กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 กรกฏาคม 2552
 
 
ละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนที่ 11

ตอนที่ 11
มาลินีกลับมาถึงบ้านก็ระบายความคับแค้นนานาสารพันที่มีต่อนายเหว่าหรือผู้ใหญ่ลีให้พินฟัง จากนั้น เธอก็พุ่งไปหาวลัย สมร และประดิษฐ์ เร่งให้ทั้งสามคน รีบเก็บข้าวของกลับกรุงเทพฯพร้อมกันกับเธอเดี๋ยวนี้เลย
ประดิษฐ์ดีใจกว่าใคร ยิ่งรู้ว่ามาลินีจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก ประดิษฐ์แทบจะกระโดดโลดเต้น ตรงกันข้ามกับลีนวัตรที่หน้าเหี่ยวหน้าแห้งกลับไปบ้าน พอแม่ปุยรู้เรื่องเข้าก็ไล่ลีนวัตรไปขอโทษมาลินี เมื่อลีนวัตรมาถึง ปรากฏว่ามาลินีกำลังขนสัมภาระขึ้นรถพร้อมเพื่อนๆ ลีนวัตรขอโทษมาลินี แต่เธอบอกว่ามันสายเกินไปแล้ว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้เธอต้องอับอายขายหน้าได้เท่าครั้งนี้
"แต่ก็นั่นแหละ ช่างมัน อีกไม่นานฉันก็คงจะลืม เพราะฉันคงจะไม่กลับมาที่นี่อีก ฉันจะทิ้งความทรงจำแย่ๆทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ ไม่เก็บเอาไปด้วยหรอก"
ลีนวัตรจ๋อยจนถึงที่สุด ประดิษฐ์เพิ่งรู้ว่าที่แท้นายเหว่าก็คือผู้ใหญ่ลี แต่ยังไม่วายยียวนใส่เขาก่อนจะขึ้นรถ...มาลินีเป็นคนขับรถ เธอนั่งเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ในขณะที่ประดิษฐ์พูดไม่หยุด พูดมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง เนื้อหาสาระก็ไม่มีเรื่องอื่น นอกจากด่าและซ้ำเติมผู้ใหญ่ลี กระทั่งวลัยโวยขึ้นมาด้วยความรำคาญ ประดิษฐ์ถึงยอมหุบปาก
บ่ายแก่ๆ ปื๊ดกลับจากโรงเรียนพร้อมปลาตะเพียนสาน ซึ่งปื๊ดบอกพ่อว่าตนทำสุดฝีมือเพื่อเอามาให้คุณมา พอลีนวัตรบอกว่าคุณมาเขากลับกรุงเทพฯไปแล้ว ปื๊ดหน้าเสียแต่ไม่เชื่อ ถือปลาตะเพียนวิ่งแจ้นไปดูที่บ้าน แต่พบเพียงป้าพินคนเดียว ปื๊ด ผิดหวังและเสียใจอย่างมาก ลีนวัตรเดินตามมายอมรับผิดว่าพ่อเป็นคนทำให้คุณมากลับไป ปื๊ดโกรธต่อยท้องพ่อหลายที ก่อนโยนปลาตะเพียนทิ้งแล้ววิ่งหนีออกไป
หลังจากขับรถไปส่งสมรกับวลัยที่บ้านเรียบร้อยแล้ว มาลินีก็กลับคอนโดฯ แต่เธอไม่ยอมให้ประดิษฐ์เข้าห้อง แม้ ประดิษฐ์ตื๊อหนักเคาะประตูอยู่เป็นนาน เธอก็ไม่สนใจ สุดท้ายเขาก็ล่าถอยไปเอง
เมื่ออยู่คนเดียวตามลำพัง มาลินีก็คิดถึงภาพความสุข สนุกสนาน หรือแม้แต่ความลำบากขณะอยู่คลองหมาหอน โดยเฉพาะเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับนายเหว่าหรือผู้ใหญ่ลี มันช่างตามหลอกหลอนเธอจนติดตา...ขณะเดียวกันนั้น ลีนวัตรก็เศร้าจัด จนแม่ปุยทนไม่ไหว แนะนำให้ลีนวัตรตามไปขอโทษมาลินีที่ กรุงเทพฯ ดีกว่ามานั่งอกตรมอยู่อย่างนี้


ooooooo


กลับมากรุงเทพฯได้วันเดียว มาลินีก็เริ่มทำงาน ในอาชีพนางแบบเหมือนเดิม โดยมีประดิษฐ์เป็นคนรับงานให้อีกตามเคย แต่มาลินีไม่สุงสิงหรือใกล้ชิดเขาเกินจำเป็น ประดิษฐ์เหมือนจะรู้ตัวแต่ก็ทำหน้าด้าน พอเลิกงานเขาก็พาเธอไปกินข้าว มาลินีกินข้าวเกลี้ยงจาน ทั้งยังสอนประดิษฐ์ให้รู้ว่าข้าวแต่ละเม็ดกว่าชาวนาจะได้มามันลำบากยากเย็น เราจึงไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง
ประดิษฐ์ไม่ชอบใจแต่ก็ไม่โวยวายมากนัก พอออกจากร้านอาหาร ประดิษฐ์ยังติดรถมาลินีมาถึงคอนโดฯ แต่มาลินีก็ไม่ยอมให้เขาขึ้นไปบนห้องอยู่ดี ประดิษฐ์ขัดใจแต่ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากเดินคอตกออกไป...ลีนวัตรมานั่งคอยมาลินีอยู่ที่ล็อบบี้นานแล้ว มาลินีพอเห็นเขาเข้าก็รีบเดินหนี ลีนวัตร ก้าวตามไปติดๆ
ลีนวัตรขอร้องมาลินีช่วยฟังเขาพูดสักหน่อย เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นตัวตลกอย่างที่เธอคิด มาลินีจึงย้อนถามว่า "งั้นนายมีเหตุผลอะไร พูดให้ดีๆนะ ไม่งั้นนายโดนดีอีกแน่ๆ"
"ผมรักคุณมา..."
"อะไรนะ" มาลินีตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ลีนวัตรพูดย้ำ อีกครั้งหนักแน่น มาลินีกลับหาว่าเขาต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ
"ก็คุณมาบอกเองว่าไม่มีเวลา ผมก็ต้องรวบรัดตัดความสิครับ ผมเองก็พูดอะไรยาวๆให้มันซึ้งจับใจไม่เป็นซะด้วย"
"ฉันไม่เชื่อที่นาย...เอ๊ย...คุณพูดหรอก เหตุผลบ้าๆ ฉันไม่เคยรู้จักคุณ คุณก็ไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน อย่ามามั่วนิ่มนะ"
มาลินีเดินหนีไปหน้าลิฟต์ ลีนวัตรเดินตาม แล้วลำดับเรื่องราวในวัยเด็กให้เธอฟังว่าเขาคือเด็กผู้ชายฟันหลอที่เคยแบ่งพุทราให้เธอกินเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนปิดเทอมใหญ่...มาลินีชะงัก รวบรวมความทรงจำที่เลือนเต็มที ครู่เดียวเธอก็ถามย้ำอย่างจำเหตุการณ์วันนั้นได้
"คุณคือเด็กผู้ชายคนนั้น"
"ครับ...แล้วตั้งแต่วันนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นก็รอว่าเมื่อไรเด็กผู้หญิงคนนั้นจะกลับไปเที่ยวบ้านยายที่คลองหมาหอนอีก แต่เธอก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย"
"แล้วไง"
"คุณไม่เชื่อเหรอครับว่าความประทับใจแรกของคนเรามันจะอยู่กับคนคนนั้นไปจนวันตาย...พอคุณนายวันเสีย ผมก็ส่งจดหมายถึงคุณ รอจนสวดครบสามวันแล้วคุณก็ไม่ไป ผมก็เลยมาตามคุณที่นี่ ผมถึงได้เข้าใจว่าคุณไม่ไปงานศพคุณนายวัน ก็เพราะคุณติดแฟนคุณ"
"แล้วไง"
"ถามได้ว่าแล้วไง ผมก็มีหัวใจเหมือนกันนี่ครับ ทำไมผมจะอกหักไม่เป็น"
"พอฉันไปคลองหมาหอน คุณก็เลยแก้เผ็ดฉันซะเลย ทั้งหมดนี่น่ะเหรอเหตุผลของคุณ"
"คุณคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกโง่เง่า แต่ผมก็ทำลงไปแล้ว ผมไม่ได้หวังอะไรจากคุณ เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมมันก็แค่คนบ้านนอก เทียบอะไรไม่ได้กับแฟนคุณ และผมคงอัดอั้นใจตาย ถ้าไม่ได้มาพูดทั้งหมดนี่ให้คุณฟัง...ผมรู้ว่าคุณคงจะไม่กลับไปที่คลองหมาหอนอีกแน่ๆ ถ้าผมเป็นคนทำให้คุณเสียความรู้สึกอย่างมาก ผมก็เสียใจ ผมขอเวลาคุณอีกนิดเดียวเท่านั้นครับ"
ลีนวัตรเดินกลับไปหยิบถุงกระดาษ แล้วกลับมาหามาลินีอีกครั้ง
"แม่ผมเขาฝากน้ำพริกปลาย่างมาให้คุณครับ แล้วก็ปลาตะเพียนใบมะพร้าวนี่ ปื๊ดมันทำส่งครูที่โรงเรียน มันบอกว่าครูให้คะแนนมันสิบเต็มเลย ผมก็ไม่รู้ว่ามันโม้รึเปล่า แต่มันตั้งใจจะเอาไปให้คุณ ก็พอดีคุณกลับมากรุงเทพฯซะก่อน มันก็เสียใจนิดหน่อยตามประสาเด็ก อีกวันสองวันมันก็คงหายเอง"
มาลินีใจอ่อนยวบ รับถุงมาจากมือลีนวัตร เธอฝากขอบคุณป้าปุยและขอบใจปื๊ด ถ้ามีโอกาสเธอคงจะได้กลับไปที่นั่นอีก
"เรื่องที่ทาง...ผมว่าสุดแท้แต่คุณจะตัดสินใจก็แล้วกัน เพราะไม่มีใครจะมาบังคับคุณได้หรอก หมดธุระของผมแล้ว ลาก่อนนะครับคุณมา"
ลีนวัตรค่อยๆเดินจากไป มาลินีใจหนึ่งก็อยากจะเรียกเขาไว้ แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมแข็งชาไปทั้งตัว เมื่อลีนวัตรกลับถึงบ้านในตอนเย็น ปื๊ดรุกเร้าถามพ่อว่าเจอคุณมาหรือเปล่า ลีนวัตรบอกเจอ เขายังฝากขอบใจปื๊ดมาด้วย และชมว่าปลาตะเพียนสวยมาก แต่เมื่อปื๊ดถามพ่อต่อไปว่า คุณมาจะกลับมาเมื่อไหร่ ลีนวัตรก็เลี่ยงที่จะตอบ แกล้งบ่นหิวไส้จะขาด ชวนปื๊ดไปกินข้าวกัน
"พ่อไม่ได้ไปเจอคุณมาหรอก ปื๊ดรู้ พ่อไม่ได้ขอโทษคุณมา แล้วพ่อก็ไม่ได้เอาปลาตะเพียนให้คุณมาแกด้วย เพราะถ้าคุณมาเห็นปลาตะเพียนของปื๊ดจริงๆ คุณมาก็ต้องกลับมาพร้อมพ่อแล้วละ" ปื๊ดต่อว่าพ่อด้วยความเสียใจ แล้ววิ่งหนีออกไปทันที ลีนวัตรได้แต่ยืนคอตก แม่ปุยสงสารและเห็นใจเข้ามาให้กำลังใจลูกชายว่า ในเมื่อเราทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดเราคงกะเกณฑ์มันไม่ได้ ใจเขาใจเรา มันไม่เหมือนกัน...
ประดิษฐ์ยังคงตั้งหน้าตั้งตารับงานให้มาลินีดะไปหมด ไม่สนว่างานมันจะชนกันหรือเปล่า พอมาลินีท้วงติง เขาก็ว่าถ้าชนกันจริงเราค่อยปฏิเสธทีหลังก็ได้ มาลินีไม่พอใจเลยประชดเขาว่า ตนเองเหมือนสินค้าจากโรงงาน ประดิษฐ์หาว่ามาลินีคิดมาก แต่ถึงจะเป็นสินค้าจากโรงงาน มาลินีก็เป็นสินค้าเกรดเอ มาลินีฟังแล้วสุดเอือม แต่ไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ ต้องรีบไปเดินแบบต่ออีกงาน ซึ่งประดิษฐ์แนะนำว่ามาลินีควรนั่งมอเตอร์ไซค์ รับจ้างไปดีกว่า จะได้ไปทัน ส่วนตนจะขับรถตามไปให้...
ooooooo
บ่อยครั้งที่เหว่ากับเฉลาแอบพบกันในตอนค่ำ แล้วลีนวัตรกับแม่ปุยเกือบจะรู้เห็น และค่ำนี้ก็เช่นกัน เหว่าซื้อโบผูกผมมาให้เฉลา ขณะสองคนกำลังคุยกะหนุงกะหนิง ลีนวัตรโผล่มาเห็น แต่ก็ไม่ติดใจอะไรเหมือนเดิม เมื่อเฉลาบอกว่าตนกำลังขอแรงพี่เหว่าให้ช่วยยกโอ่งย้ายที่...พอลีนวัตรกลับขึ้นเรือนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตนดัง ส่วนปื๊ดวิ่งหน้าเริดมาจากอีกทางเหมือนกัน...ได้ยินพ่อเอ่ยชื่อมาลินีที่โทร.มา ปื๊ดหูผึ่ง ตาพองก๋า และยิ่งดี๊ด๊าดีใจสุดๆ เมื่อมาลินีต้องการจะพูดกับปื๊ด
ลีนวัตรส่งโทรศัพท์ให้ปื๊ดไป แต่ยังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ แถวนั้น เพราะอยากรู้ว่ามาลินีจะพูดอะไรกับปื๊ด...มาลินีกับปื๊ดต่างก็บอกคิดถึงกันและกัน พอปื๊ดเหลือบเห็นลีนวัตรเงี่ยหูฟัง ปื๊ดจึงแกล้งเดินหนีไปคุยห่างๆ ทำเอาลีนวัตรขัดใจไม่น้อย
"แล้วคุณมาจะกลับมาเมื่อไหร่จ้ะ" ปื๊ดถามเสียงแจ๋ว
"ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ก็เลยอยากจะฝากปื๊ดช่วยไปดูแลบ้านให้ฉันหน่อยได้ไหม"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งจ้ะ ไม่มีปัญหา"
"ปลาตะเพียนที่ปื๊ดให้ฉันมาน่ารักมาก ขอบใจปื๊ดมากนะจ๊ะ"
ปื๊ดยิ้มแก้มปริ ลีนวัตรขยับเข้ามาใกล้ทำทีเป็นหาของแต่หูผึ่งฟัง ปื๊ดจึงถามคุณมาว่าจะคุยอะไรกับพ่อของตนไหม ลีนวัตรดีใจเตรียมยื่นมือมารับโทรศัพท์จากปื๊ด แต่ต้องหน้าแตกเก้อไป เมื่อได้ยินปื๊ดพูดว่า "ไม่มีเหรอจ๊ะ"
"ไม่มีจ้ะ เพราะฉันกับเขาคุยกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว ปื๊ดตั้งใจเรียนหนังสือนะจ๊ะ เท่านี้นะจ๊ะ"
"จ้า...สวัสดีจ้า" ปื๊ดวางสาย แต่ยังยิ้มไม่หุบขณะส่งโทรศัพท์คืนให้พ่อ
"คุณมาเขาว่ายังไง" ลีนวัตรถามทันที
"ก็...ไม่มีอะไรหรอกพ่อ เรื่องส่วนตัวนิดๆหน่อยๆ" ปื๊ดเดินลอยหน้าลอยตาออกไปอย่างน่าหมั่นไส้
รุ่งขึ้น ประดิษฐ์ที่พยายามจะง้อคืนดีกับมาลินีให้ได้ เขายังทำตัวราวกับผู้จัดการส่วนตัวมาลินี มารับแต่เช้าแล้วติดรถเธอออกไปด้วยกัน ระหว่างทางมีม็อบชาวนาทำให้การจราจรติดขัด ประดิษฐ์เลยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ทำนองดูถูกพวกชาวนามาสร้างความเดือดร้อน ตรงข้ามกับมาลินีที่รู้สึกเห็นใจชาวนา ถ้าพวกเขาไม่เดือดร้อนจริงคงไม่ดั้นด้นกันเข้ามา
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทั้งคู่จึงมีปากเสียง ที่สุดมาลินีก็รับไม่ได้กับความเห็นแก่ตัวและไร้น้ำใจของประดิษฐ์ เธอโมโหถึงกับไล่เขาลงจากรถแล้วขับจากมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ทันจะเย็นย่ำ ปื๊ดวิ่งกระหืดกระหอบไปตามลีนวัตรกลางท้องนา ปื๊ดบอกว่าแม่ให้มาตามพ่อกลับบ้าน เพราะมีคนมาหาพ่อ เขาจะมาถามเรื่องเกษตรอินทรีย์และผักปลอดสารพิษ ครั้นลีนวัตรถูกปื๊ดลากตัวไปถึงบ้าน ก็พบว่าเขาคนนั้นก็คือมาลินีนั่นเอง
หลังจากเจ้ากี้เจ้าการให้ลีนวัตรกับมาลินีได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องทำงานของลีนวัตรแล้ว ปื๊ดก็กลับออกรายงานแม่ปุย พี่เฉลากับพี่ฉลวยว่าเรียบร้อย ฝีมือระดับปื๊ดเสียอย่าง รับรองไม่มีปัญหา แต่พอเฉลากับฉลวยซักถามมากกว่านี้ ปื๊ดก็ไม่รู้ไม่เห็น ฉลวยจึงอาสาจะไปดูให้เอง แม่ปุยที่ลุ้นอยู่เหมือนกันรีบห้ามฉลวย รวมทั้งเฉลาด้วยที่ขันอาสาขึ้นมาอีกคน เพราะแม่ปุยบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กต้องอยู่ส่วนเด็ก เดี๋ยวแม่ไปเอง...
ภายในห้องทำงานไฮเทคของลีนวัตร มาลินีพยายามเก็บอาการเคอะเขินต่อหน้าลีนวัตร เธอขอเป็นฝ่ายพูดบ้าง หลังจากลีนวัตรได้พูดยืดยาวเมื่อวันก่อนที่ไปกรุงเทพฯ
"ที่ฉันตัดสินใจกลับมาที่นี่ ก็เพราะอย่างแรกคือ ฉันคิดถึงยายฉันมาก ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมยายฉันถึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่กรุงเทพฯ แล้วมาปักหลักที่นี่ ฉันว่ายายกำลังพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับฉัน อย่างที่สอง ฉันมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ และฉันเชื่อว่าคุณจะเป็นคนตอบคำถามพวกนั้นให้ฉันได้ คุณจะช่วยฉันได้ไหมล่ะ"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ" มาลินีฟังแล้วอมยิ้มขำทันที "ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าครับ"
"เปล่า แต่ฉันเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าปื๊ดเอาคำนี้มาจากไหน คุณสอนเขานี่เอง"
"แล้วผมสอนถูกรึเปล่าล่ะครับ"
"วันข้างหน้า ฉันเชื่อว่าเขาต้องเป็นชายหนุ่มที่เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็มีเสน่ห์มากคนนึงเชียวละ"
"ผมก็สอนไปตามประสาผม แต่ถ้ามีอะไรไม่ถูกไม่ควร คุณมาช่วยอบรมสั่งสอนปื๊ดมันด้วยก็แล้วกันนะครับ"
"ฉันจะไปสอนอะไรเขาได้"
"ได้สิครับ แล้วมันก็พร้อมจะฟังด้วย ทุกวันนี้อะไรๆ ก็คุณมาๆ จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้"
"หมั่นไส้แม้กระทั่งลูกตัวเอง"
"จริงๆก็ไม่ได้หมั่นไส้หรอกครับ อิจฉามากกว่า"
มาลินีออกจะงงๆ แต่ลีนวัตรเขินอาย แก้เก้อด้วยการถูมือไปมา จนมาลินีกระเซ้าเขาว่า จะเขินอะไรนักหนา
"แต่ต่อไปนี้ผมคงไม่ต้องอิจฉาปื๊ดมันแล้วใช่ไหมครับ" ลีนวัตรรวบรวมความกล้าสบตาเธอ มาลินีเจอสายตาแสนโรแมนติกคู่นั้นเข้าจังๆ ก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่รีบแก้เก้อ
"ตายจริง...ป่านนี้ทุกคนรอเรากินข้าวกันแย่แล้ว" มาลินีจะเดินออก ลีนวัตรรีบตามมาเปิดประตูให้ ทุกอิริยาบถของเขามีแต่ความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่หลุดแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ
ขณะทุกคนล้อมวงกินข้าวด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข ปื๊ดเกือบทำให้เสียบรรยากาศ เพราะดันพูดถึงแฟนมาลินีขึ้นมา แต่มาลินีกลับบอกปื๊ดว่า ประดิษฐ์ไม่ใช่แฟนของตน เราเป็นแค่เพื่อนกัน ลีนวัตรจึงยิ้มออก กินข้าวสบายใจ แถมขอข้าวจากเฉลาเติมอีก เฉลาเลยแซวพี่ชายว่า รู้สึกวันนี้พี่ลีเจริญอาหารจังเลย ไม่เหมือนหลายวันก่อน
"ทำไมเหรอจ๊ะ" มาลินีสงสัย
"ก็เขากินไม่ค่อยจะได้ นอนก็ไม่ค่อยจะหลับนี่คะคุณมา ไม่รู้เพราะอะไร" พูดแล้วเฉลากับฉลวยก็หัวเราะคิกคักใส่กัน ลีนวัตรรีบออกตัวว่า งานมันหนัก แต่ปื๊ดดันโพล่งขึ้นมาประสาซื่อว่า
"งานหนักอะไรกันพ่อ ก็พ่อบอกปื๊ดเองว่าพ่อคิดถึงคุณมา"
ลีนวัตรหน้าแตกอับอาย จานข้าวแทบหลุดจากมือ ทุกคนหัวเราะ มาลินียิ้มอายหน้าแดง ลีนวัตรเองก็เขินไม่กล้าสบตามาลินี...หลังอาหาร ลีนวัตรเดินไปส่งมาลินี จู่ๆปื๊ดก็วิ่งแซงหน้ามาเร่งมาลินีให้รีบเดิน ปื๊ดอยากอวดผลงานของปื๊ดกับพ่อ มาลินีถามว่าผลงานอะไร ปื๊ดก็ทำอมภูมิ ให้คุณมาไปดูเอาเอง
ปื๊ดวิ่งปร๋อนำหน้าไปแล้ว มาลินีอมยิ้มเอ็นดู จากนั้นเธอตัดสินใจถามเรื่องส่วนตัวของลีนวัตรเกี่ยวกับแม่ของปื๊ด ลีนวัตรจึงบอกความจริงกับเธอว่า ปื๊ดเป็นเด็กที่ตนเก็บมาเลี้ยง
"ตอนผมเรียนเกษตรปีสุดท้าย เจอมันนั่งร้องไห้อยู่ในมหาวิทยาลัย ทีแรกก็คิดกันว่าเป็นเด็กหลงทางกับพ่อแม่ แต่ รอกันเป็นเดือน ออกข่าวไปก็ไม่เห็นมีใครมารับตัว จะส่งไปบ้านเด็กกำพร้าก็สงสารมัน เพราะมันลงทุนเรียกผมว่าพ่อซะแล้ว ก็เลยต้องพามาอยู่ด้วยกันซะที่นี่ เป็นพ่อลูกจริงๆกันไปเลย"
"มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ"
"ผมว่าพ่อแม่ไอ้ปื๊ดมันคงจงใจเอามันไปทิ้งน่ะครับ"
"ใจร้ายจัง ทำไมถึงทำอย่างนี้ได้ลงคอ"
"เขาก็คงมีเหตุผลของเขาละครับ อย่าไปว่าเขาเลย อยู่นี่ปื๊ดมันก็มีความสุขดี เพราะแม่ผมก็รักมันอย่างลูกคนนึงเหมือนกัน"
"พ่อแม่จริงๆเขาจะรู้ไหมว่าลูกเขาโตมาแล้วน่ารักขนาดนี้...ฉันก็หลงเข้าใจผิดอยู่ซะนานว่าปื๊ดเป็นลูกคุณป้าจริงๆแล้วก็ไม่เคยเฉลียวใจว่านายเหว่ากับผู้ใหญ่ลีจะเป็นคนคนเดียวกัน"
"วันนี้คุณสบายใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ"
"สบายใจอะไร"
"ก็ผมยังโสด ยังไม่มีใครเลยจริงๆ"
มาลินีหันมาเจอรอยยิ้มหล่อๆของลีนวัตร ถึงกับสะท้านไปเหมือนกัน รีบเดินลิ่วๆนำออกไป พอไปถึงบ้านตัวเอง ปื๊ดวิ่งมาฉวยมือมาลินีเข้าไปในครัวที่พินยืนรออยู่แล้ว มาลินีเห็นเตาแก๊สใหม่เอี่ยมก็ประหลาดใจ ปื๊ดคุยลั่นบ้านว่า มันทำให้การทำอาหารสะดวกสบายมากขึ้น แล้วแก๊สก็ไม่มีวันหมดด้วย ถ้าคุณมาไม่เบื่อเลี้ยงหมู จากนั้นปื๊ดก็ดึงมาลินีออกมาที่ถังเกรอะฝังดิน ที่ถูกจัดการต่อท่อสายยางลำเลียงแก๊สไปยังห้องครัว ซึ่งปื๊ดอธิบายว่ามันเป็นแก๊สขี้หมู มาลินีตื่นเต้น ถามปื๊ดว่าทำได้ยังไง?
"ปื๊ดไม่ได้ทำหรอกจ้า พ่อต่างหาก"
"มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แทนที่เราจะปล่อยแก๊สทิ้งไปเฉยๆ เราก็รวบรวมมันขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ขี้หมูเก็บใส่ถังมิดชิดอย่างนี้ กลิ่นมันจะไม่รบกวนด้วย อีกสักพักพอมันเต็มถัง ขี้มันยังเก็บขึ้นมาทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้อีกด้วยครับ ความจริงผมว่าจะต่อสายไฟพ่วงเป็นแสงสว่างได้อีกสักดวง จะได้ใช้ในครัวด้วยครับ"
"ดีจังเลย...ฉันชอบจังเลย ไม่คิดเลยว่าของทิ้งๆอย่างขี้หมูเนี่ยจะมีประโยชน์อย่างนี้"
"ผู้ใหญ่แกบอกว่าเมื่อคุณกลับมาหนนี้คุณจะได้สบายขึ้น ไม่รังเกียจบ้านนอกคอกนาค่ะ"
"ใครว่าฉันรังเกียจจ้ะพิน ฉันไม่ได้รังเกียจซะหน่อย ฉันจะเลี้ยงหมูให้เยอะขึ้นต่างหาก ทีนี้ล่ะไฟทุกดวงในบ้าน ก็จะมาจากขี้หมูของฉัน...ภูมิใจจังเลย"
"ความจริงคุณนายวันยายคุณแกอยากได้สิ่งนี้มาตั้งนานแล้วครับ"
"ฉันพอจะรู้แล้วว่ายายฝันถึงอะไรบ้าง ขอบคุณค่ะผู้ใหญ่ลี...ขอบคุณมาก"
ลีนวัตรยิ้มตอบ หัวใจเบิกบาน แต่ยามนี้ประดิษฐ์นั่งหน้าเหี่ยวอยู่ต่อหน้าวลัยกับสมร เขาบอกเล่าเรื่องที่เขาทะเลาะกับมาลินีแล้วเธอไล่เขาลงจากรถ พอเขาโทร.หาเธอก็ไม่รับ กลับไปดูที่คอนโดฯ เธอก็ไม่ได้กลับไป สมรจึงเดาว่ามาลินีคงไปสุพรรณฯ แต่ประดิษฐ์ไม่เชื่อว่ามาลินีจะทิ้งงาน ทิ้งเงิน ก้อนใหญ่ไปแบบนี้
"เงินก้อนใหญ่ขนาดไหน บางทีมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลยนะคุณดิ๊ก" คำพูดเน้นหนักของวลัยเล่นเอาประดิษฐ์อึ้งไปอย่างลังเล
ooooooo

จบตอนที่ 11 ค่ะ

เครดิต //www.thairath.co.th



Create Date : 29 กรกฎาคม 2552
Last Update : 1 สิงหาคม 2552 11:43:24 น. 3 comments
Counter : 435 Pageviews.

 
รักนางมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: felo IP: 222.123.224.194 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:9:53:07 น.  

 
รักปอมากค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: aof IP: 222.123.224.194 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:9:54:18 น.  

 
รักพลอยมาก..............จากคนบ้าน นอก


โดย: arn IP: 117.47.236.72 วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:10:09:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com