เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 เมษายน 2553
 

หนีห่าวหนาวสุด ๆ ในจิมซาจุ่ย

หนีห่าวหนาวสุด ๆ
มีโอกาสได้ไปทำงานและไปเที่ยวฮ่องกงเมื่อต้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา อากาศในช่วงนั้นมีฝนตกโปรยปาย แต่หนาวสุด ๆ (ทั้งลมทั้งฝนมาชนกัน)
ตรงข้ามกับบ้านเราที่ร้อนสุด ๆ ฉุดไม่อยู่


เราไปตั้งแต่วันที่ 5 - 10 มีนาคม 2553 ได้ไปทำงานพอดีที่ฮ่องกงมีงาน Jewelry fair 2010 ใหญ่มาก (ใหญ่กว่า Bangkok gems and Jewelry)
ย่านที่เราไปพักกันอยุ่แถว ถนนนาธาน (แขกเยอะมากไม่รู้มาจากไหนต่อไหน แต่ที่สังเกตการณ์ดูน่าจะมาจากอินเดียมากสุด)
ก่อนมาฮ่องกงก็ได้ดูสภาพดินฟ้าอากาศก็พยากรณ์ว่าจะมีฝนตกและอากาศเย็น ก็เลยเตรียมเสื้อกันหนาวกันไปเผื่อไว้ ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ กัปตันก็ประกาศว่าเราใกล้จะถึงฮ่องกงแล้วในอีก 15 นาที กัปตันจะนำเครื่องลงที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง เราถึงฮ่องกงประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ตามเวลาที่ฮ่องกง พอลงเครื่องบินก็ต้องนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อที่จะเข้าไปตัวสนามบิน และก็ไปด่านตรวจคนเข้าเมือง (เก๋สุด ๆ ) สนามบินนานาชาติฮ่องกงใหญ่มาก (ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิ) ใช้เวลาในการรอและตรวจเอกสารต่าง ๆ ก็ประมาณเกือบ 1 ชม. ที่นานเพราะคนเยอะมาก แต่เราตรวจหนังสือเดินทางแค่ 2-3 นาทีเอง จากนั้นเรากับหวานใจก็ออกจากสนามบินหารถที่จะเข้าไปจิมซาจุ่ย ถนนนาธาน ซึ่งโรงแรมที่เราจะพักอยู่ในละแวกนี้ จิมซาจุ่ยอยู่ฝั่งเกาลูน ใช้เวลาในการเดินทางจากสนามบินถึงจิมซาจุ่ยก็ประมาณ 1 ชม. รถเค้าทันสมัยมาก ค่าโดยสารคนละ 33 เหรียญ ( 1 เหรียญประมาณ 4.50 บาท) รถที่เราขึ้นสาย 21 กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เกือบ 5 ทุ่ม ไม่มีเวลาทำอะไรแล้วนอกจากอาบน้ำและก็นอน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ เฮ้อเหนื่อยจัง
ห้องที่เราพักเป็นห้องเล็ก ๆ แต่ราคาแพงจัง ตกคืนละ 40 us หวานใจบอกที่ฮ่องกงแพงทุกอย่าง พัก 5 คืนก็ 200 us (5 คืน ก็รวมแล้ว 6,600 บาท) แพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีกครับพี่น้อง

เช้าวันที่ 6 มีนาคม 2010 เราก็ตื่นแต่เช้าประมาณ 7 โมงกว่า ๆ อากาศดีกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่เย็น เรากับหวานใจก็ออกจากโรงแรมเพื่อที่จะไป The Hongkong Convention and Exhibition Centre เพราะการมาในครั้งนี้หวานใจจะมาทำงานด้วย Hall ที่ว่านี้มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ชั้นที่จัดงาน Gems and Jewellery มีทั้งหมด 4 ชั้น กว้างมากใหญ่มาก บู๊ทที่มาออกงานมีเยอะมากกว่า 5000 บู๊ท เห็นจะได้ ไหน ๆ ก็ มาแล้วก็เลยช่วยกันทำมาหากินซะเลย ในงานคนเยอะมากคิดว่าวัน ๆ นึงไม่น่าจะต่ำกว่า 2-3 หมื่นคน ถ้าขึ้นไปอยู่สักชั้น 5 ของอาคารจะมองเห็นเมืองฮ่องกงได้สบาย ๆ เออศูนย์แสดงงานอยู่ที่ฝั่ง Central Hongkong แต่เราพักอยู่ฝั่งเกาลูน เวลาเดินทางให้ง่ายและสะดวกที่สุดคือนั่งเรือเฟอรี่ข้ามฝั่งสบาย ๆ ค่าโดยสารคนละ 3 เหรียญ คนที่ฝั่งเกาลูนส่วนใหญ่ถ้าจะไป Central Hongkong ก็จะใช้บริการเรือเฟอรี่มากกว่าที่จะใช้บริการรถบัส รถบัสที่อ่องกงก็มาตรงเวลานะคะ ไม่เหมือนบ้านเรานะนึกจะมากี่โมงก็มา คำว่ารถขาดระยะที่ฮ่องกงไม่มีค่ะ ทุกอย่างเป็นระเบียบและเป็นเวลา

วันที่ 7- 9 อากาศที่ฮ่องกงหนาวมากมีฝนตกพร่ำ ๆ ทั้งวัน แต่เราก็ต้องไปที่งานกันทุกวัน จะกลับมาที่พักก็ประมาณ 5 โมงเย็น และทุกเย็นเราก็จะไปเดินเล่นหาซื้อของกิน ช้อปปิ้งกันแถวจิมซาจุ่ย
ค่ำวันที่ 9 ก็ไปเดินซื้อของกันราคาของบางอย่างก็ถูกกว่าบ้านเรา จำพวกของ Brand Name ที่มีต้นกำเนินในฮ่องกงก็จะถูกกว่าบ้านเราครึ่งนึงเลย เราได้เสื้อและหวานใจได้เข็มขัดหนังของ Giodano มา พอมาดูราคาที่กรุงเทพต่างกันมาก เสียดายจริง ๆ น่าจะซื้อมามากกว่านี้ (555)

เออลืมไปคืนวันที่ 8 เราหนีหวานใจไปช้อปปิ้งคนเดียว ก็เดินแถว ๆ ที่พักไปไหนไม่ไกลกลัวหลง เพราะถนนตัดเยอะมาก ๆ ก็ได้ของฝากมาพอสมควรแต่ยังไม่สะใจนักช้อปอย่างฉัน คืนนี้ก็ขอช้อปอีกสักรอบได้ของมาเพียบ เงินที่หวานใจให้ไว้ 100 us หมดเกลี้ยงค่ะ จะขอเพิ่มก็เกรงใจ เพราะทริปนี้ประหนึ่งว่าไปกับโออิชิยังไงยังงั้น หวานใจออกให้หมด (555) สบายจังตังอยู่ครบ ของส่วนใหญ่ที่ซื้อก็จะเป็นของกินของฝาก และก็เครื่องสำอางต่าง ๆ วิตามินเม็ด ๆ ที่ไว้ทาหน้าราคาไม่แพงอย่างที่คิดแถม Made in Usa อีกต่างหาก จัดไป 4 กระปุก (กระปุกละ 15 เหรียญ) และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าต่าง ๆ มากมาย คืนนี้ก็กลับมาห้องพักเกือบ 5 ทุ่ม เพลิดเพลินกับการช้อปมาก ๆ ขอบคุณหวานใจที่ไม่บ่นนะคะ
ว้าพรุ่งนี้แล้วสินะที่จะต้องกลับเมืองไทยและ เราไปกันไฟล์แต่เช้าต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 แล้วคิดดูดิว่าอากาศก็หนาวมาก ๆๆๆ แต่ต้องตื่นตี 4 บ๊ายบายการอาบน้ำค่ะใครจะไปทนหนาวไหว ให้มีน้ำอุ่นก็เหอะ ไม่เอาด้วยคนค่ะ เสร็จสรรพออกมารอรถที่ท่ารถตอนตี 4 ครึ่ง รถมาประมาณ 4.45 น. ปรากฏว่าไม่ได้ขึ้น อันเนื่องจากเรากับหวานใจเตรียมเงินไม่พอดีกับค่าโดยสาร เป็นอันว่าต้องรอคันใหม่ ขนาดหวานใจบอกว่ารอแป๊ปนึงเดี๋ยวลงไปแลกเงิน คนขับก็บอกว่าไม่รอ (น้ำใจอะมีมั้ย) โอเคไม่เป็นไรรอคันใหม่ก็ได้ พอดีตรงที่รอรถมีร้านขายของชำเล็ก ๆ อยู่ เรากับหวานใจจะขอแลกเงินไม่ให้แลกค่ะขนาดบอกว่าหักเงินไปก็ได้ก็ไม่ให้แลก เค้าบอกว่าต้องซื้อของเขา เอาซื้อก็ซื้อ (น้ำใจอ่ะมีมั้ย ภาค 2) รอกันไปอีก 20 นาที หนาวมาก หนาวแบบสุด ๆ ทั้งยังมีลมพัดผ่าน ปากนี่แตกสุด ๆ เพราะลมหนาว หวานใจไข้ขึ้นค่ะ ก็นั่งรถไปสนามบินประมาณ 1 ชม. คิดว่าที่ฮ่องกงทุกอย่างคือการตรงต่อเวลา แต่สิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นในฮ่องกงคือความมีน้ำใจของคนที่นั่น หาได้ยากมาก ก็ขึ้นรถไปพอใกล้ถึงเราก็ไม่รู้ว่าต้องลง terminal ไหน ก็มีหนุ่มอินเดียบอกลง terminal 1 เอาลงก็ลง ปรากฏว่าไม่ใช่ค่ะสายการบินที่เราต้องขึ้นอยู่ที่ terminal 2 เดินกันเป็นกิโล เหนื่อยมาก แล้วอากาศมันหนาวขาก็ก้าวไม่ค่อยออก ก็มายินรอเช็คตั๋วเครื่องบินประมาณครึ่งชั่วโมง
ใช้เวลาแป๊ปเดียวในการตรวจหนังสือเดินทางไม่ถึง 5 นาที จากนั้นเราก็เดินดูของใน duty free กัน หวานใจได้น้ำหอม calvin klein มา 1 ขวด ตกราคาประมาณ 2 พันกว่าบาท ถูกกว่าบ้านเรานิดหน่อย แต่กว่าจะเดินไปถึงเกทที่เราจะขึ้นเครื่องนี่ดิเดินไกลมาก ไม่น่าจะต่ำกว่า 1 กิโล เราไปรอขึ้นเครื่องที่เกท 43

เครื่องออกประมาณเกือบ 9 โมง เพราะรอผู้โดยสาร เที่ยวบินนี้ผู้โดยสารเยอะมาก มีทัวร์จากฮ่องกงมาเที่ยวเมืองไทยเยอะอยู่เหมือนกันจากที่สังเกตการณ์ เที่ยวกลับนี้ไม่ได้กินข้าว แต่ได้กินขนมปังของ in and out แทน ก็เป็นเบอเกอรี่ของโออิชิเค้าแหล่ะก็อร่อยดีค่ะ หวานใจไม่กินสุดท้ายก็เป็นของฉันอยู่ดี ในขณะขึ้นเครื่องกลับ หวานใจเกิดไข้ขึ้นประกอบกับอาการภูมิแพ้ที่เป็นอยู่แล้วด้วย เลยต้องดูแลกันไปค่ะ ขอยาแก้ไข้บนเครื่องบิน จนจะถึงเมืองไทยอีกสักครึ่งชั่วโมงถึงจะได้กิน แต่ก็ขอบคุณมากค่ะ (ไม่ผิดหวังกับบริการของ โอเรียนไทย หวังว่าโอกาสหน้าเราจะใช้บริการคุณอีกถ้าได้ราคาตั๋วเท่านี้ 555)
เครื่องบินมา landing ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 11 โมงกว่า ๆ บ้านเรา ก็ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเผอิญช่องคนไทยมีคนน้อยเลยใช้เวลาสัก 2-3 นาทีก็เป็นอันเสร็จสำหรับเรา แต่หวานใจนี่ดิคนต่างชาติ คนเข้าประเทศเยอะ เลยต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาที ก็เลยมารอกันที่รอรับกระเป๋า หลังจากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับกันสบาย ๆ ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ หวังว่า กันยายน 2010 เราคงจะได้เจอกันอีกนะฮ่องกง (หนีห่าว หนาวสุด ๆ)
***มือใหม่หัดเขียน***


Create Date : 08 เมษายน 2553
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 16:27:46 น. 5 comments
Counter : 1480 Pageviews.  
 
 
 
 
มือใหม่หัดเขียนให้ปาย 99%ละกัน
อ่านได้ความรู้หลายช่วงหลายตอน
ทำให้นึกถึงตอนตัวเองเจออะไรคล้ายๆ
แบบนี้
ไม่มีคนที่ไหนน่ารักเหมือนคนไทยแล้ว
(พูดไรผิดปะนี่ 555)
 
 

โดย: พี่ด๊อะ (ndystyle ) วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:15:51:58 น.  

 
 
 
คนที่มาเม้นคนที่สองครับ
 
 

โดย: nuyect วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:16:52:16 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ
 
 

โดย: sitafighting วันที่: 8 เมษายน 2553 เวลา:18:00:43 น.  

 
 
 
หนีห่าว แปลว่า สวัสดี ซึ่งเปนภาษาจีนกลางค่ะ

ถ้าฮ่องกง ซึ่งพูููดจีนกวางตุ้ง ต้องใช้คำว่า เนโหว ค่ะ ^^
 
 

โดย: aFzii IP: 203.218.48.24 วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:18:16:55 น.  

 
 
 
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับคำทักทายที่ถูกต้อง
 
 

โดย: sita IP: 192.168.0.59, 202.143.166.242 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:15:43:27 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com