"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
"พระองค์เสือ" และ "พระองค์ช้าง"

พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๑ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ พระนามเดิมของท่านว่า พระองค์เจ้าอภัยทัต เมื่อยังทรงพระเยาว์ เรียกกัน “พระองค์เสือ”

ประสูติไล่เลี่ยกันกับ “พระองค์ช้าง” ซึ่งเป็นพระนามเมื่อยังทรงพระเยาว์ เรียกคู่กันมากับพระองค์เสือ ส่วนพระนามเต็มๆ ว่า พระองค์เจ้าอรุโณทัย
เจ้าจอมมารดาของพระองค์เสือ และพระองค์ช้างเป็นชาวนครศรีธรรมราชด้วยกันทั้งคู่

เจ้าจอมมารดาของพระองค์เสือนั้น ชื่อน้อยแก้วเป็นธิดาพระยาจักรีแห่งเมืองนครศรีธรรมราช แต่ครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดฯยกเมืองนครฯ เป็นประเทศราช มีเจ้าผู้ครองนครอย่างเจ้าประเทศราช

ส่วนเจ้าจอมมารดาของพระองค์ช้าง เป็นธิดาเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช (พัฒน์) ชื่อว่า นุ้ยใหญ่ ที่ชื่อ ‘นุ้ยใหญ่’ ก็เพราะมีน้องสาว อีกผู้หนึ่ง ชื่อ ‘นุ้ยเล็ก’ ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ มหาสุรสิงหนาท คือคนพี่ถวายองค์พี่ คนน้องถวายองค์น้อง ว่าอย่างนั้นเถอะ

ชื่อ ‘นุ้ย’ ของเมืองนครฯในสมัยโบราณ เห็นจะเป็นชื่อเรียกลูกหญิงชาย ทำนองเดียวกับ ชื่อ ‘ฉิม’ ของทางภาคกลาง ซึ่งมีทั้ง พ่อฉิม แม่ฉิม และ ฉิมใหญ่ ฉิมเล็ก อย่างสมัยหนึ่งก็มักเรียกกันว่า พ่อแดง แม่แดง แดงใหญ่ แดงเล็ก

เรื่องเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชนี้ ขยายความเสียนิดว่า

เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดฯ ยกเมืองนครฯ เป็นประเทศราชนั้น เจ้าผู้ครองนครฯ ชื่อ ‘หนู’ เป็นเจ้าเมืองมาแต่ปลายสมัยอยุธยา ก่อนกรุงแตก เมื่อได้เป็นพระเจ้าประเทศราช จึงมีตำแหน่งขุนนางต่างๆ อย่างประเทศราช

มีทั้งอุปราช พระยาจักรี ขุนนางทำนองจตุสดมภ์ ฯลฯ
ส่วนวงศาคณาญาติก็แต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าพระยาจักรี บิดาของ เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว เป็นจักรีเมืองนครฯ ในระยะนี้

ในสมัยกรุงธนบุรีพระเจ้านครฯ (หนู) มีธิดาสององค์ องค์ใหญ่ ชื่อ ชุ่ม เรียกกันในสมัยนั้นว่า ‘ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่’ เป็นชายาของเจ้าอุปราชเมืองนคร (พัฒน์) อุปราชในขณะนั้น

องค์กลางชื่อ ฉิม ถวายเป็นพระสนมในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นที่โปรดปรานมาก ทรงยกย่องเป็นมเหสีฝ่ายซ้าย สถาปนาเป็น กรมหลวงบริจาภักดี ศรีสุดารักษ์ (ดังในเรื่อง ‘บุญบรรพ์’ เอ่ยอ้างและจินตนาการเพิ่มเติม) ประสูติพระราชโอรสเป็นเจ้าฟ้าชาย ๓ องค์ ตามที่เคยเล่ามาแล้ว เจ้าหญิงฉิมนี้ เรียกกันในหมู่ชาวนครฯ ขณะนั้นว่า ‘ทูลกระหม่อมหญิงกลาง’

องค์สุดท้าย ชื่อ ปรางถวายเป็นพระสนมในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เช่นกัน เรียกกันในหมู่ชาวนครฯว่า ‘ทูลกระหม่อมหญิงเล็ก’

องค์นี้ ต่อมาเมื่อทูลกระหม่อมหญิงใหญ่ (ชุ่ม) สิ้นชีพแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกพระราชทานเจ้าอุปราช (พัฒน์) ทั้งๆ ที่เจ้าจอมมารดาปราง หรือทูลกระหม่อมหญิงใหญ่ทรงครรภ์อยู่

กล่าวกันโดยสันนิษฐานว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอาจทรงมีพระราชดำริ จะขยายพระราชอาณาเขตและอำนาจให้กว้างออกไป จึงทรงส่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ พระราชโอรสในพระมเหสีใหญ่ ไปปกครองกัมพูชา

โดยมีพระราชดำรัสสั่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกว่า เมื่อเหตุการณ์ในเขมรราบคาบแล้ว (ขณะนั้นเขมรเกิดศึกแย่งชิงราชบัลลังก์กัน) ก็ให้สมเด็จเจ้าพระยาฯ ทำพิธีสถาปนา กรมขุนอินทรพิทักษ์ ขึ้นเป็นเจ้าครองนครกัมพูชา

ส่วนทางกรุงธนบุรี ทรงพระราชดำริ จะให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสุพันธวงศ์ พระโอรสในเจ้าจอมมารดาฉิม (ธิดาใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก) ซึ่งทรงยกย่องเกียรติยศในการพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมมารดาฉิมเท่ากับพระศพเจ้าฟ้า

เพราะเจ้าฟ้าสุพันธวงศ์เป็นหลานตาของสมเด็จเจ้าพระยาฯ เมื่อเจ้าฟ้าสุพันธวงศ์ ขึ้นครองราชย์ พระอัยกาจะได้เป็นกำลังสำคัญ ดังนั้น จึงพระราชทานเจ้าจอมมารดาปรางแก่เจ้าอุปราช (พัฒน์) ซึ่งหากประสูติพระราชโอรส (หรือแม้แต่พระราชธิดา) เป็นบุตรเลี้ยงของเจ้าอุปราช (พัฒน์) จะได้มีอำนาจวาสนาในเมืองนครฯ ซึ่งเป็นประเทศราชอยู่ทางภาคใต้

หลังสิ้นแผ่นดินกรุงธนบุรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงลดเกียรติยศเมืองนครศรีธรรมราชให้กลับเป็นอย่างเดิมในสมัยอยุธยา โดยเลิกเกียรติยศพระเจ้านครศรีธรรมราช

เปลี่ยนเป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช เช่นหัวเมืองเอกในพระราชอาณา เขต และโปรดฯให้เจ้าอุปราช (พัฒน์) เป็นเจ้าเมืองนครฯ แทนเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช (หนู) เนื่องจากเจ้าพระยาศรีฯ (หนู) แก่ชรามากฟั่นเฟือน

เจ้านครฯ (พัฒน์) ได้ถวายธิดาซึ่งเกิดแต่คุณชุ่ม (ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่) ผู้วายชนม์ไปแล้ว คือคุณนุ้ยใหญ่ คุณนุ้ยเล็ก ดังที่เล่าผ่านมาแล้ว

เป็นอันว่า เจ้าจอมมารดาน้อยแก้วของพระองค์เสือ และเจ้าจอมมารดานุ้ยใหญ่ ของพระองค์ช้าง นั้น ท่านมาจากนครศรีธรรมราชด้วยกัน และแน่นอนเห็นจะคุ้นเคยกันมาก่อน เพราะท่านหนึ่งเป็นธิดาพระยาจักรี อีกท่านหนึ่งเป็นธิดาเจ้าอุปราช อายุอานามก็เห็นจะไล่เลี่ยกัน

เมื่อมีพระราชโอรส ก็ประสูติไล่เลี่ยกันอีก จึงเรียกพระนามเมื่อทรงพระเยาว์ว่า ‘พระองค์เสือ’ องค์หนึ่ง ‘พระองค์ช้าง’ องค์หนึ่ง และเมื่อทรงพระนามจริงซึ่งเข้าใจกันว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมหาราช พระบรมราชชนกจะทรงพระราชทานเอง ก็คล้องจองกันว่า ‘อรุโณทัย-อภัยทัต’

และเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๑ เพียงสองพระองค์เท่านั้นที่ได้ทรงกรม ในรัชกาลของสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระนามกรมจึงคล้องจองกันอีกคือ กรมหมื่นศักดิพลเสพ-กรมหมื่นเทพพลภักดิ์ เมื่อ พ.ศ.๒๓๕๐ ปลายรัชกาลที่ ๑ (เสด็จสวรรคต พ.ศ.๒๓๕๒ ครองราชย์ ๒๗ ปี)

พระองค์ช้าง-อรุโณทัยนั้น ในรัชกาลที่ ๒ ได้กำกับราชการกรมพระกลาโหม ในรัชกาลที่ ๓ ได้รับพระราชทานอุปราชาภิเษกเป็น กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) พระนามเฉพาะพระองค์ คือ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ

ส่วนพระองค์เสือ-อภัยทัต ในรัชกาลที่ ๒ ได้ว่ากรมพระคชบาล ตลอดรัชกาล

กรมพระคชบาลนี้ ในสมัยโบราณ จนถึงรัชกาลที่ ๓ นับว่าเป็นกรมสำคัญมาก เพราะในการรบทัพจับศึก ต้องใช้ช้างทั้งเวลาเดินทัพ ทั้งเวลาเข้าประจัญบานดังที่ทราบๆ กันอยู่ ช้างที่ขึ้นระวางเป็นช้างต้น จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์พระยา ถึงเจ้าพระยา

ดังนั้น กรมพระคชบาล จึงเป็นกรมใหญ่ มีหน้าที่สำคัญที่สุดคือคล้องช้างป่านำมาเลี้ยงดู ฝึกให้ได้ราชการงานเมือง โดยเฉพาะการคล้องช้าง ต้องศึกษาเรียนรู้วิธีการตลอดจนคาถาอาคมจาก ‘หมอช้าง’ จนกระทั่งเป็น "หมอช้าง"เองได้

ฯกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ ทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ทรงเป็น ‘หมอช้าง’
และคงจะทรงเก่งกาจ เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาหมอช้างทั้งหลาย แม้เมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้ว จึงมีผู้ตั้งศาลถวาย ศาลนี้อาจจะมีมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๓ หรือรัชกาลที่ ๔ ก็เป็นได้

ในรัชกาลที่ ๓ เมื่อ ฯกรมหลวงเทพพลภักดิ์ สิ้นพระชนม์แล้ว โปรดฯให้ ฯกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ (พระองค์เจ้าพนมวัน) ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ ทรงว่ากรมพระคชบาล ต่อจากฯกรมหลวงเทพพลภักดิ์

ในรัชกาลที่ ๔ ฯกรมพระพิพิธฯ สิ้นพระชนม์แล้ว โปรดฯให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาบำราบปรปักษ์ฯ แต่ครั้งยังทรงดำรงพระยศ กรมขุนบำราบปรปักษ์ ว่ากรมพระคชบาล ต่อ (เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ เช่นเดียวกับ ฯกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์)

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ พระองค์นี้ตามพระประวัติ ว่าทรงเป็น ‘หมอช้าง’ ที่เก่งฉกาจไม่น้อย ‘เก่งฉกาจ’ นี้ มิใช่ว่าทรงคล้องช้างเอง หากแต่ทรงรอบรู้ในวิชาคชกรรม สามารถเป็นครูครอบวิชานี้ได้ เช่นเดียวกับ ฯกรมหลวงเทพพลภักดิ์ พระเจ้าอา

พระพักตร์ออกจะละม้ายคล้ายคลึงกัน จนน่าสงสัยว่า พระรูป ฯกรมหลวงเทพพลภักดิ์ ที่ศาลเจ้าพ่อเฒ่านั้น น่าจะจำลองมาจากพระพักตร์ของสมเด็จ ฯกรมพระยาบำราบปรปักษ์ฯ เพราะทรงเป็นอาหลานกัน และจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมาของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เคยเห็นฯกรมหลวงเทพพลภักดิ์ในต้นๆรัชกาลที่ ๓ นัยว่าทรงมีพระเศียรล้านแบบเดียวกันด้วย

ขอขอบคุณ
นิตยสารสกุลไทย
บทความ - สารคดี
โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์
ฉบับที่ 2488 ปีที่ 48 ประจำวันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2545


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วุธวารสิริสวัสดิ์ โสมนัสสวัสดิศรี ที่มาอ่านค่ะ


Create Date : 02 ธันวาคม 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 17:17:22 น. 0 comments
Counter : 1660 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.