VIDEO ความจริงวันนี้มายด์กะจะมาอัพเรื่องเพลงโปรดของมายด์ ชื่อว่า "if we hold on together" ไปเซิร์ชในยูทูบดันเจอคลิปนี้ มายด์เป็นพวกไม่บริโภคข่าว เรียกง่ายๆว่าตกข่าวนั่นเอง เพราะอะไรหน่ะหรอ เพราะห้องมายด์ไม่มีทีวีต่างหาก ฮ่าๆๆๆ จริงๆนะไม่ได้ล้อเล่น มายด์บอกแม่ว่าไม่เอา มายด์ไม่อยากติด ซึ่งนั่นมันก็ดีนะ มายด์ไม่ติดทีวี แต่ติดคอมแทน เหอๆ มายด์รู้นะว่าญี่ปุ่นเจอสึนามิ แต่มายด์ก็ยังไม่เคยเห็นภาพซะที วันนี้เลยได้นั่งดู แทบร้องไห้ T^T แต่ก็ทึ่งในความสามัคคีที่ญี่ปุ่นมีให้กัน มายด์เชื่อนะว่าญี่ปุ่นต้องผ่านเหตุการณ์พวกนี้ไปได้ ถ้ามายด์ทำได้นะ มายด์ก็อยากไปญี่ปุ่น ไปช่วยเหลือเค้าเหมือนกัน แต่มายด์ยังเป็นนักศึกษาที่ต้องเรียนเนี่ยซิ่ ถ้ามายด์โตกว่านี้ มีความสามารถและกำลังพอ มายด์จะบินตรงไปช่วยอย่างไม่ลังเลเลย ช่วงที่ญี่ปุ่นเกิดสึนามิ มายด์กำลังวิปัสนาอยู่เลย ตอนนั้นได้แผ่เมตตาไปให้ทุกคนด้วย มายด์หวังว่าคงจะไปถึงชาวญี่ปุ่นนะ(นอกจากคำแผ่ที่ว่าขอให้พี่จิ้งกับมายด์สวยวันสวยคืนหน่ะ) ตอนนี้มายด์คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากโอนเงินช่วย มันเป็นเงินเก็บของมายด์ มายด์หวังว่าจะช่วยได้บ้างนะแม้ว่ามันจะไม่มาก(but that's all I can do) อย่างน้อยได้ต่อชีวิตคนไปสักวันสองวัน หรือช่วยบรรเทาความทุกข์ของคนพวกนั้นได้ มายด์ก็พอใจแล้ว เงินเก็บของมายด์ในแต่ละเดือนมันมีไม่มากหง่ะ แต่เงินของเดือนที่แล้วมายด์แทบไม่ได้ใช้เลยเพราะมายด์กลับบ้านแล้วแม่ให้เงิน มายด์เลยคิดจะเอาเงินทั้งหมดของเดือนที่แล้วบริจาคให้ญี่ปุ่นกับพม่า ขอโทษด้วยนะญี่ปุ่นที่มายด์ช่วยได้แค่นี้ ตอนมายด์อยู่มัธยม เนื่องจากมายด์เป็นหลานรัก อิอิ อย่าบอกหลานคนอื่นนะว่านอกจากเงินประจำสัปดาห์ที่พ่อให้แล้ว อาอี๊มายด์ยังให้เพิ่มอีกด้วย ประมาณว่าให้พ่อจ่ายให้น้อยๆ แล้วเดี๋ยวอี๊เพิ่มให้เอง อี๊มายด์มีสองคน คนที่ให้เงินเพิ่มคือคนที่อยู่อเมริกา แต่คนจัดการคืออี๊คนเล็กที่อยู่เมืองไทย อาอี๊คนเล็กจะกันเงินมายด์กับน้องไว้เดือนละ 100 หรือสัปดาห์ละร้อยเนี่ยแหล่ะ มายด์ไม่แน่ใจ อี๊จะเอาเงินพวกนี้ รวมกับเงินอี๊เอง แล้วไปรวมกับคนอื่น เพื่อช่วยไถ่โคกระบือ วัวควายนั่นแหล่ะ มายด์มีความสุขมากๆเลยนะ ที่มายด์มีส่วนร่วมในการต่อชีวิตให้สัตว์ วันอาทิตย์นี้บ้านมายด์เชงเม้งแล้ว แต่มายด์ไปไม่ได้ เพราะใกล้สอบ แล้วเดี๋ยวก็กลับสงกรานต์แล้ว เซ็งเลย อดกินของอร่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆมายด์กับพี่จะชอบแย่งกันกินปีกไก่เหล้าแดงของอากิ๋ม มันอร่อยมากกกกก แต่มายด์ว่าเชงเม้งปีนี้ไม่ดี เพราะว่าหลานๆไม่อยู่กัน ไม่ดีเลยนะ เชงเม้งทุกคนควรกลับไปไหว้บรรพบุรุษ แต่ที่บ้านและครอบครัวทางแม่ก็ไม่ค่อยอะไรมากเท่าไหร่ ห่วงเรื่องเรียนกับทำงานมากกว่า พี่คนโตสุดก็ยังไม่กลับจากออสเตรเลียเลย เหลือคนรอง อีกคนก็ยังอยู่อังกฤษ สองคนมายด์ไม่แน่ใจว่าจะมารึเปล่าเพราะเพิ่งได้งาน อีกคนก็มายด์ กลับไม่ได้ เพราะพี่ติวให้ จะสอบ Anatomy อยู่รอมร่อ ก็เหลือน้องคนสุดท้องของตระกูล น้องแท้ๆมายด์นั่นแหล่ะ ถ้าจะให้พูดถึงอากงอาม่าหรือปู่ย่า มายด์ไม่มีความทรงจำหรอกนะ เพราะมายด์เกิดมาพวกท่านก็ไม่อยู่แล้ว กับทางพ่อไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เสียดายทางแม่ ถ้าอากงอาม่ามายด์อยู่นะ เวลาแม่ด่ามายด์คงวิ่งปรู๊ดไปหลบหลังอากงอาม่าหาคนคุ้มหัว แต่พอมายด์เล่าให้อี๊ฟัง อี๊บอกว่าอากงอาม่าก็จะด่ามายด์ซ้ำอ่ะซิ่ 55555+
เชงเม้งแล้ว มายด์ขอพูดถึงอากงอาม่าหน่อยนะ จากที่แม่เล่าให้มายด์ฟัง และอากู็ อาอี๊ก็เคยเล่า อากงอาม่ามายด์มาจากเมืองจีน นั่งเรือมา อากงมาดูลาดเลาก่อน อาม่ามาทีหลังตั้งท้องอากู๋คนโตอยู่ด้วย มาที่นี่ก็ไม่มีญาติที่ไหนเลย อากงอาม่าเริ่มทุกอย่างจาก 0 ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ภาษาไทยยังพูดไม่เป็นเลย ทั้งสองคนเป็นลูกจ้าง พอลูกๆทั้ง 7 เกิดมา เลยต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แม่มายด์ตอนเด็กๆหาบน้ำด้วย อากู็ปั่นจักรยานขายไอติม แม่บอกว่า ถ้ามีกระดูกอยู่ชิ้นนึง อาม่าจะเอาไปต้มน้ำซุปแล้วกิน จะต้มแล้วต้มอีก พวกแม่ๆอากู๋และอาอี๊ต้องทำงานสารพัดชนิด อากู๋ทั้งหลายบางคนต้องหยุดเรียน เพื่อที่จะส่งน้องๆให้ได้เรียน มีเหตุการณ์ที่ไฟไหม้ทั้งอำเภอเมืองด้วย บ้านของอากงอาม่าก็เจอไฟไหม้ ทำให้ต้องไปอยู่กับคนอื่น พอแม่มายด์ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แม่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อที่จะได้เอาเงินส่งให้อากงอาม่า แม่บอกว่าห้องแม่เท่ารูหนู แม่ต้องซื้อกับข้าวแล้วไปหุงข้าวกินเองเพื่อที่จะกินได้หลายมื้อ อากงเสียตั้งแต่อาอี๊คนเล็กอายุน้อยๆ ความปรารถนาสูงสุดของอาม่าคือ อยากกลับไปเยี่ยมเมืองจีน แต่ก็ไม่มีเงินพอ แน่หล่ะ ลำพังทำงานที่นี่ยังต้องส่งเงินไปที่เมืองจีนเลย เพราะการที่พื้นฐานครอบครัวเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ทั้งแม่ทั้งอาอี๊ และบรรดากู๋ๆ จึงเห็นค่าของการเรียน และสนับสนุนให้หลานๆลูกๆเห็นการเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนเห็นค่าของเงินมาก โดยเฉพาะแม่มายด์ จนบางทีมายด์ที่ไม่รู้อะไรก็ว่าแม่ว่า แม่งก ความจริงคือ ถ้าไม่ได้ไปอยู่จุดที่แม่เคยผ่านมา มายด์คงไม่รู้หรอกว่าเงินมีค่าแค่ไหน ข้าวแต่ละมื้อมีค่าแค่ไหน พวกหลานๆซะอีกที่โดนอาอี๊สปอย(เช่นมายด์กับน้องเป็นต้น) บ้านอากู๋มายด์บ้านนึงนะสอนลูกให้นั่งรถ ขี่มอไซค์ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่พอมายด์หันกลับมาดูตัวเองแล้ว มายด์สบายกว่าพี่ๆเค้าเยอะเลย ไปไหนพ่อไปส่ง นั่งรถสองแถวไม่เป็น รถเมล์ก็ไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแม้แต่ขี่มอไซค์ ตอนมัธยมมายด์ใช้เงินเก่ง เพราะมายด์สามารถแบมือขออี๊ได้ อยากกินอะไรก็บอก อี๊ก็พาไป อยากไปร่อนชมวิวอี๊ก็พาไป แต่พอมาอยู่มหาลัย มายด์โตขึ้น มายด์หันกลับไปมองว่าการที่มายด์เติบโตมาแม่ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ อี๊ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ ทั้งการเรียน ค่ากิน ซึ่งค่าเรียนมายด์ มายด์เรียนแพงมาตั้งแต่เด็ก ย้ำว่าแพงกว่าคนธรรมดามาก ไหนจะค่าเรียนพิเศษ บางทีน้องชายมายด์มันก็น้อยใจนะ ว่าทำไมมายด์เรียนแพงมาตลอดทั้งชีวิต เพราะชีวิตมายด์ใช้เงินเยอะ มายด์เลยอยากจะหาเงินทดแทนที่พ่อแม่และอาอี๊ส่งเสียมายด์บ้าง แม้ครอบครัวมายด์จะบอกว่ามันไม่ได้ลำบากมาก แต่มายด์ก็ระลึกเสมอว่าเงินที่มายด์ใช้ มันไม่ใช่เงินของมายด์ มันคือเงินของครอบครัวที่หามาให้มายด์ มายด์เลยพยายามใช้เงินให้น้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้มายด์อยากหางานทำเองด้วย ไม่ใช่เพราะจน แต่เพราะว่ามายด์ไม่อยากรบกวนครอบครัวอีกแล้ว ครอบครัวมายด์เหนื่อยเพื่อมายด์มามากพอแล้ว แต่เวลาที่เรียนมันก็ไม่ให้ ตอนเด็กๆมายด์เคยขายหนังสือพิมพ์ด้วยนะ เด็กขายหนังสือพิมพ์ ฮ่าๆๆๆ อากู๋มายด์เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ มายด์ก็เลยเอาหนังสือพิมพ์มาแล้วเดินขาย คิดดูดิ่ เด็กตัวเล็กๆ ห้าขวบได้มั้ง หรือสิบขวบเนี่ยแหล่ะ เดินขายหนังสือพิมพ์ ขายได้เท่าไหร่มายด์ได้ส่วนแบ่งด้วยไง(ตอนเด็กๆไม่รู้อะไร รู้แค่ว่าอยากได้เงิน เลยบอกอากิ๋มว่าขอแบ่งเงินเยอะกว่านี้ ขอเยอะจนกิ๋มแอบงุบงิบบ่น แต่ไม่กล้าปฎิเสธ คือมายด์เป็นญาติโดยตรงกับทางอากู๋แฟนอากิ๋มไง) ตอนนั้นคือ เห็นพี่ขาย อาอี๊กับแม่ให้ขาย เลยขาย แต่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง ได้เงินค่าขนมมานิดเดียวเองอ่ะ ร้อยนึงแบ่งให้น้อยมากอ่ะมายด์จำได้เลย หนังสือพิมพ์ฉบับละ 5 บาท ขายวันหวยออก ลูกค้าประจำมายด์ตรึมเลยแหล่ะ คนข้างบ้านนั่นเองฮ่าๆๆๆๆๆ เขียนถึงอากงอาม่าไปแล้ว เขียนถึงปู่ย่าบ้าง มายด์ไม่ค่อยสนิทกับฝ่ายพ่อเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยถามประวัติปู่ย่า มายด์กลัวด้วยซ้ำตอนไปบ้านพ่อ บ้านพ่ออยู่นอกเมือง พ่อมีที่ติดแม่น้ำ บ้านพ่อเป็นบ้านไม้ แล้วทางเข้าห้องพ่ออ่ะ มีรูปปู่ย่าพร้อมอัฐิตั้งไว้ มายด์เนี่ยวิ่งปรู๊ดเลย มายด์กลัวมากๆๆๆๆ ที่บ้านแม่ที่มายด์อยู่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรูปอากงอาม่านะ มีแหล่ะ แต่มายด์ไม่กลัว คงเป็นเพราะเห็นอยู่ทุกวัน แต่บ้านพ่อเนี่ยกลัวของจริง มายด์รู้สึกผิดเหมือนกันนะ ที่มายด์ไม่ค่อยสนใจญาติฝ่ายพ่อ มันมีเยอะอ่ะ แล้วญาติก็เป็นพวกลูกพี่ลูกน้องซึ่งเค้าก็ไม่ได้มาอะไรกับมายด์มากมายอยู่แล้ว ไม่เหมือนฝั่งแม่ซึ่งเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ฝั่งพ่อก็มีอยู่ครอบครัวนึงที่พ่อมายด์สนิท มายด์ก็เลยสนิทด้วย(แม้จะไม่เท่าฝั่งแม่) พ่อมายด์สนิทกับญาติทางฝั่งย่าอ่ะ เวลาสงกรานต์หรือทำความสะอาดบ้านนั้น พ่อก็จะไปทำคนเดียว เพราะรู้ว่าชวนพวกมายด์ไม่ไปแน่ เนี่ยแหล่ะมายด์โคตรรู้สึกผิดเลย มายด์ปล่อยให้พ่อโดดเดี่ยวรึเปล่านะ ถ้าเป็นแม่ แม่จะบังคับให้มายด์กับน้องไป แต่ก็จริงของแม่ มันเป็นสิ่งที่ลูกหลานควรจะทำ แม้จะไม่สนิทก็ตาม อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของร่างกายมายด์ก็มีของปู่ย่าอยู่ หน้ามายด์เหมือนฝั่งพ่อ แต่นิสัยเด่นๆจะเหมือนฝั่งแม่ ที่มายด์รู้คือปู่กับย่าเป็นครู แล้วชีวิตพ่อมายด์ก็ไม่ได้สุขสบาย ปู่เสียเพราะเป็นมะเร็งมั้ง ย่าก็เป็นมะเร็ง ปู่เสียก่อน แล้วย่าก็ป่วยทำให้พ่อมายด์ต้องรีบเรียนให้จบแล้วหางานทำ พ่อมายด์มีน้อง พ่อมายด์จึงต้องดูแลย่าที่ป่วยและส่งเสียน้องให้เรียน นับว่าเป็นชีวิตที่ลำบากน่าดู
ชีวิตมายด์หน่ะ นับว่าโชคดี เพราะมีคนที่มีบุญคุณกับมายด์เยอะมาก มายด์มีพ่อแม่ที่รักมายด์ มีอาอี๊ทั้งสองคนที่คนนึงส่งตังค์ให้ใช้ อีกคนนึงเลี้ยงมายด์คอยพามายด์ไปโน่นไปนี่เพราะส่วนใหญ่แม่ไม่ว่าง พ่อก็ทำงาน อี๊จะคอยฟังเวลามายด์มีปัญหา อี๊มักจะเข้าใจวัยรุ่นแล้วเข้าข้างมายด์ มายด์มีพี่เลี้ยงที่เลี้ยงมายด์มาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ พี่เลี้ยงที่มายด์เรียกว่าป้าเล็ก เลี้ยงมายด์ด้วยความรัก ป้ารักมายด์เหมือนลูก รักน้องมายด์ด้วย แต่น้องมายด์มันแอบเลว มันชอบสั่งให้ป้าเล็กทำโน่นทำนี่ให้ ไปเอาน้ำให้บ้าง ปูที่นอนให้บ้าง เลวมากๆๆๆๆ พี่เลี้ยงกับอี๊มายด์เปรียบเสมือนแม่ของมายด์ด้วย บุญคุณที่ทุกคนทำให้มายด์มันยิ่งใหญ่จริงๆ แล้วมายด์ก็คิดที่จะตอบแทนบุญคุณตลอดเวลา มายด์กับน้องยังเป็นหลานรักของบรรดาอากู๋ เพราะว่ามายด์เป็นน้องเล็กในตระกูลด้วย แล้วมายด์อยู่บ้านอากงอาม่าซึ่งเป็นศูนย์รวมญาติ บ้านมายด์ค้ายา อิอิ มันเป็นสมบัติตกทอดจากบรรพบุรุษหน่ะ แล้วอากู๋คนโตก็รับผิดชอบ ที่เปิดร้านขายยาหน่ะ อี๊กับแม่แอบกระซิบว่า เปิดไว้ให้เป็นงานอดิเรกกู๋เดี๋ยวกู๋ไม่มีอะไรทำ เพราะอากู๋มายด์ขายยาแบบแทบจะเท่าทุน - -! ได้กำไรชิ้นละ 1 บาทบ้าง 50 สต.บ้าง ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะขายอย่างนั้นทำไม เหอๆ อย่างยาคูลท์ ซื้อมาตั้งหน้าร้านไว้ขาย ไม่ต้องรอถึงมือคนซื้อหรอก มายด์กับน้องกินกันหมดกู๋คงซื้อไว้ให้หลานๆกินหน่ะ ฮ่าๆๆๆ อากู๋คนโตมายด์อายุเจ็ดสิบแล้ว ยังแข็งแรง ด่ามายด์ได้ ยังทำเก่งขี่มอไซค์ไม่ใส่หมวกได้เล่นบาสทุกวันด้วย เมื่อก่อนถึงกู๋จะด่ามายด์บ่อยๆตอนเป็นเด็ก เพราะมายด์ซน มายด์ชอบทำกระจกแตก ขายยาบัดนี้ยังขายไม่เป็นแต่ตอนนี้มายด์คิดว่ากู๋คงจะภูมิใจในตัวมายด์นะ คนแรกที่อากู๋ภูมิใจ คงเป็นพี่สาวมายด์ พี่มายด์ก็จบเภสัช แต่ไม่ได้ทำร้านขายยา พี่ทำงานในโรงพยาบาล ออกแนวบริหารหน่ะ ส่วนมายด์ดันจับพลัดจับพลูได้เรียนเภสัช แต่กู๋ขา มายด์ขอคณะอื่นนะ รับรองว่ามายด์จะทำให้กู๋ภูมิใจในตัวมายด์มากกว่าอีก อากู๋คนรองก็คอยไปรับไปส่งมายด์เรียนพิเศษ แต่มายด์ไม่ค่อยขอเงินกู๋คนนี้หรอกเพราะกู๋ไม่ค่อยมีเงิน แต่กู๋ก็รักมายด์กับน้องมากเช่นกัน
มายด์คิดว่าเวลาไม่เคยย้อนกลับ ชีวิตแต่ละคนหดสั้นทุกวินาทีเหมือนกัน มายด์เลยอยากเรียนให้จบๆ แล้วรีบไปทดแทนบุญคุณ เพราะแต่ละคนก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะยืนยาวเท่าไหร่ ตอนนี้ที่มายด์ทำได้คงเป็นการตั้งใจเรียน เก็บเงินไว้ในอนาคต แล้วก็แบ่งเวลากลับบ้าน โทรหาที่บ้าน นี่คือสิ่งที่มายด์ทำได้ตอนนี้จริงๆ ยังมีอีกหลายคนที่รอดูความสำเร็จของมายด์อยู่ มีเรื่องตลกเล่าให้ฟัง ตอนแรกที่มายด์ได้บัญชี ป้าเล็กบอกมายด์ว่า มายด์น่าจะเรียนเก่งๆกว่านี้หน่อยนะ ทำไมมายด์ไม่เรียนเก่งๆกว่านี้ จะได้มาเลี้ยงป้าได้ แต่พอตอนนี้ ป้าเล็กเห็นสภาพมายด์แล้ว ป้าเล็กบอกว่า เรียนทำไมคณะนี้ ทำไมไม่เรียนบัญชี มันง่ายกว่าเครียดน้อยกว่าด้วย ฮ่าๆ ป้าเล็กห่วงมายด์หน่ะ เค้าเลี้ยงของเค้ามาตั้งแต่เกิดอ่ะ กลับบ้านไปมายด์มักจะแอบยัดเงินให้ป้าเล็กไว้ใช้ด้วย เพราะเงินเดือนป้าก็ไม่ได้เยอะ สองร้อยบ้าง ห้าร้อยบ้าง แต่หลังๆตอนกลับบ้านบ่อยๆเริ่มไม่ให้ เพราะไม่มีเงินใช้ 555
หนังตาเริ่มหย่อนแล้ว ยังไม่ได้อาบน้ำเลย
ไปแล้วนะทุกคน
ฝันดี จุ๊บๆๆๆ
รักทุกคนนะ (เอนทรี่นี้ยาวลุงมากเลย)
มายด์
ปล. เพลงนี้เป็นเพลงที่มายด์ชอบฟังตอนท้อๆ ลองฟังกันดูนะ มันมักจะทำให้มายด์ฮึกเหิมได้
"You've come so far , don't throw it away"
Free TextEditor
(น่าจะเกิน15ปีมาแล้ว .... )
เนื้อเรื่องก็ประมาณว่าลูกไดโนเสาร์ตามหาแม่ไดโนเสาร์จ๊ะ
มันเป็นเพลงประกอบเรื่องนี้ด้วยอ่ะจ๊ะ จำได้ว่าร้องไห้โฮเลยตอนที่ลูกไดฯ
เห็นเงาตัวเองที่ทอดไปบนผนังหลืบเขา แล้วเข้าใจว่า
เป็นแม่ตัวเอง ก็วิ่งเข้าไปเอาตัวซุกๆ ไถๆ (เงามันจะใหญ่ๆเลยเหมือนเป็นแม่อ่ะจ๊ะ)
กลั้นนำ้ตาไม่อยู่เลยจ๊ะ เป็นฉากสะเทือนใจในวัยเด็กที่จำมาถึงทุกวันนี้เลย