Bloggang.com : โสดในซอย : ทำความรู้จักกับร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง

ทำความรู้จักกับร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง

ทำความรู้จัก
กับร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง

ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ส.ส.กรุงเทพมหานครระบบสัดส่วน
พรรคพลังประชาชน

ที่อยู่
182/1 ซ.บางบอน 7 ถ.เอกชัย
บางบอน บางขุนเทียน กทม.

เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2491
(แต่ตามประวัติทั่วไป
มักระบุว่าเกิด 10 มิถุนายน พ.ศ. 2491)

จบการศึกษา
ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
จาก คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เคยรับราชการตำรวจ
มีตำแหน่งเป็นสารวัตรกองปราบฯ

ในการทำงานการเมือง
เคยดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กำกับดูแล
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

ขณะที่กำกับดูแลหน่วยงานแห่งนี้
ร.ต.อ.เฉลิม
มีชื่อเรียกสั้น ๆ จากสื่อมวลชนว่า
"เหลิม" หรือ "เหลิมดาวเทียม"
เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันดี
ในแวดวงสื่อมวลชน
ถึงการควบคุมการนำเสนอข่าว
ด้วยตนเอง
ซึ่งในบางครั้ง
ถึงกับเข้าไปสั่งการในห้องตัดต่อเอง
จนคนในช่อง 9 เรียกว่า
"บรรณาธิการเฉลิม"

สมรสกับ นางลำเนา อยู่บำรุง
ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชน
มีบุตรด้วยกันทั้งสิ้น 3 คน
เป็นชายล้วน
คือ นายอาจหาญ
นายวันเฉลิม
และนายดวงเฉลิม
ลูก ๆ ของ ร.ต.อ.เฉลิม
ก็มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า "ลูกเหลิม"

ร.ต.อ.เฉลิม
มีน้องชายที่เล่นการเมืองท้องถิ่น
เป็น ส.ก.หลายสมัย
คือ
นายนวรัตน์ อยู่บำรุง
ส.ก.เขตหนองแขม

"ร.ต.อ.เฉลิม"
เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมือง
ที่โดดเด่นด้านการพูด
และลีลาการอภิปราย
ในสภาผู้แทนราษฎร
ที่สามารถโน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเชื่อได้
และหลายครั้ง
มีการใช้คำพูดที่ฟังดูรุนแรง
ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เคยกล่าวถึงตัวเองไว้ว่า
"ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม"

ร.ต.อ.เฉลิม
เริ่มต้นชีวิตทางการเมือง
ด้วยการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2529
ได้ก่อตั้ง พรรคมวลชน
และดำรงตำแหน่ง เป็นหัวหน้าพรรค
โดยมีฐานเสียงสำคัญ
ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ฝั่งธนบุรี
โดยเฉพาะ
เขตภาษีเจริญ และ เขตบางบอน
ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เป็น ส.ส. ผูกขาดในพื้นที่
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
เคยไม่ได้รับเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว
คือในการเลือกตั้ง
ปี พ.ศ. 2535 ครั้งที่ 1

ร.ต.อ.เฉลิม เคยดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ
มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
หรือ อสมท.
โดยถูกมองว่า
เข้าไปแทรกแซงการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
และมีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มทหาร
จนถูกนำมาเป็นเหตุผลประการหนึ่ง
ในการทำ รัฐประหาร ปี พ.ศ. 2534
ของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ

ภายหลังการรัฐประหารดังกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
เป็นหนึ่งในนักการเมือง
ที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ
และต้องขอลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ
โดยเดินทาง
ไปพำนักอยู่ที่ประเทศสวีเดน
และประเทศเดนมาร์ก

ต่อมาเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย
ได้กลับเข้าประเทศไทย
และได้ดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2540
ตัดสินใจยุบ พรรคมวลชน
รวมเข้ากับพรรคความหวังใหม่
ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
หลังจากนั้นบทบาททางการเมือง
ของ ร.ต.อ.เฉลิม
ก็เงียบหายไปเป็นเวลานาน

นักข่าวมักเรียกเฉลิมว่า
"เป็ดเหลิม"
ซึ่งเปรียบเทียบเฉลิมกับเป็ดว่า
ทำหลายอย่างได้
แต่ไม่สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม
เช่น
บินได้
แต่ไม่สามารถบินได้อย่างยาวนาน
และดีเท่ากับนก

เกี่ยวกับลูกชายทั้ง 3 คนนั้น
นายอาจหาญ
นายวันเฉลิม
(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัน")
และนายดวงเฉลิม
(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "ดวง")

ลูกชายทั้งสาม
ตกเป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนเป็นระยะ
ว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าว
ก่อเหตุวิวาททำร้ายร่างกายหลายครั้ง
โดยเฉพาะในสถานบันเทิงยามค่ำคืน
และทำให้เกิดประโยคคำถาม
ล้อเลียนคำพูดของลูก ร.ต.อ.เฉลิม
ขณะก่อเหตุทำนองว่า
"รู้ไหม "กู" ลูกใคร"

คดีต่าง ๆ
ล้วนได้รับการยอมความจากผู้เสียหาย
โดยไม่มีการลงโทษ
ซึ่งถูกสังคมมองว่า
เกิดจากการใช้อิทธิพล
ของ ร.ต.อ.เฉลิม ผู้เป็นบิดา

คดีที่ นายดวงเฉลิม ลูกคนเล็ก
ตกเป็นผู้ต้องหาสังหาร
ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุติ
หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ดาบยิ้ม"
ในผับกลางโรมแรม
ย่านถนนรัชดาภิเษก
เมื่อปลายปี พ.ศ. 2544

โดยหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ
และมอบตัวหลังจากนั้นกว่าครึ่งปี
ซึ่งบทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิม ขณะนั้น
ถูกมองว่าเป็นพ่อ
ที่พยายามปกป้องลูกอย่างถึงที่สุด
จนถึงขนาดมีวิวาทะกับสื่อ
โดยมีประโยคเด็ดเป็นคำขู่ว่า
"ระวังคนฝั่งธนฯ จะกระทืบ"
อันเป็นเหตุให้ถูกสื่อมวลชนบอยคอต
งดนำเสนอข่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม
ไประยะหนึ่ง

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ร.ต.อ.เฉลิมและลูก ๆ
ได้ออกนิตยสารของตัวเอง
ในแนววิจารณ์การเมือง
โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อ
แต่ดำเนินการได้ไม่นานก็ปิดตัวลง

ต่อมาคดีนายดวงเฉลิม
มีคำตัดสินของศาลอาญาชั้นต้น
ให้ยกฟ้อง
เนื่องจากพยานหลักฐาน
ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า
นายดวงเฉลิมเป็นผู้สังหารดาบยิ้ม
จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ให้แก่จำเลย

จนถึงปัจจุบัน
ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า
ผู้สังหารดาบยิ้มเป็นใคร
นอกจากคำให้การของฝ่าย ร.ต.อ.เฉลิม ที่ว่า
เป็นฝีมือของ นายเฉลิมชนม์ บุริสมัย
หรือ "ไอ้ปื๊ด"
คนสนิทผู้ติดตามนายดวงเฉลิม
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธ
ที่จะนำมาเป็นสาระสำคัญในคดี

ร.ต.อ.เฉลิม
เคยแสดงบทบาททางการเมือง
โดยเสนอให้ออกพระราชกฤษฎีกา
งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา
เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมืองในขณะนั้น
แต่ไม่มีใครนำไปปฏิบัติ

ข้อเสนอในเรื่องดังกล่าว
ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์
ในหมู่แวดวงนักกฎหมาย
หรือผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย
เป็นอันมาก
เพราะเหตุว่าพระราชกฤษฎีกา
เป็นกฎหมายที่มีลำดับชั้นต่ำกว่า
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ซึ่งผู้ที่เรียนวิชากฎหมายมา
จะทราบดีว่า
กฎหมายลำดับชั้นต่ำกว่า
จะยกเลิกแก้ไขผลหรือตัวบทกฎหมาย
ในลำดับชั้นสูงกว่าไม่ได้

การออกมาแสดงความเห็น
ในลักษณะดังกล่าว
จึงเป็นการแสดงออกถึง
ความไม่เข้าใจในเรื่องพื้นฐาน
ของระบบกฎหมาย
และทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์
ตามมาเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ
และคุณวุฒิปริญญาทางกฎหมาย
ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงได้รับ

ขอขอบคุณ
ข้อมูลความรู้เหล่านี้
จาก
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คมคิดคมคาย...

ความผาสุกและสันติในสังคม
จะเกิดขึ้นได้
ต้องมาจากความเอื้ออาทร
และการเคารพซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะ
การเคารพในเรื่องความคิด

นายอานันท์ ปันยารชุน

Create Date : 25 กรกฎาคม 2551

Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 8:50:06 น.

16 comments

Counter : 1159 Pageviews.