<<
สิงหาคม 2566
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 สิงหาคม 2566
 

จีบอยู่้ รู้ยัง - บทที่ 8 พิจารณา

ปอร์เช่เดินคอตกกลับบ้าน ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย เขาว่าเขาเห็นข้าวตูร้องไห้ แค่แตะไปนิดเดียว มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ

แม่รออยู่ที่โต๊ะกินข้าว แม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าวตูร้องออกมาอย่างนั้น ข้าวตูไปไหน แล้วเขาไปไหนมา ปอร์เช่สบสายตาดุๆ ของแม่ แล้วก็เบือนหลบ

"เช่...คือ...เช่...จูบ..."

"อะไรนะ!!!!" ปอร์เช่หดคอโดยอัตโนมัติ เสียงแม่ดังขนาดนั้น น่าจะได้ยินไปถึงปากซอย

"นิดเดียวเองนะครับแม่ แค่โดนมุมปาก ข้าวตูผลักเช่เกือบตกเก้าอี้"

"แล้วยังไง ถ้าเขาไม่ร้อง จะจูบปากเขาเต็มๆ เหรอ ห๊ะ แล้วข้าวตูออกไปไหน"

"กลับเข้าบ้านไปแล้วครับ เช่วิ่งตามไปจนถึงบ้านเขาแล้ว" แม่ยังทำตาเขียวใส่เขาไม่เลิก

"แล้วไปจูบเขาทำไม ไม่ได้บอก ไม่ได้ขอเขาใช่มั้ย ข้าวตูถึงได้เป็นแบบนั้นน่ะ" แม่ถามแล้วก็แทบอยากจะกุมขมับ ไปรับปากบ้านโน้นไว้ดิบดี จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ลูกหนอลูก

"ก็....ก็...เขาสวย" ปอร์เช่ตอบอุบอิบ

"เพื่อนลูกสวยๆ ตั้งหลายคน เคยอยากไปจูบเขามั้ย" เจ้าลูกชายทำท่าจะพูด แล้วก็หยุด ยอมจำนนต่อหลักฐาน

"ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาดีๆ อยู่ๆ ไปทำแบบนี้ได้ยังไง"

"ก็แค่หอมแก้มไปนิดเดียว เขาชอบเช่ เขาก็ต้องดีใจสิแม่ ที่เช่...เช่ชอบเขา"

"ไม่บอกเขา เขาจะรู้ได้ยังไง ว่าเรากำลังรู้สึกดีกับเขา หรือกำลังคุกคามทางเพศเขาอยู่" เสียงแม่ยังฉุนเฉียว

"เขาจะคิดขนาดนั้นเลยเหรอครับ เช่ไม่ได้ตั้งใจ" เจ้าตัวก่อเรื่อง เริ่มเสียงอ่อย

"ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นข้าวตูจะหนีทำไม ทั้งหอมทั้งจูบเขา ถ้าเขาไม่ร้อง ไม่ชวนเขาไปทำอะไรกันต่อแล้วเหรอ" เห็นอาการเจ้าตัวดีแล้ว ไม่รู้จะโกรธใครดี ลูกชายที่โตแต่ตัว หรือ ตัวเองที่ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้ลูก

"รู้มั้ยว่าแม่ข้าวตูเขาเป็นห่วงลูกสาวเขามาก โทร.มาถามแล้วถามอีก ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพังแน่นะ แม่ก็ยืนยัน รับปากว่าจะดูแลให้ ไม่ให้มีเรื่องเสียหาย แล้วแม่ก็อยู่แถวนี้แล้วแท้ๆ" ปลายเสียงทอดปนมากับเสียงถอนหายใจ เรื่องมันใหญ่เกินไป

"แม่ เช่ขอโทษ เช่ไม่ได้ตั้งใจ เช่ไม่รู้" เจ้าตัวดี จ๋อยสมิทไปแล้วตอนนี้

"งั้นก็รู้ได้แล้ว แล้วก็ตั้งใจไปขอโทษข้าวตูกับแม่เขาด้วย มา เดี๋ยวแม่ไปด้วย"

"ไปตอนนี้เลยเหรอครับ" ปอร์เช่ถามเสียงอ่อย

"ไปตอนนี้สิ แม่ข้าวตูเขาจะตกใจขนาดไหน ที่เห็นลูกวิ่งร้องไห้กลับมาแบบนั้นน่ะ มาเร็วๆ" ปอร์เช่ตัวสูงจนแม่โอบไหล่ไม่ถึงแล้ว เห็นหน้าตาสำนึกผิดแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวกลับมาค่อยมาสอนกันใหม่

"คุณอรณี เกิดอะไรขึ้นคะ ข้าวตูเอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมเล่าอะไรเลย" แม่ข้าวตูถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เจ้าตัวดี หน้าจ๋อยลงไปอีก

"แล้วนี่ ข้าวตูอยู่ไหนคะ"

"อยู่บนห้องค่ะ เขาบอกว่า ขอร้องไห้ให้เสร็จก่อน ยังไม่รู้จะเล่ายังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ ใครทำอะไรข้าวตู" ปอร์เช่หันไปมองตาแม่ สายตาแม่เหมือนจะบอกว่า เห็นมั้ยว่าเรื่องมันใหญ่ แล้วแม่ก็ยกมือไหว้แม่ข้าวตู

"ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ที่ดูแลข้าวตูไม่ดีทั้งที่รับปากแล้ว" แม่ข้าวตูรับไหว้ด้วยท่าทางงงๆ แต่อาการหงุดหงิดก็ดูลดลงไปด้วย

ปอร์เช่ยกมือไหว้ด้วย แล้วก็นิ่ง

"เธอทำอะไรข้าวตู" เสียงแม่ข้าวตูเบาหาย ของรักของแม่

ปอร์เช่หันไปมองแม่ตัวเอง แต่แม่ถอยไปนั่งห่างออกไปแล้ว เขาต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาทำ ด้วยตัวเอง

"คือ...ข้าวตูนั่งหัวเราะตอนกำลังตั้งใจระบายสีลูกชุบ คือ..ข้าวตูเหมือนดอกไม้ ผมก็เลยเผลอ...ไปหอม..."

"แค่นั้น??" แม่ข้าวตูถามเสียงสูง

กำลังจะพยักหน้า แม่ก็ส่งสายตามาเหมือนรู้

"ก็...จูบไปนิดนึงครับ แล้วข้าวตูก็ผลักผมออก แล้วก็วิ่งกลับมาบ้าน" ปอร์เช่ถอนหายใจ เพื่อนเขาทดลองจูบกันเองด้วยซ้ำไป เพราะอยากรู้ แล้วทำไม การจูบข้าวตู มันถึงทำให้เขารู้สึกยุ่งยากลำบากใจแบบนี้

แม่ข้าวตูก็ถอนหายใจด้วย ของรักของแม่ ยังเป็นของรักของแม่อยู่ ข้าวตูผลักแล้วหนีออกมา คาถาของแม่ ยังมีผลกับใจของลูกอยู่ ค่อยยังชั่ว

ปอร์เช่ไหว้แม่ข้าวตูอีกรอบ "ผมขอโทษนะครับ ไม่คิดว่าข้าวตูจะตกใจจนวิ่งออกมา ผมวิ่งตามแล้วนะครับ กลัวรถชนข้าวตู พอเห็นเข้าบ้านแล้ว ผม...ผมไม่กล้าตามเข้ามา"

แม่ข้าวตูถอนหายใจอีกรอบ ก็ยังดีหรอก กล้ามาสารภาพ มาขอโทษ ทั้งที่สำหรับเด็กรุ่นนี้ เรื่องแบบนี้ คงเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ถ้าข้าวตูยังชอบ ยังอยากคบ แม่จะทำใจไหวมั้ย ช่างเถอะ เอาไว้คิดทีหลัง อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้แล้วว่าลูกไปเจออะไรมา

"ขอบใจนะที่มายอมรับผิด"

"แล้ว...ข้าวตู..." เขาอยากเจอ ทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าควรจะพูดด้วยยังไง

"ปอร์เช่กลับไปก่อนนะ ถ้าข้าวตูอยากคุยด้วย เดี๋ยวเขาก็ติดต่อไปเองแหละ น้าจะบอกให้ว่า ปอร์เช่กับป้าอรณีมาหา"

"ขอบคุณนะคะ แล้วก็ ฝากขอโทษข้าวตูด้วยนะคะ ไป ปอร์เช่ กลับบ้าน" หนุ่มน้อยทำท่าอิดออด จนแม่ส่งสายตาดุใส่ ถึงได้ยอมกลับ ก็ดูห่วงใยดี แต่ห่วงเพราะอะไรก็ไม่รู้

ลูกสาวกำลังนอนกอดหมอน คงรู้แล้วว่าปอร์เช่มา เคยพูดเรื่องพวกนี้แบบอ้อมๆ มาหลายครั้ง คราวนี้เห็นทีจะต้องพูดกันตรงๆ บอกตัวเองให้หนักแน่นไว้ ไม่ว่าลูกตอบอะไรมา อย่าโกรธ อย่าโวยวาย จนพูดกันไม่รู้เรื่อง

"ข้าวตู คุยกับแม่ได้หรือยัง เมื่อกี๊ปอร์เช่กับแม่เขามา เขามาขอโทษที่เขา..." นึกอยากใช้คำอื่น แต่ตัดสินใจว่าจะพูดกันตรงๆ แล้ว  ก็ควรเริ่มตั้งแต่คำนี้ "หอมแก้ม แล้วก็จูบลูก"

ลูกสาวแม่ยังกอดหมอนนอนนิ่ง รอยน้ำตาเลอะตรงข้างแก้ม "เขาทำอะไรมากกว่านั้นรึเปล่า" คำตอบที่ได้คือ การส่ายหน้า เอาเถอะ โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง ปอร์เช่ไม่ได้โกหก

"ปอร์เช่บอกว่า ข้าวตูผลักเขาแล้ววิ่งหนีออกมา ทำไมล่ะลูก ข้าวตูชอบเขาไม่ใช่เหรอ" ถามแล้วก็แทบจะลืมหายใจระหว่างรอว่าลูกจะตอบหรือเปล่า และจะตอบว่าอะไร

"ก็เพราะชรอบ ข้าวตูไม่อยากให้ทำแบบนี้ ข้าวตูอยากให้เขาทำเพราะชอบข้าวตู ไม่ใช่แบบนี้" พูดได้ไม่กี่คำ ข้าวตูก็น้ำตาซึมอีกแล้ว

"ข้าวตูบอกเขา วาดรูปไปให้ เอาขนมไปให้ เขาไม่เคยพูดอะไรกับข้าวตูเลย ข้าวตูอยากให้เขารัก เหมือนที่แม่รักข้าวตู แต่เขา...ฮืออออ แม่ ข้าวตูเสียใจ" แม่ฟังคำตอบแล้วก็ต้องหลับตา นับ 1 ถึง 10 ข้าวตูชอบปอร์เช่มากจริงๆ ที่เสียใจ เพราะคิดว่าเขาทำเล่นๆ แต่ถ้ารู้ว่าปอร์เช่ก็ชอบข้าวตูเหมือนกัน ข้าวตูอาจจะไม่ทำอย่างวันนี้หรือเปล่า แม่ลูบหัวข้าวตู รอจนลูกหยุดร้องไห้แล้วถึงถามต่อ

"ลูกรู้สึกยังไง ตอนปอร์เช่หอมแก้มลูก" ข้าวตูมองตาแม่แล้วก็หันไปอีกทาง แม่ต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าข้าวตูรู้สึกยังไง

ปอร์เช่นอนก่ายหน้าผาก ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยได้แล้ว เท่าๆ กับจำนวนครั้งที่เขาหยิบมือถือมาดูแชทไลน์ของข้าวตูที่ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่ร่องรอยว่าอ่านแล้ว แม่บอกว่า ข้าวตูคงไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นของเขา เขาเองก็ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นด้วย เพื่อนเขาเคยบอกว่า คนไหนยอมให้จูบ ค่อยจีบต่อ คนไหนไม่ยอม ก็ชิ่งแล้ว ข้าวตูก็ไม่ยอม แต่เขาไม่อยากชิ่ง ไม่ต้องยอมสักอย่างก็ได้ แค่กลับมาคุยกันเหมือนเดิมก็พอแล้ว กลิ่นหอมๆ อุ่นๆ นั้น ยังอวลอยู่ในความรู้สึก ถ้าข้าวตูโกรธจนไม่ยอมกลับมาดีด้วย...

ปอร์เช่พลิกตัวคว่ำหน้าลงกับหมอน ใจหายจนเหมือนในตัวมีแต่ช่องว่าง เขาอยากทำอะไรมากกว่านี้ แต่แม่บอกให้เขาคิดกับตัวเองให้ดีก่อนว่า เขารู้สึกยังไงกับข้าวตูจริงๆ และเขายังจะเต็มใจจะคบกับข้าวตูมั้ย ถ้าไม่ว่ายังไงข้าวตูก็จะหวงตัวแบบนี้

แม่บอกว่าแม่เข้าใจว่า หลายๆ คนอยากมีเพศสัมพันธ์เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก แต่บางคนก็ไม่ใช่ ถึงจะชอบ จะรัก ก็ไม่ได้แปลว่าพร้อมจะมีอะไรด้วย ถ้าเขาไม่ชอบที่หวงตัวแบบนั้น ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปง้อ แค่ขอโทษก็จบแล้ว

ปอร์เช่รื้อของในกล่องข้างหมอนออกมาดูเงียบๆ ข้าวตูชอบเขา เนื้อหาในกลอนที่ข้าวตูแต่งมาให้ เจ้าตัวอาจจะหมายถึงแค่การอยู่ใกล้ๆ ตัวขาเองหรอก จินตนาการไปไกลจนเกิดอารมณ์เอง ถ้าคบกันจริงๆ แล้วข้าวตูไม่ยอมนอนกับเขา เขาจะอยากคบกับข้าวตูไปนานๆ มั้ย

ข้าวตูพยายามทำตัวปกติ ให้แม่สบายใจ กินข้าว อาบน้ำ แล้วก็ขอตัวเข้าห้อง มานั่งดูพระจันทร์อยู่ที่ระเบียงคนเดียวเงียบๆ แม่รู้ด้วยว่า ตอนที่ถูกปอร์เช่หอมแก้ม ข้าวตูเสียววาบลงไปข้างล่าง เสียวเหมือนตอนที่ดูคลิปโป๊ แม่ไม่ได้เสียใจ  ไม่ว่าอะไรด้วย แล้วยังขอบใจที่ข้าวตูรักแม่ จำคำของแม่ได้ นึกถึงความเป็นห่วงของแม่ มากกว่าความต้องการของตัวเอง

ข้าวตูถอนหายใจยาวเหยียด นึกถึงคำที่แม่ถามว่า ถ้าปอร์เช่ทำเพราะชอบข้าวตู ข้าวตูยังจะพยายามรักษาความเป็นของรักของแม่อยู่มั้ย ข้าวตูนึกทบทวนความรู้สึกตัวเอง ตอนที่ปลายจมูกเขาแตะลงบนแก้ม มันวาบหวาม อ่อนหวาน ตรึงให้ข้าวตูนิ่งงัน มุมปากข้าวตูที่เขาแนบปากลงเบาๆ ข้าวตูแน่ใจว่าข้าวตูอยากเป็นของรักของแม่ ข้าวตูต้องพยายามแน่ๆ ข้าวตูเข้าใจที่แม่เคยบอกแล้ว อารมณ์มันจะพาให้ร่างกายเตลิดตามไป ถ้าปอร์เช่ชอบข้าวตู ถ้าได้คบกัน แล้วเขาทำแบบนี้เรื่อยๆ ข้าวตูจะเป็นเด็กดีของแม่ได้ถึงเมื่อไหร่ ข้าวตูรู้ว่าแม่ถาม เพราะอยากให้ข้าวตูคิด เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกัน ยอมมีอะไรกับแฟนก็เพราะกลัวแฟนเลิกคบ ถ้าข้าวตูไม่ยอม ปอร์เช่จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า

ข้าวตูนั่งมองพระจันทร์ดวงเดิม แต่คืนนี้มันเว้าแหว่ง ทำไมนะ ข้าวตูได้อยู่ใกล้กับคนที่ข้าวตูอบมากๆ แล้ว ทำไมไม่มีความสุข ที่ผ่านมา ปอร์เช่ดูเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ คอยเป็นห่วงความปลอดภัยของข้าวตูตลอด ทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ ข้าวตูผิดเองหรือเปล่า ที่ไปจีบเขา ไปบอกชอบเขา เขาถึงได้คิดว่า ทำอะไรกับข้าวตูก็ได้

ข้าวตูปาดน้ำตา เห็นหรอกว่าปอร์เช่ส่งข้อความมาขอโทษ แต่ข้าวตูไม่อยากเปิดอ่าน มาขอโทษ แล้วให้ข้าวตูกลับไปให้เขาทำแบบนั้นอีกหรือไง ข้าวตูควรจะถอยกลับไปเป็นแค่แฟนคลับที่คอยชื่นชม ให้กำลังใจเขาห่างๆ เลิกอยากเป็นแฟนเขาได้แล้ว

ปอร์เช่นึกอยากได้ของวิเศษอะไรสักอย่าง ที่จะพาเขาไปอยู่ข้างๆ ข้าวตูได้ ผ่านไป 3 วันแล้ว ข้าวตูก็ยังไม่ยอมคุยกับเขา โทร.ไปหาก็ไม่รับสาย  ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน เขาไปหาที่บ้าน แม่ข้าวตูก็บอกว่า ข้าวตูคงยังไม่พร้อมจะคุยด้วย เพราะพอเห็นเขามายืนอยู่หน้ารั้วบ้าน ข้าวตูก็หนีขึ้นห้องไปแล้ว เขาไม่เข้าใจเลย ไม่พอใจอะไร ไม่พูด ไม่บอก เขาจะรู้ได้ยังไง ว่าข้าวตูอยากให้เขาทำอะไร ยังไง ข้าวตูไม่ฟังเขาเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า เขาอยากเป็นคนที่ข้าวตูชอบได้จริงๆ อยากให้ทำอะไรก็ได้ แค่กลับมาคุยกัน แค่ยอมให้เจอ

หรือข้าวตูแค่ชอบเขาเหมือนชอบดารา  ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบที่เขากำลังรู้สึกอยู่

"เช่ ลูก ใจลอยแบบนั้น เมื่อไหร่จะเสร็จ เอาแป้งมาร่อนอีกที เดี๋ยวจะได้ใส่เนย"

"แม่ว่า จะได้ผลมั้ยครับ"

"ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้ หยุดคิดก่อน ร่อนแป้งใส่ชามนี่ ใส่เนยลงไป หมดนั่นแหละ แล้วก็ค่อยๆ นวด" แม่ยืนดูหน้าตาจริงจังของลูกชาย ที่กำลังนวดแป้งทำทาร์ตเป็นครั้งแรกในชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แม่ชวนแล้วชวนอีก เจ้าตัวดีพูดอย่างเดียวว่า ไม่เอา

สาวน้อยคนนั้น มีผลกับใจลูกมากขนาดนี้  นึกไม่ออกเลยว่า  ถ้าโดนปฏิเสธกลับมาอีก  ใจลูกจะไหวถึงแค่ไหน  ขอให้แม่มองไม่ผิด  ขอให้สิ่งที่แม่คิด  เป็นความจริงด้วยเถิด  สาธุ




Create Date : 13 สิงหาคม 2566
Last Update : 13 สิงหาคม 2566 12:33:55 น. 1 comments
Counter : 452 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

 
 
 
 
เป็นนิยายที่สอนใจวัยใสได้ดีมากค่ะ

 
 

โดย: หอมกร วันที่: 14 สิงหาคม 2566 เวลา:7:32:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com