นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
12 กันยายน 2552

รักยกกำลังสอง บทที่ 13 จูบแรกงั้นเหรอ!?! (First Kiss, How is it!?!)

ในห้อง ๆ หนึ่งตอน 10 โมงเช้า “เปิดให้ดูหน่อยสิจ๊ะเอย์จิคุง” เรนะพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน!?!

“จะ จะดูทำไม” เอย์จิถามเสียงกระเส่า

“ก็เค้าอยากเห็นนี่ว่ามันใหญ่แค่ไหน!?!” เรนะบอก

“ก็ใหญ่เท่าเมื่อวานแหละ” เอย์จิตอบ

“ก็เมื่อวานเห็นไม่ชัดนี่จ๊ะ ขอดูอีกทีนะ!?!” เรนะอ้อน

“งั้นถ้าดูแล้วขอใส่นะ” เอย์จิต่อรอง

“บ้าใส่ตอนนี้ได้ไง เดี๋ยวใครมาเห็นหรอก”

“อ้าวก็อยากขอดูทำไมหล่ะ” เอย์จิทำท่าจะไม่ให้ดู!?!

“แหมเมื่อวานก็ใส่ไปแล้วยังไม่พออีกเหรอจ๊ะ”

“เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวานสิ”

“เอย์จิคุงอยากแล้วเหรอ” เรนะพูดเสียงเซ็กซี่

“อะ อื้ม”

“ติดใจเค้าเหรอ” เรนะยิ้มเจ้าเล่ห์

“อื้อ ก็ทำกับเรนะแล้วรู้สึกดีนี่”

“แต่ตรงนี้มันไม่ค่อยถนัดนะจ๊ะ” เรนะกระซิบเบา ๆ

“งั้นเราเปลี่ยนไปทำบนเตียงดีมั้ย” เอย์จิอ้อน

“เอย์จิคุงอะชวนขึ้นเตียงกลางวันแสก ๆ เลยเหรอ คนบ้า” เรนะพูดอาย ๆ

“น่าจะได้รีบใส่รีบเสร็จไง ขึ้นมาสิ” แล้วเอย์จิก็จูงเรนะขึ้นเตียง!!!

“ใจร้อนจัง พาคนอื่นขึ้นมาแบบนี้บ่อยเหรอ”

“ไม่หรอก เธอแหละเป็นคนแรก”

“งั้นห้ามพาคนอื่นขึ้นนะ!!!” เรนะห้าม

“จ้า ๆ ทำกับเธอคนเดียวนี่แหละ”

“อุ๊ยใหญ่จัง งั้นใส่เลยมั้ยจ๊ะ!?!”

“อูยยย อ๊า เรนะเขยิบเข้ามาอีกนิดสิ” เอย์จิคราง

“ได้จ๊ะ อุ๊ย! มันใกล้ไปไม่ค่อยถนัดอะ”

“งั้นเดี๋ยวชั้นขยับเอง เรนะอยู่เฉย ๆ นะ อ๊า” เอย์จิคราง

ระหว่างที่สองคนกำลังทำอะไรกันบนเตียง เรกะกับนายะก็แอบฟังอยู่หลังม่าน ในที่สุดเรกะก็ทนไม่ไหว เธอแหวกม่านออกแล้วตวาดใส่ทั้งสองคน “นี่! พวกเธอทำอะไรกันยะ!!!” แต่ภาพที่เธอเห็นก็คืนเรนะกำลังใส่ยาที่ตาให้เอย์จิ

แล้วเรนะก็หันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มแลบลิ้นใส่พี่สาว “แบร่!!! รู้นะว่าแอบฟังเค้าอยู่” เอย์จิก็หัวเราะแหะ ๆ ที่ช่วยเรนะหลอกต้มเรกะ เรกะยืนอึ้ง เธออายหน้าแดงจนทำตัวไม่ถูก นายะที่เดาออกว่าสองคนทำอะไรกันอยู่ก็พยายามจะห้ามเรกะแล้ว แต่เธอห้ามไม่ทัน

“แค่ใส่ยากันแล้วทำไมต้องมีบทสนทนาแปลก ๆ ด้วยยะ นิยายเรื่องนี้เด็กก็เข้ามาอ่านนะ (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)” เรกะโกรธแก้เขิน

“อิอิอิ คิดว่าพวกเค้าทำอะไรกันอยู่หล่ะสิท่า” เรนะแหย่พี่สาว

“หนอยแหน่ะ ยัยตัวดี” แล้วเรกะก็ไล่ตีน้องสาว

เรนะเลยอ้อมไปหลบหลังเอย์จิ “ว้าย! เอย์จิคุงช่วยด้วย!!!” เรกะเลยตีทั้งเอย์จิทั้งเรนะไปพร้อม ๆ กัน

“ดะ เดี๋ยวซี่ แล้วมาตีชั้นทำไมเนี่ย” เอย์จิเอามือปัดป้องพัลวัน

“ก็นายอยากไปร่วมมือด้วยทำไมหล่ะ” แล้วเรกะก็ไล่ตีทั้งสองคน

“ว้ายยยย ช่วยด้วยจ้า ยักษ์อาละวาด 555” เรนะแซวพี่สาวอย่างสนุกสนาน

“หนอย ยัยน้องสาวจอมทะเล้น นี่แหน่ะ ๆๆ” เรกะวิ่งไล่น้องสาว แต่เรนะเอาเอย์จิเป็นโล่กันบัง

“โอ้ยยย” เอย์จิร้องเสียงหลง เมื่อมือเรกะฟาดไปโดนแผลที่ตาเขาอย่างจัง เธอก็ชะงักทันที

“เอย์จิคุงเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เรนะรีบเข้ามาดูแผลให้เขาอย่างเร็ว

“อูยยย เจ็บ ๆๆ” เอย์จิคราง

“โดนแผลเหรอ โทษทีนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ” เรกะรีบยกมือขอโทษ เธอหน้าเสีย

“นี่ ๆ พวกเธอมัวทำอะไรกันอยู่ เล่นกันเป็นเด็กไปได้” อาจารย์ประจำห้องพยาบาลหันมาดุพวกเรนะ ส่วนมือเธอก็กำลังใส่ยาที่ขาให้คูมิยะอยู่

“โอ๊ย! อาจารย์คะหนูเจ็บ” คูมิยะร้อง

“อ๊ะโทษจ๊ะ ๆ… เอาหล่ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกซักอาทิตย์ก็หายแล้วหล่ะ” อาจารย์บอกคูมิยะ ส่วนเรนะก็ทำแผลให้เอย์จิเสร็จพอดี

“เอาหล่ะพวกเธอกลับห้องกันได้แล้ว จะหมดเวลาพักแล้ว” อาจารย์ไล่ให้ทุกคนกลับห้อง

“ขอบคุณนะครับ/คะ” พวกเอย์จิพูดพร้อมกัน

ระหว่างที่พวกเอย์จิกำลังเดินกลับห้องเรียนเรกะก็แอบกระซิบถามเอย์จิว่า “นี่ ๆ ไหนนายบอกว่ากลับมาแล้วจะเล่าเรื่องนั้นให้ฟังไง”

“เดี๋ยวเลิกเรียนก่อนสิ ตอนนี้คนอยู่เยอะ” เอย์จิกระซิบตอบ

“สองคนนั่นแอบกระซิบกระซาบอะไรกันจ๊ะ แหม ๆ ตั้งแต่กลับมาจากเกาะนี่รู้สึกจะมีลับลมคมในอะไรกันอยู่เรื่อยเลยนะ” คูมิยะแซว

“ปะ ปะ เปล่านะ ชั้นแค่คุยกันเฉย ๆ ลับลมคมในบ้าอะไร” เรกะรีบปฏิเสธ

“จริงเร้อออ” คูมิยะทำหน้าเหมือนอ่านใจเรกะออก

“งะ งั้นชั้นไปก่อนนะ นายะจังรีบไปกันเถอะอาจารย์ซัทสึกิแกชอบเข้าเร็วด้วย” เรกะรีบชิ่งหนีอย่างเร็ว

“ดะ เดี๋ยวซิ” แล้วนายะก็โดนลากกระเตง ๆ ไป ส่วนเรนะก็มองตามพี่สาวไปด้วยสีหน้ากังวลนิด ๆ แล้วเธอก็แอบชำเลืองมองไปทางเอย์จิ

“ท่าทางแปลก ๆ นะเพื่อนเรา” คูมิยะเองก็มองตามเรกะไปเช่นกัน

พอพักเที่ยงทุกคนก็มาทานข้าวด้วยกันเหมือนทุกที ระหว่างทานข้าวคูมิยะก็เอานิตยสารออกมาโชว์เพื่อน ๆ “คลัฟเล่มใหม่เหรอจ๊ะคูมิจัง” เรนะถามด้วยความสนอกสนใจ

“จ้า ชั้นซื้อที่ร้านหน้าสถานีหน่ะ พึ่งออกเมื่อเช้าเลยนะ” คูมิยะตอบแล้วยื่นหนังสือให้เรนะ

เรนะเปิดอ่านคร่าว ๆ จนจบ แล้วเรกะก็บอกว่า “ไหน ๆ ขอพี่ดูมั่งสิ” แล้วเรนะก็ยื่นให้พี่สาวดูต่อ

“กำลังรอเล่มนี้ออกอยู่เลย” เรกะพูด

ฟูจิถามว่า “เธอก็ซื้ออ่านด้วยเหรอ”

“อื้อ ชั้นซื้อประจำแหละ ผลัดกันซื้อกับเรนะหน่ะ” เรกะตอบ

เรกะรีบเปิดไปดูคอลัมน์ที่เธอรออ่านต่อจากฉบับที่แล้ว เธออ่านคร่าว ๆ แล้วก็ส่งคืนให้เรนะ “พี่อ่านไปก่อนก็ได้นะคะ” เรนะบอก

“ไม่อะ เดี๋ยวพี่เอาไว้ไปอ่านที่บ้าน”

“แหม! ต้องเอาไปอ่านเป็นการส่วนตัวด้วยเหรอ” คูมิยะแหย่

“ไม่ได้หรอก ของแบบนี้มันต้องใช้สมาธิ หุหุหุ” เรกะตอบ ส่วนเรนะก็ยื่นหนังสือไปให้นายะต่อ

“เธอรออ่านเรื่องอะไรเหรอ” เอย์จิสงสัย

“อันนี้มันเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงเค้านะจ๊ะ ผู้ชายไม่เกี่ยว...เนอะ” แล้วเรกะก็หันไปทางคูมิยะเพื่อหาพวก

“เรกะจังจะแอบไปนอนอ่านหน้านี้เหรอจ๊ะ” นายะทำหน้าทะเล้นแล้วก็เปิดโชว์ให้ดูหน้าที่เขียนว่าวิธีการจูบและรสชาติของจูบแรก!?!

พอเรกะเห็นเข้าก็อายแลยทำหน้าดุกลบเกลื่อน “จะบ้าเหรอนายะจัง!!!”

คูมิยะได้ทีเลยแกล้งหยอกตามน้ำไปว่า “อ๋อ มิน่าหล่ะถึงต้องเอาไปอ่านคนเดียว จะไปฝึกไว้จูบกับใครเหรอจ๊ะ”

พอได้ฟังคูมิยะแซว เรกะเลยหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอเกือบจะจูบกับเอย์จิ (หรือเปล่า?) แล้วเธอก็อายหน้าแดง เธอเลยทำเสียงดุใส่คูมิยะว่า “บ้าไปใหญ่แล้ว”

“ว่าแต่จูบนี่มันรู้สึกดีมั้ยนะ” นายะสงสัย

“ไม่รู้สิ พวกเราเองก็ไม่เคยมีใครโดนจูบนี่เนอะ” คูมิยะตอบ

พอพูดคำว่าโดนจูบ เรนะเลยนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอจมน้ำแล้วเอย์จิมาช่วยผายปอดให้ เธอบอกกับตัวเองในใจว่า “ไม่นะไม่!!! นั่นไม่นับเป็นจูบแรกนะ ตอนนั้นเอย์จิคุงแค่จะช่วยผายปอดให้เราเท่านั้นเอง แถม...เราก็จำความรู้สึกไม่ได้ด้วย”

พอเรนะพยายามนึกไปถึงตอนนั้น เธอก็จินตนาการเลยเถิดไปถึงภาพที่เอย์จิกำลังผายปอดให้เธอแบบ Mouth-2-Mouth แล้วเธอก็อายจนแก้มเป็นสีชมพู ทางฝั่งเอย์จิก็กำลังคิดถึงเหตุการณ์ตอนทั้งกับเรนะและเรกะเช่นกัน แล้วเขาก็หน้าแดง ตอนนี้ทั้งเรกะ เรนะ และเอย์จิเลยพากันนั่งก้มหน้าตัวลีบ

“อะไรเนี่ยสามคนนี้ท่าทางแปลก ๆ นะ” คอนจิสังเกต

คูมิยะก็สงสัยเหมือนกัน “หรือว่าพวกเธอทั้งสามคนจะเคยจูบมาแล้ว!?!”

“มะ มะ ไม่ใช่นะจ๊ะ ชั้นไม่เคย” เรนะโบกมือปฏิเสธ

เรกะก็รีบปฏิเสธ “บ้าสิ! ชั้นจะไปเคยได้ไงหล่ะ”

แต่เพราะทั้งสองพี่น้องต่างก็พูดพร้อม ๆ กัน เลยทำให้เพื่อน ๆ ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ประโยคถัดมาทั้งคู่ดันพูดเหมือนกันโดยบังเอิญว่า “อันนั้นไม่นับเป็นจูบนะ(จ๊ะ)!!!”

“อุ๋ย!” พอทั้งสองคนรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรออกมา ทั้งคู่ก็รีบเอามือปิดปากตัวเองทันที แต่ก็สายไปแล้ว

“ฮั่นแน่! อย่างงี้แสดงว่าพวกเธอสองคนไปแอบจูบกับใครมาแล้วหล่ะสิ” คูมิยะมองสองพี่น้องแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

“สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปแอบจูบกับใครมา” นายะเริ่มสอบสวนทั้งคู่

“ปะ ปะ เปล่านะ ชั้นไม่เคย...” เรกะยังยืนกรานกระต่ายขาเดียว

แต่นายะทำหน้าเจ้าเล่ห์พูดแทรกขึ้นมาทันควัน “ถ้าจำเลยรับสารภาพ ศาลจะลดโทษให้กึ่งหนึ่งนะจ๊ะ”

“รับสารภาพอะไรหล่ะ บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ” เรกะเริ่มเห็นท่าไม่ดี เลยใช้ลูกไม้ประจำของเธอ ก็คือการทำหน้าดุขู่ไว้ก่อน แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับเพื่อนสนิททั้งสองคน

“ชะ ใช่จ๊ะ พวกเราแค่พูดผิดไปเท่านั้นเอง” เรนะเขยิบไปแอบอิงหลังไหล่พี่สาวแล้วพยักหน้าหงึก ๆ

“ศาลคะ! จำเลยทั้งสองปากแข็งอย่างงี้ ศาลต้องใช้ไม้แข็งนะคะ” คูมิยะบอกนายะ แล้วทั้งคู่ก็แสยะยิ้มมองตากันอย่างรู้ใจ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็ช่วยกันจี้ไปที่เอวคอดกิ่วของสองพี่น้อง

เรกะกับเรนะโดนจั๊กจี้จนท้องคัดท้องแข็ง หัวเราะไปร้องไปจนน้ำตาเล็ด “โอ้ย ๆๆ พอแล้ว ๆ หายใจไม่ทัน” เรกะครวญคราง

“ไหน จะบอกไม่บอก หึหึหึ” คูมิยะทำหน้าซาดิสต์ เธอกำลังมันมือที่ได้แกล้งเพื่อน

“พอที ได้โปรดเถอะ โอ้ยๆ ชั้นขอโทษ ๆ” เรกะร้องขอชีวิต

“โอ้ย ๆๆ ยอมแล้วจ๊ะ ๆ โอ้ย ๆ นา..ยะจัง พอ...ก่อน ไม่ไหวแล้วจ๊ะ” เรนะอ้อนวอนเสียงตะกุกตะกัก

“จะยอมเล่ารึยัง” นายะสนุกจนไม่อยากหยุดมือ ตอนนี้ทางฝั่งเอย์จิ (คู่กรณีของทั้งสองพี่น้อง) ก็ได้แต่นั่งหน้าแดงก้มหน้าเงียบ เพราะกลัวจะซวยไปด้วย

ฟูจิเห็นพวกผู้หญิงหยอกล้อกันเลยกระซิบกับคอนจิว่า “เอาอีกแล้วยัยพวกนี้ ชอบเล่นกันเป็นเด็กอยู่เรื่อย”

เอย์จิหันมากระซิบถามว่า “เป็นอย่างงี้บ่อย ๆ เหรอ”

ฟูจิตอบว่า “ประจำเลยแหละ”

“เล่นอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะ!” คารินเดินมาพร้อมทาคายูกิ แล้วคูมิยะกับนายะก็เลยหยุดมือ

“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับรุ่นพี่” ทุกคนทักทายรุ่นพี่ทั้งสองพร้อม ๆ กัน (ยกเว้นเรกะกับเรนะที่กำลังหอบแฮก ๆ เพราะหัวเราะจนหายใจไม่ทัน)

“เรากำลังคุยกันเรื่องจูบกันอยู่หน่ะค่ะ” นายะตอบ

“อุ๋ย! เหรอจ๊ะ งั้นพี่ขอร่วมวงด้วยคนได้มั้ย” หัวข้อนี้ท่าทางจะถูกใจคารินมาก

“งั้นชั้นไปก่อนนะ” ทาคายูกิบอก

“อ้าวไม่นั่งก่อนเหรอครับรุ่นพี่” คอนจิชวน

“ไม่หล่ะ ชั้นไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ” ทาคายูกิยิ้มแล้วก็เดินจากไป

“ไหน ๆ พวกเธอเคยจูบกันแล้วเหรอ” คารินถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

“หนูกับนายะจังยังไม่เคยหรอกค่ะ แต่ยัยสองคนนี้สิไม่แน่” แล้วคูมิยะก็เหล่ไปมองสองพี่น้องที่นั่งก้มหน้าหลบตาอยู่

“ต๊าย! จริงเหรอจ๊ะ” คารินเอามือปิดปากแล้วทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

“ไม่จริงนะคะรุ่นพี่” เรนะรีบแก้ข่าว

“ใช่ค่ะ พวกหนูไม่เคยจริง ๆ” เรกะก็ปฏิเสธด้วย

“แล้วเมื่อกี้มันอะไรกันยะ ยัยพี่น้องฝาแฝด” คูมิยะทำเสียงดุบ้าง

“ศาลยังไม่บอกเลยนะว่าจะหยุดลงโทษหน่ะ หึหึหึ” นายะบีบมือเสียงดังกร๊อบ ๆ เตรียมจะจักจี้ต่อ

เรนะเห็นว่าพี่สาวของเธอใช้ไม้ตายทำหน้าดุขู่แล้วแต่ไม่ได้ผล เธอเลยงัดไม้ตายประจำตัวเธอออกมาใช้บ้าง ซึ่งก็คือลูกอ้อนอันแสนน่ารักนั่นเอง “โธ่คูมิจัง นายะจัง ก็เค้าบอกแล้วไงว่าเค้าแค่พูดผิด”

“ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลยย่ะ มุขนี้เชยแล้ว ใช้กับชั้นไม่ได้หรอก” คูมิยะดักทางเพื่อน เรนะเลยเปลี่ยนมาใช้ไม้ตายที่สอง ก็คือทำหน้าตาน่าสงสารแทน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเช่นกัน

นายะเอามือไปหยิกแก้มขาว ๆ ทั้งสองข้างของเรนะจนยืด “นี่แน่ ๆ คราวนี้ทำตีหน้าเศร้าเรอะ”

“โอ้ยยยย เค้าขอโตด ๆ เค้าผิดไปแล้ว” เรนะร้อง เอย์จิมองพี่น้องฮิเมะแล้วคิดในใจว่า ถ้าเป็นเขาคงยอมสิโรราบให้กับไม้ตายของสองพี่น้องไปนานแล้ว เพราะอานุภาพทำลายล้าง (ต่อจิตใจอันอ่อนไหวของชายหนุ่ม) มันเกินต้านทานจริง ๆ

“เอาน่า ๆ พี่เชื่อพวกเธอแล้วจ้า” คารินยิ้มตอบ

นายะก็เลยเลิกดึงแก้มเรนะ “โอยยย นายะจังซาดิสต์อ๊ะ” เรนะทำหน้าตาน่าสงสาร (แต่ก็ยังดูน่ารัก) แล้วนวดคลึงแก้มนุ่ม ๆ ของตัวเอง เอย์จิเห็นแล้วหัวใจแทบละลาย

“งั้นวันนี้ศาลพอแค่นี้ก่อน แต่เรื่องมันไม่จบง่าย ๆ หรอกนะ หึหึหึ” นายะขู่

เรกะนั่งภาวนาอยู่ในใจว่า “จบทีเท้อ สาธุ ๆๆ”

“แล้วรุ่นพี่หล่ะคะ” คูมิยะเลยหันมาถามประสบการณ์จากคารินบ้าง

“เอ จะว่าไงดีน้า” คารินแกล้งทำหน้าลังเล

“อ้าวทำไมหละคะ” คูมิยะสงสัย

“ก็ที่เมืองนอกหน่ะการจูบกันมันเป็นเรื่องปกตินี่จ๊ะ” คารินตอบยิ้ม ๆ

“งั้นรุ่นพี่ก็เคยจูบแล้วเหรอคะ” เรนะตกใจ

“เอ...จะว่างั้นก็ได้นะ แต่จูบคนที่เราชอบกับจูบคนอื่นนี่มันต่างกันนะ” คารินบอก

“แล้วรุ่นพี่เคย...รึยังคะ” เรกะถามมั่ง

“แหมเรกะจังนี่หล่ะก็” คารินเขินออกนอกหน้า พวกสาว ๆ เลยเดาได้เลยว่ารุ่นพี่ต้องเคยจูบกับแฟนแล้วแน่ ๆ

“ถ้าหากได้จูบกับคนที่เราชอบจะรู้สึกยังไงน้า” คูมิยะเริ่มเพ้อ

“แต่บรรยากาศก็สำคัญนะจ๊ะ บางทีอาจจะทำให้เราเผลอตัวไปก็ได้” คำพูดของคารินทำเอาเรกะหน้าแดงอีกรอบ (ไม่รู้กี่รอบแล้วเนี่ย)

“แล้วจูบนี่รสชาติเป็นยังไงคะ” นายะสงสัย ตอนนี้พวกเอย์จิทำเป็นเก๊กไม่สนใจฟัง แต่ว่าหูแต่ละคนงี้ผึ่งเลย

“ชั้นว่ามันอาจจะเปรี้ยว ๆ เหมือนมะนาวก็ได้นะ” คูมิยะเดา

“เหมือนมะนาวเหรอ” เรนะนึกถึงภาพตัวเองกำลังจูบกับมะนาวฝานบาง ๆ แล้วเปรี้ยวจี๊ด

“ไม่น่านะ ชั้นว่าริมฝีปากคนน่าจะนุ่ม ๆ ลื่น ๆ เหมือนเยลลี่มากกว่า” นายะเดาบ้าง เรนะเลยนึกถึงภาพตัวเองกำลังจูบกับเยลลี่ที่เด้งดึ๋ง ๆ ไปมา

“เอ...แต่พี่ว่ารสชาติมันเหมือนสเต็กมากกว่านะจ๊ะ บางทีก็มีรสขมนิด ๆ ด้วย” คารินพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ

“สเต็กเหรอคะ” เรนะเริ่มงง เธอนึกถึงภาพตัวเองกำลังจูบกับสเต็กร้อน ๆ แล้วปากพอง

“แต่มันก็ไม่เชิงซะทีเดียวนะ มันให้ความรู้สึกนุ่ม ๆ ละมุน ๆ บางครั้งก็มีรสหวานปลาย ๆ ด้วย แต่โดยรวมแล้วก็รู้สึกดีมากเลยหล่ะ” คารินพูดด้วยแววตาประทับใจ

“เวลารุ่นพี่จูบนี่จูบแบบผู้ใหญ่รึเปล่าคะ?” นายะเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น พวกเอย์จิที่แอบฟังอยู่ก็พากันหน้าแดงนั่งตัวเกร็ง

“นายะจัง!” เรนะเขินแทนเพื่อน เธอนึกไปถึงหนังฝรั่งที่พระเอกกับนางเอกจูบปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม แล้วเธอก็รู้สึกหวิว ๆ ตัวยังไงชอบกล

“แหม นายะจังเนี่ยะถามอะไรก็ไม่รู้” คารินก็เขินเหมือนกัน

“พอแระ ๆ เดี๋ยวเรนะเสียเด็กหมด” เรกะทำเป็นเอาน้องสาวมาอ้าง แต่จริง ๆ แล้วตัวเธอเองก็อายไม่แพ้กัน

“อะไรอ๊ะพี่ หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เรนะทำหน้ามุ่ย

คารินหัวเราะคิกคัก “พี่ว่าพวกเธอไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกนะ จูบแรกหน่ะสำคัญมากนะจ๊ะ เก็บมันไว้ให้คนที่สำคัญที่สุดของเราจะดีกว่านะ”

“คนที่สำคัญที่สุดงั้นเหรอ” เรนะพูดตามเบา ๆ เธอเริ่มจินตนาการถึงชายในฝัน!!!

“ก็จูบแรกมีได้ครั้งเดียวนี่ ใช่มะ” คารินยิ้มให้รุ่นน้อง พอคารินพูดถึงจูบแรก เรกะก็เลยหวนนึกถึงเรื่องที่อยากจะลืมแต่ลืมไม่ลง (อีกแล้ว)

“แล้วคนสำคัญของรุ่นพี่นี่ใครเหรอคะ” คูมิยะซอกแซกอยากรู้

“แหม ๆ เรื่องนี้เป็นความลับนะจ๊ะ คิก ๆ” คารินหัวเราะคิกคัก

“บอกหน่อยสิคะรุ่นพี่ว่าเป็นใคร? อยู่โรงเรียนนี้รึเปล่า? อยู่ชั้นเดียวกันหรือสูงกว่าคะ? เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่าเด็กกว่า?” คูมิยะเริ่มทำตัวเป็นนักข่าววงการบันเทิง

“แหม ถ้าบอกก็ไม่เป็นความลับสิจ๊ะ”

“บอกหน่อยนะคะ พวกหนูสัญญาจะไม่บอกใคร” นายะก็เอากับเค้าด้วย ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเซ้าซี้คารินอยู่นั้น สองพี่น้องฮิเมะก็กำลังตกอยู่ในภวังค์!!!

เรกะกำลังหวนนึกถึงตอนที่เธอกับเอย์จิเผลอจะจูบกัน? กลิ่นหอมสดชื่นและไออุ่นของเขายังตราตรึงอยู่ในใจ สัมผัสที่ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มแม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็ยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ เธอกำลังนึกถึงภาพตอนที่ริมฝีปากของเธอและเขากำลังจะสัมผัสกัน

แล้วเรกะก็หลับตาปี๋ร้องออกมาในใจว่า “ไม่นะ ไม่มมมมม!!!” พอรู้สึกตัวเธอก็รีบสะบัดหัวเหมือนอยากจะทิ้งเรื่องนี้ออกไปจากสมองให้เร็วที่สุด

ระหว่างที่เรกะกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้น เรนะก็ใจลอยเคลิ้มฝันเห็นภาพที่เธอใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ยืนอยู่ในโบสถ์ ข้างหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งใส่สูทสีขาวยืนอยู่ข้างบาทหลวง เธอมองไม่เห็นหน้าเค้าคนนั้น แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างประหลาด ทั้งรูปร่าง บุคลิก และท่าทางเหมือนใครซักคนที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเธอ

พอชายหนุ่มปริศนาสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ เขาก็ค่อย ๆ บรรจงจูบลงที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล เธออ่อนปวกเปียกคล้อยตามเขาอย่างง่ายดาย ระหว่างที่เธอกำลังเคลิ้มอยู่ ทันใดนั้นใบหน้าของเอย์จิก็แว็บเข้ามาในหัวเธอ ทำให้เธอตื่นจากฝันทันที!!!

เรนะรู้สึกไม่เข้าใจและเป็นกังวลเล็กน้อย เธอคิดในใจว่า “ทำไมนะ ทำไมอยู่ ๆ ก็นึกถึงเอย์จิคุงขึ้นมา!?!” ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแปลก ๆ ในหน้าอกด้านซ้าย แต่บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่

และแล้วออดเข้าเรียนก็ดังขึ้น คารินเลยบอกทุกคนว่า “งั้นพวกเรากลับห้องกันเถอะจ๊ะ” พวกคูมิยะก็ยังเสียดายอยากคุยต่ออีกหน่อย ส่วนพวกผู้ชายก็หายตัวเกร็งกันได้ซะที

บนระเบียงเรกะพึมพำกับตัวเองว่า “จูบแรกงั้นเหรอ” แล้วเธอก็ยิ้มนิด ๆ เหมือนคิดอะไรออก แล้วเดินกลับห้องไปพร้อมกับนายะ

พอคารินเดินแยกไปอีกชั้นนึง เรนะก็มองตามเธอไปแล้วพูดแบบเหม่อ ๆ ว่า “รุ่นพี่ดูเป็นผู้ใหญ่จัง” เรนะกำลังนึกถึงตอนที่คารินเล่าถึงจูบ ใบหน้าเธอตอนนั้นดูมีความสุขมากทีเดียว

เอย์จิที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็ถามเรนะว่า “คิดอะไรอยู่เหรอ”

เรนะตกใจเล็กน้อยเพราะมัวแต่เหม่อ เธอสะดุ้งแล้วลื่นจนเกือบจะล้มหงายหลัง โชคดีที่เอย์จิช้อนเอวเธอไว้ได้ทัน “เป็นไรรึเปล่า?”

เรนะนอนหงายอยู่บนแขนข้างนึงของเอย์จิ เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ “มะ ไม่เป็นไรจ๊ะ ขอบใจนะ”

เอย์จิค่อย ๆ ประคองเธอยืนด้วยแขนข้างเดียว พอตั้งสติได้เรนะก็ยิ้มแล้วแกล้งถามว่า “ไม่หนักเหรอจ๊ะ”

เอย์จิยิ้มตอบว่า “ไม่หนักหรอก ตัวเธอเบาอย่างกะลูกแมว ชั้นใช้แขนเดียวก็อุ้มไหว”

“จริงอ๊ะ!?!” เรนะทำเป็นไม่เชื่อ เธอกึ่งอายกึ่งดีใจที่เอย์จิชมว่าเธอเบาเหมือนลูกแมว

“ถ้าเธอไม่เชื่อชั้นอุ้มให้ดูก็ได้นะ” ก่อนที่เรนะจะทันตอบอะไร เอย์จิก็โอบเอวคอดของเธอด้วยแขนข้างเดียว แล้วช้อนเธอขึ้นในท่านอนหงาย ขาเธอตอนนี้ลอยพ้นพื้นมาได้ประมาณ 20 เซนติเมตร

“ว้ายยย” เรนะกลัวหล่นเลยเอามือทั้งสองข้างเกาะไหล่เอย์จิไว้ ใบหน้าเธอตอนนี้อยู่บริเวณต้นแขนของเขา ทั้งสองสบตากันซักพัก แล้วเรนะก็บอกว่า “ชะ เชื่อแล้วจ๊ะ ขอชั้นลงได้มั้ย”

เอย์จิค่อย ๆ ปล่อยเธอลงอย่างนิ่มนวลแล้วยิ้มนิด ๆ “จริง ๆ จะให้อุ้มไปส่งถึงโต๊ะเลยก็ยังได้นะ”

“บ้าสิ ใครเห็นเข้าอายเค้าแย่” เรนะเขินหน้าแดง

“ว่าแต่เมื่อกี้เธอเหม่ออะไรอยู่เหรอ” เอย์จิถาม

เรนะก็ตอบว่า “ชั้นกำลังคิดว่ารุ่นพี่คารินดูสวยมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่จังหน่ะจ๊ะ น่าอิจฉาเนอะ”

“ทำไมหล่ะ” เอย์จิไม่เข้าใจ

“ก็ทั้ง ๆ ที่ห่างกันแค่ปีเดียวแต่เทียบกับชั้นแล้ว ชั้นดูเหมือนเด็กกะโปโลไปเลยว่ามั้ย” เรนะทำหน้าหมอง ๆ

เอย์จิฟังแล้วนิ่งไปซักพัก แล้วเขาก็พูดว่า “ไม่หรอก”

“ยังไงเหรอจ๊ะ” เรนะมองหน้าเอย์จิด้วยแววตากลมโต ลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป

เอย์จิเลยกลั้นใจพูดออกมาว่า “เรนะเองก็น่ารักนะ” เรนะตั้งตัวแทบไม่ทัน เธอไม่คิดว่าจู่ ๆ เขาจะชมเธอซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ทำให้ตอนนี้หัวใจเธอเต้นโครมครามราวกับมีแผ่นดินไหวอยู่ข้างใน

เอย์จิเองก็อายนิด ๆ เขาพยายามอธิบายต่อว่า “คะ คือ ชั้นหมายความว่าเรนะก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องไปตามอย่างใครก็ได้นี่ เธอที่เป็นเธอก็ดีที่สุดแล้ว” พอพูดจบเขาก็ไม่กล้าหันไปมองหน้าเธอ

เรนะเข้าใจคำพูดของเอย์จิ แต่เธอไม่เข้าใจถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจเขา เอย์จิทำให้เธอรู้สึกโล่งใจและสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เขาตามความเคยชิน แล้วยิ้มอย่างสดใสพร้อมพูดว่า “ขอบใจนะจ๊ะ เอย์จิคุงชมชั้นซะตัวลอยเลย”

ตอนที่เรนะยื่นหน้ามาใกล้ ๆ เอย์จินั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนวนิลาก็โชยมาแตะจมูกของเขา เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดลอยออกไป ใบหน้าของเธอ แววตาของเธอ ความน่ารักของเธอ ทุกอย่างมันทำให้โลกดูสดใสไปหมด

และอาจจะเพราะเรื่องที่คุยกันที่โรงอาหารก็ได้ ทำให้ตอนนี้เขาโฟกัสไปที่ริมฝีปากบางสวยที่กำลังเผยอนิด ๆ ของเธอ ที่กำลังอยู่ห่างจากหน้าเขาไม่ถึงสองนิ้ว

“เอย์จิคุงรู้อะไรมั้ยจ๊ะ” เรนะตอนนี้หน้าตาน่ารักไร้เดียงสามาก

“อะ อะไรเหรอ” เอย์จิยอมรับว่าหัวใจของเขาตกอยู่ในกำมือของเธออย่างไม่อาจขัดขืนได้ แล้วเรนะก็หันหลังเดินห่างออกไปสองก้าว เอามือไพล่หลังไว้ที่บั้นท้าย เอียงตัวไปข้างหน้านิด ๆ แล้วหันหน้ากลับมายิ้มให้เอย์จิ

เอย์จิรู้สึกว่าเรนะดูนุ่มนิ่มน่ารักน่ากอดมากกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า ท่าที่เธอยืนทำให้เอวที่คอดกิ่ว สะโพกที่ผาย และก้นที่งอนงามอยู่แล้วยิ่งงอนมากขึ้นไปอีก เอย์จิรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังตกหลุมรักเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แล้วเรนะก็พูดว่า“เอย์จิคุงเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่ชั้นคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุดเลยนะ!!!”

พอเรนะพูดจบเอย์จิก็อึ้ง นิ่ง ไม่รู้สึกตัว ราวกับว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงหุ่นขี้ผึ้งเท่านั้น คำพูดของเรนะทำให้เขารู้สึกดี แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล๊บในอก เหมือนถูกเข็มนับสิบเล่มแทงเข้ามาช้า ๆ ช้า ๆ

เอย์จิบอกตัวเองในใจเหมือนเมื่อคราวก่อนว่า “เรนะช่างมีพรสวรรค์ในการทำให้ชั้นมีความสุขสุด ๆ และเสียใจสุด ๆ ในเวลาเดียวกันได้เก่งจริง ๆ”

เรนะเห็นว่าจู่ ๆ เอย์จิก็นิ่งไป เธอเลยถามว่า “เอย์จิคุงเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เธอทำตาแป๋วไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เมื่อกี้เธอเพิ่งขยี้หัวใจดวงน้อย ๆ ของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นเสมือนลูกไก่ในกำมือเธอให้แหลกเหลวด้วยคำว่าเพื่อน!!! (ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย)

ตอนนี้เอย์จิยังจุกอยู่ เขายังพูดอะไรไม่ออก บางทีแม้แต่หายใจเขายังไม่สามารถทำได้เลยด้วยซ้ำ ระหว่างที่เอย์จิยืนตัวแข็งทื่ออยู่นั้น คูมิยะก็เดินออกมาเรียกเรนะที่หน้าห้อง “เรนะจังมัวทำอะไรอยู่”

“จ้า ๆ เผอิญเมื่อกี้คิดอะไรนิดหน่อย เลยยืนคุยกับเอย์จิคุงหน่ะจ๊ะ” เรนะตอบ

“คุยอะไรกันเหรอ หรือว่ากำลังคุยเรื่องจูบกันอยู่จ๊ะคุณจำเลยน้อย” คูมิยะยังไม่ลืมว่าเรนะยังค้างคดีในชั้นศาลกับเธออยู่ เธอเอามือเชิดคางเรนะขึ้นเบา ๆ ราวกับว่าเรนะเป็นลูกแมวน้อยในกำมือ

“บ้า ใครจะไปคุยเรื่องแบบนั้นกัน” เรนะตอบแล้วแก้มเธอก็กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ

“จ้า ๆ รีบเข้าห้องละกัน ทาคุมิคุงก็ด้วยนะ” คูมิยะหันไปบอกเอย์จิที่กำลังยืนช็อกอยู่ แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไปก่อน

แต่เพราะคำพูดของคูมิยะเมื่อกี้ เลยทำให้เรนะย้อนนึกถึงคำพูดของคาริน “จูบแรกหน่ะสำคัญมากนะจ๊ะ เก็บมันไว้ให้คนสำคัญที่สุดของเราจะดีกว่านะ”

เรนะยิ้มนิด ๆ แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า“นั่นสินะ ชั้นเองก็อยากจะเก็บมันไว้ให้คนสำคัญที่สุดเหมือนกัน”

แล้วเรนะก็มองตาเอย์จิด้วยแววตาใสบริสุทธิ์ เธอยิ้มให้เขาอย่างแสนน่ารัก (อีกแล้ว) แล้วบอกว่า “แต่ถ้าคนสำคัญของชั้นเป็นเหมือนเอย์จิคุงก็คงจะดีนะจ๊ะ!?!”

ประโยคนี้เป็นเหมือนกับเสียงจากสวรรค์ที่ทำให้เอย์จิที่ตายไปแล้วเมื่อกี้ กลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ราวกับนกฟินิกซ์ที่ฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่าน (ยังไม่เข็ด) เนื้อตัวของเขาที่ซีดเผือกราวกับไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงกลับมามีสีเลือดฝาดอีกครั้งราวกับปาฏิหาริย์

แต่แล้วพอเรนะหันไปเห็นอาจารย์ที่จะสอนวิชาต่อไปเดินมาไกล ๆ เธอก็บอกว่า “อุ๊ย! อาจารย์มาแล้ว เรารีบเข้าห้องกันเถอะจ๊ะ” แล้วเธอก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!?!




 

Create Date : 12 กันยายน 2552
0 comments
Last Update : 12 กันยายน 2552 21:11:21 น.
Counter : 314 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]