<<
เมษายน 2563
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 เมษายน 2563
 

ความสุข ข้างใน

ช่วงเวลาที่อยู่ๆก็โดนบังคับให้ต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต  คงทำให้หลายคนเครียด  เซ็ง
ร้านฉันขายอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง  จึงยังเปิดขายได้อยุ่  ฉันจึงไม่ได้อยู่บ้าน  และยังได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตา  แวะเวียนมาซื้อของ  แม้จะบางตาลงบ้างก็ตาม
คนที่เจอ  ส่วนใหญ่  ก็อารมณ์เดียวกันนั่นแหละ  ความเครียด กังวลแผ่ขยาย  จนความสุขหนีหายไปข้างไหนไม่รู้
เห็นหน้าแล้วก็อยากจะถามว่า  สุขา  อยู่หนใด
ความสุขของใครอื่น  ฉันเองก็สุดจะรู้ได้
ที่รู้แน่คือ ความสุขของฉัน  อยู่ที่ไหน

ความสุขในปัจจุบันที่สัมผัสได้  และหาง่ายที่สุด  ก็คือ กิน
ตั่งแต่เด็กๆมา  แม่ฉันเป็นคนกินประหยัด ใช้ประหยัด  ทั้งๆที่ฉันมีพ่อเป็นถึงผู้จัดการบริษัทน้ำมัน
แม่บอกทีหลังตอนฉันโตมากแล้วว่า  เพราะแม่หาเงินไม่เป็น  พ่อหาอยู่คนเดียว  ถ้าวันไหนพ่อหาเงินไม่ได้  ก็ต้องอาศัยกินเงินเก็บ  จึงต้องประหยัดเอาไว้ก่อน
ด้วยเหตุนี้  ฉันจึงได้กินขนมเค้กที่ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ  ส่วนไอติมก็ได้แค่ ไอติมไม้ๆรสเผือก รสถึ่วดำ  แล้วก็ไม่ได้กินแบบเต็มที่หรอก  เพราะสำหรับแม่มันเป็นของฟุ่มเฟือย  นานๆได้กินที  แต่ละทีก็มีแค่ 1

ยังจาความรู้สึกตัวเองได้อยู่ตอนไปตลาดกับแม่แล้วได้แต่ทำตาละห้อยมองเค้กวงกลมก้อนโต  แต่งหน้าด้วยครีมทรงดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนหวาน  ที่วางโชว์อยู่ในตู้กระจก
แล้วยังเวลาที่มีโอกาสได้เข้าร้านไอติม  ฉันนั่งดูเมนูไอติมด้วยความเพลิดเพลิน  หลังจากที่สั่งไอิตมชอคโกแลตแบบธรรมดา  ไม่ตกแต่งอะไรเลย 1 ก้อน

จนตอนนี้  ที่โตมากแล้ว  เงินออมมีแล้ว  ฐานะมั่นคงพอควรแล้ว  จึงได้มีโกาสกินเค้กก้อนใหญ่ๆ  แต่งหน้าเค้กสวยๆ  มีความสุขทุกครั่งที่ได้กิน  ได้กินแบบไม่ต้องระวังกลัวมันจะหมดด้วย
ส่วนไอติม  ด้วยความที่อยากฝังใจ  วันที่รูสึกว่า เอาซะที  ฉันสั่งไอติมถ้วยใหญ่มากินแทนข้าว  เพิ่ม Topping ทุกอย่างที่อยากกินลงไปในถ้วย  จำได้ด้วยว่า วันนั้น  ฟินมาก
ความสุขของฉัน  ง่ายๆแค่นี้ แค่มีเค้ก กับ ไอติม  จะเหนื่อย เช็ง เครียด  คิดอะไรไม่ออก  แค่เจอเค้า  ฉันก็ผ่อนคลาย สบายแล้ว
แต่...ไม่กินกันบ่อยๆหรอกนะ  มันไม่ดีต่อสุขภาพ  แม้จะดีต่อใจมากก็ตามทีเถอะ

ฉันคงโชคดี   เกิดมาพร้อมกับความรักสันโดษ  ก็เลยไม่ค่อยจะเดือดร้อนหาอะไร  หรือ ใครมาเล่น  ตั้ืงแต่เด็กๆ  แค่มีหนังสือนิทานเล่นนึง  ฉันก็นั่งนิ่งๆได้เป็นวันๆแล้ว
สมัยตอนฉันเด็ก  มีหนังสือนิทานออกเป็นรายปักษ์ หรือ รายเดือน ก็จำไม่ได้เสียแล้ว  ราคาเล่มละ 5 บาท  ฉันรู้ว่ามันแพงและฟุ่มเฟือยสำหรับแม่  แต่ฉันอยากอ่านมาก  ถ้าได้มีโอกาสไปตลาด  ผ่านแผงหนังสือ  เป็นต้องขอให้แม่ซื้อ  ก็ได้บ้าง  ไม่ได้บ้าง  ปีนึง  ก็น่าจะได้สัก....3 เล่ม
ฉันก็วนอ่านอยู่นั่นแหละ  สนุกนักหนาแล้ว  สำหรับฉันในตอนนั้น  ไม่ต้องมีของเล่นอะไรเลยก็อยู่ได้
พอโตมา  มีตังค์พอซื้อหนังสือได้  ฉันก็ซื้ออ่าน  ซื้อเก็บมาเรื่อยๆ  จนตอนนี้มีอยู่เป็นหลักร้อยแล้ว
ตอนสมัยมัธยม  หนังสือเรียนฉันแทบไม่แตะ  ผลการเรียนอ่อนปวกเปียกมาก  แต่พอได้จับหนังสือ นิยาย  นิทาน  เรื่องสั้น พวกนี้  ฉันอ่านจนเลยเวลานอน  ถึงขึ้น เปิดไฟฉายแอบอ่านในโปงผ้าห่มก็ทำมาแล้ว
พอเรียนมหาวิทยาลัย  ไปอยู่ต่างจังหวัด  อยู่หอพักคนเดียว  คราวนี้  เล่มไหนติดพันมาก  แล้วเช้าไม่ต้องไปเรียน  ฉันก็อ่านไปยันตีสามตีสี่  อ่านได้อ่านดี  ไม่มีง่วง
เดี๋ยวนี้  สังขารไม่อำนวย  อ่านหนังสือมมากๆอย่างแต่ก่อนไม่ได้เสียแล้ว
แต่ความสนุกที่ได้ติดตามตัวละคร  ล่องลอยไปในโลกจินตนาการนั้น  ก็ยังเป็นความสุขทุกครั่งที่คิดถึง

ความสุขอย่างใหม่ที่เข้ามาในชีวิต  เรียกได้ว่า พรหมลิขิตบันดาลชักพา
แน่นอน  ฉันไม่ได้รักทุกคนที่ฉันเจอ  และคนที่ฉันเจอ  ก็ไม่ใช่คนที่ใครๆก็รัก
ฉันเห็นเขาในวันหนึ่ง  แล้วฉันก็เห็นเขามาเรื่อยๆ  รู้สึกตัวอีกที  ฉันก็คอยดูเขาทุกวัน
ฉันยิ้ม เวลาเห็นเขายิ้ม  ฉันหัวเราะ  เวลาที่เห็นเขาเขินอาย
ฉันร่าเริง เวลาเห็นเขาได้ทำส่ิงที่เขาบอกว่า เขารัก
ความสุขของเขา  กลายเป็นความสุขของฉัน
รอยยิ้มเล็กน้อย  ก็ทำให้ชื่นใจหาไหนเทียบได้
ฉันมั่นใจ  บอกใครๆว่า  ฉันรักเขา  รักอย่างลุ่มหลง  หน้ามืดตามัว
หลงวนอยู่ในความสุข  ที่ได้เห็นเขาทำโน่นนี่  เดิน วิ่ง ยิ้ม หัวเราะ ร้องเพลง
ความสุขอย่างนั้น  ทำให้หัวใจมีน้ำหนัก
ใจฉันแกว่งไปกับเรื่องวุ่นวาย  ไม่ได้ดั่งใจ  น้อยล่งไปมาก ทุกข์น้อยลง  เข้าใจความรู้สึกมากขึ้น
ฉันรู้ว่าใจฉันมีที่พักที่แสนวิเศษ   ที่พักที่ฉันแน่ใจว่า จะไม่มีวันทำร้ายฉัน
ฉันรักเขา  ทั้งที่รู้  เขาคงไม่มีวันได้รู้จักฉัน
ฉันส่งความปราถนาดีไปหาเขา  ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะถึงเขามั้ย
ฉันเผื่อแผ่ความสุขของฉัน  ไปให้คนที่รักเขาเช่นกัน  ทั้งที่ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร
ฉันมีความสุขที่ได้ทำ  แค่นั้นก็พอแล้ว
ไม่เรียกร้อง  ไม่รอรับ  มีแต่ส่งต่อ  มีแต่เผื่้อแผ่
รอยยิ้มกับแววตาจริงใจนั้น  เป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่ฉันได้จากเขา
ฉันได้ทุกวัน  ฉันยิ้มทุกวัน

ในท่ามกลางโลกที่ไม่ปกติ  และมีแต่ข่าวร้ายอย่างตอนนี้  ความสุขและรอยยิ้มเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ละสายตาจากข่าว  พักจากการฟังเรื่องร้าย  เง้นอ่านไลน์ที่ไม่รู้ว่าเอาเรื่องเท็จหรือจริงมาส่งต่อ
หันมาหาอะไรที่ทำให้คุณยิ้มได้จริงๆบ้าง  สักวันละครั้ง  ก็ยังดี
เผื่อบางที จะช่วยให้เรา  ผ่านสถานการณ์แปลกประหลาด  ที่ไม่รู้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่นี้
ไปได้แบบไม่รู้สึกลกบายยากใจ  มากนัก

รักษาระยะห่าง  ล้างมือบ่อยๆ  สวมหน้ากาก  แล้วยิ้มมากๆด้วย
ยิ้มให้ใจสวยๆของเรา  ทะลุหน้ากกาออกมาเลย
 




 

Create Date : 09 เมษายน 2563
0 comments
Last Update : 22 เมษายน 2563 22:39:45 น.
Counter : 829 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com