นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
16 ธันวาคม 2552

รักยกกำลังสอง บทที่ 18 เที่ยวชมเทศกาลยามราตรี (Tour the Night Festival) ตอน 1

“เอย์จิ!!!” ยูริหน้าซีดเอามือปิดปาก เธอรู้สึกช็อกอย่างแรง

แต่เรกะยังไม่เชื่อ เธอทำหน้าขึงขังแล้วพูดกับเขาว่า “เล่นมุขอะไรของนาย เชยแล้วย่ะ” ด้านเรนะก็ได้แต่เงียบราวกับกำลังลุ้นให้เอย์จิเฉลยว่าเค้าแค่อำพวกเธอเล่นเท่านั้น แต่สายตาของเขาที่มองมายังพวกเธอนั้น สัมผัสได้เลยว่าเป็นสายตาที่มองคนแปลกหน้า “อย่ามัวแต่เงียบสิ เลิกล้อเล่นได้แล้ว” เรกะเขย่าตัวเขาอย่างแรง

“โอ้ย!” เอย์จิเอามือกุมหน้าอก

“พี่คะ!!!” เรนะรีบห้ามพี่สาว

“เจ็บรึเปล่าจ๊ะ” ยูริประคองน้องชายอย่างเบามือที่สุด

พอความเจ็บปวดทุเลาลงเอย์จิก็ค่อย ๆ เงยหน้ามองสองพี่น้องฝาแฝด แววตาเลื่อนลอยของเขาทำให้ทั้งคู่พูดอะไรไม่ออก เรนะเริ่มมีน้ำตาคลอ ส่วนเรกะค่อย ๆ เขยิบถอยห่างออกจากเตียงช้า ๆ แต่น้องสาวเธอยังคงยืนนิ่ง เธอเลยต้องจูงให้ตามเธอมา สองพี่น้องทิ้งตัวลงบนโซฟาเหมือนคนหมดแรง ยูริเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน บรรยากาศในห้องตอนนี้จึงมีแต่ความเงียบงัน

ซักพักยูริก็หันไปบอกพวกเรกะว่า “เดี๋ยวพี่ไปตามคุณหมอนะจ๊ะ” แล้วเธอก็เดินออกไป

หลังจากยูริออกไปแล้วเอย์จิก็มีท่าทีเหมือนจะพยายามนึกอะไรซักอย่าง แต่แล้วเขาก็เอามือกุมขมับตัวเองไว้ เขารู้สึกปวดหัวอย่างมาก เรนะเลยตกอกตกใจรีบลุกขึ้นไปทันที “เอย์จิคุง ๆ เป็นอะไรจ๊ะ”

ส่วนเรกะเห็นท่าทางไม่ดีเลยจะออกไปตามพยาบาล “เดี๋ยวพี่ไปเรียกคนมาช่วยนะ” แล้วเธอก็วิ่งออกไป

เอย์จิยังคงไม่หายปวดหัว เรนะไม่รู้จะช่วยเขายังไง เลยเอามือลูบหลังศีรษะเขาแล้วเป่าลมใส่เบา ๆ “ไม่เป็นไรนะจ๊ะไม่เป็นไร โอมเพี้ยงความเจ็บปวดจงหายไป!!!” ทันใดนั้นราวกับปาฏิหาริย์อาการปวดหัวของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง เขาเงยหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ เรนะเลยยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ”

“ขอบ ขอบคุณครับ” เอย์จิพูดตะกุกตะกัก

“จ๊ะ” เรนะยิ้มรับแล้วชวนเขาคุย “เอย์จิคุง เธอจำ...”

ยังไม่ทันพูดจบเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น “เอย์จิเป็นไงมั่ง!!!” ยูริกับเรกะเข้ามาโดยมีคุณหมอกับนางพยาบาลตามมาข้างหลัง เธอรีบเข้าไปหาน้องชายทันที คุณหมอก็รีบเข้าไปดูเขา เรนะเลยค่อย ๆ ถอยออกมายืนข้าง ๆ พี่สาว

คุณหมอใช้เวลาตรวจอาการเอย์จิอยู่นานพอสมควรแล้วก็ถามอะไรเขา 2 - 3 ข้อ เสร็จแล้วก็ขอเอกสารจากพยาบาลมาเขียนแล้วส่งคืนเธอ แล้วคุณหมอก็ออกไปคุยกับยูริสองต่อสอง

“อาการบาดเจ็บตามร่างกายคนไข้ดีขึ้นมากแล้วครับ อวัยวะภายในที่บอบช้ำก็เริ่มฟื้นตัว คิดว่าอีกซักอาทิตย์ก็คงหายสนิท ส่วนเรื่องที่คนไข้จำอะไรไม่ได้นั้นหมอคิดว่าอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนตอนถูกรถชน พรุ่งนี้เช้าหมอจะให้แพทย์ด้านสมองมาตรวจอีกทีนะครับ”

“น้องชายหนูจะเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ยูริถามด้วยความกังวล

“ตอนนี้หมอยังบอกอะไรไม่ได้นะครับ อาการทางสมองก็มีหลายแบบ ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจอย่างละเอียด คืนนี้ให้คนไข้พักผ่อนให้เต็มที่ดีกว่านะครับ แล้วพรุ่งนี้เช้าหมอจะรีบประสานไปทางแผนกประสาทวิทยาให้โดยเร็วที่สุด”

“รบกวนด้วยนะคะ” ยูริโค้งให้หมอ

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” แล้วหมอก็เดินจากไป

ตอนเช้าพ่อแม่ของเอย์จิก็มาหา พอทั้งคู่รู้ว่าลูกชายตัวเองรู้สึกตัวแล้วก็พากันดีใจ พอแม่ของเอย์จิเหลือบไปที่โซฟาก็เห็นสองพี่น้องฮิเมะนอนหลับพิงกันอยู่ก็รู้สึกงงเลยหันไปถามลูกสาว แต่ยูริทำมือเป็นสัญญาณบอกว่าอย่าเพิ่งส่งเสียงดัง

“สองคนมาช่วยหนูเฝ้าเอย์จิเมื่อคืนค่ะ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้เอง” แล้วยูริก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง

พอรู้เรื่องทั้งสองก็ตกใจมาก “เอย์จินี่แม่เองจำได้มั้ยจ๊ะ” แม่พยายามถามลูกชาย

พอเอย์จิรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ของตัวเอง เขาก็รู้สึกเสียใจที่จำเธอไม่ได้ ยิ่งเห็นเธอมีท่าทางไม่สบายใจเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น “ขอโทษครับ” เอย์จิพูดด้วยใบหน้าเศร้า ๆ

“ขอโทษทำไมหล่ะจ๊ะ” แม่ลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู

“ก็ผม…ทำให้คุณแม่เป็นห่วง”

พอเธอได้ฟังที่ลูกชายพูด เธอก็โผเข้าไปกอดเขาทั้งน้ำตา “โธ่! แม่ต้องเป็นห่วงสิ ก็ลูกเป็นลูกแม่นี่”

“ขอโทษครับ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกจ๊ะ ลูกไม่ได้ทำอะไรผิดเลย” แม่บอกลูกชายอย่างอ่อนโยน

ส่วนพ่อของเอย์จิที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้แต่ทำหน้าเคร่งขรึมคิดอะไรบางอย่าง แล้วซักพักก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ภรรยาของเขาพูดคุยกับลูกชายตามลำพัง ส่วนยูริก็รีบตามไปติด ๆ “คุณพ่อคิดอะไรอยู่เหรอคะ” ลูกสาวถามอย่างรู้ใจ

ผู้เป็นพ่อนิ่งเงียบชั่วอึดใจนึงแล้วตอบว่า “พ่อสงสัยอะไรนิดหน่อยหน่ะลูก”

“เกี่ยวกับเอย์จิเหรอคะ”

“อืม แต่ตอนนี้พ่อคงยังบอกอะไรไม่ได้ ขอเวลาพ่อตรวจสอบอะไรซักหน่อยนะ”

“ถ้าจะให้หนูช่วยอะไรก็บอกนะคะ”

“อื้ม ขอบใจลูกมากนะ” แล้วพ่อก็โอบไหล่ลูกสาวอย่างเอ็นดู ทั้งคู่ต่างก็หวังว่าเรื่องทุกอย่างจะยุติและครอบครัวพวกเขาจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติโดยเร็ว

ระหว่างนั้นในห้องผู้ป่วยแม่ของเอย์จิก็พยายามเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกชายฟัง แต่เขาก็นึกเรื่องเหล่านั้นไม่ออก ซักพักสองพี่น้องฮิเมะก็งัวเงียตื่นขึ้น “อุ๊ย! คุณน้าสวัสดีค่ะ” พอเรกะรู้ตัวก็รีบลุกขึ้นโค้งหัวให้แม่ของเอย์จิทันที ส่วนเรนะที่เพิ่งขยี้ตาเสร็จก็รีบลุกโค้งตามพี่สาว

“สวัสดีจ๊ะ ขอบใจหนู ๆ มากนะที่มาช่วยดูเอย์จิ ลำบากกันรึเปล่าจ๊ะ” แม่ของเอย์จิพูดอย่างอ่อนโยน

“ไม่หรอกค่ะ จริง ๆ พวกหนูแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เรกะตอบ

“เอย์จิเพื่อน ๆ อุตส่าห์มา จำพวกเค้าได้มั้ยจ๊ะ” แต่เอย์จิก็ทำหน้าซึม ๆ แทนคำตอบ

ซักพักประตูห้องก็เปิดออกแล้วพ่อของเอย์จิกับยูริก็เดินเข้ามาโดยมีนายแพทย์จากแผนกประสาทวิทยาเดินมาด้วย คุณหมอทักทายทุกคนแล้วก็เข้าไปตรวจอาการของเอย์จิ คนอื่น ๆ ก็ยืนลุ้นอยู่ใกล้ ๆ

“คุณทาคุมิครับคุณจำชื่อตัวเองได้มั้ยครับ” แต่เอย์จิก็ทำท่าซึม ๆ แล้วส่ายหน้า

“แล้วคุณจำได้มั้ยว่าครอบครัวคุณมีใครบ้าง” เอย์จิก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม “งั้นเมืองหลวงของญี่ปุ่นชื่ออะไรครับ”

“โตเกียวครับ” เอย์จิตอบแล้วหมอก็ติ๊กเครื่องหมายถูกในใบตรวจ

“แล้วนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคือใครครับ”

“คุณทะโร อะโซครับ” เอย์จิตอบ
(หมายเหตุ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบันชื่อยุกิโอะ ฮะโตะยะมะ)

หมอฟังคำตอบแล้วนิ่งคิดอะไรบางอย่างซักพักแล้วก็ยื่นปากกาให้เอย์จิด้ามนึง “งั้นคุณลองแกะไส้ปากกาออกมาหน่อยได้มั้ยครับ” เอย์จิรับปากกามาแล้วก็ค่อย ๆ หมุนปลอกปากกาถอดเอาไส้ปากกาลูกลื่นส่งคืนให้หมอ แล้วหมอก็ติ๊กเครื่องหมายอีกอันในใบตรวจ

“ถ้างั้นคุณลองนึกชื่อสัตว์ที่ขึ้นต้นด้วย ก. ไก่มาซัก 5 ชื่อได้มั้ยครับ”

“กวาง เก้ง กระต่าย กระรอก ไก่ครับ” เอย์จิใช้เวลานึกไม่นาน

แล้วหมอก็เขียนบางอย่างในใบตรวจส่งให้พยาบาล เสร็จแล้วก็หันมาบอกเอย์จิว่า “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวคนไข้ไปตรวจคลื่นสมองหน่อยนะครับ” แล้วพยาบาลก็ให้เอย์จินั่งเก้าอี้รถเข็นไปห้องตรวจ

พอเอย์จิออกไปแล้วพ่อของเขาก็ถามหมอว่า “ลูกชายผมเป็นไงมั่งครับ” ส่วนแม่ของเอย์จิกับยูริก็ยืนลุ้นกุมมือให้กำลังใจกันอยู่ใกล้ ๆ เรกะกับเรนะก็รอฟังอยู่ข้าง ๆ

“เท่าที่ตรวจดูคร่าว ๆ คนไข้น่าจะมีอาการความจำเสื่อมประเภท Transient Global Amnesia หรือที่เรียกกันว่า TGA ครับ”

“มัน...เอ่อหนักแค่ไหนครับ” พ่อของเอย์จิฟังที่หมอพูดไม่เข้าใจ

“แล้วเอย์จิจะหายมั้ยคะ!!!” แม่ของเอย์จิรีบถามด้วยความเป็นห่วง

“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คือภาวะ TGA นี้เป็นภาวะความจำเสื่อมชั่วคราว คนไข้ที่มีอาการนี้จะลืมเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต แต่จะยังจำเรื่องทั่ว ๆ ไปที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ครับ”

“หมายความว่า…” พ่อของเอย์จิพยายามทำความเข้าใจ

“หมายความว่าคนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบจะปกติครับ สมมุติว่าคนไข้เคยขับรถได้ ตอนนี้ก็ยังสามารถขับรถได้เหมือนเดิม เพียงแต่จะยังนึกเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นไม่ออกเท่านั้น และอาการนี้เป็นอาการทางจิตประสาทแบบชั่วคราวครับ ถ้าคนไข้ได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เคยพบมาก่อนหรือสะกิดใจเค้า ก็จะช่วยให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น”

“นานมั้ยคะกว่าจะหาย” แม่ของเอย์จิถาม

“โดยส่วนใหญ่แล้วไม่นานครับ ทั่ว ๆ ไปก็ประมาณ 1 เดือน เคสที่นานที่สุดก็ราว ๆ 1 ปี แต่ก็พบได้น้อยมากครับ” พอครอบครัวของเอย์จิได้ฟังที่หมอบอกก็ใจชื้นขึ้น “แต่ยังไงหมอขอตรวจคลื่นสมองอย่างละเอียดอีกทีนะครับ ช่วงนี้หมอขอให้คนไข้แอดมิตไปก่อนนะครับ”

“ครับคุณหมอ” พ่อของเอย์จิรับคำ

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” แม่ของเอย์จิโค้งหัวขอบคุณหมอ ยูริกับสองพี่น้องฮิเมะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็โค้งตาม

“ครับงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วหมอก็กลับไป

พอตอนบ่ายยูริก็ขอตัวกลับไปพักที่บ้าน โดยเปลี่ยนให้พ่อกับแม่เป็นคนเฝ้าแทน เรกะกับเรนะก็เลยกลับไปพักด้วย หลังจากนั้น 4 วันเอย์จิก็ออกจากโรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ความจำยังไม่กลับมา เนื่องจากหมอแนะนำว่าถ้าเขาได้เห็นสถานที่หรือบุคคลต่าง ๆ ที่รู้จักจะช่วยให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้น อีกทั้งอาการของเขาไม่เป็นปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวัน ครอบครัวของเอย์จิเลยปรึกษากันว่าจะให้เขาไปโรงเรียนและใช้ชีวิตตามปกติไปก่อน

ตอนเช้าพอเรกะกับเรนะก็มารับที่บ้าน “อรุณสวัสดิ์จ้าเอย์จิคุง” เรนะพยายามทำตัวให้ร่าเริงที่สุด

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาเริ่มคุ้นเคยกับสองสาวแล้วแต่ก็ยังไม่สนิทเหมือนก่อน

“นายเป็นไงมั่ง กินข้าวรึยัง” เรกะถาม

“ผมทานแล้วครับ” เอย์จิตอบแล้วก็ทำหน้ากังวลใจเล็ก ๆ

เรกะเลยถามว่า “มีอะไรเหรอ”

เอย์จิอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบว่า “คือผมเกรงใจหน่ะครับที่คุณสองคนอุตส่าห์มารับ”

“มาเกรงจงเกรงใจอะไรกัน พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” เรกะพูด

“นั่นสิจ๊ะ เพื่อนกันถ้ามีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วจริงมั้ย” เรนะยิ้มให้เขา

“แต่ว่า…”

“แล้วถ้าพวกชั้นไม่มา นายจะไปถูกมะ พอ ๆ เดี๋ยวก็สายกันพอดี” เรกะตัดบทแล้วเดินนำหน้าไปก่อน

“ขอโทษครับ”

เรนะหัวเราะคิกคักแล้วรีบจูงมือเอย์จิเดินตามพี่สาวไป “มาเถอะจ๊ะ” รอยยิ้มที่สดใสกับสัมผัสที่นุ่มนวลและอบอุ่นทำให้เอย์จิใจเต้นแรงโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ

ระหว่างเดินไปโรงเรียนพอผ่านชายหาดมิสึเขาก็หันไปมองตรงฟุตบาทด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่แห่งนี้เคยมีเด็กสาวคนหนึ่งกระโดดออกไปช่วยเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่เกือบจะโดนมอเตอร์ไซด์ชน “ทำไมกันนะ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้”

พอไปถึงโรงเรียนเพื่อน ๆ ที่ห้องก็เข้ามารุมล้อมเขา “เฮ้! เอย์จิเป็นไงมั่ง” ฟูจิถามเป็นคนแรก แต่เอย์จิก็ได้แต่เงียบ

“แล้วชั้นหล่ะ นายจำได้มั้ย” คอนจิเสนอหน้าต่อ แต่เอย์จิก็ส่ายหัว

“ขอโทษนะครับ”

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” คูมิยะถาม

“เห็นว่าจำได้แต่เรื่องทั่ว ๆ ไปหน่ะ” นายะตอบแล้วมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ

“แล้วจะหายมั้ยอะ” นาโอมิถาม ฮิโรมิกับนางาเสะก็เข้ามาร่วมวงด้วย ถึงทั้งสามคนจะไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่ทุกคนก็เป็นห่วงไม่แพ้กัน

ฟูจิเข้าไปตบไหล่เอย์จิเบา ๆ “เฮ่ย! ไม่ต้องซีเรียส ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันจริงมะ” แล้วก็ยักคิ้วถามคอนจิ

“ใช่! ไม่ต้องคิดมากนะ” คอนจิเสริม

คูมิยะกับนายะก็บอกว่า “พวกชั้นก็เหมือนกันนะ” คนอื่น ๆ ในห้องก็พยักหน้าด้วย เอย์จิเลยรู้สึกดีขึ้น เรกะกับเรนะก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย

ช่วงพักกลางวันเอย์จิกลายเป็นเป้าสายตาในหมู่นักเรียน ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนจับกลุ่มกันซุบซิบ ๆ แล้วแอบมองมาที่เขา ทำให้เขาค่อนข้างลำบากใจ พวกเรกะเลยไม่ค่อยพอใจไปด้วย “พวกนี้นี่ไม่รู้จักมารยาทซะมั่งเลย” เรกะบ่น

“นั่นสิ” นายะพูดอย่างเอือมระอาเต็มทน

“นี่ ๆ ไม่เคยเห็นคนรึไงยะ” คูมิยะตวาดพวกที่จับกลุ่มนินทาเอย์จิ พวกนั้นเลยวงแตกรีบเดินหนีไป

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เอย์จิหันไปบอกทุกคน

“เอาน่าเรื่องแบบนี้คูมิจังเค้าถนัดอยู่แล้ว” คอนจิแซว

“หมายความว่าไงยะ” คูมิยะทำท่าจะหาเรื่อง

“ขอโทษ ๆ” คอนจิรีบยกมือยอมเธอ

ทันใดนั้นก็มีเสียงทักทายมาแต่ไกล “เฮ้! ว่าไงได้ข่าวเอย์จิหายแล้วเหรอ” เจ้าของเสียงที่ว่าคือทาคายูกินั่นเอง เขาเดินมาพร้อมกับโชโงะเพื่อนห้องเดียวกัน

“สวัสดีครับ/ค่ะรุ่นพี่”

“เป็นไงบ้าง วันนั้นทำเอาชั้นใจเสียเลยนะ ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก” โชโงะหันไปคุยกับเอย์จิ แต่เขาก็ไม่ตอบอะไร โชโงะก็เลยงงที่เห็นเอย์จิแปลก ๆ ไป

“ทาคุมิคุงยังไม่หายดีเหรอ” ทาคายูกิหันมากระซิบถามเรนะ

เรนะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะตอบยังไง นายะเลยตอบแทนให้ว่า “ทาคุมิคุงเค้าได้รับความกระทบกระเทือนนิดหน่อยค่ะ”

“อ้าว! แล้วเป็นไรมากมั้ย”

“ก็…คือว่า…เค้าความจำเสื่อมชั่วคราวค่ะ” นายะไม่รู้จะเลี่ยงยังไง คนอื่น ๆ ก็ได้แต่เงียบ

“งะ งั้นเหรอ” ทาคายูกิตะกุกตะกักเมื่อเห็นเอย์จิทำท่าไม่สบายใจ

โชโงะเลยเอามือตบไหล่เอย์จิเบา ๆ “ไม่ต้องคิดมากหรอก วันนั้นนายดูสาหัสมากเลยนะ ที่ออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขนาดนี้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว”

“ใช่จ๊ะ เรื่องความจำหมอเค้าก็บอกแล้วว่าแค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็หาย” เรนะพยายามให้กำลังใจ

ทันใดนั้นคูมิยะก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า “นี่ ๆ ชั้นนึกออกอะไรดี ๆ ออกแล้ว”

“นึกไรออกเหรอ” เรกะทำหน้างง ๆ

“หวังว่าจะเป็นเรื่องดีนะ” ฟูจิมองเธอแบบไม่เชื่อน้ำยา

“ดีสิยะ นี่ไงพอเลิกเรียนแล้วพวกเราพาทาคุมิคุงไปที่ ๆ เค้าเคยไปกันมะ ไม่แน่บางทีอาจจะพอนึกอะไรออกก็ได้นะ”

“จริงด้วย! ดีเหมือนกันเนอะ” ฟูจิเห็นด้วย

“หึหึ บอกแล้วไงชั้นนี่แหละแชมป์หัวใสตัวจริง” คูมิยะยืดอกทำหน้าภูมิใจมาก

แต่เรนะกังวลว่าเธอจะไปไม่ได้เพราะต้องอยู่กับชมรมฟุตบอลเลยหันไปถามโชโงะว่า “รุ่นพี่ค่ะเย็นนี้หนูขอไปกับเพื่อนได้มั้ยคะ”

“อืม ๆ จริง ๆ ก็ใกล้แข่งแล้วนะ แต่เรื่องทาคุมิคุงก็สำคัญ งั้นเรนะจังก็หยุดไปก่อนละกัน” โชโงะตอบ

“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” เรนะดีใจมาก

“ว่าแต่วันแข่งเสาร์นี้มาได้ใช่มั้ย”

“ได้ค่ะรุ่นพี่”

“งั้นก็ไม่มีปัญหา เดี๋ยวชั้นคุยกับอาจารย์ให้เอง”

“ถ้ามีอะไรให้ชั้นช่วยก็บอกนะ” ทาคายูกิบอกพวกคูมิยะ

“ขอบคุณคะ/ครับ” แล้วทุกคนก็พากันกลับห้องเรียน

ระหว่างเดินกลับห้องเอย์จิก็หันไปถามฟูจิ “เอ่อคุณฟูจิครับ คุณเรนะเค้ามีธุระอะไรเหรอครับ”

“เฮ่ย ๆ เรียกชั้นฟูจิเฉย ๆ ก็ได้ ฟังแล้วจั๊กจี้หว่ะ”

“ขอโทษครับ”

ฟูจิเห็นเอย์จิทำหน้าหงอย ๆ เลยบอกว่า “เรนะเค้าเป็นผู้จัดการชมรมฟุตบอลหน่ะ ตอนเย็น ๆ เลยต้องอยู่ซ้อมกับทีม”

เอย์จิเลยคิดในใจว่า “เพราะเรา ทุกคนเลยต้องลำบาก”

หลังเลิกเรียนเพื่อน ๆ พาเอย์จิไปที่ต่าง ๆ ทั้งชายหาดมิสึที่เขาเคยไปโต้คลื่น ห้าง DMC และโคโรคาคุเซ็นเตอร์ แต่เอย์จิก็ไม่รู้สึกคุ้นกับที่ไหนเลย พวกเพื่อน ๆ พาเอย์จิไปทุกที่เท่าที่จะนึกออกจนมืด สุดท้ายก็เลยกลับมานั่งพักที่ร้าน Amusesbouche

“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด” ฟูจิทิ้งตัวลงบนเก้าอี้

“ขอโทษนะครับ เป็นเพราะผม…” เอย์จิหันไปบอกเขา

“เฮ่ย ๆ ชั้นไม่ได้หมายความหยั่งงั้น” ฟูจิรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธพัลวัน

“เพราะนายแหละพูดไม่คิด ทาคุมิคุงเค้าไม่สบายใจรู้มั้ย” คูมิยะหันไปต่อว่า

“อะไร ก็ชั้นบ่นตามปกติของชั้นนี่”

“พอเถอะ ๆ ยิ่งพวกเรามาเถียงกันทาคุมิคุงเค้ายิ่งรู้สึกไม่ดีรู้มะ” นายะปรามเพื่อน ๆ

“ไม่ต้องคิดมากนะ ทุกคนเค้าเต็มใจช่วยอยู่แล้วจ๊ะ” เรนะหันมาบอกเอย์จิ

“ใช่ ๆ ปกติพวกนี้ก็กัดกันทุกวันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับนายหรอก” เรกะพูด คูมิยะกับฟูจิก็เลยหันมาแง่ง ๆ ใส่เธอบอกใบ้ว่าพวกชั้นไม่ใช่หมานะ

“น้ำมาแล้วจ๊ะ” คุณแม่กับพี่สาวของเอย์จิช่วยกันยกน้ำกับขนมมาเลี้ยงทุกคน

“ว้าย! คุณแม่คะไม่ต้องก็ได้ค่ะ” คูมิยะเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ ทานกันให้เต็มที่เลยนะ” คุณแม่เอย์จิบอก

“ถ้าท้องหิวสมองก็จะไม่แล่นนะ” ยูริยิ้มบอกทุกคนแล้วถามความคืบหน้า “วันนี้เป็นไงมั่งจ๊ะ”

“วันนี้พวกเราก็ไปมาหลายที่ค่ะ แต่ทาคุมิคุงยังนึกอะไรไม่ออกเลย” คูมิยะตอบ

“บางทีอาจจะเร็วไปก็ได้นะคะ ทาคุมิคุงเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานเอง” เรกะพูด

“นั่นสิจ๊ะ แม่ว่าไม่ต้องรีบหรอก ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะ”

“นั่นสิคะ คุณหมอเค้าก็บอกแล้วว่าเป็นอาการระยะสั้น ไม่นานก็หาย” ยูริพูด ทุกคนก็ทำท่าทางเห็นด้วย พออิ่มแล้วทุกคนก็เลยจะแยกย้ายกลับบ้าน

“เฮ้ เอย์จิพรุ่งนี้เจอกันนะ” ฟูจิโบกมือให้

“ครับ” เอย์จิตอบเนือย ๆ

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูดสุภาพกับชั้น”

“อะ อื้อ เอ่อ…” เอย์จิพยายามจะเรียกชื่อเพื่อน แต่เขายังจำไม่ได้

“ชั้นชื่อโอสึกิ ฟูจิวาระ นายเรียกชั้นว่าฟูจินะ”

“อื้อฟูจิ” เอย์จิทวน

“ส่วนชั้นคอนจินะ” คอนจิเสริม

“อะอื้อ” เอย์จิรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้ว แต่พอเขาพยายามจะนึกก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

“เป็นไรรึเปล่าจ๊ะ” เรนะรีบเข้ามาดูอาการเขา คนอื่น ๆ ก็พากันตกใจ

เอย์จิกุมขมับอยู่ซักพักความปวดก็ค่อย ๆ เบาลง “ไม่เป็นไรครับ”

“เอาน่าไม่ต้องให้ทาคุมิคุงจำอะไรเพิ่มตอนนี้หรอก เดี๋ยวพอความจำกลับมาก็จำได้เองแหละ” คูมิยะบอก

“นั่นสิ ขอโทษนะ” คอนจิพูด

“อื้อ ให้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า” ฟูจิก็เห็นด้วย แล้วทุกคนก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน เรกะกับเรนะเลยอาสาไปส่งเอย์จิที่บ้าน

ระหว่างทางที่ทั้งสามคนกำลังเดินกลับบ้านเอย์จิก็ชำเลืองมองมาที่ทั้งสองสาวเป็นพัก ๆ จนเรกะต้องเอ่ยปากถาม “นายมีอะไรเหรอ”

“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกว่าเหมือนเคยเดินกับพวกคุณ”

“ก็แน่สิยะ” เรกะพูด เอย์จิมองหน้าเธอแล้วงงเล็กน้อย

เรนะเลยหันมายิ้มให้เขาแล้วบอกว่า “ก็พวกเรากลับบ้านด้วยกันออกบ่อยนี่จ๊ะ”

“เหรอครับ”

“ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแค่นี้นายก็ลืม เชอะ!” เรกะแกล้งหยอกเขา

แต่เอย์จิกลับรู้สึกผิดจริง ๆ เขาทำหน้าเศร้า ๆ แล้วพูดว่า “ผมขอโทษจริง ๆ ครับ”

“ชั้นแค่พูดเล่น นายไม่ต้องคิดมากนะ” เรกะหน้าเสียที่ไปแกล้งเอย์จิ

“โธ่พี่ค่ะ” เรนะต่อว่าพี่สาวเบา ๆ

“ขอโทษ ๆ พี่ไม่ตั้งใจ พี่แค่แกล้งนิดหน่อยเอง ‘โหสินะทาคุมิคุง” เรกะบอกเขา

“เอย์จิคุงอย่าคิดมากนะจ๊ะ” เรนะหันไปบอกเขา

“ผมไม่คิดมากหรอกครับ” เอย์จิโกหกเพื่อให้ทั้งสองคนสบายใจขึ้น

ซักพักทั้งสามก็ไปถึงบ้านเอย์จิ “พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ” เรนะโบกมือบ๊ายบายเอย์จิ

“พรุ่งนี้พวกคุณจะมารับผมอีกเหรอครับ” เอย์จิถาม

“จ๊ะ” เรนะตอบ

“พวกคุณไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ ผมพอจำทางได้แล้ว” เอย์จิบอกทั้งสองคน

เรนะยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วยื่นหน้ามาใกล้เอย์จิตามที่เธอเคยชินแล้วบอกเขาว่า “ไม่ลำบากหรอกจ๊ะ ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่”

“คะ ครับ” เอย์จิอายจนพูดติด ๆ ขัด ๆ

“คิก ๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ” เรนะขำที่เห็นเอย์จิเขินจนหน้าแดง

“ครับ” แล้วเอย์จิก็โบกมือบ๊ายบายทั้งสองสาว

“บ๊ายบาย พรุ่งนี้เจอกัน” เรกะโบกมือให้เขาแล้วทั้งสองสาวก็เดินกลับบ้าน

ขณะเดียวกันหลังจากร้าน Amusesbouche ปิดแล้ว ครอบครัวทาคุมิก็เปิดประชุมลับ “มีอะไรเหรอคะคุณพ่อ”

“ทุกคนคิดว่าไงเรื่องเอย์จิโดนรถชน” พ่อของเธอถาม

“ตอนแรกหนูก็ตกใจ แต่พอมาคิดดูก็น่าแปลกนะคะ ผู้ใช้เวทมนตร์อย่างพวกเราไม่น่าจะเป็นอะไรกับเรื่องแค่นี้!?!”

“ก็ปกติพ่อกับลูก ๆ จะใช้เวทบาเรียคอยป้องกันตัวอยู่แล้ว แม่ก็เลยไม่ค่อยเป็นห่วง แต่พอเอย์จิเกิดเรื่องแม่ก็ใจหายเหมือนกันนะ” ผู้เป็นแม่ออกความเห็น เนื่องจากเธอเป็นสะใภ้ของตระกูลจึงใช้เวทมนตร์ไม่ได้

“ใช่! ถ้าใช้เวทป้องกันตัวถึงจะโดนยิงก็แค่พอ ๆ กับโดนต่อยเท่านั้นแหละ เพราะงั้นพ่อถึงรู้สึกสงสัย”

“จะว่าไปแล้วเอย์จิก็เจ็บหนักเหมือนกันนะคะ” ยูริฉุกใจคิด

“นั่นสิถ้าจะเจ็บขนาดนั้น พ่อว่าคงต้องโดนตึกถล่มทับอย่างเดียวแหละ”

“งั้นพอเป็นไปได้มั้ยว่าอาจจะมีอะไรทำให้เอย์จิสลายเวทป้องกัน” ผู้เป็นแม่สงสัย

“ก็เป็นไปได้นะคะ ตอนนั้นเอย์จิอาจจะใช้เวทมนตร์ทำอย่างอื่นอยู่ก็ได้” ลูกสาวลองจินตนาการตาม

ฝ่ายพ่อก็คิดว่าเป็นไปได้แต่ยังไม่ฟันธงเลยบอกว่า “อืม จะยังไงเราก็ต้องรอให้ความจำเอย์จิกลับมาก่อนนั่นแหละ” แล้วเขาก็กังวลอยู่ในใจเพียงคนเดียวว่า “ยังไงก็อย่าให้เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดละกัน!?!”

พอประชุมกันเสร็จทุกคนก็เก็บของจะกลับบ้าน แต่ยูริก็เอ่ยปากถามอีกเรื่อง “เอ่อ คุณพ่อคุณแม่คะ!”

“ทำไมเหรอลูก” แม่ของเธอหันมาถาม

“แล้วเรื่องความทรงจำของเอย์จินี่เราจะไม่ลองใช้เวทมนตร์ช่วยดูเหรอคะ” ยูริเสนอ

“ไม่ได้หรอกลูก จะใช้เวทคืนความทรงจำได้ก็ต่อเมื่อสาเหตุที่เสียความทรงจำเกิดจากเวทมนตร์เท่านั้นแหละ” พ่ออธิบาย

“แต่เราก็น่าจะลองดูนะคะ”

“ลูกคิดว่าสาเหตุที่เอย์จิเสียความทรงจำเกิดจากเวทมนตร์งั้นเหรอ” น้ำเสียงของพ่อแฝงไว้ด้วยความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าค่ะ หนูก็แค่อยากช่วยเท่าที่ทำได้” ยูริเริ่มเสียงอ่อย

“ถ้ามีคนอื่นใช้เวทมนตร์ทำร้ายเอย์จิจริง ก็คงไม่พ้นพวกนั้น” ในที่สุดพ่อของเธอก็พูดออกมา ภรรยากับลูกสาวของเขาฟังแล้วก็พลอยเครียดไปด้วย เขาเลยพูดให้ทุกคนสบายใจว่า “แต่คงไม่ใช่หรอก เพราะถ้าเป็นพวกนั้นจริงเอย์จิคงไม่เสียแค่ความทรงจำแน่”

“นั่นสิคะคุณ แม่ว่าคงมีเหตุผลบางอย่างมากกว่า”

“แล้วเราจะไม่ลองช่วยเอย์จิกันเหรอคะ” ยูริเสียดาย

“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกลูก เวทฟื้นความทรงจำเป็นเวทมนตร์โบราณ ลำพังเราสองคนร่วมมือกันก็ยังใช้ไม่ได้หรอก” พ่อบอกเธอ

“ทุกวันนี้คนที่ใช้เวทนั้นได้ก็คงมีแต่ท่านผู้นั้น” พอแม่พูดจบเธอก็ทอดสายตาไปไกลยังขอบฟ้าอันมืดมิด

“ยังไงก็รอดูท่าทีซักพักก่อนละกัน นะ” พ่อยูริเอามือตบไหล่ลูกสาวเบา ๆ แล้วทั้งสามก็พากันกลับบ้าน

วันรุ่งขึ้นสองพี่น้องก็มารับเอย์จิที่บ้านแต่เช้า แต่พอทั้งคู่กดกริ่งกลับเป็นยูริออกมาต้อนรับแทน “อ้าว!?! เอย์จิออกไปแล้วจ๊ะ เค้านัดพวกเราไว้ที่หน้าปากซอยไม่ใช่เหรอ”

“เอ๋!” สองพี่น้องอุทานพร้อมกัน “เปล่านะคะ พวกหนูนัดเค้าไว้ที่นี่ค่ะ” เรนะบอก

“อ้าว! แล้วทำไมเอย์จิถึงออกไปก่อนหล่ะ” ยูริงง

“งั้นพวกหนูไปก่อนนะคะ ตามไปตอนนี้น่าจะทัน เดี๋ยวนายนั่นจะไปหลงทางที่ไหนซะก่อน” เรกะก้มหัวลายูริแล้วรีบหันหลังวิ่งไป

“เดี๋ยวค่ะพี่ รอหนูด้วย” เรนะก็โค้งให้เธอแล้วรีบตามพี่สาวไป

ทั้งสองวิ่งไปตามทางที่ไปโรงเรียนเป็นประจำแต่ก็ยังไม่เห็นเอย์จิ ทั้งคู่เลยเริ่มเป็นกังวล “เอย์จิคุงจะหลงทางรึเปล่านะ” เรนะพึมพำเบา ๆ

“แล้วทำไมหมอนั่นต้องรีบออกมาก่อนด้วยนะ” เรกะฉุนเล็ก ๆ

ทั้งสองตามหาเอย์จิไปจนถึงหาดมิสึ วันนี้ลมพัดแรงกว่าปกติ คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า ทำให้ไม่มีใครลงเล่นน้ำเหมือนวันก่อน ๆ

“พี่คะ”

“มีไรเหรอ”

“พี่ว่าทำไมเอย์จิคุงถึงไม่รอพวกเราหล่ะคะ”

“ไม่รู้สิ บางทีหมอนั่นอาจจะรำคาญหล่ะมั้ง” เธอตอบน้องสาวแบบตรงข้ามกับที่ใจเธออยากให้เป็นแล้วก็เหม่อมองไปที่ชาดหาด ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาคนเล็ก ๆ ยืนอยู่ที่นั่น “เรนะ นั่นใช่เอย์จิรึเปล่า” เธอชี้ให้น้องสาวดู

“จริงด้วย!!!” เรนะเห็นเอย์จิก็จำได้ทันที เธอรีบวิ่งไปหาเขาโดยไม่รีรอ

“รอด้วยสิ!” แล้วเรกะก็รีบวิ่งตามน้องสาวไป

พอทั้งสองเข้าไปใกล้ก็พบว่าเอย์จิกำลังยืนเหม่อมองโขดหินอยู่ “เอย์จิคุงอยู่นี่เอง” เรนะร้องเรียกเขา พอเอย์จิได้ยินก็หันมามองทั้งสองคน “ดูอะไรอยู่เหรอจ๊ะ”

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” เอย์จิปฏิเสธแต่เขายังมองไปที่โขดหินอย่างไม่วางตา

“พี่คะ” เรนะหันไปหาพี่สาว

“บางทีหมอนั่นอาจจะกำลังนึกอะไรอยู่ก็ได้ เราอย่าเพิ่งไปกวนเค้าเลย” พอฟังที่เรกะบอก เรนะก็พยักหน้าหงึก ๆ ส่วนเรกะพอมองไปที่โขดหินก็นึกขึ้นได้ว่าเอย์จิเคยสารภาพรักกับน้องสาวเธอตรงนี้ พอเธอชำเลืองไปมองน้องสาวก็เห็นเธออายหน้าแดงอยู่

“งั้นพี่ไปก่อนนะ เธออยู่เป็นเพื่อนทาคุมิคุงละกัน” แล้วเธอก็หันหลังเดินไป

“ดะ เดี๋ยวสิคะพี่” เรนะรั้งพี่สาวไว้

“อ้าว! ก็เจอตัวทาคุมิคุงแล้วไม่ใช่เหรอ” เรกะถามโดยไม่หันกลับมามอง

“แล้วพี่ไม่อยู่ด้วยกันหล่ะคะ?” ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน เอย์จิก็มองเรกะด้วยสีหน้าลำบากใจ

“โรงเรียนอยู่แค่นี้เอง เธอพาเค้าไปละกัน”

“ขอโทษนะครับ”

“ขอโทษทำไมอะ” เรกะถามกลับ

“ก็ผมเป็นภาระให้คุณ”

“เปล่า ๆ ชั้นไม่ได้ว่านายนะ” เรกะรีบออกตัว

“ไม่มีใครคิดว่าเอย์จิคุงเป็นภาระเลยนะจ๊ะ” เรนะช่วยพูดให้

“ใช่ ๆ” เรกะย้ำ

“จริงเหรอครับ” เอย์จิหันไปถามเธอ

“อื้อ ถ้างั้น...ชั้นก็...รออยู่ด้วยละกัน” เรกะตอบเสียงอ่อย ๆ

เรนะฟังแล้วก็ยิ้มออก “ขอบคุณค่ะพี่”

ทั้งสามคนเดินเล่นแถว ๆ นั้นจนระฆังเข้าเรียนดัง แต่สองพี่น้องก็ไม่มีท่าทีอะไร ทั้งคู่ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนเอย์จิจนกว่าเขาจะพอใจ แต่เอย์จิไม่อยากให้พวกเธอเข้าเรียนสายก็เลยบอกว่า “ลมเริ่มแรงแล้ว ไปกันเถอะครับ”

“อ้าวจะไปแล้วเหรอ” เรกะหันไปถาม เอย์จิก็พยักหน้ารับ

“แล้วนึกอะไรออกบ้างมั้ยจ๊ะ” เรนะถามมั่ง

“ขอโทษครับ” เอย์จิทำหน้าเศร้า ๆ เพราะเพื่อนทั้งสองอุตส่าห์อยู่รอเขาแต่ทุกอย่างก็สูญเปล่า

“ไม่ต้องคิดมากหรอกจ๊ะ ให้มันค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะ” เรนะปลอบใจเขา

“จริงด้วย เดี๋ยวซักพักก็นึกออกเองแหละ” เรกะบอก

“ขอบคุณครับ”

พอตอนสาย ๆ ระหว่างคาบเรียนเอย์จิเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เขานั่งนิ่งอยู่นานเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ อาจารย์ที่กำลังสอนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรับทราบเรื่องของเขาแล้ว พอระฆังหมดชั่วโมงดังคูมิยะก็เข้ามาคุยด้วย

“เออนี่ เมื่อเช้ามีอะไรกันเหรอ” เธอถามเรื่องที่เรนะกับเอย์จิมาสาย

“ไม่มีไรหรอกจ๊ะ เอย์จิคุงเค้าเหมือนจะนึกอะไรออก ชั้นกับพี่เลยปล่อยให้เค้าค่อย ๆ นึกไปอะจ๊ะ”

“เหรอ ๆ แล้วเป็นไงมั่งอะ” คูมิยะถามอย่างตื่นเต้น

แต่เรนะส่ายหัวทำหน้าผิดหวัง “ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจ๊ะ” เอย์จิที่นั่งข้าง ๆ ก็ทำหน้าหงอย ๆ

“ก็แหงอยู่แล้ว จะให้นึกออกในวันสองวันได้ไง” คอนจิหันมาคุยด้วย ฟูจิก็พยักหน้าเห็นด้วย

“รู้แล้วหล่ะย่ะ แต่ก็อยากให้ทาคุมิคุงเค้าหายเร็ว ๆ นี่” คูมิยะย้อน ส่วนเรนะก็หันไปยิ้มให้กำลังใจเอย์จิ

ซักพักคารินก็แวะมาเยี่ยมที่ห้องโดยเซริซาว่ากับนางาโตะตามมาข้างหลัง สองคนนี้ตามติดคารินเป็นตังเมตั้งแต่งานวันเกิดพี่น้องฝาแฝดเมื่ออาทิตย์ก่อน “ทาคุมิคุงเป็นไงมั่ง ได้ข่าวว่าความจำเสื่อมเหรอ” คารินพรวดพราดถาม

“รุ่นพี่คะ!” คูมิยะตีหน้ายักษ์ใส่หล่อน

“ขอ ขอโทษจ๊ะ” คารินขอโทษเสียงอ่อย

“เฮ้! เอย์จิจำชั้นได้มั้ย” นางาโตะหันไปถาม แต่เอย์จิก็ได้แต่ซึม ๆ

“ชั้นก็จำไม่ได้เหรอ” เซริซาว่าถามมั่ง แต่เอย์จิก็เหมือนเดิม

ทันใดนั้นคารินก็ดึงเอย์จิเข้าไปกอด ใบหน้าเขาซุกอยู่กับหน้าอกตู้ม ๆ ของเธอจนหายใจไม่ออก “โอ๋ ๆๆ เข้ามารับไออุ่นจากพี่นะจ๊ะพ่อแมวน้อยหลงทาง” พวกเซริซาว่ากับพวกคอนจิเห็นแล้วก็พากันตาถลนน้ำลายหกอิจฉาเอย์จิ คูมิยะกับนายะก็ตกใจอ้าปากค้าง ส่วนเรนะก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก “พี่สาวคนนี้จะปลอบใจให้เองนะจ๊ะ” คารินทำท่าราวกับเอย์จิเป็นลูกแมวตกน้ำตัวหนาวสั่น

“รุ่นพี่ทำอะไรค่ะ!!!” คูมิยะทำหน้าดุควันออกหู

คารินเลยค่อย ๆ คลายรัดเอย์จิออกจากหน้าอกเธอ จริง ๆ ถ้าเธอรัดเขาไว้นานกว่านี้เอย์จิมีหวังขาดใจตายแน่ “แหม ๆ ทำแบบนี้ความจำอาจจะกลับมาก็ได้นะ” คารินทำหน้าอินโนเซ้น

“รุ่นพี่คร๊าบบบบ พวกผมก็ความจำเสื่อมคร๊าบบบบ” พวกเซริซาว่าทำหน้าตาหื่นกระโดดตัวลอยโผเข้าไปหาคารินทันที พวกฟูจิคอนจิเห็นก็ทำท่าจะตามน้ำเข้าไปด้วย

แต่คูมิยะใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีเข้ามาขวางด้วยสัญชาติญาณแล้วกระโดดถีบเท้าคู่ใส่ทั้งสองคนทันที “นี่แน่!!!! บาทาพิฆาตหื่น”

“โอ้ยยยยย” ทั้งคู่ร้องเสียงหลงกระเด็นออกนอกห้องไปติดระเบียง ทั้งสองร้องโอดโอย พวกฟูจิเห็นสภาพทั้งสองเลยชะงักเปลี่ยนใจทันไม่เสี่ยงไปรับลูกถีบของคูมิยะ

“เออ แล้วหมอว่าไงมั่งจ๊ะ” คารินถามเป็นการเป็นงาน แต่พวกเรนะก็ได้แต่ทำท่าทางหงอย ๆ แทนคำตอบ เอย์จิเห็นเพื่อน ๆ ไม่สบายใจก็พลอยหดหู่ไปด้วย “งั้นเอางี้มั้ย พี่ได้ยินว่าที่ศาลชานเมืองมีหมอผีชื่อดัง ใครก็ ๆ พากันไปให้เค้าปัดรังควานให้ หายกันทุกคนเลยนะ!!!”

“รุ่นพี่ค่ะ คนป่วยนะคะไม่ได้โดนผีเข้า” คูมิยะขัด

“อ้าว แหม ใครจะไปรู้หล่ะ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ”

ซักพักอาจารย์ผู้สอนวิชาต่อไปก็เข้ามา คารินกับพวกนางาโตะเลยรีบกลับห้อง นักเรียนคนอื่น ๆ ก็พากันกลับไปนั่งที่ ก่อนที่อาจารย์จะเริ่มสอน เอย์จิก็หันมาบอกเรนะว่า “เดี๋ยวผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ” แล้วเอย์จิก็ลุกออกไป

หลังจากอาจารย์สอนไปได้ซักครึ่งชั่วโมงเรนะก็เริ่มชะเง้อมองหาเอย์จิ “เอย์จิคุงช้าจัง” เธอเริ่มกังวล

“นั่นสิเข้าห้องน้ำแค่นี้เอง” คอนจิก็สงสัย

“งั้นนายไปดูที่ห้องน้ำทีสิ” ฟูจิถือโอกาสใช้เพื่อน

“อ้าว ทำไมเป็นชั้นหล่ะ” คอนจิทำเป็นบ่นนู่นนี่แต่ก็รีบลุกออกไปตามเอย์จิ เรนะมองตามคอนจิไปแล้วกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ซักพักคอนจิก็ตาลีตาเหลือกวิ่งกลับมาหอบแฮ่ก ๆ บอกทุกคนว่า “แย่แล้ว ไม่รู้เอย์จิหายไปไหน!!!”

“หา!!!” ฟูจิอุทาน ขณะที่เรนะทำท่าตกใจมาก

“นายหมายความว่าไง” ฟูจิถาม

“คือพอชั้นไปดูในห้องน้ำก็ไม่เห็นใครอยู่ ชั้นเลยเดินหาแถว ๆ นั้น…แฮ่ก ๆ…แต่ก็ไม่เจอ เลยรีบวิ่งมาบอกพวกนาย…” คอนจิกึ่งพูดกึ่งหอบ

ก่อนที่คอนจิพูดจบเรนะก็วิ่งออกจากห้องไปแล้ว “เฮ้! เรนะจัง” ฟูจิร้องเรียกตามหลังเธอแต่ก็ไม่ทัน อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น คูมิยะเห็นเรนะวิ่งออกไปก็ตกใจ ส่วนคนอื่น ๆ ก็พากันสงสัย

อาจารย์ผู้สอนเลยเดินมาถามพวกฟูจิ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”

“คือทาคุมิหายตัวไปครับ” ฟูจิตอบ

“หาา! นักเรียนที่ความจำเสื่อมหน่ะเหรอ แล้วหายไปนานรึยัง” อาจารย์ฟังแล้วตกใจมาก

“คือเค้าไปเข้าห้องน้ำตอนช่วงพักเบรกครับ แล้วก็ยังไม่กลับมาเลย”

“หาดีแล้วเหรอ”

“ครับ”

“แย่แล้ว! งั้นต้องรีบบอกผู้ปกครองเค้าก่อนแล้ว พวกเธออ่านหนังสือไปเงียบ ๆ นะ เดี๋ยวครูมา” แล้วอาจารย์ก็รีบจ้ำอ้าว ๆ ไปห้องพักครู

พออาจารย์ออกจากห้องคูมิยะก็รีบเข้ามาถามพวกคอนจิ พอรู้เรื่องเธอก็รีบโทรไปบอกเรกะกับนายะ แล้วทั้งสามก็ออกจากห้องไป ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ก็พากันกันพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ ที่ห้องเรกะหลังจากที่พวกเธอรู้เรื่อง เรกะก็โกหกอาจารย์ขอตัวไปห้องพยาบาล โดยให้นายะพยุงเธอไป แล้วทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่ทางเข้าตึก

“ทำไงดี” นายะถามอย่างร้อนรน

“ใจเย็น ๆ เอย์จิอาจจะจำทางกลับห้องไม่ได้ก็ได้นะ บางทีอาจเดินหลงอยู่ในตึกก็ได้” ฟูจิพยายามมองโลกแง่ดี

“แค่เดินตรงจากห้องเรียนไปห้องน้ำไม่ถึง 30 เมตรเนี่ยนะจะจำทางไม่ได้” เรกะท้วง

“อ้าว ก็ไม่แน่นะ ก็หมอนั่นความจำเสื่อมอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“บ้า วันนี้หมอนั่นยังเดินมาโรงเรียนคนเดียวได้เลย”

“อ้าววันนี้พวกเธอไม่ได้ไปรับทาคุมิคุงเหรอ” นายะสงสัย

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ที่สำคัญตอนนี้เรนะจังก็หายไปเหมือนกันนะ” คูมิยะบอก

“ชั้นว่าเรนะคงตามหาเอย์...เอ่อ ทาคุมิคุงอยู่แหละ” เรกะเดา

“งั้นพวกเราก็ช่วยกันหาอีกแรงละกัน” คูมิยะบอกเพื่อน ๆ

“ชั้นว่าถ้าจะให้เร็ว เราแยกกันหาดีกว่านะ” ฟูจิเสนอ

“จริงด้วย ถ้าใครเจอแล้วโทรบอกด้วยละกัน” คอนจิพูด แล้วทุกคนก็แบ่งกลุ่มกันตามหา โดยฟูจิกับคอนจิหาตั้งแต่ดาดฟ้าลงมา คูมิยะกับนายะเดินหาจากชั้นล่างขึ้นไป ส่วนเรกะตามหารอบ ๆ อาคาร

ระหว่างที่คูมิยะกับนายะกำลังตามหาเอย์จิ นายะก็มีสีหน้าเป็นกังวล คูมิยะเลยถามเธอว่า “ทำไมเหรอ”

“แค่พวกเราจะหาทาคุมิคุงเจอมั้ย แล้วยังเรนะอีก”

“ใจเย็น ๆ เรนะหน่ะชั้นไม่ห่วงหรอกยังไงก็โทรหาได้ แต่ที่สำคัญตอนนี้คือทาคุมิคุงนั่นแหละ” คูมิยะวิเคราะห์อย่างใจเย็น ในเวลาแบบนี้เธอกลับสามารถคุมสติได้ค่อนข้างดี

“โรงเรียนเราก็ไม่ใช่แคบ ๆ นะ”

“งั้นโทรให้รุ่นพี่ทาคายูกิกับรุ่นพี่คารินมาช่วยมะ” คูมิยะเสนอ

“เอางั้นเหรอ พวกรุ่นพี่เรียนอยู่รึเปล่า”

“ก็ลอง ๆ ถามดู ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร” พอพูดจบคูมิยะก็กดเบอร์โทรหารุ่นพี่ทันที

อีกด้านหนึ่งฟูจิกับคอนจิก็กำลังตามหาเอย์จิอยู่ “เอย์จิมันหายไปไหนของมันว้าาาา” ฟูจิบ่น

“หรือว่ามันจะรำคาญพวกชอบนินทาเลยกลับบ้านไปแล้ว” คอนจิเดา

“เฮ่ย! ถึงมันจะจำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจะกลับบ้านก็น่าจะบอกกันบ้างสิ ชั้นว่าน่าจะหลงทางมากกว่า”

“งั้นเหรอ” คอนจิพูดแบบไม่ค่อยเชื่อ

“ใครจะไปรู้หล่ะ ก็คนมันสมองกระทบกระเทือน อาจจะจู่ ๆ ก็จำอะไรไม่ได้ขึ้นมาก็ได้” ฟูจิเดาแล้วทั้งคู่ก็พยายามตามหาเอย์จิกันต่อไป

“เอย์จิคุง ๆ” เรนะตะโกนเรียกเอย์จิ ตั้งแต่เธอผลุนผลันออกจากห้อง เธอก็วิ่งตามหาเขาจนทั่วตึก แล้วพอไม่เจอก็เลยลงมาดูแถวสนามฟุตบอล “นี่ ๆ เห็นเอย์จิคุงปี 1 ห้อง 8 บ้างมั้ยจ๊ะ” เธอถามนักเรียนที่อยู่แถวนั้น

“คนที่เค้าลือกันว่าความจำเสื่อมใช่มะ” กลุ่มนักเรียนหญิงตอบ

“ใช่จ๊ะ พวกเธอเห็นบ้างมั้ย”

“ขอโทษนะ ไม่เห็นเลยจ๊ะ แต่ไงเดี๋ยวพวกเราช่วยดูให้นะ”

“ขอบใจนะจ๊ะ งั้นถ้าเจอช่วยโทรกลับเบอร์นี้หน่อยนะ” แล้วเรนะก็จดเบอร์เธอให้นักเรียนหญิงกลุ่มนั้น

ทางด้านเรกะเธอเดินหารอบ ๆ ตึกจนทั่วแต่ก็ยังไม่เจอเอย์จิ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างจึงเดินไปด้านหลังโรงเรียน ผ่านสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส จนไปถึงแปลงเกษตร ที่นั่นเธอเห็นรอยเท้าคู่หนึ่งเดินลัดโคลนไปสุดอยู่ที่รั้วหลังโรงเรียน

“เอย์จิคุง!” ความคิดคำนึงของเธอมุ่งตรงไปที่เขาทันที เธอคิดว่านี่ต้องเป็นรอยเท้าของเอย์จิแน่ เธอเลยปีนรั้วตามเจ้าของรอยเท้าคู่นั้นไปอย่างไม่รีรอ

ขณะนั้นเองคูมิยะที่กำลังตามหาเอย์จิอยู่บนชั้น 4 ก็หันมาเห็นเข้าพอดี “อ๊าาาา!!!” เธอร้องเสียงหลง

นายะเห็นเพื่อนร้องเสียงดังเลยหันไปถาม “มีอะไร ร้องเสียงดังเชียว...” แต่พอเธอชะโงกหน้ามองลงไปที่แปลงเกษตรเธอก็ถึงกับอึ้ง

“ยัยเรกะทำอะไรหน่ะ!!!” คูมิยะโวยวายเสียงดัง

“ก็เห็น ๆ อยู่ว่ากำลังปีนออกไปนอกโรงเรียน แล้วคิดว่าทำอะไรหล่ะ” นายะทำหน้ายียวนย้อนเพื่อน

“นี่หล่อน!” คูมิยะเลยทำหน้ายักษ์ใส่เธอ

“ขอโตดดดด เค้าล้อเล่นนนนน”

“แล้วจะทำไงดี นี่มันหนีโรงเรียนเลยนะ”

“ก็จะให้ทำไงหล่ะหรือว่าจะตามไป”

“จะบ้าเรอะ ถ้าตามไปก็กลายเป็นพวกเราหนีเรียนด้วยสิยะ เออจริงด้วย!?!” คูมิยะเพิ่งฉุกใจคิดออก เธอรีบกดเบอร์โทรไปหาเรกะทันที



Create Date : 16 ธันวาคม 2552
Last Update : 14 มกราคม 2553 10:49:55 น. 0 comments
Counter : 213 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]