ปราบกบฏโอรสพระเจ้าตาก เสวนาเบื้องลึกทางประวัติศาสตร์
คนธ์พงษ์ ธนัชพงศ์จิระ
กบฏที่สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ คดีกบฏเจ้าฟ้าเหม็น หรือ กรมขุนกษัตรานุชิต พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
แต่ถึงแม้จะเป็นคดีสำคัญเพราะผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น แต่การศึกษาเบื้องลึกเบื้องหลังของคดีนี้ยังมีอยู่น้อยมาก แม้เหตุการณ์จะล่วงเลยมาถึง 206 ปี แล้วก็ตาม
เมื่อเร็วๆ นี้ กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม จัดงานเสวนาเรื่อง "ปราบกบฏ โอรสพระเจ้าตากฯ" โดย ปรามินทร์ เครือทอง นักวิชาการทางประวัติศาสตร์ และ ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ ดำเนินรายการ ที่ มติชนอคาเดมี
ในงานเริ่มเสวนาถึงพระราชประวัติของ เจ้าฟ้าเหม็น หรือพระนามแต่กำเนิดคือ เจ้าฟ้าสุพันทวงษ์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับ เจ้าจอมมารดาฉิมใหญ่ ธิดาของเจ้าพระยาจักรี หรือรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีในสมัยต่อมา เจ้าฟ้าเหม็นประสูติเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2322 สถานะของเจ้าฟ้าเหม็นนั้นสำคัญยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นโอรสกษัตริย์แล้ว ยังเป็นหลานตาของขุนนางที่มีความสำคัญที่สุดในกรุงธนบุรี พระมารดาของเจ้าฟ้าสุพันทวงษ์สิ้นพระชนม์ หลังประสูติพระโอรสในปี 2322 เจ้าฟ้าสุพันทวงษ์จึงอยู่ในความอุปการะของคุณยายสา พี่สาวคนโตของเจ้าพระยาจักรีเรื่อยมา
และเพราะความเป็นหลานตาของเจ้าพระยาจักรี ผู้มีอำนาจทางทหารสูงสุด พระราชโอรสของพระเจ้าตากสินพระองค์นี้ จึงถูกวางตัวให้เป็นรัชทายาทแทนกรมขุนอินทรพิทักษ์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าตากสิน เพราะถ้าเจ้าฟ้าสุพันทวงษ์ได้เป็นรัชทายาท ย่อมทำให้พระราชบัลลังก์ของราชวงศ์ธนบุรีมั่นคง มากขึ้น ภาพลายเส้นเจ้าฟ้าเหม็น
|
แต่เมื่อเหตุการณ์พลิกผัน เกิดความวุ่นวายในกรุงธนบุรี เจ้าคุณตาของเจ้าฟ้าสุพันทวงษ์ คือ เจ้าพระยาจักรี หรือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก สำเร็จโทษพระเจ้าตากสิน และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตามธรรมเนียมแล้วเจ้าฟ้าสุพันทวงษ์คงต้องถูกประหารตามพระราชบิดา แต่ด้วยความเป็นหลานรักของรัชกาลที่ 1 ทั้งยังทรงพระเยาว์อยู่มากจึงได้รับการไว้ชีวิต
ความเมตตานี้ยังแผ่ไปถึงพระราชโอรส-ธิดา องค์อื่นๆ ของพระเจ้าตากอีกไม่น้อยที่ไม่ต้องถูกสำเร็จโทษเพียงแต่ถูกถอดยศ ทำให้การผลัดเปลี่ยนแผ่นดินครั้งนี้มีลูกหลานพระเจ้าตากที่สิ้น พระชนม์เพียงแค่ 4 พระองค์เท่านั้น ส่วนเจ้าฟ้าสุพันทวงษ์ยังคงพระยศเจ้าฟ้าตามเดิม ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
การเว้นโทษพระราชวงศ์กรุงธนบุรีไว้มากมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แม้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระราชอนุชาในรัชกาลที่ 1 จะขอพระราชทานบรรดาพระราชโอรสของพระเจ้าตากสินไปถ่วงน้ำให้หมด ด้วยถือคติ "ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก" เพื่อระวังภัยในอนาคต แต่รัชกาลที่ 1 ทรงขอให้งดไว้ สายสกุลของพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงปรากฏต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน วังท่าพระ
|
ชีวิตในรัชสมัยของพระอัยกา สมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าฟ้าเหม็นได้รับพระราชทานพระนามใหม่เป็น เจ้าฟ้าอภัยธิเบศร์ และ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ตามลำดับ แม้เจ้าฟ้าเหม็นจะเป็นเชื้อสายของพระเจ้าตาก แต่เพราะเป็นพระราชนัดดาของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ทำให้ดำรงชีพในพระนครแห่งใหม่แบบเงียบๆ ได้อย่างไม่ลำบาก ทั้งยังเป็นหลานที่คอยดูแลใกล้ชิดกับพระอัยกา เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย แม้จะไม่ได้ทรงงานสำคัญ แต่ในช่วงปลายรัชกาลที่ 1 ยังได้รับโปรดเกล้าฯให้ทรงกรมเป็น กรมขุนกษัตรานุชิต
เหมือนจะมีชีวิตที่สงบสุขในพระราชวงศ์ใหม่ แต่แล้วเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระอัยกาของกรมขุนกษัตรานุชิตสวรรคต ในปี 2352 ก็เหมือนสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทรใหญ่ของกรมขุนกษัตรานุชิต ไปด้วย
เพียง 3 วันหลังรัชกาลที่ 1 สวรรคต มีอีกาคาบหนังสือมาทิ้งไว้หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ที่ไว้พระบรมศพรัชกาลที่ 1 อันเป็นจุดเริ่มต้นของคดีกบฏ ในหนังสือมีใจความว่า "อ้ายกระต่ายอินทรเดชะ พูดกับอ้ายเมืองสารวัดว่า ล้นเกล้ากรมพระราชวังบวรฯ มีบุญแล้วไม่ทรงพระเมตตาเหมือนแต่ก่อน ถึงจะเป็นเจ้าแผ่นดินก็หายอมเป็นข้าไม่"
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้สอบสวนคดีนี้ โดยพระองค์เจ้าชายทับเป็นอธิบดีผู้ชำระความ
บรรดาผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม 10 คน เช่น เจ้าพระยาพลเทพ (บุนนาค บ้านแม่ลา) พระอินทรเดช (กระต่าย) รับสารภาพและซัดทอดมาถึงกรมขุนกษัตรานุชิต ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกบฏ โดยการแจกเงินตราและเสื้อผ้า รวมทั้งนายหนูดำและเจ้าจอมมารดาสำลี โอรสและธิดาของพระเจ้าตาก ครั้งนั้นรัชกาลที่ 2 ทรงคิดว่าข้อกล่าวหาต่อเจ้าฟ้าเหม็นยังเลื่อนลอย แต่ด้วยเป็นความแผ่นดินจึงต้องมีการชำระ ซึ่งในที่สุดแล้วกรมขุนกษัตรานุชิตรับเป็นสัจ ตามข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า "จึงให้ถามหม่อมเหม็นๆ ก็รับเป็นสัจ สมคำอ้ายมีชื่อทั้งสิ้น"
อ.ปรามินทร์ตั้งข้อสังเกตว่าการที่เจ้าฟ้าเหม็น "รับเป็นสัจ" หรือยอมรับสารภาพว่าร่วมก่อการ อาจเป็นเพราะกระบวนการสอบสวนที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้เจ้าฟ้าเหม็นต้องยอมรับสารภาพ
จากนั้นจึงมีพระราชบัณฑูรสั่งให้ถอดเป็นหม่อมเหม็น ตามชื่อเดิม ลงพระราชอาญาแล้วนำไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ที่วัดปทุมคงคา ส่วนบรรดาบุตรชายของหม่อมเหม็นให้นำไปถ่วงน้ำ กรมขุนกษัตรานุชิตหรือหม่อมเหม็น พระราชโอรสในพระเจ้าตากสิน จึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2352 รวมพระชันษา 30 ปี หย่อน 4 วัน
แม้จะผ่านมานานกว่า 200 ปี แต่หลักฐานที่มีทั้งหมดเพียงน้อยนิดก็ยังไม่อาจฟันธงได้ว่าจริงๆ แล้วหม่อมเหม็นเป็นกบฏจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความพยายามใส่ร้ายโอรสพระเจ้าตากองค์นี้เท่านั้น
หน้า 21
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณคนธ์พงษ์ ธนัชพงศ์จิระ
สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 31 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2558 11:29:28 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1788 Pageviews. |
|
|