ศึกษา "พระเจ้าตากสิน" บนเส้นทางประวัติศาสตร์
ปรวรรณ วงษ์รวยดี
ประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจเสมอมาทั้งในแวดวงวิชาการและงานเขียนต่างๆ คือเรื่องราวในยุคพระเจ้า ตากสินแห่งราชวงศ์กรุงธนบุรี
งานเสวนา "อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และพระบารมีของพระเจ้าตาก" จัดโดยมติชนอคาเดมี ร่วมกับนิตยสารศิลปวัฒนธรรม เปิดประเด็นถึงตำนานหรือเรื่องราวตามบันทึกในพงศาวดารหลายฉบับ เกี่ยวกับการแสดงอิทธิฤทธิ์ และปาฏิหาริย์ของพระเจ้าตากสินที่เกิดขึ้นหลายครั้ง
โดยเฉพาะในช่วงที่ทรงรวบรวมไพร่พลกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าในปี 2309 เรื่อยมาจนถึงปี 2314 เช่น เกิดฝนตกห่าใหญ่ก่อนการรบกับพม่า พระเจ้าตากทำพิธีเรียกฝน ถูกยิงไม่ตาย เรียกน้ำ สั่งลม ทำให้คลื่นลมสงบ กระทั่งได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ากรุงธนบุรี
อาจารย์ปรามินทร์ เครือทอง นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ผู้เขียนหนังสือ "ชำแหละแผนยึดกรุงธนบุรี" "พระเจ้าตากเบื้องต้น" และ "อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และพระบารมีของพระเจ้าตาก" ตั้งข้อสังเกตว่า ปาฏิหาริย์เหล่านั้น ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับความชอบธรรมทางการเมืองของพระเจ้าตาก ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีพื้นเพมาจากสามัญชน เป็นพ่อค้าเกวียน ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์สมัยอยุธยา
อีกทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาการเกิดปาฏิหาริย์ พบว่าเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ คือมีความเกี่ยวข้องกับการเลื่อนตำแหน่งของเจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี) ทุกครั้ง
ปี 2318 เป็นช่วงรุ่งเรืองของเจ้าพระยาจักรี ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ส่วนพระเจ้าตากเริ่มไม่มีบทบาท ไม่ออกรบ และเข้าวัดทรงกรรมฐาน ซึ่งเป็นไปได้ว่าเพื่อแสวงหาอำนาจในแวดวงศาสนาแทนอำนาจทางการเมืองที่เริ่มเสื่อมถอยลง จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดกรุงธนบุรีในปี 2325
เพื่อให้เห็นภาพการจลาจลในช่วงปลายสมัยพระเจ้าตากชัดเจนขึ้น ทัวร์ศิลปวัฒนธรรม นำโดย อ.ปรามินทร์ พาคณะกว่า 30 ชีวิต ออกเดินทางย้อนรอยประวัติศาสตร์ เริ่มจุดหมายแรกที่พระราชวังเดิม (พระราชวังกรุงธนบุรี) ที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ปัจจุบันตั้งอยู่ในกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
ภายในมีอาคารโบราณสถานสำคัญ เช่น อาคารท้องพระโรงกรุงธนบุรี อาคารตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี อาคารเก๋งคู่หลังเล็ก และอาคารเก๋งคู่หลังใหญ่ ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของโบราณ อาคารเรือนเขียว ศาลศีรษะปลาวาฬ และป้อมวิไชยประสิทธิ์ที่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตามพงศาวดารระบุว่าเป็นที่ประหารพระเจ้าตาก
อ.ปรามินทร์ชี้ว่า การสร้างพระราชวังสมัยธนบุรีเป็นแบบเรียบง่าย ไม่ใหญ่โตโอ่โถงเหมือนวังสมัยอยุธยา หรือพระบรมมหาราชวังในสมัยรัตนโกสินทร์ หลังการยึดอำนาจพระเจ้าตากในช่วงต้นรัตน โกสินทร์ พระราชวังเดิมยังเป็นที่อยู่ของเจ้าฟ้า และนายชั้นสูงหลายพระองค์
ข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยามาที่วัดอรุณราชวราราม (วัดมะกอก) ติดกับกองบัญชาการกองทัพเรือฝั่งเหนือ ชมพระแท่นที่สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงใช้นั่งบำเพ็ญกรรมฐาน
อ.ปรามินทร์เล่าว่า หลังศึกอะแซหวุ่นกี้ พระเจ้าตากสิน ซึ่งฝักใฝ่ทรงกรรมฐานอยู่ระยะหนึ่ง ได้ประกาศให้ผู้คนทราบว่าทรงบรรลุโสดาบันแล้ว ทรงเรียกพระราชาคณะและพระชั้นผู้ใหญ่เข้ามาถามว่า พระภิกษุจะกราบไว้คนธรรมดา หรือคฤหัสถ์ที่บรรลุโสดาบันได้หรือไม่
ความเห็นของเหล่าภิกษุแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่าได้ อีกฝ่ายว่าไม่ได้ พระเจ้าตากสินทรงพิโรธ รับสั่งให้ถอดสมณศักดิ์ภิกษุฝ่ายที่บอกว่าไม่ได้ คือสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) วัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) พระพุฒาจารย์วัดบางหว้าน้อย (วัดอมรินทรารามวรวิหาร) และพระพิมธรรม วัดโพธาราม สั่งให้เฆี่ยนทั้ง 3 พระองค์ พร้อมกับภิกษุทั้ง 3 วัด รวม 500 รูป แล้วให้ไปขนถังอาจม และชำระเวจกุฎี (ล้างห้องน้ำ) ที่วัดหงส์
เหตุการณ์นั้นสร้างความสะเทือนใจในหมู่ประชาชน เพราะไม่เคยมีภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาและเป็นศูนย์รวมจิตใจ ถูกกระทำอย่างน่าสังเวชเช่นนี้มาก่อน
ช่วงปลายสมัย พระเจ้าตากให้กรมขุนอินทรพิทักษ์ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ และเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไปปราบจลาจลที่กัมพูชา เมืองประเทศราช โดยตั้งใจว่าเมื่อเสร็จศึกจะให้กรมขุนอินทรพิทักษ์ครองเมืองกัมพูชาเสีย
ระหว่างนั้นที่เมืองเก่าอยุธยา นายบุนนาค บ้านแม่ลา หลวงสุระ และหลวงชนะ ลุกขึ้นก่อการกบฏเพราะคับแค้นที่ทางการบังคับรีดไถเงินราษฎรจนเป็นที่วุ่นวาย พระเจ้าตากสั่งให้พระยาสรรค์ไปปราบกบฏ แต่พระยาสรรค์ไปพบว่า หนึ่งในหัวหน้ากบฏคือน้องชายของตัวเอง จึงได้ร่วมกันยกกำลังเข้ายึดกรุงธนบุรี และคุมตัวพระเจ้าตากสินไปขังไว้ โดยให้พระเจ้าตากสินบวชอยู่ที่วัดอรุณฯ
ฝ่ายเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อยกทัพออกไปแล้ว ก็แอบทำสัญญาให้กองทัพญวนและเขมร ล้อมทัพของขุนอินทรพิทักษ์ไว้ไม่ให้รู้ว่าเกิดจลาจลที่กรุงธนบุรี
พระยาสรรค์นั้นเดิมตั้งใจจะขึ้นเป็นกษัตริย์เอง แต่ข่าวแพร่งพรายออกไป เจ้าพระยาสุริยอภัย หลานของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกใช้เวลาเพียง 10 วัน ยกทัพจากนครราชสีมามากรุงธนบุรี เข้าปราบกบฏพระยาสรรค์ และจับขังไว้ รอเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับมาสำเร็จโทษ โดยการประหารชีวิต ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ ในเขตพระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325
อ.ปรามินทร์ วิเคราะห์ว่า การที่พระเจ้าตากสินเจ้าทรงกรรมฐาน และพยายามสร้างปาฏิหาริย์เพื่อเรียกคืนศรัทธากลับมาอีกครั้งในช่วงที่อำนาจถดถอย เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากไม่สามารถเรียกคืนศรัทธาได้อย่างที่หวังแล้ว กลับถูกกล่าวหาว่า "บ้า" กลายเป็นประโยชน์ต่อการเมืองฝ่ายตรงข้ามไป
ประกอบกับพระจริยวัตร หรือธรรมเนียมปฏิบัติในชีวิตประจำวันของพระเจ้าตากสิน แหกธรรมเนียมในรั้วในวัง โดยถือความเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตอง กระทำนอกกรอบโบราณราชประเพณีหลายอย่าง ทั้งยังทรงแต่งตั้งโยกย้ายขุนนางตำแหน่งสำคัญ โดยให้ความสำคัญกับ "เพื่อนร่วมรบ" มากกว่าการสืบสายอำนาจตามสายเลือด สร้างความไม่พอใจให้กับอำมาตย์เก่า ทรงถูกวิจารณ์ว่าฟั่นเฟือน หลุดจากกิริยาแห่งพระราชา และนำไปสู่จุดจบกรุงธนบุรี
ดังที่รัชกาลที่ 1 มีดำริว่า "...พระมหากษัตรแต่ก่อนมีแต่ประมาทโมหะเปนมูล มิได้มีวิจารณ์ปัญญาพิจารณาปฏิบัติตามพระราชสาตรโบราณประเพณี ก็เสียศิริสวัสดิมงคล เทพยดาอันมีฤทธิศักดิ์สิทธิ์เกลียดชัง จึ่งมิได้อภิบาลรักษาก็เกิดอุปัทววันตรายพิบัติภัยต่างๆ จนแผ่นดิน จุลาจล..."
อ.ปรามินทร์ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุทั้งหมดไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ว่าพระยาสรรค์จะก่อกบฏหรือไม่ แต่เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับพรรคพวก ก็ตั้งใจจะยึดกรุงธนบุรีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่โดนสั่งให้ไปปราบกบฏที่เขมร แต่พอเกิดศึกในวัง ก็กลับมาภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ประกอบกับคนของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจำนวนมากอยู่ในกรุงธนบุรี ในช่วงก่อนเกิดเหตุจลาจลอย่างเป็นที่น่าสงสัย และกลุ่มหัวหน้ากบฏที่ร่วมกับพระยาสรรค์หลายคนได้รับตำแหน่งใหญ่โตในสมัยรัชกาลที่ 1
ยังมีตำนานหนึ่งที่เชื่อว่าพระเจ้าตากสิน ไม่ได้ถูกประหารชีวิตที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ แต่หนีภัยการเมืองไปอยู่ที่นครศรีธรรมราช เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควร
อ.ปรามินทร์นำคณะทัวร์เดินมาที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ ภายในมีศาลพระเจ้าตากสินฯ ซึ่งสร้างขึ้นตามตำนานที่ว่า หลังจากสวรรคตแล้ว ทหารนำร่างพระเจ้าตากสินลงเรือมาขึ้นฝั่ง แล้วเลือดจำนวนหนึ่งหยดลงบริเวณนี้ ชาวบ้านจึงสร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้
จึงเป็นคำถามว่า หากพระเจ้าตากสินไปนครศรีธรรมราชจริง เหตุใดจึงมีตำนานหยดเลือดที่วัดหงส์แห่งนี้?
"ตำนานที่ว่าพระเจ้าตากสินไม่ได้ถูกประหาร แต่เสด็จลงเรือไปนครศรีธรรมราชนั้น ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ หากดูตามประวัติศาสตร์ไทย ตำนานนี้มาเกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง พร้อมๆ การเกิดนวนิยาย "สี่แผ่นดิน" ซึ่งอาจเป็นการเรียกคืนศรัทธาในช่วงที่สถาบันกษัตริย์ตกต่ำ และล้างข้อคิดเห็นว่าพระยาจักรีสั่งฆ่าเพื่อนตัวเอง ทั้งที่ว่ากันตามหลักฐานความสัมพันธ์ สองคนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว"
จบทัวร์ที่วัดอินทารามวรวิหาร ถนนเทอดไท เขตบางยี่เรือ สันนิษฐานว่าเป็นที่ฝังพระบรมศพพระเจ้าตากสิน ซึ่งหลังจากรัชกาลที่ 1 ขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี เมื่อการเมืองเริ่มเข้าที่เข้าทาง ทรงสั่งให้ ขุดพระบรมศพพระเจ้าตากสินขึ้นมา "ฌาปนกิจ" ต่อมา รุ่งขึ้นปีมะเส็ง พ.ศ.2328 พระราชวังใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงโปรดให้มีพระราชพิธีปราบดาภิเษกตามโบราณราชประเพณี จัดงานฉลองสมโภชพระนครแล้วพระราชทานนามใหม่ว่า "กรุงเทพมหานคร"
เป็นการปิดฉากอดีต และเริ่มต้นแผ่นดินใหม่อย่างแท้จริง
หน้า 21
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คุณปรวรรณ วงษ์รวยดี
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 05 มกราคม 2558 |
Last Update : 5 มกราคม 2558 7:17:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 978 Pageviews. |
|
|