"เหตุใดรัชกาลที่๑ ไม่ให้พระเจ้าตากฯ เข้าเฝ้าเป็นครั้งสุดท้าย" ๓
"เหตุใดรัชกาลที่ ๑ ไม่ให้พระเจ้าตากฯ เข้าเฝ้าเป็นครั้งสุดท้าย" ในวรรณกรรมพระราชประวัติพระเจ้าตากสิน
โดย ปฐมพงษ์ สุขเล็ก ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน?, น. ๑๔๗.) จากตัวบทวรรณกรรมข้างต้น ผู้แต่งได้สร้างคำอธิบายถึงเหตุผลในการกระทำของพระองค์เช่นนี้ เนื่องด้วยรู้ว่าผู้ที่ถูกประหารชีวิตที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ในครั้งนั้นไม่ใช่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระองค์จริงอีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัชกาลที่ ๑ รับรู้ในการวางแผนผลัดแผ่นดินครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ยังสอดคล้องกับเนื้อความที่ปรากฏในหนังสืออภินิหารบรรพบุรุษที่กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองพระองค์ แท้ที่จริงเป็นแผนของหลวงสรวิชิต ใน ผู้อยู่เหนือเงื่อนไข ตัวบทวรรณกรรมนวนิยายเรื่อง ผู้อยู่เหนือเงื่อนไข ผู้แต่งคือ สุภา ศิริมานนท์ ตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ผู้แต่งได้สร้างคำอธิบายชุดใหม่ไว้อย่างน่าสนใจคือ ผู้ที่วางแผนการทั้งหมดนั้นคือหลวงสรวิชิต หรือเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ผู้แต่งนำเสนอว่าหลวงสรวิชิตโกรธแค้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่สังหารพระเทพโยธาที่ขัดคำสั่งห้ามแวะบ้านด้วยพระองค์เองเพราะพระเทพโยธาเป็นญาติกับหลวงสรวิชิต ด้วยเหตุนี้หลวงสรวิชิตจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด รวมถึงเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินพระองค์ปลอม ดังนี้ หลวงอาสาศึกตัดสินใจเสียสละชีวิตครั้งนี้โดยไม่ต้องการที่จะให้ท่านรู้เลยด้วยซ้ำ เขาบอกพวกเราอย่างเดียวว่า ถ้าเขาถูกตัดสินประหารในนามของท่าน เขาจะขอเข้าพบสมเด็จเจ้าพระยาสักเล็กน้อย แต่ผมคิดว่าหลวงอาสาศึกคงจะไม่ได้รับโอกาสนั้นแน่นอน หลวงสรวิชิตเขารู้แก่ใจของเขาดีว่าเรื่องจริงๆ เป็นมาอย่างไร และบุรุษในนามเจ้าตากคนนั้นคือใคร ซึ่งเขาก็ย่อมไม่ปรารถนาจะให้สมเด็จเจ้าพระยาต้องรู้เรื่องที่เขาจัดการไปโดยพลการนั้นด้วย หลวงสรวิชิตรู้ดีว่าผู้ที่จะขอเข้าพบมูลนายของเขานั้นเป็นเจ้ากรุงธนตัวปลอม ความมันอาจจะแตกขึ้น เรื่องก็จะไปกันไกล อันล้วนแต่กลายเป็นข้อซึ่งพิสูจน์ถึงความไม่สามารถของเขา ทั้งๆ ที่ความจริงเขาสามารถสังหารเสียได้ทั้งเจ้ากรุงธนตัวจริงและตัวปลอมด้วยซ้ำ อีกข้อหนึ่ง ม็อง เยเนราล ข้อหนึ่งซึ่งสำคัญมากก็คือ หลวงสรวิชิตรู้ว่าท่านกับมูลนายของเขาเป็นสหายศึกร่วมใจกันมานาน มีความเกี่ยวดองกันในชั้นลูกหลานหลายชั้น...ถ้าหากมีการพูดจารู้เรื่องกันขึ้น โดยอาจจะรำลึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต... ผมจึงคิดว่าหลวงอาสาศึกคงไม่ได้รับโอกาสให้พบสมเด็จเจ้าพระยาอย่างเด็ดขาดหลวงสรวิชิตย่อมจะต้องกีดกันไว้ล่วงหน้าแล้วทุกๆ ทาง หรือมิฉะนั้นอีกแง่หนึ่งสมเด็จเจ้าพระยาเขาอาจจะรู้ความจริงโดยถี่ถ้วนหมดแล้วจากหลวงสรวิชิต จึงไม่ยอมที่จะให้เจ้ากรุงธนตัวปลอมเข้าพบก็เป็นได้ (ผู้อยู่เหนือเงื่อนไข, น. ๙๗-๙๘.) จากตัวบทวรรณกรรมข้างต้น แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประหารชีวิตสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ในครั้งนั้นตกอยู่กับหลวงสรวิชิตเท่านั้น และหลวงสรวิชิตยังคงทราบถึงความคุ้นเคยในฐานะสหายและเครือญาติของทั้ง ๒ พระองค์ แต่สำหรับรัชกาลที่ ๑ ยังปรากฏการสร้างคำตอบคล้ายคลึงกับตัวบทวรรณกรรมทั้ง ๒ เรื่องในข้างต้น คือ พระองค์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประหารชีวิตสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อีกทั้งการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ได้เข้าพบรัชกาลที่ ๑ เป็นครั้งสุดท้ายเกิดจากการถูกกีดกันของหลวงสรวิชิต หรือคำอธิบายอีกชุดหนึ่งคือ เพราะรัชกาลที่ ๑ ทราบว่านักโทษผู้นั้นเป็นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระองค์ปลอม รัชกาลที่ ๑ เป็นผู้ถวายพระเกียรติยศสูงสุด ใน ตากสิน มหาราชชาตินักรบ ตัวบทวรรณกรรมนวนิยายเรื่อง ตากสิน มหาราชชาตินักรบ ผู้แต่งเป็นชาวต่างชาติคือ Claire Keefe-Fox (แปลโดย กล้วยไม้ แก้วสนธิ) ตีพิมพ์เป็นภาษาไทยครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ผู้แต่งยังคงอ้างอิงกับเนื้อความตามประวัติศาสตร์ แต่แก้ไขเพิ่มเติม และผสานกับจินตนาการของตน โดยเลือกเนื้อหาการชำระโทษสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากที่ปรากฏในเอกสารทางประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ถูกประหารที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ แต่ตัวบทวรรณกรรมได้นำเสนอว่าพระองค์ถูกสำเร็จโทษตามโบราณราชประเพณีสมพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ และที่สำคัญบุคคลที่ต้องการถวายพระเกียรติยศนั้นคือ รัชกาลที่ ๑ ดังนี้ กฎมนเทียรบาลถูกนำมาใช้ในการสำเร็จโทษพระเจ้าตากสินเช่นเดียวกับครั้งกรมหมื่นเทพพิพิธ มาธิวเคยได้ยินข่าวว่าขุนนางบางคนไม่อยากถวายพระเกียรติดังนี้จะให้ประหารแบบคนทรยศ แต่รัชกาลที่ ๑ ทรงตัดสินให้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสินเยี่ยงกษัตริย์ ทรงพิจารณาเห็นว่า การที่ราชอาณาจักรสยามยังตั้งอยู่ได้ ก็เพราะพระเจ้าตากสิน เจ้าหน้าที่ถอดโซ่ที่ล่ามอดีตกษัตริย์ออก ให้พระองค์ทรงภูษาสีแดง ให้ทรงนั่งคุกเข่า มัดพระหัตถ์กับพระบาท จากนั้นจึงคลุมถุงกำมะหยี่สีแดง เพชฌฆาตยกท่อนไม้จันทน์ขึ้นฟาดแรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนพระวรกายไม่ขยับ และพระโลหิตเปื้อนถุงเป็นปื้นดำ ไม่มีเสียงครวญครางใดๆ อีก (ตากสิน มหาราชชาตินักรบ, น. ๔๓๖-๔๓๗.) จากตัวบทวรรณกรรมข้างต้น เป็นการกล่าวถึงวาระสุดท้ายของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ถูกชำระโทษ เป็นการสร้างตัวบทเรื่องเล่าที่ตอกย้ำความสัมพันธ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และรัชกาลที่ ๑ ตามที่ถูกสร้างความหมายตั้งแต่ตอนต้น ด้วยการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุดจากรัชกาลที่ ๑ ในฐานะที่มีความผูกพันกันตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ การสร้างตัวบทวรรณกรรมที่กล่าวถึงการชำระโทษสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น ตัวบทเรื่องนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์เฉพาะ ๒ พระองค์อย่างเด่นชัด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำของพระองค์เป็นการกระทำต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ยังคงความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีต ดวงชะตาต้องสั่งฆ่าพระเจ้าตากฯ (พระองค์ปลอม) ใน ดวงพระเจ้าตากไม่ถูกประหาร ตัวบทวรรณกรรมสารคดีกึ่งบันเทิงคดีเรื่อง ดวงพระเจ้าตากไม่ถูกประหาร ผู้แต่งคือ อ.เล็ก พลูโต (บุญสม ขอหิรัญ) ตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ตัวบทเรื่องเล่าถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยข้อมูลด้านโหราศาสตร์ มีเนื้อหาที่ตอกย้ำถึงการปฏิเสธการสั่งลงอาญาประหารชีวิตตัดศีรษะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชของรัชกาลที่ ๑ ด้วยการนำเสนอเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ปลอม แต่ที่น่าสนใจคือ การสร้างตัวบทเรื่องเล่าด้วยการใช้ข้อมูลด้านโหราศาสตร์จากดวงพระชะตารัชกาลที่ ๑ ดังนี้ อาทิตย์ (๑) ของรัชกาลที่ ๑ เป็นดาวเจ้าเรือนมรณะอยู่ในภพสหัชชะ จึงเป็นเหตุทำให้พระองค์ต้องสั่งประหารชีวิตพระเจ้าตากสิน (องค์ปลอม) ด้วยความจำเป็น และพระเจ้าตากสิน (พระองค์จริง) ก็ต้องลี้ภัยการเมือง ต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ตายก็เหมือนตาย พระเจ้าตากสินเสด็จสวรรคตไปพร้อมกับคุณงามความดี แต่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ กลับเสด็จสวรรคตไปพร้อมคำครหาอย่างมากมาย นั่นเป็นเพราะดวงชะตาลิขิตไว้ ... เมื่อท้องฟ้าสว่าง ความมืดมัวก็หมดไป เหลือแต่ความจริงที่กระจ่างชัดถึงพระเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่ ทรงไว้ซึ่งความดีและความเสียสละไม่น้อยไปกว่าพระเจ้าตากสิน ใครที่เคยมีอคติต่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ในเรื่องต่างๆ เช่น แย่งชิงราชบัลลังก์ ฆ่าเจ้านาย และพวกพ้องที่รบทัพจับศึกด้วยกันมา ฯลฯ ก็ควรที่จะคิดเสียใหม่... (ดวงพระเจ้าตากไม่ถูกประหาร, น. ๓๙.) จากตัวบทวรรณกรรมข้างต้น ถึงแม้ใจความสำคัญจะอยู่ที่การเน้นย้ำถึงพระองค์ปลอม ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างรัชกาลที่ ๑ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่ที่จริงแล้วผู้สร้างต้องการเน้นย้ำให้เห็นความทุกข์ร้อนและความเสียสละของรัชกาลที่ ๑ ด้วยการนำเสนอถึงคุณงามความดีของรัชกาลที่ ๑ ในการกระทำครั้งนี้ที่ไม่น้อยไปกว่าวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในเหตุการณ์นี้ ผู้แต่งใช้ถ้อยคำว่า แต่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ กลับเสด็จสวรรคตไปพร้อมคำครหาอย่างมากมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะทางสังคมที่เกิดข้อกังขาในเรื่องความเป็นสหายระหว่าง ๒ พระองค์ สุดท้ายผู้แต่งได้กล่าวสรุปในเชิงแก้ไขภาพลักษณ์ของรัชกาลที่ ๑ อันเป็นใจความสำคัญของตัวบทเรื่องเล่าว่า ใครที่เคยมีอคติต่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ในเรื่องต่างๆ เช่น แย่งชิงราชบัลลังก์ ฆ่าเจ้านาย และพวกพ้องที่รบทัพจับศึกด้วยกันมา ฯลฯ ก็ควรที่จะคิดเสียใหม่... ซึ่งเป็นการแก้ไขความหมาย รวมถึงปรับประวัติศาสตร์ผ่านตัวบทวรรณกรรมอย่างชัดเจน สรุป การเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัชกาลที่๑ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากเนื้อความที่ สร้างข้อกังขา ในประวัติศาสตร์สู่การสร้าง คำตอบ ในตัวบทวรรณกรรมประเภทบันเทิงคดี เป็นการสร้างตัวบทเรื่องเล่าที่สอดรับ รวมถึงเพิ่มเติมและปฏิเสธบางเนื้อหา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ มหาราช รวมถึงสืบทอดและตอกย้ำวาทกรรม ความเป็นมิตร ที่ปรากฏในเอกสารทางประวัติศาสตร์บางฉบับ การนำเสนอพระราชประวัติรัชกาลที่ ๑ ด้วยเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ปลอม หรือการนำเสนอคำตอบชุดต่างๆ ผ่านตัวบทวรรณกรรมเหล่านี้ จึงมีนัยที่แสดงถึงความพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรอยต่อของประวัติศาสตร์ทั้ง ๒ สมัยในยุคปัจจุบัน ดังส่วนหนึ่งที่ปรากฏในตัวบทเรื่องเล่าว่า ใครที่เคยมีอคติต่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๑ ในเรื่องต่างๆ เช่น แย่งชิงราชบัลลังก์ ฆ่าเจ้านาย และพวกพ้องที่รบทัพจับศึกด้วยกันมา ฯลฯ ก็ควรที่จะคิดเสียใหม่... อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ พร้อมเชิงอรรถและบรรณานุกรม ได้ที่ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับประจำเดือนเมษายน 2555
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date : 17 เมษายน 2555 |
Last Update : 17 เมษายน 2555 13:24:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1102 Pageviews. |
|
|