใส่ไปเรื่อย ๆ หากไม่ดีขึ้นค่อยพิจารณาเรื่องผ่าตัดเมื่อโตขึ้น
แต่ถ้าไม่แย่ไปกว่าเดิม ต้นไม้ก็คงต้องเป็น Robocop ไปแบบนี้^^
และที่สำคัญคุณหมอแนะนำให้แม่พาต้นไม้ไปจดทะเบียนคนพิการเพื่อรับสิทธิ์ในการรักษาและสิทธิประโยชน์อื่น
หากใครสนใจเข้าไปดูได้ค่ะ ข้อมูลการจดทะเบียนคนพิการ
อาทิตย์หน้าแม่ต้องพาต้นไม้ไปจดทะเบียนคนพิการ และกลับไปอัพเดทสิทธิ์ที่ศิริราช
แล้วก็รอเรื่องอัพเดทให้ผ่านขั้นตอนของ รพ. ให้เรียบร้อยก่อน จึงจะพาต้นไม้ไปทำเรื่องตัดเหล็กดามขาและรองเท้าต่อไปได้
ถามว่าแม่รู้สึกอะไรมั้ยกับคำว่า "คนพิการ"
หมอถามแม่ว่า อายหรือเปล่าที่ลูกต้องกลายเป็น "คนพิการ" อย่างเป็นทางการ
ตอบแบบไม่ลังเลเลยว่าไม่อาย
สิ่งเดียวที่คิดคือ เป็นห่วงเรื่องเข้าโรงเรียน เรื่องอนาคตการทำงานของลูก
หากต้องมีสถานะนี้ติดตัวไป
ที่ผ่านมา แม่บอกตัวเองเสมอว่าต้นไม้แค่ "แตกต่าง" จากคนอื่น แต่ไม่เคยแม้แต่นิดเดียวที่คิดว่าลูก "ผิดปกติ"
แม่เลี้ยงต้นไม้เหมือนที่เลี้ยงพี่ตังเม ไม่เคยประคบประหงมเกินกว่าเหตุ ทุกอย่างต้องหัดทำเอง
แม้แต่เวลาจะปีนโต๊ะหรือเก้าอี้ที่สูงเกินกว่าขาสั้น ๆ ของลูกจะปีนได้ แม่ไม่อุ้มต้นไม้โดยไม่จำเป็น
แต่จะสอนให้รู้จักปีน รู้จักเอาของมาต่อเพื่อพาตัวเองขึ้นไปให้ได้
ไม่มีอะไรที่คนอื่นทำได้แล้วลูกของแม่จะทำไม่ได้
ข้อจำกัดทางด้านร่างกายไม่ควรเป็นอุปสรรค เพราะจะยิ่งทำให้ต้นไม้รู้สึกเป็นปมด้อยเมื่อโตขึ้น
หลายคนถามแม่ว่า ตอนท้องเจาะน้ำคร่ำมั้ย รู้ก่อนได้หรือเปล่า
แม่ไม่ได้เจาะน้ำคร่ำเพราะไม่มีปัจจัยเสี่ยงบ่งชี้ใด ๆ ที่จะต้องทำ
แต่หากถามว่า ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนท้อง แม่จะทำยังไง
ก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า ไม่ทำอะไร
เพราะย้อนถามกลับไปว่า แล้วลูกผิดอะไรที่เป็นแบบนี้
โลกมนุษย์ต้องการเฉพาะสิ่งที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นหรือถึงจะมีสิทธิ์มีชีวิตอยู่ได้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะยืนอยู่ข้าง ๆ ต้นไม้เสมอ
รักลูกนะครับ