นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
14 ธันวาคม 2553

รักยกกำลังสอง บทที่ 26 นาฬิกาทราย (Hourglass) ตอนที่ 2

“ฮะ ฮะ ฮะ เร็วอีกค่ะ เร็วอีกพี่มิยูกิ ฮะ ฮะ ฮะ!”

“สนุกมั้ยคะคุณหนู”

“สนุกมากเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่หนูได้ออกมาแบบนี้”

“งั้นพรุ่งนี้เราออกมากันอีกมั้ยคะ”

“ได้จริง ๆ เหรอคะ!” ลิลิธทำตาโตด้วยความดีใจ

“จริงสิคะ อะพี่เกี่ยวก้อยสัญญา!”

แล้วมิยูกิก็ยื่นนิ้วก้อยให้เด็กน้อย ลิลิธได้แต่นั่งมองแล้วก็ทำหน้างง ๆ มิยูกิเลยเอานิ้วก้อยของเด็กน้อยมาเกี่ยวกับเธอแทน แล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะกันคิกคัก

(หลายวันผ่านไป…)

“นี่เธอ! ถือดียังไงพาคุณหนูออกไปเที่ยวเล่นตามใจชอบ!!”

“อย่าว่าพี่มิยูกิเลยนะคะคุณป้าแม่บ้าน หนูเป็นคนขอให้พี่มิยูกิพาออกไปเองแหละค่ะ”

“พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะคุณหนู ถ้าออกไปแล้วได้รับอันตรายขึ้นมาจะทำยังไงกันเจ้าคะ นี่ถ้าคุณท่านรู้เข้าคงจะโกรธมากแน่ ๆ”

“หนูผิดเองค่ะ คุณป้าแม่บ้านอย่าทำโทษพี่มิยูกิเลยนะคะ” ลิลิธขอร้องตามประสาเด็ก

“โธ่! คุณหนูผู้ไร้เดียงสา คงถูกนังเด็กเจ้าเล่ห์นี่สอนให้พูดสินะเจ้าคะ เนี่ยเพราะคุณหนูไปอยู่ใกล้มันแท้ ๆ เลยถูกมันหลอกเอา อย่าไปยุ่งกับคนแบบมันเลยนะเจ้าคะ”

“เอ้า! พวกเธอมัวยืนมองอะไรอยู่ รีบพาคุณหนูขึ้นไปข้างบนซะสิ!”

แล้วแม่บ้านคนอื่นก็พากันอุ้มลิลิธขึ้นไปบนห้อง เด็กน้อยได้แต่เหลียวหลังมามองมิยูกิที่กำลังก้มหน้าให้หัวหน้าแม่บ้านดุด่าอยู่ แต่พอหัวหน้าแม่บ้านเผลอเธอก็แอบขยิบตาส่งยิ้มให้เด็กน้อย ลิลิธจึงยิ้มออก

(แล้วพอวันรุ่งขึ้น…)

“ฮะ ฮะ ฮะ ทางโน้นค่ะทางโน้น!”

“คุณหนูนั่งดี ๆ นะคะ เดี๋ยวจะหล่นลงไป”

“ค่ะพี่มิยูกิ แล้วเมื่อวานโดนดุอะไรรึเปล่าคะ”

“คุณหนูไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้สบายมาก”

“หนูขอโทษนะคะ”

“คุณหนูไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ พี่เองก็อยากพาคุณหนูออกมาเล่นข้างนอกอยู่แล้ว”

“แต่หนูทำให้พี่มิยูกิต้องโดนคุณป้าแม่บ้านว่า…” ลิลิธทำหน้าหงอย ๆ

มิยูกิเลยยิ้มให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยนแล้วตอบว่า “คุณหนูไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องแค่นี้พี่ชินแล้วหล่ะค่ะ เมา ๆ เรามาสนุกกันดีกว่า เอ้า! จะเร็วขึ้นแล้วนะคะ”

“ว้ายยยย พี่มิยูกิ ฮะ ฮะ ฮะ!!!”

หลังจากนั้นหนูกับพี่มิยูกิก็จะแอบหนีออกมาเล่นข้างนอกกันเป็นประจำ จนกระทั่งวันนึง…

“นี่เธอ! ทำอะไรหน่ะ!”

“ท่านพี่!”

ลิลิธตกใจกลัวจนตัวสั่น แต่มิยูกิกลับตรงกันข้าม เธอไม่มีท่าทีจะยำเกรงลูกชายคนเดียวของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เลยแม้แต่น้อย

“ทำอะไรเหรอคะ ก็พาคุณหนูออกมาเล่นข้างนอกไงคะ คุณก็เห็นอยู่!!”

“นั่นหน่ะชั้นรู้แล้ว แต่ชั้นกำลังถามว่าเธอพานังเด็กนั่นออกมาได้ยังไง!” เอ็ดเวิร์ดตะคอกเสียงดัง

ตอนนี้ลิลิธได้แต่นั่งขดตัวสั่นอยู่บนรถเข็น แต่ทว่ามิยูกิกลับเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที แล้วเธอก็…

“เพี๊ยะ!!!”

เอ็ดเวิร์ดโดนตบจนหน้าหัน!!!

“ท่านพี่!!!” ลิลิธร้องด้วยความตกใจ

เอ็ดเวิร์ดรีบคว้าข้อมือมิยูกิทันที เขาตะคอกเสียงดังว่า “เธอกล้าดียังไงมาตบหน้าชั้น!!!”

“แล้วคุณหล่ะคะ กล้าดียังไงถึงเรียกน้องสาวตัวเองว่านังเด็กนั่น!” มิยูกิเถียงกลับ

“หนอยยย” เอ็ดเวิร์ดเงื้อมือหมายจะตบหน้าหล่อน

“อย่าค่ะ! ท่านพี่!” ลิลิธร้องห้ามสุดเสียง

“เพี๊ยะะะ!!!”

แก้มขาว ๆ กลายเป็นสีแดงช้ำทันที ที่ตาทั้งสองข้างก็มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ แต่เธอก็กัดฟันไม่ร้องออกมา เอ็ดเวิร์ดที่พลั้งมือไปด้วยความโกรธก็รู้สึกตัวแล้วทำหน้าเสีย

“ผู้ชายรังแกผู้หญิง นี่หน่ะเหรอสุภาพบุรุษ” มิยูกิกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วต่อว่าเขากลับ

“เชอะ!” เอ็ดเวิร์ดสะบัดมือเธอทิ้งแล้วรีบหันหลังเดินจากไป ส่วนลิลิธเองก็รีบเข็นรถเข็นเข้ามาหาเธอ

“เจ็บมากมั้ยคะพี่มิยูกิ” เด็กน้อยถามด้วยสีหน้ากังวล

แต่มิยูกิกลับยิ้มตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ไม่เจ็บหรอกค่ะแค่นี้เอง”

“แต่ว่า…” ลิลิธทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้

มิยูกิเลยเอามือปาดน้ำตาเด็กน้อยแล้วบอกเธอว่า “คนเก่งต้องไม่ร้องไห้นะคะ”

“อ๊ะฝนลงเม็ดแล้ว เรารีบเข้าบ้านดีกว่าค่ะ…”

หลังจากนั้นหนูก็ไม่ได้พบพี่มิยูกิอยู่หลายวัน หนูคิดว่าพี่มิยูกิจะต้องแย่แน่ ๆ หนูกลัวจนนอนไม่หลับ ไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไร แต่กลัวว่าพี่มิยูกิจะหายไป ในใจเฝ้าคิดว่าถ้าไม่มีพี่มิยูกิแล้วหนูจะเป็นยังไง แต่อีกใจนึงก็คิดว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าชีวิตที่ผ่านมาอีกแล้ว…แต่ว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นตรงกันข้าม!?!

“เอ้าพร้อมนะ อึบบบบบ!” เอ็ดเวิร์ดอุ้มลิลิธโยนขึ้นฟ้า

“ว๊ายยยยยย ท่านพี่!!!”

“คุณผู้ชายคะ! เดี๋ยวคุณหนูตกลงมานะคะ!” มิยูกิรีบห้ามด้วยความตกใจ

“ชั้นบอกเธอแล้วไงว่าให้เรียกว่าเอ็ดเวิร์ด” เอ็ดเวิร์ดยิ้มที่มุมปากแล้วจับลิลิธโยนขึ้นฟ้าโดยไม่สนใจคำเตือน

“ได้ค่ะ! คุณเอ็ดเวิร์ด อย่าเล่นแผลง ๆ แบบนี้สิคะ เดี๋ยวคุณหนูก็…”

“บอกว่าให้เรียกเอ็ดเวิร์ดเฉย ๆ ไง!?”

“คะ…คุณ อะ อะ…” มิยูกิอ้ำอึ้งอยู่พักนึง “เอ็ด…เอ็ดเวิร์ด ถ้าพลาดตกลงมาคุณหนูจะบาดเจ็บนะคะ”

“หนูไม่เป็นไรค่ะพี่มิยูกิ สูงอีกค่ะท่านพี่ สูงอีก ฮะ ฮะ ฮะ!”

“เห็นมั้ย ชั้นบอกแล้วว่าลิลิธต้องชอบ เอาอีกนะ อึ๊บบบบ”

“ว้ายยยย ฮะ ฮะ ฮะ…”

หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นท่านพี่ก็กลับกลายเป็นคนละคนอย่างเหลือเชื่อ ท่านกลับมาร่าเริงแจ่มใส เลิกหมกตัวอยู่ในห้อง แล้วก็หัวเราะบ่อยขึ้นจนแม้แต่พวกป้า ๆ แม่บ้านยังประหลาดใจ ส่วนพี่มิยูกิเองก็ดูเหมือนจะไม่ถูกลงโทษอะไร

“ท่านพี่คะ หนูอยากได้พี่มิยูกิเป็นพี่สาวได้มั้ยคะ” ลิลิธอ้อน

“งั้นก็ถามเธอสิว่าจะยอมแต่งงานกับพี่มั้ย!?”

“ถ้าเธอยอม เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปขอเลย มิยูกิจะได้เป็นพี่สาวของลิลิธจังไงหล่ะ” เอ็ดเวิร์ดยิ้มมุมปากแล้วแล้วหันไปเหล่ใส่มิยูกิ

“บ้า! คนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้”

“ฮะ ฮะ ฮะ พี่สาวเขินใหญ่เลย”

“ถ้าเขินแบบนี้ก็แปลว่ายอมแต่งกับชั้นแล้วสิ ใช่มั้ย!” เอ็ดเวิร์ดแกล้งพูดแหย่เธอ

“ปะ ป่าวนะคะคุณหนู พี่ไม่ได้เขินซะหน่อย”

“ไม่ได้เขินแล้วทำไมหน้าแดงอย่างงั้นหล่ะคะ ฮะ ฮะ ฮะ…” นั่นเป็นช่วงเวลาที่หนูมีความสุขที่สุดในชีวิต…แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน

“คุณชายเจ้าคะ หญิงท้องแก่ในหมู่บ้านแกปวดท้องมากเลยเจ้าค่ะ อิชั้นสงสัยว่าอาจจะ…”

“เตรียมรถให้ชั้นเร็วคิเรีย!”

“ขอรับนายท่าน”

“มีอะไรเหรอคะเอ็ดเวิร์ด” มิยูกิเข้ามาหาแล้วกุมมือเขาไว้

“ไม่มีอะไรหรอก แค่สาวท้องใกล้คลอดหน่ะ ชั้นจะไปดูหน่อย”

“แต่นี่ดึกแล้ว เดินทางระวังด้วยนะคะ”

“อื้อ ขอบใจนะ” เอ็ดเวิร์ดจุมพิตที่มือของมิยูกิแล้วก็รีบหยิบเครื่องมือแพทย์ประจำตัววิ่งขึ้นรถม้าไป

ท่านพี่ใช้วิชาแพทย์ฝรั่งที่เรียนมาจากบ้านเกิดออกช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาคนโดยไม่คิดเงิน พวกเขาต่างก็ดีใจมาก ทั่วทั้งหมู่บ้านมีแต่รอยยิ้ม ส่วนพี่มิยูกิก็คอยดูแลเป็นกำลังใจเคียงข้างท่านพี่ โดยทั้งคู่ตั้งใจจะแต่งงานกันในไม่ช้า ในตอนนั้นชีวิตหนูมีแต่เรื่องดี ๆ จนเหมือนกับว่าต่อไปนี้พวกเราคงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข…ตลอดไป

แต่แล้ววันที่ทุกอย่างสิ้นสุดก็มาถึง!?!

“แฮ่ก ๆๆ ลิลิธ เห็นมิยูกิมั้ย”

“พี่มิยูกิไม่ได้ไปกับท่านพี่เหรอคะ!?”

“เธอหมายความว่าไง!?”

“ก็ท่านพ่อบอกว่าพี่มิยูกิออกไปกับท่านพี่นี่คะ” พอฟังที่ลิลิธตอบ เอ็ดเวิร์ดก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

“อะไรนะ!!!” เขารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวค่ะท่านพี่!!” ลิลิธได้แต่ร้องเรียกอยู่บนรถเข็นเท่านั้น

“ปัง!!!”

จู่ ๆ ก็มีเสียงดังลั่น มันใกล้มากราวกับดังมาจากหลังบ้าน!?!

“ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นคะ” ลิลิธรีบหมุนเก้าอี้รถเข็นออกไปดูที่สวนทันที

แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นอะไรที่สยดสยองเกินคาดคิด “ท่านพี่! กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!”





“ตูมมมมมม!?!”






แล้วทุกอย่างก็สิ้นสุด…




ติ๊งงงงงง
.
.
.

เสียงกังวานลงมาจากที่สูง แต่เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็เห็นแต่ความมืด!!

“ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย” เอย์จิเดินโซซัดโซเซหาทางออกอย่างไร้จุดหมาย ความเหนื่อยล้าทำให้เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวังทีละนิด ๆ เรี่ยวแรงที่จะใช้ประคับประคองสติก็ลดน้อยลงเต็มที

“ใครก็ได้ ช่วยด้วยยยยย!!!”

“ช่วยยยยด้วยยยยย ด้วยยยยย ด้วยยยยย ด้วยยยยย ด้วยยยยย…”

ไม่ว่าจะตะโกนกี่ครั้ง เสียงที่ตอบกลับมาก็มีเพียงเสียงสะท้อนเท่านั้น

แล้วในที่สุดเขาก็โพล่งออกมา

“โธ่เว้ยยยย!!!”

“นี่มันห่าอะไรกันวะ!!!”

“ทำไงถึงจะออกไปได้เนี่ย แม่งเอ้ยยยยยยยย!!!”

เอย์จิทั้งเตะทั้งต่อยอาละวาดไปรอบ ๆ เขาเอาเท้ากระทืบลงบนผิวน้ำแต่ก็ไร้ผล เพราะรอบ ๆ มีแต่ความมืดกับความว่างเปล่าเท่านั้น

“ห่า! เอ้ย! ทำไมต้องมาติดอยู่ในที่เฮงซวยแบบนี้ด้วยวะ!”

“โธ่โว้ยยย!!!”

“ติ๊งงงง…”

“หนวกหูโว้ยยยย เสียงเหี้ยไรวะ แม่ง!!!”

เอย์จิสบถแล้วอาละวาดไม่หยุด จนกระทั่งหมดแรง…

“แฮ่ก แฮ่ก…”

แล้วในที่สุดเขาก็ร้องไห้…







“ติ๊งงงง…”
.
.
.





“นั่นสินะ!”

“โวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น!?”

“ถ้าไม่หาทางออกก็จะไม่มีทางได้ออกไป มันก็แค่เรื่องง่าย ๆ เท่านั้นเอง”

เอย์จิค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเอามือถูหน้าตัวเองเพื่อตั้งสติ แววตาของเขาเริ่มกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง

“ถ้าเข้ามาได้ก็ต้องออกไปได้สิ”

“ติ๊งงงง…” หยดน้ำพุ่งหายลับไปในความมืด ตามด้วยเสียงกังวานก้องที่ดังลงมา

{เสียงนี่มันเกิดจากอะไรนะ!?} เอย์จิแหงนมองตามขึ้นไปจนลับสายตา

“นั่นสิ! ทำไมเราถึงไม่นึกเอะใจเลยนะ ไม่แน่บางทีเสียงกังวานนี่อาจจะเกี่ยวข้องทางออกก็ได้!?!”

{แบบนี้ต้องลองเช็คดูซะแล้ว!?}

แล้วเอย์จิก็หาทางตรวจสอบที่มาของเสียงนั่น เขาหันมองรอบ ๆ เพื่อหาทางทำอะไรซักอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น!?!

“ครืนนนนน!!!”

พื้นน้ำที่เขายืนอยู่จู่ ๆ ก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว!!!

“เหวออออ!!!” ผิวน้ำกระเพื่อมเกิดเป็นคลื่นยักษ์ซัดไปซัดมามั่วไปหมด คลื่นแต่ละลูกสูงเกือบเท่าตึก 4 ชั้น!!!

“นี่มัน! เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!” เอย์จิเซถลาไปมาบนผิวน้ำ

“ครืนนนนน!!!”

เขาถูกคลื่นยักษ์ซัดหอบกระเด็นซ้ายทีขวาทีจนแทบยืนไม่อยู่ แล้วในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!?!

“นี่มัน!?!”

ผืนน้ำทั้งผืนกำลังพลิกเอียง!!! น้ำจำนวนมหาศาลกำลังจะพลิกตัวขึ้น!!! ทะเลทั้งก้อนกำลังจะย้ายไปอยู่บนฟ้า!!!

“เหวออออ!!!”

เอย์จิกลิ้งโค่โร่ร่วงไปตามความลาดชันของผิวน้ำ เขารีบเอามือเกาะคลื่นไว้ไม่ให้หล่น ตอนนี้น้ำทะเลพลิกตั้งฉากขึ้นไป 90 องศาแล้ว!!!

เอย์จิแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดมืด แล้วในที่สุดเขาก็รู้ที่มีของเสียงกังวานที่เขาได้ยินมาตลอด!?!

“นั่นมัน! ไม่จริงน่า!”

อะไรบางอย่างที่อยู่บนฟ้ากำลังพลิกกลับลงมาที่พื้น!?!

“ตู้มมมม ซู่มมมมมม!!!”

น้ำจำนวนมหาศาลเทลงมาจากฟากฟ้า!!! ก้อนน้ำทะเลที่อยู่บนฟ้ากำลังพลิกกลับลงมาบนพื้น!!! มันมีปริมาณมากกว่าก้อนที่กำลังจะพลิกขึ้นไปแทนที่มันซะอีก!!!

แท้จริงแล้วเสียงกังวานดังติ๊งก็คือเสียงของหยดน้ำที่พุ่งจากมหาสมุทรที่อยู่ด้านล่างขึ้นไปกระทบผิวมหาสมุทรที่อยู่บนฟ้านั่นเอง!!! และตอนนี้มหาสมุทรทั้งสองก็กำลังจะสลับที่กัน!?!

“เหวออออ!!!” เอย์จิถูกแรงเหวี่ยงพัดเอาร่างของเขาลอยสูงขึ้นไปกลางอากาศ เขาลอยค้างอยู่หลายวินาทีก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว “อ๊ากกกกกกก!!!”

“ตูมมมม!!!”

แรงกระแทกทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบ 10 ฟุต แต่ร่างของเอย์จิจมลึกลงไปกว่า 30 เมตร!!!

“บุ๋งงงงง ๆๆๆ” เขายังไม่มีท่าทีจะลอยขึ้นมา
.
.
.



“พรวดดดด!! ซ่าาาาาา!!” เด็กหนุ่มโผล่หัวขึ้นจากผิวน้ำ เขารอดชีวิตจากปรากฏการณ์แสนประหลาดนี้มาได้ราวปาฏิหาริย์!!

“แค่ก ๆๆ!!” เอย์จิสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกจนเกือบขาดใจตาย

“มันอะไรกันเนี่ย จู่ ๆ ก็…”

“นี่มัน!?” เอย์จิเพิ่งรู้ตัวว่าทุกอย่างรอบ ๆ เปลี่ยนไปจากเมื่อกี๊อย่างสิ้นเชิง!?!

ท้องฟ้าที่มืดมิดกลับเต็มไปด้วยหมู่ดาวสุกสกาว พื้นน้ำสีดำสนิทกลับกลายเป็นคลองใสสะอาดที่ลึกแค่ตาตุ่ม รอบข้างที่มีแต่ความมืดกลับกลายเป็นชายฝั่งที่มีต้นไผ่ขึ้นเต็มไปหมด!?!

แล้วจมูกของเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมา

“เค่อะซู่ หว่อเม็งเดิ่นอ๊ะหนี่ลอง”!!!

มีเสียงแว่วมาจากบนฝั่ง เอย์จิรู้แต่ว่ามันเป็นเสียงของผู้หญิง แต่เขาฟังไม่รู้เรื่องว่าพูดว่าอะไร…

{มีคนอยู่ด้วย! รอดแล้วเรา} เอย์จิรีบวิ่งไปยังต้นเสียงทันที

เขาลัดเลาะไปตามป่าไผ่ที่รกทึบ พอเข้าไปใกล้ก็เริ่มได้กลิ่นหอมชัดขึ้น มันเป็นกลิ่นหวานสดชื่นคล้ายดอกบ๊วย พอเดินต่อไปอีกนิดเขาก็เห็นแสงสว่างสีขาวส่องรำไรอยู่หลังต้นไผ่

“เค่อะซู่ หว่อเม็งเดิ่นอ๊ะหนี่ลอง!!! (ท่านผู้มาเยือน เรารอท่านอยู่นานแล้ว!!!)”

เอย์จิค่อย ๆ ชะโงกหน้าไปดู แล้วเขาก็พบสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ เธอมีใบหน้าคม ผิวขาว ผมยาวดำขลับ ดวงตาหวานซึ้ง ชุดที่เธอใส่เป็นผ้าบาง ๆ หลากสีสันห่มซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น รอบ ๆ มีแสงส่องสว่างออกมาราวกับนางฟ้า ดูแล้วน่าจะอายุราว ๆ 20 ต้น ๆ

เอย์จิยืนตะลึงอยู่ครู่นึงจึงรู้สึกตัว! “เอ่อ ขอโทษนะครับ” เขาเดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปถามเธอ

“คือผมหลงทางมา คุณ…พอจะรู้ทางออกบ้างมั้ย”

หญิงสาวส่งยิ้มหวานมาทางเขาแล้วพูดว่า “เช่อลี่ชื่อกู๋ซานเจียนอะหนี่เดี้ยนเดื๊อนชาเชาไซ่ (ที่นี่คือหุบเขาเซียนที่ท่านกำลังตามหาเจ้าค่ะ)”

“เอ๋! เอ่อ! คือขอโทษนะครับ คือผมฟังคุณไม่เข้าใจ” เอย์จิไม่รู้จะพูดยังไง

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนดังมาจากข้างหลัง!?

“หนี่เหย่าเชร เว่ยเชิ้มชื้อฉือหว่อไล้ (เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงได้รู้ว่าข้าจะมา!?)”

เอย์จิรีบหันควับไปทันที แต่พอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาก็ถึงกับตกตะลึง!?!

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำยืนห่างออกไปไม่ไกล เขามีหน้าตาคล้ายเอย์จิราวกับฝาแฝด!!! จะต่างกันก็เพียงชายหนุ่มคนนี้ดูอายุมากกว่า และตาบอดข้างนึงแขนขาดข้างนึงเท่านั้น เขาแต่งกายอยู่ในชุดชาวจีนโบราณเก่า ๆ โทรม ๆ เหมือนกับในหนังย้อนยุค!?!

หญิงสาวคนเดิมส่งยิ้มผ่านไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเหมือนกับเอย์จิไม่มีตัวตน แล้วเธอก็พูดว่า “หว่อเย่าผูเฉอเด่อหนื่เช้อไซ่ หนื่เช้อดิ้นก้อหว่อเดิ่นอ๊ะหนี่เช่อลี่ (ข้าเป็นข้ารับใช้ของเจ้าแม่เจ้าค่ะ เจ้าแม่สั่งให้ข้ามารอรับท่านที่นี่)”

ชายหนุ่มพิการก็เช่นกัน เขามองผ่านไปยังหญิงสาวราวกับเอย์จิไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วหญิงสาวก็พูดต่อว่า “หนี่หลื่อยิบเลบช้างชู่ชี้ว่างชื่อ เย้าฉิงเช่อะชอฟ้างชื่อไซ่ (ท่านเดินทางมาเหนื่อยคงต้องการพัก ถ้าเช่นนั้นเชิญทางนี้เจ้าค่ะ)”

{หรือว่าคนพวกนี้จะมองไม่เห็นเรา!?!} เอย์จิเริ่มเอะใจ

“เฝ่าเซ่อะทะ! หว่อไล้บาโด้ยยู้ช้างเช่าฟ้างฝ่าโซ่ยฉัวเอ้อโม้ฝูเค่อซื้อเกี่ยวเว่ยบ๊า ทะเก้าเหล่อเย้วฟ้างฝ่าบ้างชู่… (ช้าก่อนแม่นาง! ข้ามาที่นี่เพื่อหาวิธีสะกดปีศาจจิ้งจอก 9 หาง แม่นางพอจะมีทางช่วย…)” ชายตาบอดถามอย่างกระวนกระวาย

หญิงสาวเห็นสีหน้าร้อนใจของชายหนุ่มก็รู้สึกสงสาร เธอยืนนิ่งอยู่ครู่นึงจึงตอบว่า “หน่าเฉาเย้าฉี่งหว่อฝูหยุงหนี่ฟ้าเซี่ยนหนื่เช้อช่างยี้ยี่ เย้าฉิงเช่อะชอฟ้างชื่อไซ่ (ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาท่านไปพบกับเจ้าแม่ก่อน เชิญทางนี้เจ้าค่ะ)”

“เซียะเซียะหนี่เฟ้ฉาง…เอ่อ หว่อเวิ่นชี้ฉีมิ้นเชอะทะเริ้นเมินย่วบยี่วู่โหย่ยี่เชี้ยะ (ขอบคุณท่านมาก…เอ่อ ข้าขอทราบชื่อแม่นางผู้มีพระคุณได้หรือไม่)”

พอได้ฟังที่ชายหนุ่มถาม สาวงามคนนั้นก็หันมาส่งยิ้มหวานให้แล้วพูดว่า “หว่อเย้วมิ้นเช้อเช่อเชี้ยนหนู่เย่อซู้ชือไซ่ (ข้ามีนามว่านางฟ้าใบไผ่เจ้าค่ะ)”!?!

เอย์จิยืนฟังทั้งคู่สนทนากันโดยที่เขาไม่เข้าใจ แล้วจู่ ๆ ก็มีลมกรรโชกพัดเอาใบไผ่นับร้อยร่วงลงจากต้น

“อะไรกันเนี่ย!”

พวกมันพัดใส่หน้าเอย์จิจนมองอะไรไม่เห็น แล้วพอทุกอย่างสงบลงเขาก็พบว่าตัวเองกลับมายืนอยู่ที่เดิม…ในมิติที่มีแต่ความมืดมิด!?!

“ติ๊งงงง…”

เสียงกังวานดังขึ้นอีกครั้ง…

“เมื่อกี๊มันคืออะไรกันแน่นะ”

เอย์จิยังไม่ทันจะตั้งตัว ผิวน้ำก็สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง มันกำลังทำท่าจะพลิกกลับขึ้นไปข้างบน!!!

“เหวอออ!!!” เอย์จิถูกซัดลอยคว้างอยู่กลางอากาศเหมือนกับเมื่อกี๊

“ตู้มมมมม!!!” พอเขาโผล่ขึ้นมาสถานที่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“กรี๊ดดดดดดดดด!”

“เหวอออออ!”

“ใครก็ได้ดดดดดดดด!”

“ช่วยด้วยยยยยยยย!”

“บรึ้มมมมมมมมม!”

“นี่มันอะไรกัน!?” ทุกอย่างรอบตัวล้วนสับสนอลหม่าน ชาวบ้านต่างพากันหนีตายออกจากหมู่บ้านที่ถูกกองเพลิงแผดเผา เปลวไฟลุกท่วมจนท้องฟ้ายามค่ำคืนกลายเป็นสีเลือด

“เกิดอะไรขึ้น!?” เอย์จิรีบวิ่งเข้าไปถามชาวนาแก่ ๆ ที่ล้มลงข้างทาง เขาใส่เสื้อผ้าเหมือนกับอยู่ในสมัยญี่ปุ่นโบราณ

{อะไรกัน!?} พอเอย์จิเข้าไปใกล้ชาวนาคนนั้นกลับวิ่งทะลุผ่านร่างเขาไปราวกับหมอกควัน

แล้วเอย์จิก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากในหมู่บ้านว่า…

“ฆ่านังจิ้งจอกนั่นให้ได้!!!”

พอเขาหันไปก็เห็นหางสีขาวขนาดใหญ่พาดผ่านขึ้นไปบนฟ้า บางหางก็พาดยาวไปจรดภูเขา บางหางก็ลากยาวไปจรดแม่น้ำ พวกมันแผ่ขยายออกทุกทิศทุกทางนับได้ทั้งหมด 9 หาง!!!

แต่ละหางกวัดแกว่งไปมาซัดกระแทกใส่ชาวบ้านจนล้มตายนับสิบ!!! ที่พื้นมีเศษศีรษะ แขน ขา และร่างกายขาดกระเด็นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน ทั่วทั้งหมู่บ้านเจิ่งนองไปด้วยทะเลเลือด ภูเขาที่โดนหางขนาดยักษ์ซัดถล่มก็พังทลายลงจนเปลี่ยนรูปร่างไป แม่น้ำที่ถูกซัดกระแทกก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดเข้าท่วมหมู่บ้านจนราบเป็นหน้ากลอง

“ฆ่ามันนนนนน!!!”

เอย์จิวิ่งฝ่ากองเพลิงเข้าไปในหมู่บ้านทันที เขามุ่งตรงไปยังต้นตอที่หางทั้ง 9 นั้นแผ่ออกมา! แล้วเขาก็พบว่าหางทุกหางพุ่งออกมาจากบ้านไม้หลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

แล้วเอย์จิก็ได้ยินเสียงชายแก่คนนึงพูดว่า “เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะฆ่ามันเอง!”

“ท่านเก็นไซระวังนะครับ”

เอย์จิรีบเปิดประตูรั้วเข้าไปข้างใน แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาวก็ส่องสว่างจ้าออกมาจนเขามองอะไรไม่เห็น!?

พอทุกอย่างสงบลงเขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังเดิม โดยรอบข้างมีพวกชาวบ้านช่วยกันเอาน้ำมาดับไฟที่ยังไม่มอด บางแห่งก็มีพวกชาวบ้านที่บาดเจ็บนอนเรียงรายกันอยู่นับสิบ

พอเข้าไปในบ้านเอย์จิก็เห็นนักบวชเฒ่าคนหนึ่งนั่งชันเข่าอยู่ในสวน บนตักเขามีหญิงสาวอายุประมาณ 20 นอนหายใจรวยรินอยู่ เธอชุ่มไปด้วยเลือดแทบทั้งตัว!!

หญิงสาวคนนั้นใส่ชุดคลุมท้องลายดอกคิเคียว*ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับนักบวช
(ภาษาดอกไม้ของดอกคิเคียวในญี่ปุ่นหมายถึงความรักที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง)

“ทะ ท่าน…พ่อ ทำไม…ทำไมถึงทำกับลูก…อย่างงี้!?” หญิงสาวถามผู้เป็นพ่อด้วยแววตาอันอ่อนโยนไร้เดียงสา

“อายูมิ พ่อ…พ่อขอโทษ…ลูก!!”

แล้วจู่ ๆ นักบวชเฒ่าก็ร้องลั่นออกมา “ไม่ม่ม่ม่ม่ อย่าาาาา อย่าเข้ามาาาา อ๊าคคค…ไม่ม่ม่ม่ม่!!!”

เขาเอามือที่ชุ่มไปด้วยเลือดของลูกสาวขึ้นมากุมศีรษะแล้วกรีดร้องเหมือนคนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง

“ท่านเก็นไซ!” นักบวชหนุ่มกลุ่มนึงรีบวิ่งเข้ามาประคองนักบวชเฒ่าไว้ทันที

“รีบพาท่านไปเร็ว” แล้วพวกเขาก็แบกร่างนักบวชเฒ่าไป ทิ้งให้สาวท้องแก่คนนั้นนอนจมกองเลือดอยู่เพียงลำพัง

เอย์จิรีบเข้าไปหาเธอเพื่อจะช่วยเหลือ แต่พอเห็นหน้าเธอชัด ๆ เขาก็ตะลึงค้างไปชั่วครู่! เพราะเธอหน้าเหมือนใครซักคนที่เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร

ทันใดนั้นทุกสิ่งก็ม้วนวนเป็นเกลียวคลื่นหายวับไป แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความมืดมิด!?

“ติ๊งงงง…”

เอย์จิกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับน้ำหยดสุดท้ายที่เพิ่งพุ่งขึ้นฟ้าไป แล้วพื้นน้ำที่เขายืนอยู่ก็พลิกตัว!!!

“อีกแล้วเหรอ!?”

“อุแว๊! อุแว๊!”



Create Date : 14 ธันวาคม 2553
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 22:07:33 น. 0 comments
Counter : 221 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]