กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 กรกฏาคม 2552
 
 
ละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนที่ 8

ตอนที่ 8
ลีนวัตรเดินจูงควายที่มีมาลินีนั่งอยู่บนหลังมันไปตามคันนา สองมือมาลินียึดหลังควายแน่นเพราะกลัวตก ปากก็โวยวายให้นายเหว่าเอาตนลงจากหลังควายเดี๋ยวนี้
"หุบปากได้แล้ว ให้นั่งสบายๆไม่ชอบ อยากเดินขาเป๋ กลับไปเองรึไง"
"ฉันไม่เดินให้โง่หรอก"
"หรือจะขี่หลังผม"
"ขี่หลังนายฉันยอมตายซะดีกว่า"
"งั้นก็หุบปากไปเลย ลืมบอกไปอีกอย่าง นอกจากกลิ่นน้ำหอมฉุนๆแล้ว เฉาก๊วยมันเกลียดผู้หญิงเสียงแหลมๆ ดังๆด้วย เกิดมันขัดใจวิ่งเตลิดขึ้นมา คุณเอ๊ย...อย่าให้เซดเลย นึกภาพไม่ออก"
"ถ้าฉันเป็นอะไรขึ้นมาเพราะควายตัวนี้ นายต้องรับผิดชอบด้วย"
"ยังอีก เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ใจเย็นโว้ย เฉาก๊วย ใจเย็นๆ" ลีนวัตรแกล้งดึงเชือกสนตะพายให้เฉาก๊วยส่ายไปมา มาลินีตกใจรีบหุบปากเงียบ...
พอถึงบ้าน ลีนวัตรสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออก มาลินีตกใจนึกว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย แต่กลายเป็นว่าเขาจัดการซักเสื้อผ้าให้เธอเอง ทำเป็นกลัวว่าเธอจะไปฟ้องผู้ใหญ่ลีว่าเขาทำเธอเปื้อนไปทั้งตัวแล้วไม่รับผิดชอบ
"กลัวเป็นเหมือนกันเหรอ"
"เกิดผู้ใหญ่ลีแกไล่ผมออกขึ้นมา คุณจะรับเลี้ยงผมไหมล่ะ"
"มีลูกจ้างอย่างนาย ฉันว่าฉันต้องกินยาระงับประสาทวันละสามเวลา"
"ทำนามันไม่ใช่เรื่องหมูๆนะคุณ พนันกันไหมล่ะไม่เกินเดือนคุณต้องขายนาให้ผู้ใหญ่ลี"
"นายจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว เห็นฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวรึไง"
"ผู้หญิงเก่งๆน่ะมีถมไปผมไม่เถียง แต่ผู้หญิงที่ยังต้องดัดขนตา ทาปาก ฉีดน้ำหอมก่อนออกไปทำนาอย่างคุณ... ไม่รอดหรอก...เสร็จมะก้องด้อง"
ลีนวัตรไม่พูดเปล่า หัวเราะเยาะเธออีกด้วย มาลินีลั่นวาจาอย่างสุดแค้น
"แล้วนายจะได้เห็น คอยดูก็แล้วกัน"
หลังจากลีนวัตรกลับไปแล้ว มาลินีจุดเตาหุงข้าวและเจียวไข่ แต่ทั้งสองอย่างแทบกินไม่ได้ ข้าวแฉะเกือบเป็นข้าวต้ม แถมไข่ก็ไหม้ดำปี๋ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ให้กำลังใจตัวเองว่า สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง...ว่าแล้วก็จำใจกระเดือกอาหารฝีมือตัวเอง จู่ๆ ลีนวัตรกลับเข้ามาอีกพร้อมใบพลับพลึง พอเขาเห็นหน้าตาข้าวกับไข่เจียวของเธอก็หัวเราะก๊าก เดินถือใบพลับพลึงเข้าไปในครัว
"หุงข้าวก็แฉะ ทอดไข่ยังไหม้เล้ย ชาตินี้จะหาผัวได้ไหมเนี่ย"
"น้อยๆหน่อยนายเหว่า ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายตั้งแต่
เมื่อไหร่" มาลินีแว้ด
"หูดีอีกต่างหาก นี่ขนาดกระซิบแล้วนะเนี่ย"
"กระซิบของนายได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน นายนี่เป็นคนไม่มีมารยาทเอาเสียจริงๆ"
ครู่เดียวลีนวัตรก็ถือใบพลับพลึงกลับออกมา...ต่อปาก ต่อคำกับเธออีก
"คนเขาพูดตรงๆก็หาว่าไม่มีมารยาท คุณนี่ชอบ
คนประเภทปากอย่างใจอย่างรึไง แหมคุณนี่หุงข้าวเก๊งเก่ง ข้าวขึ้นหม้อสวยจัง ทอดไข่ก็เหลืองน่ากิ๊นน่ากิน"
"ไปไกลๆเลย นายจะทำอะไรของนาย" มาลินีขยับหนีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ลีนวัตรไม่พูดพล่ามจู่โจมจับขามาลินีดึงเหยียดออกมา มาลินีร้องลั่น...ช่วยด้วย สองมือทุบตีเขาพัลวัน แล้วกรี๊ดขึ้นสุดเสียง ทันทีที่ใบพลับพลึงร้อนๆนาบลงที่ข้อเท้า...
ตกเย็น มาลินีรู้สึกค่อยยังชั่ว อาการเจ็บปวดข้อเท้าทุเลาลง ขณะเธอนั่งตัดเล็บล้างเล็บที่ทั้งหักทั้งดำออกอย่างแสนเสียดาย ปื๊ดวิ่งหน้าเริ่ดขึ้นเรือนมาพร้อมปิ่นโตใส่อาหารที่แม่ปุยให้เอามาให้มาลินี
"คุณมาครับ แม่ให้เอาแกงมาให้คุณมาครับ"
"เหรอจ๊ะ แหม ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ฝากขอบคุณแม่ปื๊ดด้วยนะจ๊ะ"
"พ่อบอกว่าถ้าคุณเบื่อไข่เจียวแล้วก็ลองไข่ต้มดูบ้างก็ได้นี่ครับ"
"นี่นายเหว่าต้องเอาเรื่องฉันไปเล่าให้พ่อเธอฟังแหงๆเลยใช่ไหม"
"คุณมาอย่าไปถือสานายเหว่าเลยนะครับ ผมว่าเขาออกจะหวังดี"
"หวังดีเหรอ เขาทำให้เล็บฉันหักจนต้องตัดทิ้งอย่างนี้ แถมขาฉันยังเจ็บอีกด้วย อย่างนี้เรียกว่าหวังดีเหรอจ๊ะปื๊ด ฉันเกลียดขี้หน้าเขายังกะอะไรดี คนอะไรน่าเกลียดน่าชัง"
"วันก่อนคุณมายังบอกว่านายเหว่าหล่ออยู่เลย"
"คนเราน่ะนะปื๊ด ต่อให้หน้าตาสวยหล่อยังไงแต่ถ้าจิตใจแย่ละก็ ความหล่อความสวยมันก็ไม่มีความหมายหรอก... เสียของเปล่าๆ"
"นายเหว่าได้ยินคงจะเสียใจน่าดู"
"ช่างปะไร แต่ก็นั่นแหละปื๊ด ฉันจะทำให้คนอย่างนายเหว่าได้เห็นว่า ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง ฉันก็ทำอะไรๆได้ ไม่แพ้พวกที่ดีแต่ใช้แรงงานอย่างเขาหรอก ฉันจะต้องลบ
คำสบประมาทคนอย่างนายเหว่าให้ได้...คอยดูก็แล้วกัน"
ครั้นปื๊ดกลับมาถ่ายทอดคำพูดของมาลินีให้แม่ปุยกับลีนวัตรฟัง ลีนวัตรกลับหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก จึงถูกแม่ปุยว่าให้
"ทำให้คนเขารักดีๆ ไม่ชอบ ชอบทำให้เขาเกลียดขี้หน้า ผู้ใหญ่นี่ก็แปลกคน"
"หนูก็แค่อยากให้เขารู้เท่านั้นแหละแม่ว่างานไร่งานนาน่ะ ถ้ามาทำตัวหน่อมแน้มเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็อย่ามาอยู่ให้เกะกะลูกตาดีกว่า"
"พ่อไม่ได้จะจีบคุณมาใช่ไหม"
"เฮ้ย...เอ็งอย่าได้เที่ยวพูดไปนะโว้ยไอ้ปื๊ด"
"หนูไม่ได้พูดหรอก ถ้าพ่อไม่ได้จีบคุณมาจริงๆ"
"ใครจะไปกล้าวะ"
"พ่อคิดได้ยังงั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะถึงพ่อจะจีบก็จีบไม่ติดหรอก อีกอย่างหนูก็ทำคะแนนทิ้งพ่อไม่เห็นฝุ่นไปเยอะแล้วด้วย" ปื๊ดวางฟอร์มเหนือกว่า เดินเหล่พ่อออกไป
"ไอ้ลูกคนนี้..." ลีนวัตรหมั่นไส้ แม่ปุยเลยสรุปรวบยอดอย่างขำๆว่า "พอกันเลยทั้งพ่อทั้งลูก ซักวันคงเกิดศึกสายเลือดกันบ้างล่ะ"
ooooooo
ประดิษฐ์ไม่ยอมเสียมาลินีไปอย่างเด็ดขาด เขากลับมาอ้อนวอนสมรอีกครั้ง สมรใจอ่อนอีกตามเคย ใช้โทรศัพท์ตัวเองโทร.หามาลินีแล้วให้ประดิษฐ์มาคุยตามที่เขาต้องการ แต่มาลินีได้ยินเสียงประดิษฐ์ก็ไม่พอใจ
"นี่สมรู้ร่วมคิดกันใช้วิธีนี้ แล้วคิดว่ามาจะหายโกรธคุณเหรอคะ"
"ถ้าดิ๊กไม่ใช้วิธีนี้ แล้วมาจะยอมคุยกับดิ๊กเหรอครับ สมรเขายังเข้าใจแล้วก็เห็นใจดิ๊กเลย มาครับยกโทษให้ดิ๊กแล้วกลับมากรุงเทพฯเถอะครับ ดิ๊กสัญญาว่าดิ๊กจะเป็นดิ๊กคนใหม่ ดิ๊กพบแล้วว่าชีวิตดิ๊กถ้าไม่มีมา ดิ๊กก็อยู่ไม่ได้หรอกครับ"
"ถ้าจะให้ดีช่วยเอารถไปจอดไว้ที่คอนโดฯด้วย กุญแจรถก็ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ก็ได้ เท่านี้นะคะ"
"มาครับ...มาหมดรักดิ๊กแล้วจริงๆเหรอครับ"
"คุณไปหาคนใหม่ของคุณเถอะ เพราะมาก็เจอผู้ชายใหม่ ของมาแล้วเหมือนกัน เท่านี้นะคะ แล้วไม่ต้องโทร.มาอีก"
ประดิษฐ์หน้าละห้อย ส่งโทรศัพท์คืนให้สมร "ผมคงไม่มีหวังแล้วล่ะ มาเขาบอกว่าเขาเจอผู้ชายคนใหม่แล้ว"
สมรอึ้งช็อก แทบไม่เชื่อหูตัวเอง...
ooooooo
เช้านี้มาลินีแต่งตัวทะมัดทะแมงเตรียมตัวออกไปทำงาน หน้าตาก็ไม่แต่งแต้มเหมือนก่อน เธอเดินออกมาหน้าบ้าน คว้าเสื้อแขนยาวกันแดดแล้วหยิบหมวกมาสวม มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใคร ก่อนพูด ให้กำลังใจตัวเองราวกับนักกีฬาก็ไม่ปาน "สู้โว้ย!"
ขณะมาลินีสวมถุงมือถอนหญ้าอยู่ขอบคันนาอย่างเอาเป็นเอาตาย ลีนวัตรเดินเฉียดมาทำปากยื่นปากยาวอีกตามเคย
"โอ้โฮ...กินยาบ้าเข้าไปรึไงเนี่ย ถึงได้คึกแต่เช้ายังงี้" มาลินีหันมามองค้อนขวับเดียวแล้วตัดใจไม่ตอบโต้ "กลัวแต่ว่าจะคึกยังงี้ได้วันเดียวน่ะสิ" เธอยังเฉยไม่สนใจ จนเขาประหลาดใจ "เป็นอะไรไปคุณไม่พูดไม่จา ปวดหัว ปวดท้อง ปวดฟัน หรือว่า..."
"ฉันไม่เสวนากับคนอย่างนายให้เสียเวลาเสียอารมณ์ หรอก มันไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรเลย นายจะพูดจาป่วนยังไงก็เชิญ ฉันไม่สนใจหรอกนะนายเหว่า ถอยไปคนจะทำงาน"
"ขาคุณหายดีแล้วเหรอ"
"หายแล้ว"
"โอ้โฮ ยังงี้แหละเขาเรียกมะนาวไม่มีน้ำ คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ จะขอบใจกันซักคำให้ชื่นใจไม่มีละ"
"ขอบใจ พอใจรึยัง จะไปไหนก็ไป ฉันจะทำงาน"
"ถางหญ้าใครเขาทำกันยังงั้นล่ะคู้ณ...นี่ จะทำให้ดู" ลีนวัตรใช้จอบที่ถือติดมือถางหญ้าให้ดูเป็นตัวอย่าง "มัวมาถอนทีละต้น เมื่อไรมันจะเสร็จ"
"ก็ฉันจะทำของฉันยังงี้ มีอะไรไหม"
"ก็ตามใจ ไอ้เราอุตส่าห์หวังดีอยากให้เสร็จไวๆ งานไร่งานนาน่ะมันไม่ได้มีแค่ถางหญ้าหรอกนะคุณ" ลีนวัตรส่งจอบให้ มาลินีทำเฉยไม่ใส่ใจ แต่พอเขาคล้อยหลัง เธอก็จับจอบทดลองทำอย่างเขาบ้าง แต่เก้ๆกังๆเพราะความหนักของจอบ...ลีนวัตรแอบหันกลับมาดู อมยิ้มอย่างขำๆ
ส่วนที่บ้าน...แม่ปุยกุลีกุจอต้อนรับผู้ใหญ่โหมดกับลูกสาว พอปทุมรู้ว่าลีนวัตรออกไปนาก็รีบขอตัวตามออกไปอย่างรู้งาน ปล่อยให้พ่อจีบแม่ปุยตามสบาย แต่มุกลิเกของผู้ใหญ่โหมดท่าทางจะไม่ได้ผล
ปทุมเดินกรีดกรายไปตามคันนา จนไปพบมาลินีกำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าในแปลงนา แล้วสองสาวเกิดต่อปากต่อคำกันขึ้น เพราะมาลินีไม่ชอบใจที่ปทุมเรียกเธอว่าแก จึงย้ำชื่อแซ่ของตนให้รู้อีกครั้ง ปทุมเลยถึงบางอ้อ แต่ยังไม่วายแขวะอีก นึกว่าเป็นเจ้าของนาแล้วจะหยิ่งไม่พูดไม่จากับใคร
"ก็ฉันไม่ได้ชื่อนี่ หรือว่าแกนี่คะ ฉันก็นึกว่าคุณไม่ได้พูดกับฉัน ทีหลังคุณจะขอความช่วยเหลือใคร ขืนคุณพูดจายังงี้ ไม่มีใครเขาอยากจะช่วยคุณหรอกค่ะ"
ปทุมโกรธแต่ปรับสีหน้าเสแสร้งแกล้งถามมาลินีเสียงหวานว่า เห็นผู้ใหญ่ลีบ้างไหม พอได้คำตอบว่าไม่เห็น ปทุมก็บ่นเสียเวลา แล้วสอบถามมาลินีว่ามารับจ้างพี่ลีเหรอ ถึงได้มาถางหญ้าในที่ของพี่ลีเขา มาลินีตกใจ แล้วกลายเป็นสุดเซ็ง แทบหมดแรง ที่รู้ว่าตนเองเสียเวลาเสียแรงถางหญ้าให้ที่คนอื่น...
แม้มุกลิเกจะไม่ได้ผลแต่ผู้ใหญ่โหมดก็ยังใช้ความพยายามต่อไป พอจะได้จับมือถือแขนแม่ปุยอยู่แล้วเชียว ก็ต้องเจอก้างชิ้นใหญ่อย่างปื๊ดเข้า ปื๊ดโผล่ขึ้นมาบนเรือนทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน แล้วชี้แจงกับแม่ปุยว่าวันนี้ครูเขาไปรับเงินเดือนกันที่อำเภอ เลยปล่อยให้กลับบ้านครึ่งวัน จากนั้นปื๊ดสวัสดีผู้ใหญ่โหมด ก่อนพูดดักคอจนผู้ใหญ่โหมดสะอึก แทบสำลักกล้วยน้ำว้าที่กำลังเอาเข้าปาก
"ลุงผู้ใหญ่พักนี้มาบ่อยจัง มาจีบแม่เหรอจ๊ะ"
"ไอ้ปื๊ด พูดอะไรแก่แดดเกินเด็ก อย่าไปถือสามันเลยนะจ๊ะผู้ใหญ่โหมด"
"ไม่หรอกจ้ะแม่ปุย เด็กมันก็พูดไปตามซื่อ ฉันไม่ถือหรอก"
ปื๊ดแอบทำหน้าเหม็นเบื่อผู้ใหญ่โหมดที่ยังทำกะลิ้มกะเหลี่ยใส่แม่ปุยของตน แต่คนที่เริงร่าอยู่ในเวลานี้ก็คือปทุม เจ้าหล่อนเดินนวยนาดผละจากมาลินีไปตามหาลีนวัตร กระทั่งพบเขากำลังรดน้ำผักอย่างแข็งขัน ปทุมไม่เห็นด้วยที่
ลีนวัตรทำตัวยากจน ทั้งที่เงินทองมีเยอะแยะ ผักหญ้าแค่นี้ซื้อเขากินก็ได้ แต่ลีนวัตรบอกว่าพี่ไม่ได้รวยอะไรหรอก แค่ไม่ได้ เป็นหนี้ใครเท่านั้นเอง
"แหม...มีนาเป็นร้อยไร่ยังจะว่าไม่รวยอีก พี่ลีเนี่ยชอบถ่อมตัว" ปทุมไม่พูดเปล่า กระแซะเข้ามากอดแขนลีนวัตรด้วย ทันใดนั้น มาลินีเดินหน้าบึ้งเข้ามาเรียกนายเหว่า แล้วตรงรี่เข้าใส่ อย่างไม่ยอมให้เขาตั้งตัว
"นายนี่มันเป็นคนแบบไหนกัน โรคจิตรึเปล่าถึงชอบแกล้งคนอื่นนัก ฉันเคยไปทำอะไรให้นายเจ็บใจนักรึไง ถึงได้ ตามอาฆาตจองเวรฉันนัก"
"อะไรเนี่ย...อยู่เฉยๆก็มาฉอดๆใส่" ปทุมกรี๊ดโกรธแทน
"คุณไม่เกี่ยว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของฉันกับนายเหว่า วันนี้นายกับฉันได้เห็นดีกันแน่"
"นี่มันเรื่องอะไรกันคุณ" ลีนวัตรสีหน้างุนงง
"นายหลอกให้ฉันถางหญ้าในที่ผู้ใหญ่ลี นายเห็นฉันโง่ใช่ไหม ก็เลยจะแกล้งให้ฉันทำงานแทนนาย...ทุเรศ นายนี่มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย"
"เดี๋ยวก่อนคุณ..."
มาลินีไม่ฟัง ตบหน้าลีนวัตรจนหมุนคว้างเห็นดาวเห็นเดือน ปทุมตกใจร้องวี้ดว้ายราวกับโดนตบเสียเอง
"ขืนมาวุ่นวายกับฉันอีก นายเจอหนักกว่านี้แน่ จำเอาไว้ นายเหว่า" ด่าเสร็จมาลินีก็ปึงปังออกไปทันที ลีนวัตรได้แต่มองตามตาปริบๆ
"ผู้หญิงคนนี้มันร้ายกาจจริงๆ เจ็บมากไหมจ๊ะพี่ลี ท่าทางมันจะประสาทด้วย ทุมได้ยินมันเรียกพี่ลีว่านายเหว่า ยังงี้เราแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายได้ใช่ไหมจ๊ะ โถๆๆ ดูสิแดงเป็นรอยเลย ทุมรับขวัญให้นะจ๊ะ" ปทุมถือโอกาสเกาะกอดลีนวัตร แต่ลีนวัตรไม่ได้ใส่ใจ กำลังมึนเต็มที่ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...
มาลินีปึงปังกลับมาเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วโยนจอบของนายเหว่าทิ้งอย่างหัวเสีย ปื๊ดวิ่งมาเห็นสีหน้าก็รู้ว่ามาลินีกำลังอารมณ์ไม่ดี ถามว่าใครทำให้คุณมาหงุดหงิด บอกปื๊ดมาเลย ปื๊ดจะไปเตะมันให้คอหัก แต่พอได้คำตอบว่านายเหว่า ปื๊ดรีบกลับคำ ขอแค่ต่อยท้องเขาเบาๆก็พอ เพราะปื๊ดรู้ดีว่านายเหว่า ที่มาลินีพูดถึงคือพ่อผู้ใหญ่ลีของตนนั่นเอง
"ปื๊ดคิดดูนะ เขาก็เห็นว่าฉันมาถางหญ้าตรงนี้แทนที่จะบอกกันซักคำว่าตรงนี้มันไม่ใช่ที่ฉัน กลับทำเฉย ยังงี้มันไม่ใช่แกล้งกันแล้วจะแปลว่าอะไร" ปื๊ดจำต้องเออออว่าครั้งนี้นายเหว่าทำเกินไป "ปื๊ดคิดดูนะ ฉันถางหญ้าไปตั้งเยอะแล้วขนาดนี้ ไอ้จอบนั่นมันก็หนักยังกะอะไรดี มันหนักจนฉันปวดแขนปวดไหล่ไปหมดแล้ว แต่อะไรมันก็ไม่เท่าเจ็บใจหรอก ยังดีนะที่ฉันตามไปตบหน้าได้ทีนึง ไม่งั้นฉันคงจะหงุดหงิดกว่านี้แน่"
"ตบหน้า?" ปื๊ดอุทานตกใจ

ขณะเดียวกันนั้น ผู้ใหญ่ลีหรือนายเหว่าตัวปลอมตรงกลับไปบ้านพร้อมปทุม เจอผู้ใหญ่โหมดกำลังนำเสนอยาฆ่าวัชพืชให้แม่ปุย แต่ลีนวัตรไม่สนใจสิ่งของทันสมัยพวกนี้ แม้ว่ามันจะรวดเร็วทันใจ ประหยัดแรงงานและเวลา ฆ่าวัชพืชทุกอย่างได้ชนิดถอนรากถอนโคน แต่ผลเสียของมันมีมาก ทั้งทำให้ดินเสีย ชาวนาและคนกินข้าวก็ต้องตายผ่อนส่ง
"ผู้ใหญ่ก็พูดเข้าไปนั่น" ผู้ใหญ่โหมดเริ่มไม่ชอบใจ ปทุมรีบไกล่เกลี่ย
"พี่ลีเขาอาจจะยังไม่แน่ใจ พ่อก็ให้พี่ลีเขาไว้ทดลองใช้ซักขวดนึงก่อนสิจ๊ะ"
"ให้ลองอยู่แล้ว ขวดนี้ไม่ได้ขาย ใช้ดีติดใจทีหลังค่อยว่ากันผู้ใหญ่"
"แม่ว่าก็เอาไว้ลองดูซักไร่นึงก่อนก็ได้มั้งผู้ใหญ่" แม่ปุยเอ่ยอย่างเกรงใจ
"ตารางวาเดียวฉันก็ไม่ลองหรอกแม่ ผู้ใหญ่โหมดอุตส่าห์มีน้ำใจ ขอบคุณครับ แต่ผมคงต้องปฏิเสธ" ลีนวัตรยืนยันหนักแน่น ผู้ใหญ่โหมดไม่พอใจอย่างแรง ลากลับลงเรือนทันที ปทุมหน้าไม่ดี รีบก้าวตามพ่อไปที่รถ
"ทำไมมันถึงได้กินยากกินเย็นยังงี้โว้ย" ผู้ใหญ่โหมดบ่นอย่างหัวเสีย แล้วพาลโทษลูกสาวที่ไม่สามารถมัดใจผู้ใหญ่ลีได้ ทีหลังควรอ้อนมันให้มากกว่านี้ เสื้อผ้าก็เลือกใส่ที่คอมันลึกๆ กว่านี้อีกหน่อย มันจะได้ซื้อของของเรา
"นี่พ่อว่าฉันยังมีเสน่ห์ไม่พองั้นเหรอ" ปทุมหน้าง้ำ
"ก็เออสิวะ เอ็งคิดดู ถ้าเอ็งจับผู้ใหญ่ลีมันอยู่มือ ลูกบ้านที่คลองหมาหอนนี่อีกตั้งเท่าไหร่ที่ผู้ใหญ่ลีมันจะช่วยขายของให้เรา"
"เอาไว้คราวหน้าหนูจะจับเขาปล้ำทำผัวเลยเป็นไง"
"มากไป...นั่นมันก็มากไป เอ...หรือจะลองดูวะ"
ปื๊ดเพิ่งกลับจากบ้านคุณนายวัน เห็นสองพ่อลูกยืนหน้าเคร่ง พอผู้ใหญ่โหมดได้ยินปื๊ดพูดถึงมาลินีหลานสาวคุณนายวัน ผู้ใหญ่โหมดก็ปิ๊งไอเดีย เร่งปทุมขึ้นรถ แล้วมุ่งหน้าไปหามาลินีถึงบ้าน ไปนำเสนอยาฆ่าวัชพืช แรกๆมาลินีก็ลังเล แต่พอได้ฟังสรรพคุณของมันที่ผู้ใหญ่โหมดอธิบายจนน้ำลายแห้งคอ มาลินีก็ตัดสินใจซื้อไว้หนึ่งโหล พอเช้าวันรุ่งขึ้นมาลินีก็เริ่มผสมยากับน้ำตามสัดส่วน แล้วนำไปพ่นฉีดลงในแปลงนาของตน
ลีนวัตรโผล่มาได้กลิ่นยาคลุ้ง เขาตรงดิ่งเข้ามากระชากสายฉีดจากมือมาลินี แล้วดึงถังน้ำยาออกมา ทำให้มาลินีล้มก้นกระแทกพื้น ทั้งเจ็บทั้งงง โวยวายใส่เขาเอ็ดอึง แต่ลีนวัตรกลับด่าเธอว่าปัญญาอ่อน
"นี่...นี่นายกล้าดียังไงมาว่าฉัน"
"ยาฆ่าหญ้ามันไม่ได้ฆ่าเฉพาะหญ้าอย่างเดียว หญ้ายังตายแล้วอย่างอื่นมันจะไปเหลืออะไร ปลาในน้ำนั่น ไส้เดือนในดิน แมลงอีกกี่ล้านตัวที่มันมีประโยชน์ แม้แต่ตัวคุณเอง คิดบ้างไหม สมองมีรึเปล่า"
"มันจะมากไปแล้วนายเหว่า"
"แล้วฉีดยาก็ไม่สวมชุด สวมถุงมือ หน้ากาก รู้ตัวรึเปล่าว่าหายใจเอามันเข้าไปเท่าไรแล้ว เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ผมไม่เคยเจอใครโง่แล้วอวดดีเท่าคุณเลยให้ตายสิ"
ลีนวัตรโกรธจัดหันไปเตะถังใส่น้ำยาระบายอารมณ์ด้วยความแค้น แล้วพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง รู้สึกว่ามาลินีเงียบไป หันกลับมามองมาลินีที่เริ่มเกาแขนตัวเองด้วยความคันและแสบ พลันร่างมาลินีก็ปลิวตามแรงฉุดของลีนวัตร เขาลากเธอตัวปลิวกลับไปที่บ้าน เอาน้ำราดแล้วราดอีก ทั้งสั่งให้เธอ เอาสบู่ฟอกเนื้อตัวที่แสบและคัน แล้วก็สระผมเสียด้วย มาลินีโกรธกับการกระทำเถื่อนๆของเขา ตบหน้าเขาไปหลายที แต่เขาไม่ตอบโต้ นิ่งงันไปชั่วขณะ
"ตอนที่คุณนายวันยังอยู่ แกปล่อยที่นาให้คนอื่นมาเช่าทำเพราะไว้ใจ คนที่มาเช่าก็ทำอย่างคุณนี่แหละ ฉีดยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ท่านทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนมองนาของท่านแล้วก็ร้องไห้ ท่านบอกว่าคนที่อาศัยแผ่นดินหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ทำร้ายแผ่นดินของตัวเอง มันก็เหมือนลูกที่อกตัญญู ฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดได้อย่างเลือดเย็นนั่นแหละ ครั้งนี้ผมถือว่าคุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์...
หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป แต่ถ้าคุณยังคิดทำอะไรโง่ๆกับแผ่นดินของคุณยังงี้อีก ผมก็ว่าคุณไม่เหมาะที่จะอยู่ที่คลองหมาหอนนี่หรอก" ลีนวัตรยัดสบู่ใส่มือมาลินีที่นั่งอึ้ง "ล้างเนื้อล้างตัวฟอกสบู่ซะ ก่อนที่ไอ้สารพิษมันจะกัดเนื้อหนังคุณจนหมดสวย"
มาลินียังเงียบงัน มองตามลีนวัตรหรือนายเหว่าเดินจากไป แล้วเธอยิ่งรู้สึกผิด เมื่อเห็นปลาเล็กปลาน้อยลอยอืดตายเพราะพิษยาที่เธอฉีดลงในแปลงนา เมื่อลีนวัตรกลับมาบ้าน แม่ปุยรู้เรื่องก็อดสงสารมาลินีไม่ได้ ออกตัวกับลูกชายของตนว่า แกไม่รู้ ผู้ใหญ่อย่าไปโกรธแกเลย
"หนูไม่ได้โกรธเขาหรอกแม่ หนูโกรธไอ้พวกที่มันคิดว่ามันฉลาด หากินบนความไม่รู้ของชาวนาอย่างเราๆมากกว่า ไม่รู้เลยว่ากำลังฆ่าตัวตาย กำลังทำลายแผ่นดินของตัวเอง"
"ใครๆก็ไม่อยากเหนื่อยทั้งนั้นแหละผู้ใหญ่ อะไรที่มันช่วยทุ่นแรง ประหยัดเวลาได้ เขาก็เอาทั้งนั้น"
"มันเป็นเรื่องของความโลภมากกว่าแม่ โลภด้วยกันทั้งสองฝ่าย"
"แม่ว่า...คนที่คิดได้อย่างผู้ใหญ่มันก็คงมีอยู่ไม่กี่คนหรอก"
"หนูถึงต้องสู้กับมันไงแม่ ถ้าเราไม่ไปสนใจไอ้พวกนายทุนที่มันพยายามยัดเยียดไอ้สารเคมีบ้าบออะไรนี่ซะอย่าง มันขายไม่ได้มันก็ต้องเจ๊งไปเอง แต่ไหนแต่ไรปู่ย่าตายายของพวกเราก็อยู่กันมาได้ไม่เห็นเดือดร้อนต้องพึ่งมัน สติปัญญามีก็แก้ปัญหากันไป หนูจะฟาดฟันกับไอ้ความคิดเอาเปรียบแบบนี้ให้ถึงที่สุดเชียวแม่...ใครมันจะว่าคิดแบบโบราณเต่าล้านปีก็ช่างหัวมัน" ลีนวัตรมุ่งมั่นมาก แม่ปุยรับฟังอย่างเกรงใจ
พอปื๊ดรู้เรื่องนี้อีกคนก็สงสารมาลินีจับใจ จะให้พ่อไปขอโทษเธอ ก่อนที่เธอจะน้อยใจหนีกลับกรุงเทพฯ ลีนวัตรทำใจแข็งไม่ยอมไป ทั้งที่ลึกๆก็กลัวอย่างที่ปื๊ดพูด จนกระทั่งเช้าอีกวัน ลีนวัตรไปด้อมๆมองๆคอยมาลินีหน้าบ้าน แต่เห็นเงียบผิดปกติจึงขึ้นไปดู ปรากฏว่ามาลินีนอนซมเป็นไข้หนาวสั่น

จบตอนที่ 8 ค่ะ

เครดิต //www.thairath.co.th/


Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 8:47:24 น. 2 comments
Counter : 471 Pageviews.

 
เมื่อวานฮามาก ละครสนุก คลายเครียดดีมากๆเลย


โดย: คนจนที่อยากรวย วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:01:48 น.  

 
ขอบคุณมากครับ รออ่านอยู่นะครับ ฮาดี ^^'


โดย: 55++ IP: 112.142.7.173 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:46:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com