<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 สิงหาคม 2552
 
 
ละคร ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ตอนอวสาน

ตอนอวสาน

วันหยุดฉลวยอยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งช่วงนี้ ถือเป็นโอกาสเหมาะ เพราะลีนวัตรต้องไปอยู่วัดเพื่อเตรียมตัวบวช แต่พอฉลวยบอกกับแม่ปุย ฉลวยก็ถูกคัดค้าน เพราะแม่ปุยต้องการให้ฉลวยอยู่ช่วยกันเตรียมงานบวชลีนวัตรที่กำลังจะจัดขึ้น
ฉลวยขัดใจเดินเซ็งออกจากบ้านไปเจอประดิษฐ์ที่กำลังเซ็งมาเหมือนกัน ด้วยเรื่องที่เขาได้ปทุมเป็นเมียอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อประดิษฐ์รู้ว่าฉลวยอยากไปกรุงเทพฯ เขารีบอาสาพาฉลวยไปเปิดหูเปิดตา อวดตัวว่าเขารู้จักกรุงเทพฯทุกซอกทุกมุม ฉลวยดีใจมาก รับปากมั่นเหมาะว่าพรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางไปกับประดิษฐ์ ครั้นตกกลางคืนฉลวยก็แอบจิ๊กเงินแม่ปุยมาไม่น้อยเพื่อไว้ใช้จ่ายขณะไปกรุงเทพฯ
เมื่อฉลวยได้ไปเห็นบรรยากาศในเมืองหลวง ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างรอบตัว ประดิษฐ์พาฉลวยช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า แต่ฉลวยต้องควักเงินจ่ายทั้งของตัวเองและของประดิษฐ์ จากนั้นประดิษฐ์ก็พาฉลวยเที่ยวต่ออีกจนเย็น ก่อนจะพาฉลวยกลับคลองหมาหอน
ขณะฉลวยหิ้วถุงข้าวของเต็มสองมือเข้าบ้านมาในตอนค่ำ ต้องชะงักไปนิดที่เห็นแม่ปุย เฉลา กับปื๊ดนั่งหน้าสลอนคอยการกลับมาของเธออยู่
"นังหลวย เอ็งหายไปไหนมาทั้งวัน ใครต่อใครเขาพากัน เป็นห่วง จนข้าจะไปแจ้งความอยู่แล้ว"
"ก็หนูบอกแม่แล้วไงว่าหนูจะไปกรุงเทพฯ"
แม่ปุยหน้าไม่ดี เสียใจที่ลูกไม่เชื่อฟัง ขณะที่เฉลาก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าฉลวยจะกล้าถึงขนาดนี้ แต่ปื๊ดกลับพูด ประสาเด็ก ต่อว่าพี่หลวยไปกรุงเทพฯไม่บอกกันมั่ง ปื๊ดจะได้ไปด้วย
"ไอ้ปื๊ด..." แม่ปุยปรามเสียงขุ่น "นังหลวย แกชักจะ เอาใหญ่แล้วนะ พี่ผู้ใหญ่เขาไม่อยู่บ้านวันเดียวแกไม่เกรงใจกันเลย หรือแกคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแก"
"โธ่ แม่ก็...อย่าซีเรียสน่า นะๆ เรื่องแค่นี้เอง ฉันก็กลับมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย"
"ชักจะเก่งใหญ่แล้วนะเอ็ง" แม่ปุยหน้าคว่ำ
"น่าแม่...ใจดีๆ พรุ่งนี้วันดีของพี่ลีเขา อย่าโมโห เดี๋ยวจะเสียฤกษ์นะจ๊ะ แม่คนสวยของหลวย" ฉลวยอ้อนประจบสุดฤทธิ์ แต่แม่ปุยก็ยังหน้าตูมอยู่ดี
ooooooo
เช้ารุ่งขึ้น พิธีอุปสมบทของลีนวัตรดำเนินไปอย่าง เรียบง่ายและสนุกสนาน ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มอิ่มบุญ โดยเฉพาะแม่ปุยถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน ขณะที่ขบวนแห่นาควนรอบโบสถ์ ปทุมกับผู้ใหญ่โหมดก็วิ่งผ่าเข้ามาแทรกกลาง จนหลายคนตกอก ตกใจ
"ขอโทษทีมาสายไปหน่อยแม่ปุย แต่มาสายก็ยังดีกว่า ไม่มาใช่ไหมล่ะ" ผู้ใหญ่โหมดปั้นยิ้มใส่แม่ปุย ก่อนหันมาที่ลูกสาว "ทุมเอ๊ย ไปช่วยถือของให้นาคสิลูก"
ไม่ทันขาดคำของพ่อ ปทุมตรงเข้าไปแย่งหมอนจากมือมาลินีทันที พินไม่พอใจ ปราดเข้ามาจะแย่งหมอนคืน แต่ มาลินีชิงปรามพินเสียก่อน
"ช่างเขาเถอะพิน เขาอยากถือก็ให้เขาถือไป"
"ให้มันรู้ซะมั่ง คนที่จะเป็นเมียเท่านั้นแหละ เขาถึงจะให้ถือหมอนให้นาค คนอื่นไม่มีสิทธิ์ย่ะ" ปทุมลอยหน้าเยาะเย้ยมาลินี พินเห็นแล้วฮึ่มๆ อยากจะตบซะกลางงานจริงๆ
"ไม่เอาน่าพิน นี่งานมงคลนะ เดี๋ยวก็ไม่ได้บุญหรอก"
พินขัดใจแต่ก็ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ตามคำเตือนของมาลินี ส่วนนาคลีนวัตรไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพราะมัวตั้งจิตตั้งใจให้เป็นสมาธิ...หลังจากผ่านขั้นตอนจนครบถ้วนแล้ว ลีนวัตรก็อยู่ในผ้าเหลืองอย่างสมบูรณ์ มาลินีมองพระอย่างปีติชื่นชม ขณะที่ปทุมดี๊ด๊าเสนอหน้ายิ้มไม่มีสำรวม แม่ปุยขยับเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงกราบพระลูกชาย ไม่วายน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ พอมาลินีจะขยับเข้ามากราบ ปทุมก็ชิงตัดหน้า กราบพระกระชด กระช้อย พร้อมกับจีบปากสนทนา
"หลวงพี่อยากฉันอะไร หลวงพี่จดรายการอาหารมาก็ได้นะจ๊ะ ทุมจะเอามาถวายทุกวันเลย"
"ท่านเป็นพระแล้วนะยะ จะมาถามท่านว่าอยากฉันอะไรได้ไง ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย" พินว่าให้อย่างหมั่นไส้ ปทุม ไม่พอใจสะบัดหน้าใส่พิน
"พระลูกเขยราศีดีจริงๆ ฝันเห็นเลขสวยๆ ก็กระซิบบอกกันบ้างนะท่าน"
"อาตมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรม โยม...เรื่องอื่นอาตมาไม่คิด"
ผู้ใหญ่โหมดชะงัก แล้วรีบแก้เก้อ "แหม...มันก็ต้องมี โบนัสกันบ้างละ...แค่พรรษาเดียว ทุมเอ๊ย เอ็งคอยท่านหน่อยก็แล้วกันนะลูกนะ"
"เอ๊ะ พี่โหมดนี่พูดยังไง คู่หมั้นพระก็นั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ" แม่ปุยปรามอย่างไม่พอใจ
"โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกแม่ปุย จริงไหมล่ะท่าน" ผู้ใหญ่โหมดหัวเราะหึๆในคอ พระลีนวัตรอึดอัดใจแต่ข่ม เหลือบมองมาลินีอย่างไม่สามารถมองได้เต็มตา สักครู่ก็ลุกเดินตามขบวนพระอื่นๆออกจากโบสถ์ มาลินีได้แต่มองชายจีวร ที่ผ่านหน้าไป ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ
ooooooo
ขณะเดินออกจากวัดเพื่อกลับบ้าน แม่ปุยแย้มยิ้มตลอดเวลา เหว่ากับเฉลาก็หยอกล้อกันอย่างมีความสุข หนำซ้ำทั้งคู่ยังแหย่แม่ปุยจนหัวเราะขำไปด้วยกัน มาลินี มองความสุขของคนในครอบครัวนี้แล้วสบายใจ พอแม่ปุยเอ่ยถึงปทุมขึ้นมา บอกมาลินีอย่าไปถือสาปทุมเลย
"หนูไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ หนูว่าหนูเข้าใจเขาดีนะคะ"
"ดีแล้วล่ะ เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น อีกหน่อยก็คงจะห่างๆไปเอง"
มาลินียิ้มรับ ครั้นเธอกลับมาถึงบ้าน ก็พบประดิษฐ์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับรอเธออยู่
"ท่าทางเหมือนไม่ต้องกินข้าวไปได้อีกหลายวันเลยนี่นะ อิ่มบุญมากรึไงครับมา"
"ก็คงทำนองนั้นแหละค่ะ"
"อย่าหาว่าดิ๊กแช่งเลยนะ ดิ๊กมีความรู้สึกว่ามาไม่มีวัน ได้แต่งงานกับไอ้..."
"พูดให้ดีๆนะดิ๊ก ตอนนี้ผู้ใหญ่ลีบวชเป็นพระอยู่นะ"
"ก็พูดกันตามตรง ดิ๊กว่ามายังไม่ได้รู้จักมัน เอ๊ย เขาดีพอเลย เขาอาจจะมีอะไรที่ปกปิดมาไว้ก็ได้ ผู้ชายน่ะนะมา หาที่มันเพอร์เฟกต์น่ะไม่มีหรอก...ยาก"
"ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน แต่ชีวิตของฉัน ฉันว่าฉันจัดการเองได้ ดูตัวคุณเองก่อนเถอะ แทนที่จะมามัวปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆอย่างนี้ คุณควรจะหาอะไรทำที่มีประโยชน์ ดีกว่า พาตัวเองให้รอดซะก่อนดีกว่าจะมานั่งอยู่ในบ้านของ คนอื่นเขาเฉยๆแบบนี้"
ประดิษฐ์เจ็บจี๊ดที่ถูกมาลินีออกปากไล่ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไล่หลังเธอไป
เย็นนั้น ทองใบวนเวียนมาง้อพินถึงในครัว แต่พินยัง ใจแข็งเหมือนเดิม พินด่าทองใบทันทีเมื่อได้ยินทองใบบอกว่า อยากจะบวชกับเขาบ้าง
"คิดจะบวชหนีหนี้เรอะ ฝันไปเหอะ"
"ไม่ได้จะหนีหนี้ แต่บวชจะได้เบียดกับแม่พินต่างหาก แม่พินไม่คิดจะเห็นใจฉันบ้างเหรอ ฉันกะจะบวชซักพรรษานึง"
"วันเดียวคนอย่างเอ็งก็ทำศาสนาเสื่อมแล้ว ไปเลิกเหล้า เลิกยาให้ได้ซะก่อนเหอะ อย่าเอาศาสนามาอ้างให้ตัวเองดูดีเลยไอ้ทองใบ ไปให้พ้นเถอะ เกะกะขวางทาง ข้าจะทำงาน" ทองใบทำตาปริบๆ ไม่ยอมขยับ พินเลยฮึ่มใส่ "ยังอีก เดี๋ยวแม่สาดด้วยน้ำนี่ซะเลยนี่"
"แม่พินอยากสาดก็สาดเถอะจ้ะ ถ้ามันเป็นความสุขของแม่พิน"
ขาดคำ พินสาดน้ำในกะละมังใส่ทองใบทันที "แหม มีความสุขจริงๆ" ว่าแล้วพินก็เดินหัวเราะจากไป ทองใบเปียกทั้งตัว ยืนตาปรอย ผิดหวัง...
ooooooo
ในช่วงที่ลีนวัตรบวช เหว่าได้ขึ้นมานอนบนเรือน ตามคำสั่งของพระ เหว่าจึงมีโอกาสใกล้ชิดเฉลามากขึ้น เฉลาเองก็ถือโอกาสนี้ติวเข้มการเรียน กศน.ให้เหว่าไปในตัวด้วย
แม่ปุยใส่บาตรพระลีนวัตรทุกเช้า เช่นเดียวกับมาลินีที่เตรียมอาหารตั้งแต่ไก่โห่ทุกวัน โดยมีพินคอยดูแลช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ แถมบางวันพินก็มีแซวๆพระกับมาลินีบ้างเหมือนกัน ระยะนี้จึงถือเป็นช่วงที่ทุกคนมีความสุขสดชื่น
แต่คนที่กำลังทุกข์ใจก็คือปทุม...ปทุมตกใจเมื่อได้ยินพ่อบอกว่าจะสึกพระด้วยคลิปลับ แฉกันให้เห็นจะจะไปเลย
"คลิป? แฉ? แฉอะไร" ปทุมงุนงง เพราะไม่เคยรู้ มาก่อน
"อุวะ คลิปลับเขาไม่ได้ถ่ายกันแค่เอาไปขายคลองถม อย่างเดียวโว้ย เขาเอาไว้แฉกันด้วย"
"พ่อพูดอะไรหนูไม่เข้าใจ คลิปอะไร"
"ก็คลิปเอ็งตอนสวีตหวานแหววกับผู้ใหญ่ลีน่ะสิวะ" ปทุมหน้าซีดเผือด "เอ็งไม่ต้องอายไปหรอก มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ผู้ชายผู้หญิง"
"พ่อ...หนูว่า...อย่าเพิ่งใช้วิธีนี้เลย"
"ทำไมวะ นี่มันไม้ตายเราเลยนะโว้ย"
"มันบาปนะพ่อ แล้วอีกอย่างหนูว่าเรายังมีวิธีทำให้พระกับยัยหน้าลิงนั่นเลิกกันได้เนียนๆ หนูเป็นนางเอกนะพ่อ พ่อจะให้หนูไปสึกพระ ใครต่อใครเขาก็จะพากันประณามว่าหนูเป็นนางอิจฉาเปล่าๆ จริงไหมล่ะพ่อ"
"เออ...ก็จริงของเอ็งว่ะ แล้วเอ็งมีแผนอะไรดีๆ ไหนว่ามาซิ"
"คุณดิ๊กเขากำลังจัดการอยู่" ปทุมตอบส่งเดชเอาตัวรอด...ทั้งที่ความจริงประดิษฐ์ยังไม่ได้คิดอ่านทำอะไรเลย นอกจากเรื่องของตัวเอง ประดิษฐ์นัดฉลวยออกมาพบ แล้วชักชวนเข้ากรุงเทพฯ โดยเอาเรื่องวงการบันเทิงที่ฉลวยชื่นชอบมาเป็นตัวล่อ ฉลวยก็เหมือนวัยรุ่นที่อยากลิ้มอยากลอง ยิ่งพอ ประดิษฐ์บอกว่าฉลวยสวยคม มีสิทธิ์ได้งานในวงการ ถ้ายอมไปพร้อมกับเขาเพื่อพบโมเดลลิ่ง ฉลวยจึงไม่อิดออดเลยสักนิด
ตกค่ำ ขณะฉลวยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เฉลาเข้ามาเห็น ถามน้องว่าจะไปไหน ฉลวยบอกตามตรงว่าจะเข้ากรุงเทพฯสักพัก เฉลาไม่เห็นด้วย ซักฉลวยแทบไม่หายใจ ฉลวยหาว่าเฉลาจู้จี้ แม่ยังไม่ถามเยอะขนาดนี้
"นี่บอกแม่แล้วเหรอ"
"บอกแล้ว" ฉลวยโกหกได้เนียนมาก พอถูกพี่สาวถามว่าบอกหลวงพี่หรือยัง ฉลวยก็โบ้ยว่า เดี๋ยวแม่ก็ไปบอกเองแหละ
"จะทำอะไรก็คิดดูให้ดีๆนะ อย่าทำให้แม่ให้หลวงพี่ผิดหวัง พี่เตือนได้แค่นี้แหละ"
"แหม พี่เห็นฉันเป็นคนโง่รึยังไง ฉันรู้น่าว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันไปวันสองวันก็กลับแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ ฉันดูแลตัวเองได้"


ooooooo


เช้าวันใหม่ มาลินีเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นประดิษฐ์กำลังปิดฝากระโปรงหน้ารถ หลังจากตรวจเช็กเครื่องเตรียมขับทางไกล
"ฉันเป็นเจ้าของรถคันนี้แท้ๆ แทบไม่ได้ใช้มันเลย ถ้าคุณชอบมันจริงๆ ซื้อต่อไหมล่ะ ฉันจะขายให้"
"ทำไมดิ๊กต้องซื้อด้วยล่ะ ของมาก็เหมือนของดิ๊กน่ะแหละ ยังไงมาก็ต้องยกให้ดิ๊กอยู่แล้ว"
มาลินีพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าสมเพชผู้ชายคนนี้เสียจริง
"ดิ๊กจะเข้ากรุงเทพฯหลายวันหน่อย มาอยากได้อะไรไหม"
"จะซื้อมาฝากรึไงคะ"
"ก็งั้นสิ เสร็จงานนี้ดิ๊กคงได้เงินหลายหมื่น มาจะได้เลิกดูถูกดิ๊กซะทีว่าดีแต่เกาะมากิน"
"คิดได้ยังงั้นก็ดี คนเรามันต้องมีศักดิ์ศรีในตัวเองนะคะ"
"แล้วมาจะได้เห็น" ประดิษฐ์หัวเสีย ขึ้นรถขับพรืดออกไป แล้วไปรับฉลวยยังจุดนัดที่ตลาด แต่เผอิญพินที่มาซื้อของเห็นทั้งคู่เข้าเต็มๆ พินรู้สึกไม่ชอบมาพากล พอกลับถึงบ้าน พินก็รีบบอกให้มาลินีรู้
ส่วนแม่ปุยก็เพิ่งรู้จากเฉลาว่าฉลวยไปกรุงเทพฯ แม่ปุยถึงกับลมจับ นั่งดมยาหน้าซีดเซียว อีกครู่เดียว มาลินีกับพินก็รีบร้อนขึ้นเรือนมา พินเกือบหลุดปากบอกเรื่องที่เห็นฉลวยขึ้นรถไปกับประดิษฐ์ ถ้ามาลินีไม่สะกิดปรามเสียก่อน มาลินีบอกแม่ปุยว่าไม่ต้องกังวล เธอจะไปตามฉลวยกลับมาเอง เธอพอจะรู้ว่าฉลวยไปอยู่ที่ไหน แต่ขอร้องทุกคนอย่าบอกเรื่องนี้ กับพระลีนวัตร เดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจ
ประดิษฐ์พาฉลวยไปพบเพื่อนที่ทำหนังเรตอาร์ลงแผ่นซีดีขาย เป็นจังหวะที่ขาดนางเอกหนังพอดี ประดิษฐ์จึงคะยั้นคะยอหลอกให้ฉลวยเซ็นสัญญากับเพื่อนของตน จากนั้นก็พาไปเที่ยวเพื่อให้ฉลวยตายใจ ก่อนจะพากลับมาที่นี่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อถ่ายทำหนังลามกแลกเงินค่าตัวที่ประดิษฐ์คิดจะฮุบไว้เสียเอง


ด้านมาลินี พอออกจากบ้านแม่ปุยมาแล้ว เธอก็รีบโทร.ติดต่อไปยังมือถือของประดิษฐ์ และสอบถามเขาอย่างรู้ทันว่าฉลวยอยู่กับเขา เธอจะขอคุยกับฉลวย แต่ประดิษฐ์ทำไก๋ ไม่รู้ไม่ชี้ ถามกลับมาว่า "มาไปเอาข่าวมาจากไหน"
"จะปฏิเสธยังไงฉันก็ไม่เชื่อคุณหรอก ฉันขอเตือนนะ อย่าคิดทำอะไรไม่ดีกับฉลวยเป็นอันขาด"
"ดิ๊กก็อยู่ของดิ๊กเฉยๆ เด็กมันแส่ของมันเอง แล้วมา คิดว่าจะให้ดิ๊กทำยังไง ดิ๊กเองก็ลำบากใจ"
ประดิษฐ์กดตัดสายทิ้ง มาลินีขัดใจ ทั้งกลุ้มทั้งโกรธ แล้วรีบร้อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยรถทัวร์ ขณะที่พวกแม่ปุย กับพินก็ต้องช่วยกันปิดพระลีนวัตร แต่แล้วปทุมก็มาทำให้ เสียเรื่องขณะนำของมาถวายเพลพระลีนวัตรที่วัด
"คู่หมั้นหลวงพี่เขาหนีตามแฟนเก่าเข้ากรุงเทพฯ สงสัยว่าหลวงพี่หนีมาบวชยังงี้ เขาคงเหงาจิตก็เลยรีเทิร์นกับแฟนเก่าเขา น่ะสิจ๊ะ เขาคงคิดว่าหลวงพี่ไม่มีทางรู้หรอก เพราะมัวมานั่งจำศีลอยู่นี่ไง คนนี้ก็รัก คนโน้นก็ตัดไม่ขาด ผู้หญิงอาไร้ ใจคอโลเลสิ้นดี"
ขณะเดียวกันนั้น มาลินีนั่งกระวนกระวายอยู่ในรถแท็กซี่ พยายามโทร.ติดต่อประดิษฐ์อีกหลายครั้งกว่าเขาจะยอมรับสาย
"คุณประดิษฐ์ ฉันมารับฉลวยกลับบ้าน"
"มาเข้าใจอะไรผิดรึเปลาเนี่ย เขามาของเขาเอง ดิ๊กไม่ได้ ไปขู่บังคับให้เขามาซะหน่อยนะ"
"ถ้างั้นขอฉันคุยกับฉลวยหน่อย ฉันรู้ว่าฉลวยอยู่ใกล้ๆคุณ แถวนั้นแหละ"
"มามองดิ๊กแง่ร้ายเกินไป เด็กมันออกไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่กับดิ๊กซะหน่อย เท่านี้นะครับ ดิ๊กกำลังยุ่ง" ประดิษฐ์ตัดสายทิ้งอีกตามเคย แล้วเดินกลับไปหาฉลวยที่เลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่อีกทาง
ข้างฝ่ายพระลีนวัตรร้อนใจจนทนอยู่เฉยไม่ไหว มาพบแม่ปุยถึงบ้าน แต่ถามไปถามมาเรื่องมาลินีเดินทางเข้ากรุงเทพฯไปกับประดิษฐ์ ถึงได้รู้ความจริงจากเฉลาว่ามาลินีไปตามฉลวยกลับบ้านต่างหาก นั่นยิ่งทำให้พระลีนวัตรร้อนใจ ย้อนกลับมาที่วัด ขออนุญาตหลวงพ่อเข้ากรุงเทพฯ


"มันจะไม่เหมาะละมังท่าน ถ้าชาวบ้านชาวช่องเขารู้ว่าท่านเข้ากรุงเทพฯเพราะไปตามคู่หมั้นกลับบ้าน มันไม่ได้หรอก นะท่าน ยังไงมันก็ผิดวินัยสงฆ์ เรื่องทางโลกท่านไม่น่าไปข้องแวะ พระศาสนาจะมัวหมองเปล่าๆ ทำใจให้ว่างเข้าไว้ ยุบหนอ...พองหนอ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กัมมุนา วัฏฏีโลโก นะท่าน"
"หลวงพ่อครับ ที่ผมจะไปกรุงเทพฯ ผมไม่ได้จะไปตามคู่หมั้นครับ แต่ผมจะไปตามน้องสาวผมต่างหากครับ"
"อ้าว...ไหงเป็นยังงั้นไปได้ล่ะท่าน"
"น้องสาวคนเล็กของผมหลงผิด หนีออกจากบ้าน โยมแม่ เป็นห่วงจนล้มเจ็บ ผมคงนิ่งดูดายอยู่เฉยไม่ได้หรอกครับหลวงพ่อ ยังไงก็ต้องไปตามน้องสาวกลับมา หลวงพ่อกรุณาอนุญาตผมด้วยเถอะครับ"
"ถ้าเข้าป่าเข้าดงก็คงไม่ยากหรอก แต่นี่ท่านจะธุดงค์ ป่าคอนกรีต...น่าหนักใจแทนท่านจริงๆ เพราะอาบัติมันพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าท่านจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ"
"ผมจะพยายามดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดที่สุดครับ ไอ้ปื๊ดก็ไปด้วย คงจะช่วยอะไรได้บ้างละครับหลวงพ่อ"
เมื่อพร้อมแล้ว พระลีนวัตรกับปื๊ดก็ออกเดินทางกันทันที โดยจุดหมายอยู่ที่ห้างดังซึ่งมีโลโก้และสาขาอยู่ข้างถุงที่ฉลวยซื้อเสื้อผ้าข้าวของกลับมาเมื่อครั้งที่แล้ว ส่วนมาลินี เธอกำลังไปสอบถามพนักงานของคอนโดฯที่ประดิษฐ์พัก แต่ก็คว้าน้ำเหลว พนักงานบอกว่าประดิษฐ์ไม่ได้กลับมานานแล้ว
ตกเย็น พระลีนวัตรกับปื๊ดก็ไปถึงห้างดังแห่งนั้น แต่ก็เหมือนมืดแปดด้าน เดินวนไปเวียนมาจนปื๊ดบ่นอุบ
"หลวงพ่อ ปื๊ดเมื่อย เดินจนขาจะหลุดอยู่แล้ว นั่งพักเหนื่อยก่อนได้ไหม"
"เดินแค่นี้ก็บ่นซะแล้ว อยู่บ้านเรา เห็นเอ็งวิ่งเล่นทั้งวัน ไม่บ่นซักคำ"
"ก็มันไม่เหมือนกันนี่หลวงพ่อ เดินในกรุงเทพฯต้องคอยระวังคน ระวังรถ อากาศก็เหม็นควันรถ ปื๊ดเวียนหัวไปหมดแล้ว แล้วนี่จะไปตามหาพี่หลวยที่ไหน เดินไปเรื่อยๆอย่างนี้เหรอ หลวงพ่อ"
ในที่สุด พระลีนวัตรก็ต้องพาปื๊ดไปที่วัดแห่งหนึ่งใน ย่านนั้น ขณะที่มาลินีต้องกลับมาที่คอนโดฯของตน เพราะไม่รู้ จะไปตามประดิษฐ์ที่ไหนอีก แต่ไม่ทันจะค่ำ มาลินีก็ต้องตื่นตกใจ เมื่อปื๊ดใช้โทรศัพท์สาธารณะในวัดโทร.เข้ามาที่มือถือของเธอ...
เมื่อรู้ว่าพระลีนวัตรและปื๊ดเข้ามากรุงเทพฯ เช้าวันรุ่งขึ้นมาลินีจึงตามไปที่วัด โดยเตรียมอาหารไปใส่บาตร แล้วก็อยู่รอจนกระทั่งพระลีนวัตรกลับจากบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จ
"ท่านคะ...ฉันไม่สบายใจเลย พอรู้จากปื๊ดว่าท่านตามมากรุงเทพฯ"
"มีเรื่องอะไรทำให้ไม่สบายใจล่ะโยม"
"ท่านกำลังเข้าใจผิด ที่คิดว่าฉันเข้ามากรุงเทพฯกับคุณประดิษฐ์ค่ะ ฉันกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วจริงๆ"
"โยมมาลินี...โยมน่ะแหละเป็นฝ่ายเข้าใจผิด ทีแรกที่ได้ยินคนเขาพูดกันว่าโยมมากรุงเทพฯกับโยมประดิษฐ์ อาตมายอมรับว่าอาตมาก็แปลกใจ แล้วก็รู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนกัน แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุและปัจจัย อาตมาถึงได้รู้ความจริงว่า โยมมีเจตนาดีที่จะเข้ามาช่วยตามโยมน้องสาวกลับบ้าน โยมทำใจให้สบายเถอะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก"
"เรื่องพี่หลวยน่ากังวลกว่าเยอะเลยจ้า" ปื๊ดเสริมขึ้นมา
"ฉันแน่ใจว่าฉลวยต้องอยู่กับนายประดิษฐ์แน่นอนค่ะ เมื่อวานฉันตามไปดูถึงที่พักเขาแล้ว แต่ก็ไม่เจอตัว แถมยังปิดโทรศัพท์หนีอีกด้วย"
"โยมประดิษฐ์เขาคงไม่คิดร้ายกับน้องสาวอาตมาหรอกละมั้ง"
มาลินีสีหน้าลำบากใจ เพราะรู้สันดานประดิษฐ์ดี แต่ไม่อยากพูดให้พระไม่สบายใจ ปื๊ดถามแม่มาว่า เราจะไปตามหาพี่หลวยกันได้ที่ไหน มาลินีบอกว่า เดี๋ยวแม่มาจะกลับไปดูประดิษฐ์ที่คอนโดฯอีกครั้ง...ปื๊ดจะขอไปด้วย แต่มาลินีบอกให้ปื๊ดอยู่ดูแลหลวงพ่อที่นี่ดีกว่า เรื่องฉลวยแม่มาจัดการเอง ยังไงแม่มาก็ต้องหาตัวฉลวยให้เจอแล้วพากลับบ้านเรา
เวลาเดียวกันนั้น ประดิษฐ์พาฉลวยเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งผู้กำกับและทีมงานกำลังตระเตรียมการถ่ายหนัง ฉลวยแต่งตัวสวยหรูดูดี ฉีกยิ้มเป็นปลื้มที่จะได้เป็นนางเอกหนัง แต่พอรู้ว่าเขาจะถ่ายหนังโป๊ และฉลวยก็ต้องถอดเสื้อผ้าด้วย ฉลวยถึงกับปล่อยโฮไม่ยอมเล่น พร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องทุกคนปลกๆ แต่ไอ้ตัวเจ้าของหนังที่เป็นเพื่อนกับประดิษฐ์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เอาสัญญาที่ฉลวยเซ็นไว้เมื่อวานมาข่มขู่ ประดิษฐ์เลยต้องดึงฉลวยที่เอาแต่ร้องไห้ออกไปคุยอีกห้อง
ประดิษฐ์พยายามกล่อมฉลวยต่างๆนานา แต่ฉลวยก็ไม่เอาด้วย ร่ำร้องอยากกลับบ้านท่าเดียว
"ทำยังงั้นไม่ได้หรอกครับ ขืนเบี้ยวเขา เขาปรับเงินเป็นล้านๆเลย แถมยังอาจจะต้องติดคุกด้วย"
"พวกคุณหลอกให้หลวยเซ็นชื่อ"
"แหม กล่าวหากันยังงี้มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ หลอกอะไรกัน ก็คุณเองอยากเป็นดารา ผมช่วยให้คุณสมหวัง แล้วยังจะไม่รู้จักบุญคุณอีก เอาน่า กลั้นใจถ่ายๆไปเถอะ แป๊บเดียวก็เสร็จ จะได้รับทรัพย์ งานสบายๆแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะคุณหลวย นี่เขาคิดค่าตัวคุณให้เท่านางเอกดังๆเลยนะ ตั้งพันห้า ภาษีก็ไม่ต้องหัก ถ้าอายนักก็หลับตาก็ได้ ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก ผมให้เวลาทำใจห้านาที เดี๋ยวเจอกัน"
ประดิษฐ์ลุกออกไปทันที ฉลวยสะอึกสะอื้นหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ พลันฉลวยก็เหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือ ของประดิษฐ์ที่วางลืมไว้ ฉลวยรีบกดไล่เบอร์ดูจนพบเบอร์ ของมาลินี แล้วกดโทร.ออกทันที...มาลินีแปลกใจที่เห็นเบอร์โทร.ของประดิษฐ์ แต่พอกดรับกลายเป็นเสียงฉลวยร้องขอความช่วยเหลือ
อีกครู่ ประดิษฐ์นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือจึงกลับ เข้ามาหยิบมันไป โดยไม่เอะใจอะไรเลย...เมื่อได้เวลาฉลวยต้องเข้าฉาก ซึ่งพระเอกนอนเปลือยอกรออยู่แล้ว ฉลวยร้องไห้แทบเป็นแทบตายก็ไม่มีใครเห็นใจสงสาร ทันใดนั้นเอง มาลินีก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมปื๊ด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ" มาลินีออกคำสั่ง ฉลวยในชุดเสื้อคลุม รีบวิ่งเข้ามาหามาลินีด้วยความดีใจ ส่วนประดิษฐ์ตกใจหน้าเสีย ขณะที่ผู้กำกับงุนงงถามมาลินีว่า นี่มันอะไรกัน?
"แฟนผมเองครับพี่แก่" ประดิษฐ์เอ่ยขึ้น
"ใครเป็นแฟนคุณ พูดให้ดีๆนะ ไปฉลวย ไปกับฉัน"
"จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เด็กนั่นยังทำงานไม่เสร็จ" ผู้กำกับประกาศ มาลินีโต้ทันทีว่า ทำเรื่องอุบาทว์เลวทรามแบบนี้ ยังมีหน้าเรียกว่างานอีกเหรอ "แต่น้องเขาเซ็นสัญญาไว้แล้ว ขืนมันไม่ยอมทำงานให้อั๊ว อั๊วจะเรียกตำรวจ"
"ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนเรียกตำรวจ พวกคุณมันทำมาหากินผิดกฎหมาย ผลิตสื่อลามก แถมยังล่อลวงกักขังหน่วงเหนียวเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกด้วย รับรองได้ติดคุกหัวโตกันทั้งแก๊งแน่ ตำรวจกำลังมาด้วย ฉันเรียก 191 ไปแล้ว พวกคุณก็รู้ว่าตำรวจไทยฉับไวรับใช้ประชาชนขนาดไหน"
พวกกองถ่ายระส่ำระสาย เริ่มสยองขึ้นมาจริงๆ ประดิษฐ์จะโกยออกเป็นคนแรก อ้างกับเพื่อนว่าตนปวดท้องจะไปเข้าห้องน้ำ พูดจบก็วิ่งออกไปทันที แต่ต้องเบรกหัวทิ่ม เพราะพระลีนวัตรก้าวเข้ามาขวางหน้า
"จะรีบไปไหนล่ะโยม อยู่คุยกันก่อนสิ"
ประดิษฐ์หน้าซีด พวกทีมงานนึกว่าพระเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ รีบชี้แจงว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ถ่ายหนังกันเฉยๆ
"อาตมาเป็นพระจริงๆโยม ไม่ใช่ตำรวจ"
"อ้าว...ปัดโธ่" ผู้กำกับทำท่าฉุนๆ
"ต้องเป็นตำรวจเท่านั้นเหรอ โยมถึงจะกลัว อาตมาว่าสิ่งที่พวกโยมน่าจะกลัวมากกว่าอะไรทั้งนั้นก็คือบาปที่พวกโยมกำลังก่อขึ้นมามากกว่า"
"บาปเบิบอะไรกันหลวงพี่ พวกผมต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง งานของพวกผมมันสร้างความสุขชื่นมื่นให้ใครต่อใคร แล้วมันจะเป็นบาปได้ไง มันเป็นงานศิลปะนะหลวงพี่"
"ศิลปะต้องทำให้คนที่ได้เสพเกิดความสุข สงบเกิดสติปัญญา ไม่ใช่งานที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์ให้ต่ำอย่างที่พวกโยมกำลังทำกันอยู่ โยมอย่าเอาคำว่าศิลปะมาอ้างหน่อยเลย แล้วการที่พวกโยมล่อลวงข่มเหงจิตใจคนอื่นอย่างนี้ พวกโยมคิดว่ามันถูกต้องเหมาะสมแล้วงั้นเหรอ พวกโยมนึกถึงจิตใจคนอื่นเขาบ้างไหม"
"เขาอยากเป็นดาราเองนะครับหลวงพี่"
"โยมอย่าปฏิเสธเลยว่า โยมไม่ได้หลอกลวงเขา บาปกรรมมีจริงนะโยม โยมลองคิดดูเถอะว่าถ้าเรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นกับญาติพี่น้องคนที่โยมรักบ้าง โยมจะรู้สึก
ยังไง...ยังไม่สายเกินไปหรอกนะโยม ถ้าจะกลับตัวกลับใจ คิดซะใหม่เถอะโยม ใช้ความรู้ความสามารถที่พวกโยมมีมาสร้างสรรค์ผลงานที่จะช่วยกันทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม คิดแต่สิ่งดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะแซ่ซ้องสรรเสริญ พวกโยมคิดกันดูเถอะนะ ว่าอะไรคือความสุขแท้ ของชีวิตกันแน่"
ผู้กำกับและทีมงานซึ้งจิต สงบปากสงบคำลง ประดิษฐ์ ฉวยจังหวะนี้วิ่งหนีออกมาหน้าบ้าน เปิดประตูรถจะขึ้น แต่ยังไม่ทันจะปิดประตู มาลินีเอื้อมมือมาดึงกุญแจรถออกไป
"คิดจะหนีงั้นเหรอ"
"ดิ๊กไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมดิ๊กต้องหนีด้วย ยัยหลวยมันคันขอตามดิ๊กมากรุงเทพฯเอง ช่วยไม่ได้ แล้วเรื่องเล่นหนัง นี่ดิ๊กก็ไม่เกี่ยว มันโง่ไปเซ็นสัญญาของมันเอง ไม่เชื่อก็ถามเด็กมันดูซิ"
"มาถึงขนาดนี้แล้วยังกล้าพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดอีกเหรอ ลูกผู้ชายจริงๆเลยนะคุณ" มาลินีด่านิ่มๆ แล้วเดินกลับเข้าบ้านทันที ปรากฏว่าข้างในนั้น ทีมงานทั้งหมดนั่งพนมมือซาบซึ้งในรสพระธรรมของพระลีนวัตร ฉลวยเองก็ก้มกราบขอโทษหลวงพี่ที่ตัวเองทำให้ทุกคนพลอยลำบาก
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรื่องแย่ๆที่มันเกิดขึ้น ก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนสำหรับชีวิตก็แล้วกัน"
"หลวยคิดถึงแม่ หลวยอยากกลับบ้านเราที่สุดเลยจ้ะ" ฉลวยร้องไห้กระซิก มาลินีขยับมากอดปลอบฉลวย จากนั้นมาลินีก็พาพระลีนวัตร ปื๊ด และฉลวยกลับบ้านด้วยรถยนต์ ของเธอ
แม่ปุยดีใจ โล่งใจเมื่อเห็นฉลวยกลับมาอย่างปลอดภัย สองแม่ลูกกอดกันทั้งน้ำตา
"เอ็งไม่เป็นไรใช่ไหม แม่ใจคอไม่ดีเลยลูกเอ๊ย ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ แม่จะขาดใจตายรู้ไหม"
"หนูขอโทษจ้ะแม่ หนูมันอวดดี ไม่ยอมฟังแม่ ไม่เชื่อหลวงพี่ หนูเสียใจ หนูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว แม่ยกโทษให้หนูด้วยนะ" แม่ปุยพยักหน้ารับ และเช็ดน้ำตาให้ลูก "หนูรู้แล้วว่าไม่มีที่ไหนจะสุขสบายแล้วก็ปลอดภัยเท่าบ้านเราอีกแล้วจ้ะแม่"
พระลีนวัตรยิ้มพอใจที่น้องได้คิด ฝ่ายมาลินีก็โล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
"ขอบใจนะโยมที่ช่วยเป็นธุระให้ ถ้าไม่ได้โยม อาตมาก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจะจบลงยังไง"
"ฉลวยก็เหมือนน้องสาวของฉันคนนึงค่ะท่าน ยังไง ฉันก็ต้องดูแลแกเต็มที่"
"กรุงเทพฯนี่มีแต่คนไม่ดีนะจ๊ะแม่มา"
"พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะจ๊ะปื๊ด ทุกที่มีทั้งคนดี คนเลวอยู่ปะปนกันทั้งนั้นแหละ มันอยู่ที่เราต่างหากที่ต้องรู้ให้เท่าทัน ต้องมีสติแยกให้ออกว่าอะไรดีอะไรเลว ใครควรคบหรือไม่ควรคบ ที่ไหนควรไปหรือไม่ควรไปมากกว่า"
"แล้วอย่างคุณประดิษฐ์นี่เป็นคนไม่ควรคบอีกต่อไปแล้วใช่ไหมจ๊ะแม่มา"
มาลินีรู้สึกโดนใจกับคำถามของปื๊ด พระลีนวัตรมองออก ปรามปื๊ดว่าถามอะไรอย่างนั้น โยมเขาจะอึดอัดใจ เปล่าๆ
"ไม่หรอกค่ะท่าน คนอย่างประดิษฐ์ฉันถือว่าเขาเป็นครูคนนึงของฉันค่ะ"
"เป็นครูได้ยังไงจ๊ะแม่มา คนนิสัยไม่ดียังงั้น" ปื๊ดท้วง
"ก็เขาได้ทำนิสัยไม่ดีให้เราได้เห็น ให้เราได้รู้ว่ามันน่ารังเกียจขนาดไหน เราจะได้ไม่ทำอย่างเขาไงจ๊ะปื๊ด"
"อ้อ ปื๊ดเข้าใจแล้วจ้า...หลวงพ่อยิ้มอะไรจ๊ะ"
"เป็นพระไม่ได้ห้ามยิ้มซะหน่อยนี่หว่า"
"แล้วเป็นพระพูดหว่าได้ด้วยเหรอจ๊ะ"
พระลีนวัตรเก้อเพราะจนมุมเจ้าปื๊ดเข้าแล้ว มาลินีเห็นภาพความน่ารักของทั้งคู่แล้วก็อดขำไม่ได้


ooooooo


หลังจากผิดแผนจนได้เสียกับประดิษฐ์โดยที่พ่อไม่รู้ เช้าวันนี้ปทุมมีอาการโอ้กอ้ากจนพ่อตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนอาการคนท้อง จากนั้นก็พาลูกสาวไปตรวจให้แน่ใจ ซึ่งผลออกมาว่าปทุมท้องจริงๆ
ออกจากโรงพยาบาล ผู้ใหญ่โหมดก็พาปทุมไปพบแม่ปุยที่บ้านพร้อมกับหลักฐานการตรวจจากหมอเพื่อเป็นการยืนยันว่าปทุมท้องจริง แม่ปุยตกใจแทบช็อก ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่โหมดมาบอกจะเป็นความจริง ขณะที่ปทุมก็เอาแต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรสักคำ แถมยังก้มหน้า ก้มตาตลอดเวลา
มาลินีเองพอรู้ข่าวนี้ก็นิ่งอึ้งไปหลายนาที กว่าจะบอกกับพินได้ว่าไม่จริง ฉันไม่เชื่อ...
"โธ่คุณ...คนเขารู้กันไปทั้งคลองหมาหอนแล้ว แม่ปุยน่ะน่าสงสาร เป็นลมหลายตลบ เพราะไอ้หน้าบากโหมดน่ะมันประกาศว่าเป็นตายยังไงมันก็ต้องสึกพระให้ออกมารับผิดชอบลูกสาวมันให้ได้วันนี้แหละค่ะ" มาลินีอื้ออึ้งพูดไม่ออก "ทีแรกพินก็ไม่เชื่อเหมือนกันนะคะคุณ แต่เขาว่าไอ้โหมดมันมีหลักฐาน ไม่ต้องรอตรวจดีเอ็นเอให้เสียเวลาหรอก โถ...พระคุณเจ้าของพิน นี่คงจะไปพลาดท่าอีนังบ้านั่นตั้งแต่ก่อนบวช...ไม่น่าเลย...อ้าว แล้วนั่นคุณมาจะไปไหนคะ"
"ฉันเองก็ต้องการรู้ความจริงเหมือนกัน"
"ความจริงจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันเถอะค่ะคุณ คุณเป็นคู่หมั้นคู่หมายของท่าน แต่อีนังนั่นมันแค่ดอกไม้ริมทาง ไม่เห็นต้องไปสนใจมันเลย"
"พูดยังงั้นมันก็ไม่ถูกหรอกนะพิน อะไรมันก็ไม่สำคัญเท่าความรับผิดชอบ ถ้าเขามีอะไรกันจนเด็กเกิดขึ้นมาแล้วยังงี้ ยังไงท่านก็ต้องรับผิดชอบ ชีวิตเด็กคนนึงสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้นนะพิน"
จากนั้นมาลินีรีบไปสมทบกับคนอื่นๆที่วัด ซึ่งกำลังรอดูหลักฐานสำคัญของผู้ใหญ่โหมดที่ต้องการจะสึกพระลีนวัตรเพื่อให้มารับผิดชอบต่อปทุมและเด็กในท้อง แต่พอคลิปวีดิโอที่ทองใบเป็นคนถ่ายถูกเปิดเผยออกมาผ่านจอโทรทัศน์ ท่ามกลางสายตาผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ผู้ใหญ่โหมดและปทุมถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้ม รีบสั่งทองใบปิดเดี๋ยวนี้...แล้วครู่ต่อมา ประดิษฐ์ที่ยังอยู่กรุงเทพฯก็ได้รับการติดต่อจากมาลินีให้รีบเดินทางมาสุพรรณฯ ประดิษฐ์ หลงดีใจว่ามาลินีให้อภัย เข้าใจในตัวเขาแล้ว จึงแทบจะบินมาทันที แต่แล้วเมื่อมาถึงบ้านมาลินี ประดิษฐ์ก็เจอแข้งของผู้ใหญ่โหมดเข้าเต็มๆ ตามด้วยบาทาของสมุนผู้ใหญ่โหมดอีกชุด และถ้าปทุมไม่เข้าห้ามไว้ ประดิษฐ์อาจบาดเจ็บถึงขั้นคางเหลือง ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน
หลังชำระความกับลูกเขยที่ได้มาแบบไม่เต็มใจ... ผู้ใหญ่โหมดและปทุมก็พากันไปกราบขอโทษพระลีนวัตร พร้อมกันนี้ก็รับฟังท่านเทศน์ธรรมะดีๆ ทำให้ได้คิดกลับตัว กลับใจเป็นคนดีมีศีลธรรมกับเขาบ้าง
พินกับทองใบหวนกลับมาคืนดีกัน เพราะไม่ว่าพินจะตั้งเงื่อนไข หรือข้อแม้อะไรที่ทองใบต้องปรับปรุงตัวหลายอย่าง ทองใบก็รับได้หมด ขณะที่คู่ของเหว่ากับเฉลาก็ชื่นมื่นไม่แพ้ใคร เหว่าพากเพียรจนเรียนจบ กศน. แล้วยังคิดจะเรียนต่อปริญญาตรีเอาให้โก้เหมือนผู้ใหญ่ลี จากนั้นค่อยคิด เรื่องแต่งงานกับเฉลา...ส่วนฉลวยก็มุ่งมั่นไปสอบเข้ามหา-วิทยาลัยในจังหวัดเป็นผลสำเร็จ ยังความชื่นใจให้กับแม่ปุยนักหนา
ขณะที่ใครต่อใครเขามีความสุข แต่คนที่กำลังทุกข์หนักก็คือประดิษฐ์ ประดิษฐ์ต้องรับผิดชอบปทุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังถูกสองพ่อลูกโขกสับใช้งานสารพัด ราวกับข้าทาสก็ไม่ปาน...


อยู่มาวันหนึ่ง มาลินีใจคอไม่ดีเมื่อไม่เห็นพระลีนวัตรออกบิณฑบาต เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินว่าท่านอาจจะออกธุดงค์กับหลวงพ่อ ครั้นมาลินีไปสอบถามจากพระลูกวัด และรู้ว่าหลวงพ่อท่านออกธุดงค์ไปแล้ว มาลินีรู้สึกใจแป้ว กลับออกมาด้วยความน้อยใจที่พระลีนวัตรไปโดยไม่บอกกล่าว
แต่สิ่งที่มาลินีคิดนั้นผิดถนัด ลีนวัตรแอบสึกโดยไม่บอกเธอต่างหาก กระทั่งเธอเดินมาพบเขากลางทุ่งนาในสภาพของหุ่นไล่กา มาลินีหาว่าลีนวัตรเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งเธอนัก ลีนวัตรยิ้มกริ่ม ย้อนถามเธอว่า "ผมไปแกล้งอะไรคุณมาครับ"
"อย่างนี้ยังไม่เรียกว่าแกล้งอีกเหรอ แล้วยังหลอกคนอื่นเขาอีกว่าออกธุดงค์ไปกับหลวงพ่อแล้ว"
"ไม่แกล้งแล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าคุณมารักผมแค่ไหน"
"คนบ้า...พูดออกมาได้ไม่อายปาก"
"หลวงพ่อสึกให้ผมตั้งแต่เมื่อวานแล้วก่อนท่านออกธุดงค์ครับ"
เมื่อถูกเธอถามว่า ทำไมไม่ธุดงค์ตามหลวงพ่อไป ลีนวัตรก็ตอบยิ้มๆว่า หลวงพ่อท่านห้ามไว้ เพราะท่านรู้ว่าทิดลีนวัตรอยากแต่งเมียจนจะทนไม่ไหวแล้ว มาลินีเขินอาย แต่ก็ยอมให้เขารวบตัวมากอดโดยดี หลังจากนั้นไม่นานสองคน ก็แต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ มาลินีใช้ชีวิตชาวนาด้วยความเต็มใจ และรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ลงมือทำนาเองทุกขั้นตอน โดยมีลีนวัตรเป็นผู้นำและอยู่เคียงข้างกันเสมอ
"ฉันภูมิใจจังเลย ทุกอย่างที่เห็นมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเราแท้ๆ ขอบคุณนะคะผู้ใหญ่ลี"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับคุณมา"
"ฉันภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินผืนนี้ แล้วก็ภูมิใจที่สุดที่จะบอกใครต่อใครว่าฉันเป็นชาวนา เป็นคนทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เพื่อปลูกข้าวเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนทั้งโลกนี้ค่ะ"
"ผมก็ต้องขอบคุณคุณมาเหมือนกันครับ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว พูดอยู่ทุกวัน ฟังจนเบื่อแล้วค่ะ"
"แต่ผมไม่เบื่อที่จะพูดนี่ครับ ว่าผมรักคุณมา...รักคุณมา...รักคุณมา..."
มาลินีหัวเราะสดใส...สองคนผัวเมียหยอกล้อกันไป ทำงานกันไปอย่างมีความสุข

อวสานค่ะ

เครดิต //www.thairath.co.th



Create Date : 10 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 12:54:27 น. 10 comments
Counter : 1440 Pageviews.

 
สุขจริงๆ ขอบคุณจ้า


โดย: พา IP: 119.31.9.135 วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:22:15:58 น.  

 
ทำไม่จบไวจังกำลังนุกเลย


โดย: คนโสด IP: 117.47.128.26 วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:14:08:36 น.  

 

ทำไม่จบไวจังกำลังนุกเลย
อยากให้น้องปอกับน้องพลอยแสดงคู่กันอีกเด้อ


โดย: คนโสด IP: 117.47.128.26 วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:14:09:58 น.  

 
ว๊าจบซะแระ


โดย: babbbirdbird วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:19:24:49 น.  

 
สนุกจังเลยรักกุ๊กกิ๊ก น่ารักๆ ไม่น้ำเน่า
มีสาระดีมากๆ


โดย: 1 IP: 118.173.248.250 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:05:25 น.  

 
อยากเป็นลีนวัตรจัง
จะได้มีความสุข 555


โดย: sad IP: 203.144.180.65 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:14:48:49 น.  

 
โดนจัยมากๆๆเลยสุดยอด


โดย: นกเล็ก IP: 125.25.114.251 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:36:21 น.  

 
ดูแล้วสนุกเพลิดเพลินทำมั๊ยจบไวจังกำลังสนุก



โดย: บีม IP: 114.128.14.12 วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:15:53:35 น.  

 
อยากดูเป็นคลิบอ่ะ


โดย: เด่น IP: 58.11.41.90 วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:15:49:58 น.  

 
อ่านแล้วสนุก


โดย: คิว IP: 58.9.162.30 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:19:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com