<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 มิถุนายน 2553
 
 

ละคร ดอกรักริมทาง ตอนอวสาน

ตอนที่ 22

ปฐวีให้ทินกรกับหนึ่งพาทนายพิศาลมาที่บ้านพัฒนปรีดี ป้าอุ้งเห็นทนายมาคิดว่าจะมีเรื่อง ร้ายแรง เพราะเห็นว่าค่ำแล้ว นวลจันทร์กับปวีณา เดินออกมาจากด้านในบ้าน

“ไม่ใช่เรื่องร้ายหรอกจ้ะ ป้าอุ้ง เป็นเรื่องดี”

“ตอนนี้ ตาวีกำลังพาคุณอนุสร์มาที่นี่ เราจะเปิดพินัยกรรมกันคืนนี้ ต่อหน้าทุก ๆ คนจ้ะ”

ป้าอุ้ง ลำดวน หนึ่ง ทินกรพากันดีใจ ป้าอุ้งกับลำดวนรีบเตรียมกาแฟสำหรับทุก ๆ คน หนึ่งตามเข้ามามั่วกินโน่นกินนี่ในครัว ลำดวนจึง หันไปถามหนึ่ง

“นี่ พี่ คุณอนุสร์ที่ว่าเนี่ย คือลูกสาวเจ้า ของบ้านหลังนี้ใช่ไหม”

“ก็ใช่น่ะซี คุณอนุสร์คนนี้แหละ ที่เป็นเจ้านายของไอ้อู๊ด แล้วก็เป็นเจ้าของไอ้ฮั่งตู๋”

“ลูกสาวคนเดียว ทายาทของมหาเศรษฐี อนุสร์ พัฒนปรีดี ได้ยินแค่ชื่อ หนูก็รู้เลยล่ะว่าใช่”

“ใช่อะไร”

“ก็ใช่ไง คนที่ใช่น่ะ เข้าใจไหมหนูว่าคุณอนุสร์คนนี้คงจะสวย ดูดี มีชาติตระกูล เหมาะ สมกับคุณวีหยั่งกับกิ่งทองใบหยก”

“แกไม่เคยเห็นเค้าซักหน่อย รู้ได้ยังไง ลำดวน ว่าเค้าจะสวย ดูดี เหมาะสมกับคุณวีของเรา”

“โห ป้าอ่ะ คนรวยมันก็ต้องสวย มีที่ไหนคนรวยหน้าตาแบบนี้น่ะ” ลำดวนชี้ไปที่หนึ่ง

“โอ้โห เดี๋ยวเอากำปั้นยัดปากเลย จะบอกให้นะครับ ต่อให้คุณอนุสร์จะสวยหรู ดูดีขนาดไหน คุณวีก็ไม่สนใจหรอกครับ เพราะว่าคุณวีแกเป็น...อุ๊บส์” หนึ่งรีบหุบปากเมื่อนึกขึ้นมาได้

“เป็นอะไร ไหนพูดมาชัด ๆ สิ แกว่าคุณวีของชั้นเป็นอะไร”

หนึ่งอึกอัก ทินกรวิ่งมาขัดจังหวะพอดี บอกว่าปฐวีมาถึงแล้ว ทุกคนตื่นเต้นวิ่งออกไป รอที่หน้าบ้าน แต่ปรากฏว่าปฐวีลงจากรถมาคนเดียวและกำลังทักทายนวลจันทร์ ปวีณา และทนายพิศาล

“คุณแม่ พี่ณา มากันพร้อมหน้าเลยนะครับ สวัสดีครับ คุณพิศาล ขอบคุณนะครับที่มา ขอบใจมากนะทิน ที่ช่วยจัดการให้”

“ไม่เป็นไรครับ พี่วี แล้วคุณอนุสร์ล่ะครับ”

“คุณอนุสร์เค้ามากับคุณธัญญ์น่ะ”

ครู่เดียวรถธัญญ์ก็ขับตามมาจอด ลำดวน ป้าอุ้งลุ้นมองกันตาแป๋ว หนึ่งกับทินกรก็ชะเง้อชะแง้ไปด้วย ธัญญ์กับพัดชาลงมาก่อน ก่อนที่ประตูที่นั่งด้านหลังจะเปิดตามมา ลำดวน ป้าอุ้ง หนึ่ง ทินกร จ้องตาไม่กะพริบ อนุสร์เดินลงมาจากรถ ทุกคนเห็นแล้วชะงักทันที

“คุณ...อ่ะ...อ้าว นั่นมัน”

“ไอ้อู๊ด”

“อ้าว ละ...แล้ว คุณอนุสร์ล่ะคะ”

“นั่นสิครับ คุณอนุสร์อยู่ไหน ทำไมไม่มาด้วย”

นวลจันทร์กับปวีณายิ้มขำหันไปมองปฐวี

“ถึงเวลาแล้วมั้ง วี ที่จะบอกความจริง”

“ทุก ๆ คนครับ...ผมขอแนะนำให้รู้จักกับคุณอนุสร์ พัฒนปรีดี”

ปฐวีผายมือไปทางอนุสร์ ป้าอุ้ง ลำดวน ทินกร หนึ่ง ตกใจ

“ไอ้อู๊ดคือคุณอนุสร์”

“จริงเหรอคะนี่”

“เป็นความจริงค่ะ ฉันคืออนุสร์ พัฒนปรีดี นุสต้องขอโทษทุกคนด้วยที่โกหก แต่นุส มีความจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องปลอมตัวเป็นอู๊ด เพื่อ ไม่ให้คุณจิตรีจำได้”
ฉงนกับด่างพาฮั่งตู๋มาที่โบสถ์เพราะหวังว่าการมาขอพรจากพระจะช่วยทำให้ฮั่ง ตู๋ได้กลับไปเจอกับอนุสร์โดยเร็ว ฮั่งตู๋คาบดอกเข็มมาวางหน้าพระประธานแล้วถอยหลังไปนั่งเรียบร้อย เงยหน้ามองไปที่พระประธาน

“ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ช่วยฮั่งตู๋ด้วย นะครับ ฮั่งตู๋คิดถึงคุณนุส ฮั่งตู๋อยากกลับบ้าน”

ฮั่งตู๋ทรุดตัวหมอบราบลงกับพื้นเหมือนกับกำลังก้มลงกราบพระ ขณะที่ด้านนอกเด็กวัดคนเดิมมาพร้อมกับชายอีกคนที่มีกระสอบในมือและถามหาฮั่งตู๋ ฉงนกับด่างที่รออยู่ด้านนอกจึงได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ที่จะมาจับตัวฮั่งตู๋เข้าพอดี เมื่อฉงนและด่างรู้ว่าฮั่งตู๋กำลังจะมีอันตรายจึงวิ่งหลอกล่อทั้งคู่ไปอีกทางหนึ่ง

เวลาเดียวกันนั้นปฐวีกับอนุสร์ซึ่งกำลังตามตุ๊กตาที่ลอยไปตามกระแสน้ำเห็นว่า ตุ๊กตาลอยย้อนเข้าฝั่งจึงคิดว่าฮั่งตู๋เองก็น่าจะลอยไปทางเดียวกันจึงรีบตามไปดูด้วยความตื่นเต้น

หลังจากล่อให้คนที่จะมาจับฮั่งตู๋ไปอีกทางแล้ว ฉงนก็กลับมาหาฮั่งตู๋เพื่อบอกให้หนีไปก่อน ฮั่งตู๋เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

“ผมไม่เข้าใจ เค้าจะมาจับผมทำไม”

“พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ดูท่าทางไม่สวยแน่ไอ้น้อง แกต้องหนีไปก่อน”

ฉงนพาฮั่งตู๋มาแอบอยู่ในดงไม้ใกล้วัด แล้วออกไปยืนเฝ้าดูต้นทาง

“ไอ้ด่างล่อสองคนนั่นไปทางอื่นแล้ว คงจะซื้อเวลาได้พักนึง นายต้องรีบหนีไปก่อนที่พวกเค้าจะหานายเจอ”

“ขอบใจพี่ฉงนมาก พี่ช่วยชีวิตชั้นไว้อีกแล้ว บุญคุณนี้ไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้ยังไง”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก แกรีบหนีไปก่อนเถอะ”

ฮั่งตู๋ออกเดินไปทั้งที่ยังบาดเจ็บ ฉงนมองตามด้วยความเป็นห่วง ระหว่างที่กำลังเดินไปตามถนนใกล้วัดนั้น ฮั่งตู๋ได้ยินเสียงรถยนต์ดังมาจึงพยายามจะโบกเพื่อขอขึ้นไปด้วยแต่ก็ไม่มีใครเห็น เดินไปอีกครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงอีกจึงหันไปดู คราวนี้เป็นชายคนที่กำลังตามจับฮั่งตู๋ที่มาพร้อมกระสอบในมือขี่มอเตอร์ไซค์มา ฮั่งตู๋ตกใจ วิ่งลงข้างทางทันทีโดยมีชายคนดังกล่าววิ่งตามไป

ด้านด่างเมื่อคิดว่าหลอกล่อชายคนที่ ว่าสำเร็จก็กลับมาที่วัดและออกมาจากที่ซ่อน แล้วด่างก็ต้องงงอีกเมื่อมีตัวอะไรลอยมาติดที่ริมน้ำอีก ด่างลงไปลากเอาตุ๊กตาหมาขึ้นจากน้ำ ขณะที่ปฐวีกับอนุสร์ที่เดินมาพอดีและกำลังข้องใจว่าด่างลากตุ๊กตาขึ้นไปทำไม พอรู้ว่าเป็นตุ๊กตาด่างก็ทิ้งและวิ่งกลับไป ปฐวีกับอนุสร์มองด้วยความสนใจก่อนจะตัดสินใจตามไป

ขณะนั้นฮั่งตู๋วิ่งหนีทั้งที่ขาเจ็บเริ่มอ่อนแรง ชายชาวบ้านถือกระสอบวิ่งไล่ตามดักซ้ายดักขวา ฮั่งตู๋จนมุม เพราะเป็นดงไม้รกข้างหน้าวิ่งต่อไปไม่ได้ ขณะที่ชายคนดังกล่าวจะเอากระสอบคลุมฮั่งตู๋นั้น ฉงนก็กระโดดออกมาช่วยถีบชายคนที่ว่าล้มลง ฉงนเห่าขู่แต่อีกฝ่ายไม่กลัวลุกขึ้นตั้งท่ารอจังหวะ ก่อนจะเอากระสอบฟาดเพื่อไล่ฉงนและจะเอาคลุมตัวฮั่งตู๋ ด่างวิ่งมาจาก ด้านหลังกระโดดงับก้นจนอีกฝ่ายร้องลั่น

ฉงนรีบบอกให้ฮั่งตู๋หนีไป ขณะที่ฮั่งตู๋วิ่งสวนออกไปปฐวีกับอนุสร์ที่วิ่งตามด่างมาก็มาถึงพอดี พออนุสร์เห็นฮั่งตู๋วิ่งสวนออกมาก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ ฮั่งตู๋ก็ดีใจวิ่งเข้าไปหานายกอดกันกลม ชายคนดังกล่าวรีบฉวยโอกาสหนีไป ฉงนกับด่างต่างยืนมองด้วยความปลาบปลื้ม

“ฮั่งตู๋ได้เจอเจ้านายแล้ว”

“อุ๊ย น้ำตาจะไหล”

ปฐวีกับอนุสร์ หันมาเห็นฉงน

“อ้าวนี่ฉงนใช่หรือเปล่านี่”

ฉงนเข้ามาสะกิดปฐวีแทนคำตอบ อนุสร์กอดฮั่งตู๋หัวเราะทั้งน้ำตา

“นุสนึกแล้ว ว่าฮั่งตู๋ต้องไม่ตาย นุสนึกแล้ว ว่าเราต้องได้เจอกัน”

“ผมนึกว่าชาตินี้ จะไม่ได้เห็นหน้าคุณนุส อีกแล้ว”

ปฐวีลูบหัวฮั่งตู๋ “ฉันดีใจที่สุดเลย ฮั่งตู๋ ที่ได้เจอแก”

ฮั่งตู๋เลียมือพูดอย่างอ่อนแรง “ผมก็ดีใจครับ ที่ได้เจอคุณวี” พูดจบฮั่งตู๋ก็สลบไป

อนุสร์ตกใจมาก “ฮั่งตู๋ คุณวีคะ ฮั่งตู๋สลบไปแล้ว”

“พาไปหาหมอก่อน...คุณรออยู่นี่นะ ผมจะไปเอารถมารับ”

ปฐวีรีบวิ่งออกไปอนุสร์กอดฮั่งตู๋แน่น

“ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋อย่าเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งนุส ไปนะ ฮั่งตู๋”

ปฐวีกับอนุสร์พาฮั่งตู๋ไปที่โรงพยาบาล ไม่นานพัดชากับธัญญ์ก็ตามมาและรีบถามอาการ แต่ทั้งสองก็ยังไม่มีคำตอบ จนหมอออกมาจาก ห้องฉุกเฉิน

“ฮั่งตู๋เป็นไงมั่งครับ”

“ปลอดภัยดีค่ะ คงจะหมดแรงเพราะอดอาหารมาหลายวัน หมอให้เกลือแร่ไปแล้วนอนหลับสักครู่ก็คงดีขึ้น”

“ขอเข้าไปดูนะคะ”

“เชิญเลยค่ะ เค้าตื่นมา เค้าควรจะได้เห็นหน้าเจ้าของเป็นคนแรก มันจะทำให้เค้าสบายใจ”

อนุสร์วิ่งนำทุกคนเข้าไปในห้องเห็นฮั่งตู๋นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อนุสร์โผเข้าไปกอดและหอมอย่างสุดแสนรัก

“ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”

ปฐวีดีใจไปด้วย “ในที่สุด เราก็ทำสำเร็จ เราหาพินัยกรรมเจอ แล้วช่วยฮั่งตู๋จนได้”

“ขอบคุณคุณวีมากที่สุดเลยค่ะ ถ้าไม่ได้คุณวี ฉันกับฮั่งตู๋คง ..”

“อะไรกัน ร้องไห้อีกแล้ว”

ปฐวีลืมตัวจับหัวอนุสร์เขย่าเหมือนที่เคยทำกับอู๊ด อนุสร์เช็ดน้ำตาไปหัวเราะขำตัวเองไป

“ตกลงเสียใจใช่ไหม ที่ฮั่งตู๋ไม่ตาย”

“คุณวีอ่ะ”

“อ้าว หรือไม่จริง ดีใจแล้วร้องไห้ทำไม”

“ยังจะมาล้ออีก”

อนุสร์ทุบปฐวีซึ่งหลบไปมา พัดชาสะกิดธัญญ์ให้มองอนุสร์กับปฐวีหยอกล้อกัน ธัญญ์อมยิ้ม ก่อนจะแอบออกไปเงียบ ๆ ระหว่างที่ธัญญ์ขับรถไปส่งพัดชานั้นก็อดแอบมองพัดชาที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้

“ยิ้มอะไรนักหนาน่ะคุณ เหงือกแห้งหมดแล้ว”

“บ้า...ฉันก็มีความสุขน่ะสิ วันนี้มีแต่เรื่องดี ๆ รึว่าคุณไม่ดีใจ”

“จริงของคุณ วันดี ๆ แบบนี้ อย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ไปฉลองกันดีกว่า”

ธัญญ์เลี้ยวรถไปอีกทาง พัดชาโวยวาย

“เฮ้ นั่นไม่ใช่ทางกลับบ้านชั้นนะ คุณจะพาชั้นไปไหน”

“เอาน่ะ เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”

ธัญญ์พาพัดชาเดินมาหลังร้านที่ปิดอยู่ค่อนข้างมืด พัดชาบ่นอุบอิบเพราะไม่รู้ว่าธัญญ์พามาที่นี่ทำไม

“ผมบอกแล้วไง ผมมีอะไรจะเซอร์ไพร้ส์ คุณ”

ธัญญ์ไขกุญแจเปิดประตูพาพัดชาเข้าไปในร้านที่ปิดไฟมืด

“ที่นี่ไม่มีไฟเหรอคุณ ทำไมมันมืดตึ๊ด ตื๋อแบบนี้”

ธัญญ์หันไปจับมือพัดชาจูงเดินในความมืด “เดินตามมาเถอะน่ะ”

“ไม่เอา เซอร์ไพร้ส์บ้าบออะไรของคุณ ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย ฉันไม่เอาแล้ว ฉันจะกลับบ้านแล้ว”

พัดชาจะไป ธัญญ์ดึงตัวพัดชามากอดไว้แล้วกระซิบข้างหู

“เซอร์ไพร้ส์”

ไฟสว่างขึ้นทันที พัดชามองไปเห็นว่าเธอกำลังยืนอยู่กลางร้านขนมเล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างสวยหรูแต่น่ารัก

“ชอบไหมครับ”

“นี่...นี่มัน...”

“ร้านขนมในฝันของคุณไง”

“ของฉัน จริงเหรอ คุณทำให้ฉันเหรอ โอ๊ย ไม่ได้หรอกคุณ มันมากเกินไป ฉันรับไม่ได้”

“ผมไม่ได้จะให้คุณฟรี ๆ นี่”

“ฉันว่าแล้ว คนเขี้ยวลากดินอย่างคุณ อ้ะ ว่ามา...เท่าไหร่”

“เงินผมมีเยอะแล้ว ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ตอนนี้ผมอยากได้...เค้ก”

“เค้ก” พัดชาทวนคำอย่างงงสุด ๆ

“ใช่ เอาเค้กชิฟฟอนก้อนใหญ่ ๆ เลยนะ ซ้อนกันซัก 9 ชั้น แต่งหน้าด้วยครีมสดสีขาว” ธัญญ์เดินฟุ้งทำไม้ทำมืออยู่รอบ ๆ พัดชาเหมือนจะสั่งทำเค้กจริง ๆ พัดชาหลงฟังอย่างตั้งใจ “รอบ ๆ มีดอกกุหลาบที่ทำจากช็อกโก แลตขาว ข้างบนมีตุ๊กตาเจ้าบ่าวเจ้าสาว เขียนชื่อว่า พัดชากับธัญญ์”

พัดชาอึ้งตกใจทำอะไรไม่ถูก ธัญญ์กุมมือพัดชาทำตาวิบวับ

“คุณจะว่าไง”

พัดชาเขินหน้าแดง อึกอัก พูดไม่ออก “ฉัน...ฉัน”

“ตกลงนะ”

พัดชาพยักหน้าแทนคำตอบ

นวลจันทร์ดีใจกับไพลินด้วยเมื่อรู้ข่าวดีนี้ วินัยเองก็ยินดีด้วยเพราะรู้ว่าธัญญ์เป็นคนดี ไพลินรีบทวงบุญคุณจากสามีทันที

“อันนี้คุณต้องขอบคุณฉันนะคะ คุณวินัย เพราะถ้าฉันไม่ชักนำพัดชาให้มาพบกับ คุณวี ลูกเราก็คงไม่ได้มารู้จักกับคุณธัญญ์ แล้วก็คงไม่มีวันนี้”

“โอ้โห ลากไปได้ไกลขนาดนั้น เอาล่ะ ๆ เอาเป็นว่าผมขอบคุณ แล้วก็ขอโทษที่ว่าคุณ ผมเข้าใจแล้วว่าคุณทำไปเพราะหวังดี อยากให้ลูกมีความสุข”

“หัวอกคนเป็นแม่อย่างเรา ไม่มีอะไรสำคัญกว่าความสุขของลูกหรอกค่ะ”

“งั้นก็ชนแก้ว ให้กับความสุขของลูกเรา”

ไพลิน วินัย นวลจันทร์ ปวีณา ชนแก้วกัน

“น้องพัดชากับคุณธัญญ์เค้าแฮปปี้เอนดิ้งไปแล้ว ต่อไปก็คงถึงคราวตาวีของเราแล้วนะคะแม่”

“แม่ก็แอบหวังอย่างนั้นเหมือนกันจ้ะ”

หลังจากอาการดีขึ้น ฮั่งตู๋ก็ได้กลับมา อยู่ที่บ้านธัญญ์ โดยมีอนุสร์กับพัดชาคอยเอาใจอยู่ไม่ห่าง ระหว่างนั้นธัญญ์ก็พาปฐวี นวลจันทร์ ปวีณาเข้ามาเยี่ยมด้วย ทุกคนต่างเข้ามาทักทายฮั่งตู๋พร้อมกับของฝากในมือ รวมทั้งปุ้งกี๋ที่เป็นห่วงฮั่งตู๋มาก เมื่อเจอหน้ากันทั้งคู่ก็พากันไปวิ่งเล่นอย่างมีความสุข ปฐวี มองอนุสร์ที่หัวเราะอย่างแจ่มใสแล้วเดินเข้าไปหา

“มีอะไรเหรอคะ คุณวี”

“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”

“เรื่องอะไรคะ”

“ฉันอยากคุยกับเธอสองคน...ออกไปคุยกันหน่อยได้ไหม”

อนุสร์พยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกไปด้วยใจที่เต้นตูมตาม ขณะที่ธัญญ์ พัดชา ปวีณา นวลจันทร์ทำเป็นเล่นกับหมาไม่รู้ไม่ชี้แต่แอบมองและแอบฟังกันหูผึ่ง

“คุณวีมีเรื่องอะไรคะ”

“เรื่องบ้านน่ะ ในเมื่อศาลสั่งให้คุณจิตรีคืนทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้เธอ บ้านที่ฉันซื้อมา มันก็น่าจะกลับไปเป็นของเธอด้วย”

“แต่คุณวีก็ซื้อมาอย่างถูกต้อง อยู่ ๆ จะเอามายกคืนให้ฉัน จะดีเหรอคะ”

“เธออยากอยู่ที่บ้านหลังนั้นรึเปล่าล่ะ”

“ก็มันเป็นบ้านของคุณวี ฉันจะไปอยู่ได้ยังไงล่ะคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าเธออยากกลับไปอยู่ที่นั่น”

อนุสร์มองหน้าปฐวีพยายามเดาใจว่าปฐวีคิดยังไง “ยังไงคะ”

“ก็...ฉันอาจจะขายคืนให้เธอ แต่ถ้าจะให้ดี”

ปฐวีกำลังจะพูดต่อแต่อนุสร์น้อยใจพูดขัดขึ้นมาก่อน

“ฉันไม่ซื้อหรอกค่ะ ฉันมีบ้านอยู่แล้วที่อเมริกา ฉันจะมาซื้อบ้านอยู่ที่เมืองไทยทำไม ฉันไม่ได้มีใครอยู่ที่นี่ซักหน่อย”

ปฐวีได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มงอนบ้าง “โอเค ถ้าเธอคิดว่าเธอไม่มีใคร แล้วก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ ก็แล้วไป”

“ค่ะ...เอาไว้ฮั่งตู๋แข็งแรงดีแล้ว ฉันจะพาฮั่งตู๋กลับไปอเมริกา”

“ตามใจ...โชคดี”

“แน่นอนค่ะ...ขอบคุณ”

ปฐวีกับอนุสร์เมินกันไปคนละทาง คืนนั้นอนุสร์อดคิดถึงสิ่งที่ปฐวีพูดแล้วน้อยใจไม่ได้ พอบ่นกับฮั่งตู๋แทนที่ฮั่งตู๋จะเข้าข้างกลับทำเมินใส่อนุสร์

“ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋เป็นอะไรน่ะ โกรธนุสเรื่องอะไร”

ฮั่งตู๋เดินหนี ไปคาบของเล่นที่ปฐวีซื้อให้มาวาง นอนเอาหัวซบอยู่อย่างอาลัยรัก ไม่สนใจอนุสร์

“นี่ฮั่งตู๋คิดถึงคุณวีเหรอ อย่าบอกนะ ว่าฮั่งตู๋ไม่อยากไปจากคุณวี”

ฮั่งตู๋เห่าแล้วเมินหันไปเล่นของเล่นต่อ

“ฮั่งตู๋รักเค้ามากกว่านุสงั้นเหรอ ใช่ซี เค้ารักฮั่งตู๋นี่ เค้าเป็นห่วงฮั่งตู๋นี่ เค้าพูดอยู่ตลอดเวลา ว่าที่เค้าทำทุกอย่างก็เพื่อฮั่งตู๋ เค้าไม่ได้แคร์นุสซักหน่อย แล้วนุสจะแคร์เค้าทำไม”

“ไม่จริง คุณวีรักคุณนุส คุณนุสนั่นแหละ ใจร้าย”

อนุสร์เดินไปเอามือจับหน้าฮั่งตู๋ขึ้นมา พูดใส่หน้า “ในเมื่อเค้าไม่อยากให้นุสอยู่ นุสก็จะไป ถ้าฮั่งตู๋รักเค้ามากกว่านุส จะไปอยู่กับเค้าก็เชิญเลย ตามใจ”

อนุสร์เดินกลับไปที่นั่งที่เตียง มองฮั่งตู๋อย่างงอน ๆ ฮั่งตู๋มองอนุสร์แล้วลุกขึ้นหันหลังนอนหันก้นไปทางอนุสร์ งอนใส่บ้าง อนุสร์มองก้นฮั่งตู๋ด้วยความเสียใจก่อนจะเอาผ้าคลุมโปงนอนด้วยความงอนอย่างแรง

ด้านนวลจันทร์กับปวีณาถึงกับต้องจัดประชุมทางโทรศัพท์กับทุกคนขึ้นเป็นการด่วน เพื่อจัดการเรื่องของปฐวีกับอนุสร์ให้ลงเอยกันเสียที

“ฉันคิดว่าเราจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องหาทางเข้าไปแทรกแซง เพื่อช่วยเหลือ ตาวีกับคุณอนุสร์”

“จะช่วยยังไงล่ะคะ”

“มีทางเดียวค่ะ เราต้องหาทางให้คุณวีพูดออกมาให้ได้ ว่าคุณวีรักคุณอนุสร์”

“หรือไม่ก็ให้นุสยอมรับ ว่าตัวเองก็รักคุณวี”

“แต่คุณอนุสร์ก็จะเดินทางมะรืนนี้แล้วนะครับ เราจะทำให้เขาบอกรักกันได้ยังไง” หนึ่ง เป็นห่วง

“ก็นั่นแหละ ที่พี่ณายังคิดไม่ออก ถึงได้ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดนี่ไง” ปวีณาบอก อย่างหมดหนทาง

“ลำพังพวกเราไม่สำเร็จหรอกค่ะ พี่ ณา พัดชาว่า ต้องให้ฮั่งตู๋เป็นตัวช่วย” พัดชาเสนอ

“ฮั่งตู๋ช่วยสุดตัวแน่ครับ จะเอายังไง ว่ามา” ธัญญ์รับรอง

เมื่อถึงวันเดินทางอนุสร์เตรียมกระเป๋าเดินทางลงมาข้างล่าง ธัญญ์ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ไปจริง ๆ เหรอ ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”

“ค่ะ แต่นุสสัญญานะ ว่านุสจะกลับมางานแต่งงานของคุณพัดชากับพี่ธัญญ์แน่ ๆ เออ พูดถึงคุณพัดชา ไหนพี่ธัญญ์ว่าเค้าจะมาที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ”

“นั่นไง มาพอดี”

พัดชาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “คุณธัญญ์คะ คุณนุสคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”

“มีอะไรคุณ”

“ฮั่งตู๋ค่ะ”

“ฮั่งตู๋ทำไม”

“ฮั่งตู๋หนีออกจากบ้านค่ะ วิ่งสวนออกไปตะกี๊นี้เอง ฉันเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุดค่ะ”

อนุสร์ตกใจ “ฮั่งตู๋” อนุสร์ทำท่าจะวิ่งตามไปสาวใช้เข้ามาบอก

“ไม่ทันแล้วค่ะคุณ ฮั่งตู๋วิ่งขึ้นรถใครไปก็ไม่รู้”

อนุสร์งง
“ฮั่งตู๋คงตั้งใจหนีไป”

“ไปไหนคะ ฮั่งตู๋จะไปไหนได้”

“ฉันเห็นฮั่งตู๋คาบลูกบอลของคุณวีไปด้วย ตอนที่หนีออกไป จะเป็นไปได้ไหมคะ ว่าฮั่งตู๋จะหนีไปหาคุณวี”

อนุสร์นึก ๆ สงสัยว่าจะใช่ ขณะนั้นฮั่งตู๋ขึ้นรถไปกับหนึ่งและทินกรอย่างสบายใจ ไม่นานป้าอุ้งก็โทรฯ มาบอกให้รีบไปเพราะปฐวีกำลังจะออกจากบ้านแล้ว

ปฐวีกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง แล้วหยิบกล่องกำมะหยี่อันหนึ่งขึ้นมาเปิดดูอมยิ้ม ป้าอุ้งเปิดประตูห้องเข้ามา ปฐวีรีบเอากล่องแหวนใส่กระเป๋ากางเกงแล้วทำหน้านิ่ง

“เก็บกระเป๋าจะไปไหนคะ คุณวี”

“ไปต่างจังหวัดครับ ว่าจะไปดูโลเกชั่นสำหรับถ่ายแฟชั่นเซตใหม่”

“อุ๊ย จะไปได้ยังไงคะ วันนี้วันอะไร คุณวีลืมแล้วเหรอคะ”

“วันอะไร ก็วันธรรมดา ไม่มีอะไรนี่ครับ”

นวลจันทร์กับปวีณาเดินเข้ามา

“อย่ามาทำเป็นลืมดีกว่า วีก็รู้ ว่าวันนี้ คุณอนุสร์เค้าจะกลับอเมริกา”

“แล้วแม่กับพี่ณามาทำไมครับนี่ ช่วงนี้แม่กับพี่ณาไม่มีอะไรทำเหรอครับ ถึงได้มาบ้านผมเกือบทุกวัน”

“นี่ ไม่ต้องมาปากดีเลยนะ ที่แม่กับพี่มาเนี่ย เพราะว่าเป็นห่วงวีนะ”

“แม่ไม่อยากให้วีต้องเสียใจทีหลัง ถ้าคิดผิดคิดใหม่ได้นะ เรื่องคุณอนุสร์น่ะ”

“คืนนี้เค้าก็จะไปแล้ว แม่จะให้ผมทำอะไรอีก”

ปฐวีเดินหนี ปวีณากับนวลจันทร์ช่วยกันเรียกไว้

“วี เดี๋ยวก่อน วีจะไปไหน มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”

ปฐวีไม่ฟังเดินหนีไป ปฐวีกำลังจะเดินไปที่รถเห็นลำดวนแกล้งยืนเช็ดรถไม่เสร็จสักที นวลจันทร์ ปวีณา ป้าอุ้งตามออกมา

“พอแล้วพี่ลำดวน ผมรีบไป”

“อุ๋ยไม่ได้ค่ะ รถยังไม่สะอาดเลย ลำดวนต้องเช็ดทุกซอกทุกมุม เดี๋ยวเสียชื่อลำดวนหมด อุ๋ยเดี๋ยวต้องมุดไปเช็ดใต้ท้องรถอีกนะคะเนี่ย”

ปฐวีไม่รอขึ้นไปสตาร์ตรถ ควันรถพุ่งใส่หน้าลำดวนเต็ม ๆ

“โธ่ วี ทำไมไม่เชื่อแม่เลย จะดื้อไปไหน”

ปฐวีไม่ฟังขับรถออกไปทันที เวลาเดียวกันที่ถนนเข้าหมู่บ้านทินกรจอดรถดังเอี๊ยดเมื่อรู้ว่าปฐวีออกมาจากบ้านแล้ว ระหว่างที่หนึ่งกับทินกรกำลังโทษกันไปมานั้น ฮั่งตู๋มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นรถปฐวีแล่นผ่านไปจึงรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งตัดสนามสวนสาธารณะไปอีกด้านหวังจะดักรถปฐวี

ปฐวีขับรถมาถึงสามแยกแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฮั่งตู๋วิ่งลงมายืนขวางอยู่กลางถนน ปฐวีรีบลงมาจากรถ อีกมุมหนึ่ง ธัญญ์ อนุสร์ พัดชาขับรถมาถึงแยกเช่นกัน เห็นฮั่งตู๋ยืนอยู่ธัญญ์รีบจอดรถ ปฐวีและพวกอนุสร์รีบตรงมาที่ฮั่งตู๋ต่างคนต่างชะงักเมื่อเห็นกัน

“คุณอนุสร์”

“คุณวี”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอกับฮั่งตู๋มาทำอะไร ที่นี่”

“ฮั่งตู๋หนีออกจากบ้านมา ฉันมาตามฮั่งตู๋”

ธัญญ์กับพัดชาที่ยืนอยู่ห่าง ๆ กระซิบกัน

“ในที่สุด เค้าก็ได้เจอกันจนได้”

อนุสร์เดินเข้าไปหาฮั่งตู๋ “ไปฮั่งตู๋ ไปกับ นุส”

ฮั่งตู๋ไม่สนใจอนุสร์ วิ่งไปหลบหลังปฐวี“ผมว่า ฮั่งตู๋คงไม่อยากไป”

“ใช่แล้วครับ คุณวี ช่วยผมด้วย ฮั่งตู๋อยากอยู่เมืองไทย”

“แต่ฮั่งตู๋เป็นหมาของฉัน ฉันไปที่ไหน ฮั่งตู๋ก็ต้องไปกับฉัน” อนุสร์จะไปหาฮั่งตู๋แต่ปฐวีขวางไว้

“ผมไม่ยอม”

“ฉันก็ไม่ยอม ฮั่งตู๋ มานี่”

ฮั่งตู๋ตัดสินใจวิ่งไปในสวนสาธารณะ อนุสร์กับปฐวีตกใจวิ่งตามไป ธัญญ์กับพัดชามองตามด้วยความไม่สบายใจ

“แผนของคุณไม่สำเร็จแฮะ ดูท่าทางจะไปกันใหญ่แล้ว”

ปฐวีกับอนุสร์วิ่งตามหาแต่ฮั่งตู๋หายไปแล้ว

“ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋ ฮั่งตู๋หนีไปอีกแล้ว เพราะเธอคนเดียว ชวนทะเลาะให้มันวุ่นวาย”

“เพราะชั้นงั้นเรอะ คุณวีต่างหากที่ชวนทะเลาะ”

“ก็เธอพูดไม่รู้เรื่อง ในเมื่อฮั่งตู๋อยากอยู่ที่นี่ เธอก็พาเค้าไปได้ยังไง เธอกับฮั่งตู๋ต้องอยู่ที่นี่...กับชั้น”

อนุสร์ชะงักอึ้งไป “คุณหมายความว่ายังไง”

“นี่ไง พูดไม่รู้เรื่องอีกแล้ว...ฉันจะพูดอีกทีเดียวนะ ช้า ๆ ชัด ๆ เธอกับฮั่งตู๋จะไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ กับฉัน”

ปฐวีมองตาอนุสร์อมยิ้ม อนุสร์เริ่มเข้าใจความหมายแต่ก็ยังขอเล่นแง่นิดนึง

“ฮั่งตู๋ก็ส่วนฮั่งตู๋ ทำไมฉันต้องอยู่ ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งคุณวีด้วย”

“เพราะเธอรักฉัน”

อนุสร์ทำตาโต อ้าปากจะเถียง

“แล้วฉันก็รักเธอ”

ปฐวีหยิบแหวนจากในกระเป๋ากางเกงออกมา “ส่งมือมานี่”

อนุสร์ทำอิดออดปฐวีดึงมือไปสวมแหวนแล้วพูดขึ้น

“ออกมาได้แล้วครับ ทุกคน”

บรรดากองเชียร์ทั้งหลายที่กระจายตัวลุ้นอยู่โดยรอบร้องด้วยความดีใจ ฮั่งตู๋โผล่หัวออกมาจากพุ่มไม้ที่แอบอยู่เห่ารับด้วย

“ฮั่งตู๋น่ะ ร้ายใหญ่แล้วนะ”

ปฐวีกอดอนุสร์อีกที ขณะที่กองเชียร์เฮกอดกันกลมเป็นคู่ ๆ ไปเช่นกัน ทินกรกับหนึ่งที่แอบดูด้วยกล้องส่องทางไกลเห็นปฐวีกับอนุสร์กอดกันก็ดีใจ

“เราทำสำเร็จแล้ว พี่หนึ่ง”

“ไชโย ดีใจกับคุณวีจริง ๆ”

สองคนกอดกันยามผ่านมาเห็น นึกว่า พวกรักร่วมเพศทำหน้าสยอง

หลังจากนั้นที่บ้านพัฒนปรีดีก็จัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่ให้กับฮั่งตู๋และเพื่อน ๆ โดยมีปฐวี อนุสร์ พัดชา ธัญญ์ ปวีณา ยิ้มสดใสอยู่ในงานช่วยกันเทอาหารใส่ชาม

“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน”

บรรดาหมาวัดเพื่อนฮั่งตู๋ต่างวิ่งเข้ามา

“ต่อไปขอเชิญฮั่งตู๋กล่าวเปิดงานครับ”

“ฮั่งตู๋ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านนะครับ ที่ช่วยฮั่งตู๋มาตลอด” ฮั่งตู๋ยกขาขึ้นไหว้หมาทุกตัวเห่ารับอย่างร่าเริงร้องเรียกชื่อฮั่งตู๋

“ต่อไปก็ขอเชิญ หม่ำกันได้เลยค่ะ”

ทินกรกับหนึ่งขับรถตู้บีบแตรเข้ามา

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ยังขาดอีกหนึ่งตัว”

พอประตูรถเปิดออกฉงนก็วิ่งลงมา

“เฮ้ กินไม่รอกันเลยรึไง”

“มาครบแล้ว ต่อจากนี้ขอเชิญ ลุย”

หมาทุกตัวรวมทั้งปุ้งกี๋บุกตะลุยเข้ากินอาหารและเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีปฐวี อนุสร์ ธัญญ์ พัดชา ปวีณา ทินกร และหนึ่ง ช่วยกันเลี้ยงหมาอย่างมีความสุข

จบบริบูรณ์

เครดิต เดลินิวส์




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 10:36:03 น.
Counter : 3888 Pageviews.

 

จะมีภาค 2 ของดอกรักริมทางเมื่อไรจะคอยดูจ้า

 

โดย: น้องฮั่งตู๋ IP: 61.91.165.27 9 กรกฎาคม 2553 18:39:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com