นิยายเรื่องรักยกกำลังสอง แนวโรแมนติกวัยมัธยม ผมไม่สามารถเล่าเนื้อเรื่องย่อได้ เพราะเนื้อหาทุกอย่างจะทำให้คุณลุ้นและเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติ และมีปริศนาให้คาดเดาและลุ้นไปกับมัน ลองเข้ามาอ่านเรื่องนี้สิครับ รับประกันความสนุก
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
28 ตุลาคม 2552

รักยกกำลังสอง บทที่ 17 ศึกดวลเวทมนตร์ (Magic Fight)

พอเอย์จิเห็นโชโงะพาเรนะเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่หัวมุมถนน เอย์จิก็ทำหน้าเหมือนคนพูดอะไรไม่ออก นายะกับคูมิยะเห็นท่าทางน่าสงสารของเขาเลยถอนหายใจ แล้วทั้งคู่ก็เล่าเรื่องโชโงะให้ฟัง “คนนั้นเค้าชื่ออุสึงิ โชโง เค้าเป็นประธานชมรมฟุตบอลที่โรงเรียนเราหน่ะ” นายะเริ่มเล่าก่อน

“จริง ๆ พวกเรารู้จักกับเค้ามาตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว แต่ที่ทาคุมิคุงเพิ่งเคยเจอก็เพราะเค้าไม่ค่อยอยู่โรงเรียนหน่ะ” คูมิยะเล่าต่อ

“รุ่นพี่เค้าเป็นนักฟุตบอลเยาวชนทีม Tokyo-V พอเลิกเรียนก็ต้องไปซ้อมกับทีมต่อเลยไม่ค่อยได้อยู่โรงเรียนหน่ะ” นายะอธิบาย

“แต่เรนะจังจะสนิทกับรุ่นพี่เค้าเป็นพิเศษเพราะเธออยู่ชมรมฟุตบอลหน่ะ” คูมิยะเฉลย

“เรนะอยู่ชมรมฟุตบอลงั้นเหรอ!!!” เอย์จิตกใจ

“อื้อ เขาเป็นผู้จัดการหน่ะ คอยดูแลพวกอุปกรณ์กับนัดหมายการซ้อมอะไรทำนองนี้แหละ” นายะบอก

“ที่พวกเค้าไปด้วยกันก็คงแค่รุ่นพี่อยากจะเลี้ยงตอบแทนเรนะจังแค่นั้นหล่ะมั้ง” คูมิยะพยายามพูดให้เอย์จิรู้สึกดีขึ้น

“งั้นเหรอ” เอย์จิพูดหงอย ๆ

ทั้งสามคนแอบซุ่มดูเรนะอยู่หลังพุ่มไม้ข้าง ๆ ร้าน เอย์จิเห็นเรนะทานข้าวกับโชโงะอย่างอารมณ์ดีคุยไปหัวเราะไป เขาเลยซึม ๆ ไป “บรรยากาศดีแฮะ” คูมิยะเผลอพูดออกมา เธอเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน แต่เอย์จิก็ไม่ได้ว่าอะไร

ระหว่างนั้นเอย์จิก็คิดในใจว่า “เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไปเล่นต่างประเทศ มีชื่อเสียงแถมยังเป็นประธานชมรม เราไม่มีอะไรเทียบเค้าได้เลย” ทันใดเรนะก็หันมามองทางหน้าต่างฝั่งที่พวกเขาแอบอยู่ราวกับจะรู้ตัว ทั้งสามเลยต้องรีบหลบหลังพุ่มไม้

“เอ่อ เรากลับกันดีมั้ย” เอย์จิถามคูมิยะกับนายะ

“อ้าว! ทำไมอะ” คูมิยะถามกลับ

“เดี๋ยวเรนะรู้เข้าจะแย่นะ อีกอย่างมาแอบดูเค้าแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีด้วย” เอย์จิบอก

“แล้วทาคุมิคุงไม่อยากดูต่อเหรอ” นายะหันไปถาม

“ไม่ดีกว่า เห็นเรนะมีความสุขชั้นก็ดีใจแล้ว ดูต่อก็ไม่ได้อะไร” เอย์จิตอบสีหน้าเศร้า ๆ

นายะถามว่า “แต่ทาคุมิคุงไม่อยากให้เรนะ...”

แต่เขาพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ไม่เป็นไรหรอก” แล้วเขาก็หันไปมองเรนะที่กำลังนั่งคุยกับโชโงะอย่างสนุกสนาน

คูมิยะเลยบอกเพื่อนทั้งสองคนว่า “งั้นเราก็กลับกันเถอะ” แล้วทั้งสามก็พากันกลับ ส่วนเอย์จิจะไปทำงานต่อที่ร้าน ก่อนไปเขาก็ไม่วายหันไปมองที่หน้าร้านอาหารที่เรนะนั่งอยู่อีกครั้ง

เอย์จิกลับมาทำงานต่ออย่างว้าวุ่นใจ เขาไม่ค่อยมีสมาธิจนเผลอเสิร์ฟผิดโต๊ะบ้าง ทำจานหล่นบ้าง สั่งออเดอร์ผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง ยูริเห็นอาการของน้องชายก็เป็นห่วงเลยเข้ามาถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า”

“ขอโทษครับ ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับพี่” เอย์จิตอบหงอย ๆ แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ

แต่ยูริรู้จักน้องชายเขาดี เขาจะต้องมีอะไรไม่สบายใจอยู่แน่นอน เธอเลยบอกว่า “ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะ”

แต่เอย์จิยังปากแข็ง “ผมไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ อาจจะแค่เหนื่อยไปหน่อย”

“งั้นเธอไปพักที่บ้านดีกว่านะ เดี๋ยวทางนี้พี่ดูแลเอง”

แม่ของเอย์จิที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดก็เดินมาบอกว่า “ไปพักเถอะจ๊ะ แม่จะได้ฝากของไปเก็บที่บ้านด้วย”

“ก็ได้ครับ” เอย์จิเลยกลับบ้านไป คุณแม่กับพี่สาวก็ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง

ระหว่างที่เขาเดินผ่านหน้าซอยโคโคเนะ เขาก็มองเข้าไปข้างในแล้วเห็นหลังเรนะเดินเข้าไปไว ๆ แต่เขาก็ไม่คิดจะเรียกเธอ ฝ่ายเรนะพอได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับมา พอเธอเห็นว่าเป็นเอย์จิก็ดีใจ “เอย์จิคุง! บังเอิญจัง กำลังจะกลับบ้านเหรอจ๊ะ”

“อะ อื้อ เรนะก็เหมือนกันเหรอ” เขาไม่ถามว่าเธอไปไหน แต่มองไปที่ถุงใบใหญ่ที่เธอเพิ่งชอปปิ้งมาแล้วเงียบ

เรนะยิ้มให้เขาอย่างสดใสแล้วพูดว่า “เมื่อวานเหนื่อยเลยเนอะ อิอิ”

“อะ อื้อ งั้นชั้นไปก่อนนะ” เอย์จิรีบตัดบท ทำให้เรนะอึ้งไปเล็กน้อย

“เอย์จิคุงไม่ค่อยสบายเหรอจ๊ะ”

“อื้อ ชั้นเหนื่อย ๆ หน่ะ ไปก่อนนะ” เอย์จิตอบแล้วรีบหันหลังเดินจากไป เรนะเลยได้แต่ยืนรู้สึกแปลก ๆ

ที่บ้านเอย์จิหลังจากเขาอาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน แต่โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น พอเปิดดูก็พบว่ามีข้อความจากเรนะส่งมา {*อย่าลืมทานยาก่อนนอนนะจ๊ะ พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่เดิมนะ กู้ดไนท์จ๊ะ^^**}

เอย์จิอ่านแล้วก็รู้สึกดีขึ้น เขาเลยส่งข้อความตอบกลับไปว่า {*ขอบใจนะ ชั้นกินยาแล้วหล่ะ กำลังจะนอนละ ฝันดีนะ พรุ่งนี้เจอกัน**} แล้วเขาก็ปิดไฟนอน เพราะข้อความของเรนะทำให้คืนนี้เขาหลับได้อย่างปกติ

เช้าวันรุ่งขึ้นเอย์จิไปยืนรอที่หน้าปากซอยโคโคเนะเหมือนทุกวัน ซักพักเขาก็เห็นเรกะเดินมาคนเดียว “อรุณสวัสดิ์เรกะ” เขาทักเธอแล้วสงสัยว่าทำไมเธอมาคนเดียว

“อ้าว! ‘รุณหวัดเอย์จิคุง” เรกะทักตอบ ที่กระเป๋านักเรียนของเธอห้อยตุ๊กตาคิตตี้ที่เอย์จิให้ไว้ด้วย แต่เอย์จิไม่ทันสังเกตเพราะเขามัวแต่มองหาเรนะ

“เธอมาคนเดียวเหรอ”

“อื้อ เรนะเค้าไปตั้งแต่เช้าแล้ว ทำกิจกรรมชมรมหน่ะ” เรกะตอบ

เขาฟังที่เรกะบอกแล้วก็คิดในใจว่า “ชมรม...ชมรมฟุตบอลงั้นเหรอ” แล้วหน้าโชโงะก็ลอยเข้ามาในสมอง เอย์จิเลยทำหน้าผิดหวังนิด ๆ ที่คิดว่าจะได้เจอเรนะที่นี่ เขากับเรกะเลยไปโรงเรียนกันแค่สองคน ระหว่างที่เดินไปเอย์จิก็ชำเลืองไปมองที่กระเป๋าของเธอ

เรกะรู้ตัวเลยอายหน้าแดงแล้วออกตัวว่า “ชั้นเห็นกระเป๋ามันโล่ง ๆ หน่ะ เลยคิดว่าหาอะไรมาติดน่าจะดีกว่า”

“งั้นเหรอ ชั้นก็ว่าติดแล้วน่ารักนะ เข้ากับเธอดี” เอย์จิพูดไปตามที่เห็น

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโป๊ะ!!! (ดังในใจเรกะ) แก้มเธอกลายเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึง “นายหมายความว่าไงยะ!!!”

“อะ เอ่อ ชั้นก็หมายความว่ามันน่ารักไง”

“ละ ละ แล้วยังไง” เรกะคาดคั้นปากสั่น

เอย์จิไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไร เขาเลยตอบไปตามที่คิดว่า “ก็เธอน่ารักเหมาะกับมันดีไง”

พอเอย์จิพูดจบ หัวเรกะก็เหมือนภูเขาไฟที่ระเบิดออกดังตู้มมมม!!! ตัวเธอร้อนฉ่าไปหมดราวกับมีควันขึ้นรอบ ๆ ตัว “นาย นายถือดียังไงมาบอกว่าชั้นน่ารัก” เธอต่อว่าเอย์จิแล้วรีบเดินนำหน้าไปอย่างเร็ว

“รอด้วยสิ” เอย์จิรีบเดินตามเธอให้ทัน เขาไม่เข้าใจว่าจู่ ๆ เธอเป็นอะไร

ซักพักพอบรรยากาศเริ่มกลับมาปกติทั้งสองก็ค่อย ๆ หันไปมองหน้ากัน แล้วเอย์จิก็อมยิ้ม “นายขำอะไร” เรกะทำหน้าดุ

“เปล่า ๆ คือชั้นขำที่เรนะอยู่ชมรมเป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอกลับมาอยู่ชมรมพิลึก ๆ อะไรก็ไม่รู้หน่ะ” เขาตอบยิ้ม ๆ แล้วเรกะก็เขินจนต้องโมโหกลบเกลื่อน

“ชั้นโดนลากเข้ามาย่ะ ไม่ได้ตั้งใจมาอยู่ซะหน่อย”

“งั้นเหรอ แต่ชั้นว่าเธอก็เหมาะกับชมรมนี้นะ”

“นายหมายความว่าไงยะ!!!”

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร” แล้วเขาก็หัวเราะ

“ไม่มีอะไรแล้วหัวเราะทำไม” แล้วเรกะก็วิ่งไล่ทุบหลังเขา “แน่จริงอย่าหนีซิ” เอย์จิเลยวิ่งหนีอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกแปลกใจตัวเองที่ความกังวลเรื่องเรนะกับโชโงะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ซักพักทั้งสองก็มาถึงโรงเรียน ที่สนามหน้าโรงเรียนมีเด็กผู้ชายชมรมฟุตบอลซ้อมกันอยู่ โดยเรนะใส่ชุดวอร์มนั่งอยู่ข้างสนามกับอาจารย์พละที่มาเป็นโค้ชให้ พอเธอเห็นเอย์จิกับเรกะ เธอก็วิ่งเข้ามาหา “อรุณสวัสดิ์จ๊ะเอย์จิคุง” รอยยิ้มของเธอน่ารักสดใสเหมือนเช่นทุกวัน

“อื้อ อรุณสวัสดิ์เรนะ” เอย์จิทักทายเธออย่างเป็นปกติ เขารู้สึกดีขึ้นที่ไม่เครียดไม่หดหู่เหมือนเมื่อวาน ส่วนเรนะก็รู้สึกดีที่เอย์จิกลับมาสดชื่นอีกครั้ง

“เป็นไงมั่ง เหนื่อยเลยสิ” เรกะถามน้องสาวที่ต้องตื่นแต่เช้ามาเป็นผู้ดูแลทีมฟุตบอล

“นิดหน่อยหน่ะค่ะ” เรนะยิ้มตอบเหมือนจะบอกว่าถึงเหนื่อยแต่เธอก็มีความสุข ซักพักทั้งสามก็ได้ยินเสียงโค้ชเป่านกหวีดดังปรี๊ดดด ทั้งสามเลยหันไปดูเห็นพวกนักฟุตบอลเริ่มกลับมารวมกันที่ข้างสนาม เรนะเลยบอกทั้งสองคนว่า “อ๊ะ! ซ้อมกันเสร็จแล้ว เดี๋ยวหนูไปก่อนนะคะ”

“อื้อ พยายามเข้านะ” เรกะเชียร์น้องสาว

แล้วเรนะก็หันมายิ้มน่ารักใส่เอย์จิ “เดี๋ยวเจอกันที่ห้องนะจ๊ะ” จนเอย์จิได้แต่ยืนอึ้ง เรกะเลยต้องสะกิดให้เขาเดินตามเธอขึ้นตึกไป

พอใกล้จะเริ่มคาบเรียนเรนะก็มาถึงห้อง เธอเข้าเรียนทันเวลาก่อนอาจารย์จะเริ่มสอนแบบเฉียดฉิว “โทษนะจ๊ะ อาบน้ำนานไปหน่อยหน่ะ” เธอหันมายกมือข้างนึงไหว้เชิงขอโทษแล้วขยิบตากระซิบบอกเอย์จิ

เรนะเพิ่งอาบน้ำใหม่ ๆ หลังจากเสร็จจากชมรม กลิ่นสบู่ยังหอมติดกายเธอ เอย์จิได้กลิ่นก็รู้สึกสดชื่นตามไปด้วย “เธอเอาชุดมาเปลี่ยนเหรอ” เอย์จิเห็นเธอเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนปกติแล้ว

“จ๊ะ โทษทีนะที่เมื่อเช้าไม่ไปรอตามนัด”

“ไม่เป็นไรหรอก ก็เธอติดชมรมนี่” เอย์จิตอบ

แล้วอาจารย์ก็เริ่มสอน ทั้งสองก็เลยแอบเขียนข้อความคุยกัน {*ประธานชมรมเราเพิ่งกลับมาหน่ะจ๊ะ อาทิตย์หน้าเลยจะมีนัดซ้อมแข่งกับโรงเรียนของเมืองข้าง ๆ หน่ะ ช่วงนี้เลยต้องซ้อมเช้ากัน**}

{*เหรอ ลำบากแย่เลยนะ**}

{*ไม่หรอกจ๊ะ ชั้นอยากทำด้วยแหละ**}

{*งั้นเหรอ**}

{*คือตอนเด็ก ๆ ชั้นเอาแต่พึ่งพี่มาตลอด เลยอยากจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างหน่ะ**}

{*ก็ดีนะชั้นเลยเดาไปต่าง ๆ นานา ว่าเธออยู่ชมรมโน้นชมรมนี้**}

{*แหม ความลับแตกซะแระ ^^**}

{*หุหุหุ**} จริง ๆ แล้วเอย์จิยังคาใจเรื่องโชโงะอยู่แต่เขาก็ไม่กล้าถามเธอ

พอตอนบ่ายห้องเอย์จิมีชั่วโมงพละ พวกผู้ชายก็แบ่งข้างกันเล่นฟุตบอล ส่วนพวกผู้หญิงก็เล่นซอฟบอลกัน ส่วนที่สนามข้าง ๆ ก็มีพวกชั้นปี 3 กำลังเตะบอลกันอยู่ ซักพักก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างสนาม “เฮ้ ฟูจิ คอนจิ ทาคุมิคุง”

พอทั้งสามคนหันไป ก็เห็นรุ่นพี่ทาคายูกิยืนโบกมืออยู่ พวกเอย์จิเลยวิ่งเข้าไปหา คูมิยะ นายะ กับเรนะที่กำลังเล่นซอฟบอลอยู่หันไปเห็นก็เลยไปด้วย “ห้องรุ่นพี่ก็ชั่วโมงพละเหมือนกันเหรอครับ” ฟูจิถาม

“อื้อ นี่! ชั้นได้เบาะแสน่าสนใจมาด้วยหล่ะ” ทาคายูกิพูดอย่างตื่นเต้น

“เบาะแสอะไรเหรอครับ” คอนจิถาม

“ตำนานไง เกี่ยวกับทะเลสาบหน่ะ” พอทาคายูกิพูดจบพวกคูมิยะเดินเข้ามา

“ได้เรื่องใหม่แล้วเหรอคะรุ่นพี่” คูมิยะถาม

“อื้อ แต่ที่นี่ไกลหน่อย อยู่ตั้งฮาโกดาเตะแหน่ะ”

“เกี่ยวกับอะไรอะคะ” นายะสงสัย

“ทะเลสาบหน่ะ ชาวบ้านแถวนั้นเค้าเล่ากันว่าทุก ๆ วันนึงของปีน้ำในทะเลจะเปลี่ยนเป็นสีเลือด”

“เอ๋!” พวกเอย์จิพากันตกใจ

“เรื่องจริงเหรอคะรุ่นพี่” เรนะมีท่าทางกลัว ๆ

“ยังไม่แน่ชัดหรอกนะ แต่เค้าลือกันว่า...” ทาคายูกิยังเล่าไม่จบก็มีเสียงผู้ชายแทรกมาจากข้างหลัง

“เฮ้ ทาคิ (ชื่อเล่นของทาคายูกิ) นายเล่าเรื่องหลอกเด็กอีกแล้วเหรอ” โชโงะที่เพิ่งเตะบอลเสร็จเดินเหงื่อชุ่มมาหา

“ไม่ได้หลอกโว้ย มีคนส่งเมลมาจริง ๆ นะ” ทาคายูกิล็อคโชโงะไว้แล้วเอากำปั้นตุ๋ยที่หน้าท้องเขา ถึงแม้โชโงะจะเป็นนักฟุตบอลแต่เมื่อเทียบกับทาคายูกิที่ตัวสูงใหญ่แล้วเขาก็ดูตัวเล็กลงไปเลย

“สวัสดีค่ะ/ครับรุ่นพี่โชโงะ” พวกคูมิยะทักทาย

“อ้าวหวัดดี ๆ ทุกคน นี่ชั้นมีของฝากมาให้พวกเธอด้วยนะ” โชโงะบอกทุกคน พอเขาหันไปเห็นเอย์จิก็จำได้ “อ้าวนี่นายคนที่ร้านนั่นนี่!”

“สวัสดีครับรุ่นพี่ จำผมได้ด้วยเหรอครับ” เอย์จิทักทาย

“จำได้สิวันนั้นต้องรบกวนนายมากเลยนะ ว่าแต่…เอ่อ” โชโงะไม่รู้ชื่อเอย์จิ

“เค้าชื่อเอย์จิคุงคะ เพิ่งย้ายมาใหม่เรียนห้องเดียวกับหนูเอง” เรนะแนะนำ

“งั้นเหรอ เอย์จิคุง ยินดีที่ได้รู้จักนะ” โชโงะทักตอบ

“ครับรุ่นพี่”

“ที่บ้านเอย์จิคุงเปิดร้าน ขนมเค้าอร่อยมากเลยนะคะ” เรนะชื่นชม

“มิองก็บอกชั้นเหมือนกัน เสียดายที่ไม่ได้กิน เอย์จิคุงเพิ่งย้ายมาเทอมนี้เหรอ” โชโงะถาม

“ครับ ผมย้ายมาจากฮอกไกโดครับ”

พวกเอย์จิยืนคุยกับพวกรุ่นพี่ต่อซักพักก็มีเสียงระฆังหมดคาบดังขึ้น “อ้าวหมดเวลาแล้วเหรอ งั้นชั้นขอตัวก่อนนะ” โชโงะบอกทุกคน ทุกคนก็พากันไปล้างหน้าล้างตาแล้วแยกย้ายกลับห้องเรียน

พอเลิกเรียนทุกคนก็จะกลับบ้านด้วยกัน แต่เรนะขอแยกตัวไปคนเดียว “อ้าวเรนะจังมีธุระเหรอ” คูมิยะถาม

“จ๊ะ ไปซื้อของกับรุ่นพี่โชโงะหน่ะ” พอฟังที่เธอตอบเอย์จิก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับเมื่อวาน เรกะเห็นสีหน้าเขาก็พลอยทำหน้าเหงา ๆ ไปด้วยอีกคน

“ไปซื้อของให้ชมรมเหรอ” เรกะถาม

“ค่ะพี่ อาทิตย์หน้าจะมีซ้อมแข่งกับโรงเรียนอื่นหน่ะค่ะ” เรนะตอบ

“ว้า เสียดายจัง กะจะชวนไปหาอะไรกินด้วยกันซะหน่อย” คูมิยะบ่น

“ขอโทษนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้ได้มั้ย” เรนะยกมือขอโทษ

“ได้จ้า เพื่อเพื่อนที่แสนดีอย่างเธอแล้วทำไมจะไม่ได้” คูมิยะเอามือไปดึงแก้มเรนะเล่น

“โอ้ย ๆ คูมิจัง เค้าเจ็บอ๊ะ” เรนะร้องอย่างคิกขุ พอคูมิยะปล่อยมือเรนะก็บอกว่า “งั้นชั้นไปก่อนนะจ๊ะ”

“บาย ๆ” ทุกคนบ้ายบายเธอ แล้วเธอก็รีบวิ่งไปที่ห้องชมรม

พอเรนะไปแล้วคูมิยะก็หันไปถามคนอื่น ๆ “งั้นพวกเราเอาไงดี”

“งั้นวันนี้กลับกันก่อนละกัน เก็บไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ดีกว่า” ฟูจิออกความเห็น

“ดีเหมือนกันนะ ช่วงนี้เริ่มกรอบแล้วด้วย” นายะก็เห็นด้วย

“เอางั้นเหรอ” คูมิยะถาม

“อื้อ ชั้นยังไงก็ได้” เรกะตอบแต่เธอแทบไม่ได้สนใจเรื่องที่เพื่อน ๆ พูดกันเลย เพราะมัวแต่เป็นห่วงเอย์จิ

“ชั้นก็เหมือนกัน” คอนจิบอก

“งั้นก็พรุ่งนี้ค่อยไปกันนะ” พอทุกคนได้ข้อสรุปก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน

ตอนนี้เลยเหลือเอย์จิกับเรกะแค่สองคน “แล้วนายกลับบ้านเลยป่าว”

“ชั้นยังไม่อยากกลับอะ” จริง ๆ เรกะก็อยากชวนเขาไปเดินเล่นด้วยกันแต่เธอก็ยังเงียบ ๆ อยู่ “แล้วเธอหล่ะ” เอย์จิถามเธอมั่ง

“เอ่อ ๆ ชั้น” เธอลังเลอยู่พักนึงแล้วก็ตอบว่า “ชั้นคงกลับบ้านเลยหน่ะ” เธอไม่กล้าพอจะชวนเขา

“เหรอ งั้นเดี๋ยวชั้นไปช่วยงานที่ร้านดีกว่า กลับไปตอนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร”

“อื้อ ดีแล้วแหละ” เธอมีน้ำเสียงผิดหวังนิด ๆ เธอเลยรีบเดินนำหน้าไปแล้วหันมายิ้มให้ “งั้นชั้นกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” แล้วเธอก็รีบหันหลังวิ่งไป ปล่อยให้เอย์จิได้แต่มองตาม

เอย์จิไปช่วยงานที่ร้านจนเย็น พอได้ทำงานก็ทำให้เขาลืมเรื่องโชโงะได้บ้าง แต่พอเลิกงานเขาก็กลับมาคิดเรื่องนี้อีก “เรนะเป็นยังไงบ้างนะ เธอจะกลับบ้านรึยังหรือว่าจะยังเดินซื้อของอยู่” ภาพเรนะกับโชโงะเมื่อวานยังติดตาเขาอยู่ จนในที่สุดเขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวเลยตัดสินใจร่ายมนต์ ทันใดนั้นภาพสถานที่ก็ปรากฏขึ้นมาในหัว “ห้าง DMC ชั้นสอง!!!” พอเห็นภาพเขาก็รีบไปที่นั่นทันที

พอไปถึงเขาก็มองหาเรนะ แล้วก็เห็นเธอเดินอยู่กับโชโงะ เขาเลยเข้าไปแอบในร้านแถว ๆ นั้นแล้วค่อย ๆ สะกดรอยตามทั้งสองไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นพวกโรคจิตเลยคิดในใจว่า “นี่เราตั้งใจมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” แต่เขาก็ยังแอบสะกดรอยต่อ

ยิ่งเขาตามทั้งคู่ไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขของเรนะ เธอเดินไปคุยหัวร่อต่อกระซิกกับโชโงะไป จนเขาทนไม่ไหวและคิดจะหนีกลับบ้าน แต่ร่างกายของเขามันกลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง ขาทั้งสองยังเดินตามทั้งคู่ไปราวกับโดยสะกดจิต

ด้วยความที่เอย์จิกำลังใจจดจ่ออยู่กับเรนะ ทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลงถูกใครบางคนสะกดรอยตามอยู่เช่นกัน “หึหึหึ ผู้สืบสายเลือดต้องสาปเอ๋ย วันนี้แหละทุกอย่างจะจบลง” ชายลึกลับมีกระแสจิตประสงค์ร้ายไปยังเอย์จิอย่างชัดเจน

ทันใดนั้นไฟในห้างก็ดับลง ตึกทั้งหลังสั่นสะเทือนราวกับถูกยักษ์เขย่า ผู้คนที่เดินอยู่ต่างก็ตกใจร้องกรี๊ดกันลั่น บางร้านเกิดประกายไฟแล้วลามกลายเป็นกองเพลิง ผู้คนต่างล้มลุกคลุกคลานหนีตายกันจ้าละหวั่น เอย์จิต้องเอามือยึดราวระเบียงไว้ไม่งั้นยืนไม่อยู่ “แผ่นดินไหวงั้นเหรอ” เขาหันไปเห็นเรนะหกล้มนั่งอยู่บนพื้น ข้าง ๆ มีโชโงะคอยกอดประคองเธอไว้

เอย์จิรีบโทรไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ “ฮัลโหล 110 รับแจ้งเหตุค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอยู่ทางปลายสาย

“ครับตอนนี้ผมอยู่ในห้าง DMC ที่นี่เกิดแผ่นดินไหวครับ ช่วยมาหน่อยครับ”

“เอ๋! แผ่นดินไหวเหรอคะ คุณเข้าใจผิดรึเปล่าคะ”

“จริง ๆ ครับ ตอนนี้ทุกคนกำลังแย่แล้ว” แรงสั่นสะเทือนทำให้เอย์จิเซถลาไปกระแทกผนังระเบียงจนกระจกร้าวเป็นเกล็ด ๆ

“คุณล้อเล่นรึเปล่าคะ สถานีเราอยู่ข้าง ๆ ที่นั่น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวเราก็ต้องทราบสิคะ”

“จริง ๆ ครับ อุ๊บบบ” เครื่องเสียงที่ตั้งไว้โชว์หน้าร้านหล่นกระแทกหัวเอย์จิอย่างแรง “ที่นี่มีไฟไหม้ด้วย ช่วยมาให้เร็วที่สุดเลยนะครับ” แล้วรถเข็นขายน้ำผลไม้ก็ล้มทับเอย์จิ ทำให้สายของเขาตัดไป

“ฮัลโหล คุณคะ ๆ” เจ้าหน้าที่เรียกเขาจากปลายสายแต่ก็มีแค่เสียงตู๊ด ๆ เท่านั้น

“หึหึหึ จบแล้วสินะ” ชายลึกลับพูด แล้วห้างก็หยุดสั่น แสงไฟค่อย ๆ กลับมา ผู้คนที่ล้มลุกคลุกคลานต่างค่อย ๆ ยืนขึ้น ร้านรวงต่าง ๆ ระเนระนาดไปหมด

ทางด้านโชโงะพอแผ่นดินไหวหยุดลง เขาก็ถามว่า “เรนะจังเป็นไงมั่ง” เขาเห็นหัวเข่าเธอเลือดออกเลยเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันไว้ให้ “เจ็บมากมั้ย” เขากระซิบถามเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ” เรนะยังกำลังใจดีอยู่

“เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ” แล้วโชโงะก็ค่อย ๆ พยุงเธอเดินไป

ระหว่างที่ผู้คนกำลังพากันหนีออกไป ก็มีเสียงพึมพำเบา ๆ มาจากใต้กองไม้ที่ชั้นสอง “ข้าขออัญเชิญผู้ทำพันธะสัญญากับเทพแห่งสายลม...” กองซากไม้ที่ทับสุ่มอยู่บนจังเอย์จิก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น แล้วเขาก็คลานออกมาจากใต้ซากนั้น

“นี่มันยังไม่ตายอีกเรอะ!!! หนอย ในนามของผู้รับใช้แห่งจันทรคราส...” เขาร่ายเวทอย่างเกี้ยวกราด แล้วพื้นระเบียงชั้นสองทั้งชั้นก็พังครืนลงไป

“นี่มัน!” เอย์จิสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่รุนแรง เขารีบร่ายเวทในใจแล้วกระโดดไปอีกฝั่งราวกับบินได้

ขณะที่เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศก็มีเสียงร้องที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง “ว้ายยย!!!” พอเขาหันไปก็เห็นเรนะกับโชโงะกำลังหล่นจากระเบียง เขาลืมไปว่าเมื่อกี้ทั้งสองก็อยู่แถว ๆ นั้นเหมือนกัน

เขารีบคลายเวทที่ใช้อยู่แล้วร่ายบทใหม่ทันที “ข้าขออัญเชิญผู้ทำพันธะสัญญากับเทพแห่งสายลม...” พอเขาร่ายเวทเสร็จตัวเขาก็ร่วงลงกระแทกกับหลังคาร้านที่ชั้น 1 แล้วไถลลงไปในในบ่อน้ำพุโดยที่ไม่ทันได้รอดูว่าเวทมนตร์ที่ร่ายไปจะช่วยเรนะได้รึเปล่า

ทางฝั่งเรนะกับโชโงะก็กำลังร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว โชโงะรีบฉุดเธอมากอดไว้แล้วเอาพลิกเอาหลังตัวเองลงพื้นเพื่อจะกันกระแทกให้เธอ พลันก็มีสายลมเย็น ๆ โอบล้อมทั้งคู่ ทำให้ทั้งสองค่อย ๆ หล่นลงพื้นอย่างนุ่มนวล

เอย์จิที่หล่นกระแทกหลังคาร้านเมื่อกี้นอนนิ่งอยู่ในน้ำพักนึง พอลุกไหวเขาก็ค่อย ๆ คลานขึ้นมาจากบ่อด้วยเนื้อตัวเปียกปอน ที่หลังกับข้อศอกมีรอยฟกช้ำสีเขียว เขารู้สึกร้าวไปทั้งร่าง แต่สิ่งแรกที่เขาทำก็คือหันไปหาเรนะ “เรนะ!!!” แล้วเขาก็เห็นเธอนอนกอดอยู่บนตัวโชโงะ พอรู้ว่าเธอปลอดภัยดีเขาก็หายกังวล แต่ภาพนั้นก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน

ซักพักรถตำรวจกับรถดับเพลิงก็มาเนื่องจากไฟลุกลามจนออกไปนอกห้าง ตอนนี้ภายในเริ่มมีควันมากขึ้น ๆ พอหน่วยพยาบาลมาถึงก็ช่วยขนคนเจ็บไปโรงพยาบาล ส่วนคนที่ไม่บาดเจ็บร้ายแรงก็รับการปฐมพยาบาลอยู่ข้างนอก โชโงะก็ค่อย ๆ พยุงเรนะมาทำแผลด้วย

“เริ่มเป็นเรื่องใหญ่แล้วซิ งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” แล้วชายลึกลับก็หายตัวไปราวกับควัน ทางฝั่งเอย์จิเองก็ค่อย ๆ เดินกระเผลกไปที่หน่วยพยาบาล พอเขาออกไปข้างนอกก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมทุกอย่างภายนอกเป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่ข้างในมีแผ่นดินไหวรุนแรงถึงขนาดนั้น

เขาคิดในใจว่า “หรือว่านี่จะไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา” เขาเริ่มเชื่อว่าที่เขาสัมผัสพลังเวทได้เมื่อกี้เขาไม่ได้คิดไปเอง เขาตัดสินในใช้เวทค้นหาอีกครั้ง แล้วเขาก็จับกระแสพลังเวทที่เบาบางได้ “ข้างบน!!!” เขาแหงนหน้ามองไปที่หลังคาตึกฝั่งตรงข้าม แม้จะแค่แว็บเดียวแต่เขาก็มั่นใจ เขาจึงรีบบินขึ้นไปทันที

พอขึ้นไปบนหลังคาเขาก็พบชายชุดดำรูปร่างอ้วนพอ ๆ กับผู้พันหน้าร้านไก่ย่างใส่หมวกไม้ไผ่ปิดบังใบหน้าอยู่ “นาย! นายเป็นคนทำใช่มั้ย”

ชายคนนั้นไม่ตอบแต่กลับพูดว่า “หึหึหึ ผู้สืบสายเลือดต้องสาปเอ๋ย ถ้าไม่ตามขึ้นมาก็คงจะยืดชีวิตต่อไปได้แท้ ๆ”

“แก! หรือว่าเป็นคนของตระกูลโทโมอิ”

“รู้ก็ดีแล้ว จะได้ยอมรับความตายแต่โดยดี ในนามของผู้รับใช้แห่งจัทรคราส” ชายลึกลับร่ายมนต์ แล้วเงาที่ต้องแสงจันทร์อยู่บนหลังคาก็กลายเป็นหอกแหลมพุ่งเข้าจู่โจมเอย์จิ

เอย์จิรีบร่ายมนต์ในใจแล้วกระโดดหลบราวกับมีปีก เขาค่อนข้างชำนาญกับการต่อสู้พอสมควรทีเดียว “เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกตอแยพวกเราซะที” เขาตะคอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด

“ถ้าจะโทษก็โทษสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้าเถอะ” พอพูดจบเงาบนหลังคาก็ลอยขึ้นกลายเป็นกระสุนเม็ดเล็ก ๆ ระดมยิงใส่เอย์จิ เขากระโดดไปบนดาดฟ้าของตึกข้าง ๆ แล้วก้อนคอนกรีตนับสิบก้อนก็ลอยขึ้นจากพื้นมาเป็นโล่กันกระสุนให้เขา แต่เหล่าหอกเงาในตอนแรกก็พุ่งเข้ามาแทงก้อนคอนกรีตเหล่านั้นจนแตกกระจาย

เอย์จิม้วนตัวหลบหอกเหล่านั้นได้อย่างฉิวเฉียด แต่แล้วชายลึกลับก็พูดว่า “หึหึหึ แสดงว่าเจ้าใช้เวทได้ทีละบทงั้นสิ ถ้างั้นก็เตรียมตัวตายได้แล้ว” แล้วกระสุนเงาก็ระดมยิงใส่เอย์จิอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะคอยป้องกันอีกแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปหาที่กันบังอย่างรวดเร็ว ถึงแม้กระสุนนัดแรก ๆ จะพลาดเป้าไป แต่นัดต่อ ๆ มาก็เฉี่ยวโดนขาเขาจนเป็นแผลยาวหลายแผล

เอย์จิเริ่มเดินกระเผลก ชายลึกลับจึงยิ้มอย่างย่ามใจ แต่แล้วเอย์จิก็ยิ้มที่มุมปาก “หึ ถึงชั้นใช้ได้แค่บทเดียว แต่มันก็พอแล้ว” ในตำแหน่งที่สูงขึ้นไปบนฟ้าเหนือหัวของชายลึกลับมีก้อนคอนกรีตอีกก้อนที่เอย์จิบังคับให้ไปค้างอยู่บนนั้น พอเอย์จิคลายเวท ก้อนคอนกรีตก็หล่นลงมาด้วยความเร็วสูง

กว่าเขาจะรู้สึกตัวก็สายไปแล้ว “แก!!!” ชายลึกลับกัดฟันกรอด ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโครม!!! คอนกรีตตกใส่หัวชายลึกลับอย่างจัง หลังคาดาดฟ้าทะลุเป็นรู กระเบื้องระเนระนาด ฝุ่นควันกระจายฟุ้งจนดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร

เอย์จิค่อย ๆ กระโดดข้ามตึกมายังที่เกิดเหตุ “ตายแล้วเหรอ” เขาพูดเบา ๆ ทันใดนั้นเอย์จิก็รู้สึกเหมือนมีปั้นจั่นขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นกระแทกใส่ตัวเขาเต็มแรง เขากระเด็นไปจนเกือบจะตกหลังคา อวัยวะภายในบอบช้ำจนกระอักเลือดออกมา แล้วชายลึกลับค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากหลุมที่ฟุ้งไปด้วยควัน “หึหึ ข้าไม่ได้ใช้เวทมนตร์ได้พร้อมกันแค่ 2 บทหรอกนะ”

เหล่าหอกเงาพากันพุ่งเข้าใส่ร่างที่ขยับไม่ได้ของเอย์จิเหมือนกับจะซ้ำให้ตายสนิท เขาทำได้เพียงแค่มองชายลึกลับด้วยแววตาเคียดแค้นเท่านั้น ทันใดนั้นก็มีชายชุดขาวรูปร่างผอมบางใส่หน้ากากสีขาวเข้ามาขวาง เขายื่นมือออกไปแล้วก็มีแสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์สาดส่องจนเงาเหล่านั้นสลายไป “เจ้า!” ชายลึกลับตะคอกใส่ชายชุดขาว

แต่ชายคนนั้นไม่พูดอะไร เขายื่นมือไปทางเอย์จิ แล้วร่างของเอย์จิก็กระเด็นไปไกลราวกับโดนสปริงดีด ชายชุดดำร่ายมนต์อย่างเกรี้ยวกราด แต่ยังไม่ทันจะร่ายเสร็จ ชายชุดขาวเพียงแค่ยื่นมือไปทางเขา ชายชุดดำก็กระเด็นไปทิศตรงกันข้างกับที่เอย์จิลอยไป เขากระเด็นไปไกลจนสุดขอบฟ้า แล้วชายชุดขาวก็หันมองไปทางทิศที่เอย์จิกระเด็นไปแล้วก็หายตัวไปราวหิ่งห้อย

ทางด้านโชโงะพอพาเรนะไปทำแผลที่หน่วยพยาบาลเสร็จแล้ว เขาก็อาสาขับรถมาส่งเธอที่บ้าน พอเขาเลี้ยงรถเข้าซอยโคโคเนะเขาก็ต้องเบรกดังเอี๊ยดดด!!! เพราะเห็นเด็กหนุ่มคนนึงนอนสลบอยู่กลางถนน พอเรนะมองไปก็จำได้ว่าเป็นเอย์จิ เธอรีบลงไปหาเขาทันที “เรนะ!” โชโงะจะห้ามเธอแต่ก็ไม่ทัน

เรนะวิ่งเข้ามาอุ้มร่างไร้สติของเอย์จิขึ้นมาหนุนตักแล้วร้องเรียก “เอย์จิคุงๆ” แต่เขาก็ไม่มีท่าทีตอบสนอง เนื้อตัวของเขามอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่น ที่หน้าอกชุ่มไปด้วยเลือด เธอตกใจหน้าซีดจนไม่รู้จะทำยังไงดี

พอโชโงะรู้ว่าเป็นเอย์จิก็บอกว่า “รีบพาเขาส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ” แล้วเขาก็รีบอุ้มเอย์จิขึ้นรถทันที ระหว่างที่ขับไปเรนะก็เอาผ้าคอยเช็ดเลือดที่กระอักออกจากปากเอย์จิเป็นระยะ ๆ

พอไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำเขาขึ้นเตียงแล้วเข็นเข้าห้องไอซียูทันที เรนะจะวิ่งตามไปแต่พยาบาลคนนึงเข้ามากันเธอออกไป “ญาติรออยู่นี่นะครับ” โชโงะเลยพาเธอไปนั่งที่หน้าเคาเตอร์

เรนะนั่งกระสับกระส่าย เธอไม่อยากนึกถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุดแต่ก็พลอยอดคิดไม่ได้ โชโงะเลยปลอบว่า “ไม่เป็นไรหรอก พี่ว่าหมอเค้าต้องช่วยเอย์จิคุงได้แน่” ซักพักพอเรนะเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ โชโงะก็ถามว่า“พอจะติดต่อใครได้บ้างมั้ย”

เรนะค่อย ๆ ตั้งสติแล้วกดดูเบอร์ในมือถือ “หนูมีเบอร์พี่สาวเค้าค่ะ” แล้วเธอก็รีบโทรไปบอกยูริ

ซักครึ่งชั่วโมงยูริก็มาถึงโรงพยาบาล “เอย์จิเป็นไงมั่ง” เธอเป็นกังวลมาก

“เข้าไปข้างในได้ซักพักแล้วค่ะ” เรนะตอบ เธอเองก็เป็นห่วงไม่แพ้กัน

ซักพักหมอก็เดินออกมา เรนะกับยูริรีบเข้าไปถามแทบจะพร้อมกัน “เอย์จิเป็นไงมั่งคะ”

หมอตอบว่า “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เค้าได้ถูกกระแทกอย่างแรง อวัยวะภายในบอบช้ำ โชคดีที่ซี่โครงไม่หัก แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สติ คืนนี้หมอให้นอนดูอาการที่นี่ก่อนนะครับ”

ทุกคนฟังแล้วก็โล่งใจขึ้นนิดนึง แล้วโชโงะก็พูดว่า “ผมเจอเค้าสลบอยู่กลางถนนครับ สงสัยจะถูกรถชน”

“แล้วโทรแจ้งตำรวจรึยังครับ” หมอถาม

“ยังเลยครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรเลย” แล้วโชโงะก็รีบติดต่อตำรวจ ส่วนเรนะกับยูริก็ไปเฝ้าเอย์จิที่ห้อง ยูริเอามือลูบหัวน้องชายเบา ๆ ส่วนเรนะก็ยืนเป็นห่วงอยู่ข้าง ๆ ซักพักโชโงะก็เข้ามาบอกยูริว่า “คุณครับ ตำรวจเค้าจะขอคุยด้วย”

“เรนะจังพี่ฝากดูเอย์จิแปบนะจ๊ะ” ยูริพูดแล้วเดินออกไปข้างนอก

“ค่ะ” พอยูริเดินออกไปเธอก็กุมมือเอย์จิแล้วพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า “เอย์จิคุง เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”

ซักพักพ่อแม่ของเอย์จิก็มา แล้วตำรวจสืบสวนก็มาคุยกับทุกคน โชโงะเห็นว่าเริ่มดึกแล้วเลยบอกให้เรนะกลับบ้านก่อน ตอนแรกเรนะจะขออยู่เฝ้าเอย์จิต่อ แต่ยูริก็บอกเธอว่าไม่ต้องห่วง เธอเลยยอมกลับ

วันรุ่งขึ้นเรกะกับเรนะรีบมาหาเขาแต่เช้า จริง ๆ แล้วตอนที่เรกะรู้ข่าวเธอตกใจมากจนจะมาตั้งแต่คืนนั้นเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะผ่านไปคืนนึงแต่เอย์จิก็ยังไม่รู้สึกตัว ยูริเปลี่ยนเวรกลับบ้านไปพักผ่อน แล้วแม่ของเอย์จิก็อยู่เฝ้าต่อ ทางร้าน Amusesbouche เลยต้องปิดชั่วคราว พอตกเย็นเพื่อน ๆ กับคุณครูประจำชั้นก็พากันมาเยี่ยม

แล้วพ่อของเอย์จิยืนคุยกับคุณครูประจำชั้นอยู่หน้าห้อง ส่วนคนอื่น ๆ ก็นั่งอยู่ข้างใน “จะเป็นอะไรรึเปล่านะ” คอนจิพูดเป็นลางไม่ดีพลอยให้เรกะกับเรนะใจเสียไปด้วย

คูมิยะเลยเอามือไปหยิกท้องยุ้ย ๆ ของเขา “นี่แน่ะ! พูดอะไรดูตาม้าตาเรือซะมั่ง”

“โอ้ยยย ชั้นขอโทษ ๆ”

“หมอเค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรนี่” นายะให้กำลังใจเพื่อน

“ขอบใจพวกลูก ๆ มากนะจ๊ะ” แม่ของเอย์จิพูด แล้วซักพักทุกคนก็พากันกลับ

พอตกกลางคืนยูริก็มาเปลี่ยนเวรเฝ้าแทน ระหว่างที่เธอนั่งเฝ้าอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พอเธอเปิดออกดูก็เห็นเรนะกับเรกะยืนอยู่หน้าห้อง “อ้าวพวกเธอ”

“พวกเราขอที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยูริค่ะ” เรกะบอก

“แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนไหวเหรอจ๊ะ” ยูริถาม

“พรุ่งนี้พวกเราลาค่ะ บอกคุณพ่อคุณแม่แล้วด้วยค่ะ” เรกะตอบ

“มันจะดีเหรอจ๊ะ” ยูริเกรงใจ

“แล้วเอย์จิคุงเป็นไงมั่งคะ” เรนะถาม

“ยังไม่รู้สึกตัวเลย” ยูริส่ายหน้า “งั้นก็เข้ามากันก่อนเถอะจ๊ะ”

แล้วทั้งสองคนก็เข้ามาข้างใน ยูริเลยไปหาน้ำหาอะไรมาให้น้อง ๆ ทั้งสอง เรนะนั่งกุมมือเขาอยู่ข้างเตียงแล้วทำหน้าเศร้า ๆ เหมือนจะร้องไห้ เรกะเลยบอกว่า “อย่าร้องสิ เดี๋ยวเอย์จิคุงตื่นมาเห็นจะเสียใจนะ”

“หนูขอโทษค่ะ” เรนะเอามือปาดน้ำตา น้ำตาหยดนึงของเธอหยุดลงแขนเอย์จิพอดี ทำให้เอย์จิค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แต่เรนะยังไม่รู้ตัว

เรกะหันไปเห็นเข้าพอดีเลยบอกทุกคนว่า “อ๊ะ! เอย์จิคุงฟื้นแล้ว” พอยูริได้ยินก็รีบเข้ามาดู

“เอย์จิคุง” เรนะเรียกเขาเบา ๆ

“เป็นไงมั่งจ๊ะเอย์จิ” ยูริถามน้องชาย

“อูยยยย” เขายังรู้สึกปวดไปทั้งตัว เรกะกับเรนะเลยช่วยกันปรับเตียงให้เขานั่งพิงได้ถนัด

“เจ็บเหรอจ๊ะ” ยูริถามด้วยความเป็นห่วง แต่เอย์จิไม่ตอบ เขาเอามือกุมขมับเหมือนคนปวดหัว

“นายเป็นไงมั่ง” เรกะถาม เอย์จิหันมามองทุกคนแล้วมีท่าทางมึน ๆ หัว

เรนะเลยกุมมือเขาแล้วถามว่า “ยังเจ็บอยู่รึเหรอจ๊ะ”

“เป็นไงมั่ง อย่าเอาแต่เงียบสิ” เรกะบอกเขา

เขามองหน้าทุกคนช้า ๆ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ขอโทษนะครับ พวกคุณเป็นใครกัน!?!”




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 22:26:52 น.
Counter : 285 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


TonyLaFraga
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add TonyLaFraga's blog to your web]