บันทีกหน้าที่ 3 ของเด็กผู้ชายตัวจิ๋ว - ชีวิตยังมีความหวัง
ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวของเด็กผู้ชายตัวจิ๋ว แม่ตู๋ขอขอบคุณทุกกำลังใจในบล๊อคที่แล้วอย่างมาก รู้สึกดีและตื้นตันใจกับความเป็นห่วงที่ทุกคนมีให้จริง ๆ ค่ะ หลังจากรับรู้เกี่ยวกับ ACH แม่ตู๋หาข้อมูลในเนต จนกระทั่งเจอบล็อคของแม่ๆ ทั่วโลกที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน เราเป็นแม่ เราก็ว่าเรารักลูกมากที่สุดและคิดว่ารักแบบไม่มีเงื่อนไขแล้ว แต่ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา แม่ตู๋คงไม่อาจรับรู้ได้ถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกในอีกมุมมองหนึ่ง คือไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แม่ทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือสัญชาติใด ทุกคนล้วนคิดและต้องการในสิ่งเดียวกัน ในระยะแรกไม่ว่าแม่คนไหนก็คงตกอยู่ในอาการเดียวกันกับคำถามในใจว่า "ทำไมต้องเป็นลูกเรา" แต่คำถามนี้คงไม่มีใครตอบได้ และในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องทำใจยอมรับมัน หลังจากที่เราตั้งสติได้สิ่งที่อยู่ในใจของเราก็คือ ห่วงลูก กังวลว่าเขาจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไร แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่ทุกคนก็พร้อมที่จะต่อสู้และทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกของเรา การหาข้อมูลเกี่ยวกับ ACH ทำให้แม่เกิดคำถามหลายอย่างในใจ เพราะลักษณะทางกายภาพและพัฒนาการหลายอย่างของต้นไม้ หลายอย่างเกินร้อยละ 80 ไม่เข้าข่าย ACH และการจะบอกได้ว่า เด็กคนไหนเป็นหรือไม่ต้องตรวจเลือดร่วมกับการเอ็กซเรย์ดูกระดูกทั้งตัว ซึ่งต้นไม้ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยละเอียดขนาดนั้น นอกจากนี้ แม่ได้รับรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ACH ว่า มีอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งรุนแรงน้อยกว่า ACH นั่นคือ Hypochondroplasia (ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านที่นี่ค่ะ) เมื่อแม่พบข้อมูลเกี่ยวกับ HCH และได้ดูรูปภาพของเด็กที่เป็น HCH ก็รู้สึกได้ว่า นั่นต่างหากที่ใกล้เคียงกับต้นไม้ (ตัวอย่าง HCH) เมื่อวานพาต้นไม้ไปฉีดวัคซีนจึงตัดสินใจถามหมอว่า โรคที่เคยวินิจฉัยก่อนหน้านี้หมอคิดว่าต้นไม้เป็นโรคอะไร ชื่อที่หมอพูดออกมาคือ HCH หัวใจแม่พองโตด้วยความยินดี รู้สึกเห็นความหวังลอยมาอยู่ตรงหน้า แม่เลยตัดสินใจคุยกับหมอประจำตัวว่า พาต้นไม้ไปตรวจที่ศิริราชแล้วหมอคิดว่าเป็น ACH แต่ยังไม่ได้ตรวจเลือดหรือเอ็กซเรย์ดูเลย หมอให้ความเห็นว่า หมอไม่คิดว่าต้นไม้เป็น ACH เพราะถ้าเป็นจะต้องเห็นลักษณะอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด รวมทั้งที่ผ่านมาต้นไม้เติบโตอย่างปกติตามเกณฑ์ทุกอย่าง เพิ่งจะมาเริ่มชะลอเมื่อเข้าช่วง 9 เดือน ซึ่งเด็กที่เป็น HCH ส่วนใหญ่จะพบในช่วงพ้นขวบปีแรก ไม่ได้มีอาการมาแต่แรกเหมือน ACH แต่การจะตรวจเลือดเพื่อดู DNA อาจจะบอกผลไม่ได้ 100% เพราะว่าการผ่าเหล่าของยีนอาจทำให้ตรวจไม่พบ ส่วนเรื่องการเอ็กซเรย์กระดูก เนื่องจากยังเด็กอยู่มาก ผลการอ่านค่าอาจเพี้ยนได้ ควรรอให้โตกว่านี้ค่อยตรวจ ในความโชคร้ายก็ยังมีความหวังหลงเหลืออยู่ เพราะถ้าหากต้นไม้เป็น HCH ลักษณะทางกายภาพจะดูดีกว่า ACH และคล้ายเด็กปกติมากกว่า รวมถึงมีโอกาสสูงมากกว่าด้วย สัดส่วนของร่างกาย แม้แขนและขาจะสั้น แต่ก็จะผิดสัดส่วนน้อยกว่า ACH รวมทั้งเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ที่อเมริกามีการทดลองให้ Growth Hormone กับเด็กที่เป็น HCH และพบว่า ได้ผลในบางราย ช่วงเย็นไปพบหมอกระดูก เพื่อดูเรื่องขาโก่ง คุณหมอบอกว่า ขายังโก่งไม่เกิน 20 องศา ยังไม่ต้องทำอะไร ถ้าหากเกินที่กำหนดค่อยพิจารณาเรื่องผ่าตัดแก้ไข ซึ่งถ้าจะต้องทำจริง ๆ ก็จะทำในช่วงอายุประมาณ 3-4 ขวบ คุณหมอนัดให้มาเอ็กซเรย์ทั้งตัวดูอีกทีตอน 2 ขวบ เรื่องผ่าตัดยืดกระดูก สามารถทำได้ อาจยืดได้สูงสุดประมาณ 5 นิ้ว แต่ต้องทำตอนโตแล้วประมาณ 13-14 ปี เพื่อให้โอกาสเขาได้เลือกด้วยตัวเอง เพราะกรรมวิธียุ่งยาก เจ็บตัว และต้องนอน รพ. นาน การได้พูดคุยกับทั้งคุณหมอประจำและคุณหมอกระดูก ทำให้แม่รู้สึกสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยหากเราพยายามมองในแง่บวก ต้นไม้ก็โชคดีกว่าเด็ก ๆ อีกหลายคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสารพัดโรคร้าย หรือบางคนที่พิการทางสมอง ทางร่างกาย หมอบอกว่า เขาดูฉลาดกว่าเด็กปกติทั่ว ๆ ไปด้วยซ้ำ^^ ต้นไม้มีนัดตรวจกับคุณหมอด้านพันธุกรรมอีกครั้งในเดือนธันวาคม ถึงตอนนั้นแม่คงจะลองถามหมอดูเรื่อง HCH ระหว่างนี้เราก็ยังมีความหวังหล่อเลี้ยงหัวใจกันต่อไป
Free TextEditor
Create Date : 17 กันยายน 2553 |
|
22 comments |
Last Update : 17 กันยายน 2553 14:32:37 น. |
Counter : 1268 Pageviews. |
|
|
|
เป็นกำลังใจให้พี่ตู๋และหนุ่มน้อยตัวจิ๋วที่หน้าหวานมาก ๆ คนนี้ค่ะ