เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

<<
มีนาคม 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 มีนาคม 2562
 

หนาวนี้ที่ Korea : Seoul-Chuncheon- Incheon- Suwon

4-10 Dec 2018
Day 1 : Seoul Day
โซล ชุนชอน อินชอน ซูวอน คือจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ เราใช้ชีวิตอยู่กับความหนาวสั่น ทั้งหมด 6 วัน ออกเดินทางคืนวันที่ 4 ด้วยสายการบิน Jin Air เครื่องลำใหญ่ แถวที่นั่งแบบ 3-4-3 นั่งสบาย ๆ โหลดกระเป๋าได้ 15 กก. ถือขึ้นเครื่องได้ 12 กก. มี Snack Box และน้ำดื่มแจกบนเครื่องจร้า ใช้เวลาในการเดินทางจากสุวรรณภูมิถึงอินชอนประมาณ 5 ชม. ครึ่ง ผ่านเข้า ตม.เกาหลีแบบสวยงาม ถามเราคนแรกแค่มากันกี่คน บอกเลยจร้า 6 คน ผู้ใหญ่ 4 วัยรุ่น 1 เด็กอีก 1 ทุกคนผ่านไปแบบไม่มีคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น ใครว่า ตม.เกาหลีโหดร้าย เราว่าใจดีจะตายไป






เรามาถึงมาถึงสนามบินอินชอนกันประมาณตี 5 ครึ่ง ใช้เวลาเดินมา ตม. ตรวจหนังสือเดินทาง รอรับกระเป๋า รวม ๆ แล้วไม่น่าจะเกิน 1 ชม. จากนั้นก็เดินหาเคาน์เตอร์รถบัสเข้ามา โซล เราจองที่พักในย่านเมียงดง รสบัสมาเมียงดงจะมีอยู่ 2 สาย คือ 6001 กับ 6015 พวกเราขึ้น 6015 เพราะรถสายนี้มาก่อน ค่าเสียหายคนละ 14,000 วอน เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ฟรีจร้า ใช้เวลาจากอินชอนมาโซล น่าจะประมาณ 1 ชม. ครึ่ง พอขึ้นรถกันได้ต่างคนต่างหลับ ตื่นมาอีกทีก็เข้าโซลแล้ว ป้ายเมียงดงเป็นป้ายที่คนลงเยอะสุด ไม่ต้องกลัวหลงเลยจร้า
จากนั้นได้เวลาตามหาโรงแรมหาไม่ยาก แต่บอกก่อน Google Map ในแบบเดิน ใช้ที่เกาหลีไม่ได้นะเธอ ไม่มีเส้นทางบอกจร้า ต้องโหลดแอฟ Naver มาใช้ แต่ก็ใช้แบบงง ๆ (555) ด้วยเคยมาพักในย่านนี้เมื่อรอบที่แล้วเลยทำให้จำทางและหาโรงแรมได้ไม่ยาก แล้วแผนที่โรงแรมบอกค่อนข้างละเอียด เดินจากป้ายรถเมล์มาโรงแรมประมาณ 5 นาที ง่ายสุด ๆ พวกเราเลือกพักกันที่ Myeongdong Rooftop Hostel เช็คอิน เก็บกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมลุยหนาว มาเที่ยวเกาหลีช่วงนี้อุณหภูมิความหนาวที่เราเจอคือติดลบทุกวัน หนักสุดคือ -12 ใส่เสื้อจัดไป 4 ชั้น กางเกงนี่ 2-3 ชั้น บางวันหนาวมาก ๆ ต้องซื้อ Hot Pack ช่วยไม่นั้นเดินเที่ยวไม่ได้เลยจริง ๆ
วันแรกที่มาถึงโซลอย่างแรกที่ต้องทำคือ กิน เช้านี้เลยพากันไปกินอาหารแบบเกาหลี้เกาหลี ร้านเล็ก ๆ มีโต๊ะอยู่ประมาณ 6-7 โต๊ะ แต่ร้านน่าจะมีชื่อเสียงอยู่นะ มีรูปดาราเซเลป ยืนยันความอร่อย






อิ่มแล้วได้เวลาออกเที่ยว ที่แรกที่ไปคือ Gyeongbokgung Palace วิธีเดินทาง Myeongdong Station (สายสีฟ้า) มาลง Chungmuro Station (เปลี่ยนสายสีส้ม) มาลง Gyeongbokgung Station ออก Exit 5 ค่าเข้าชมคนละ 3,000 วอน วัยรุ่น 1,500 วอน เด็กฟรี










ชื่นชมในสถาปัตยกรรมอันงดงามไปแล้ว ความหิวก็มารบกวนเราอีกจนได้ มื้อบ่ายนี้เลยจัดแบบง่าย ๆ แนว ๆ Korean Street Food แต่เป็น Street Food แบบมีร้านมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกินนะเธอ ทุกเมนูที่จัดมาอร่อยทุกอย่าง




ชิมกันพอหอมปากหอมคอก็ไปต่อกันยาว ๆ ที่ Bukchon Hanok Village : Gyeongbokgung Station สายสีส้ม มาลง Anguk Station Exit 2 หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village) เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาหลี ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัยของกรุงโซลนั้น หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงรักษาอาคารบ้านเรือนในสมัยโบราณ มีกลิ่นอายของเกาหลีในยุคเก่าแก่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ภายในหมู่บ้านมีอาคารแบบดั้งเดิมของเกาหลีกว่า 100 หลัง (รูปแบบบ้านแบบดั้งเดิมของเกาหลีเรียกว่า ฮันอก(hanok)) ซึ่งเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยโชซอน ส่วนชื่อ บุคชอน(Bukchon) แปลว่าหมู่บ้านทางตอนเหนือ ซึ่งตั้งตามตำแหน่งที่อยู่ทางทิศเหนือของสถานที่สำคัญ 2 แห่งของกรุงโซล คือ คลองชองกเยชอน(Cheonggyecheon Stream) กับ จงโร(Jongno) (ข้อมูลจาก https://www.chilloutkorea.com/bukchon-hanok-village/)






เดินกันได้ไม่ไกลต้องถอยทัพก่อน เพราะหนาวมาก ๆ จาก Bukchon Hanok Village เราก็เดินต่อกันไปที่ In-sa Dong Shopping Street ซึ่ง In-sa Dong ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นย่านเก่าแก่ที่สำคัญของเมืองโซล ประกอบด้วยถนนหลักอินซาดงและมีตรอกซอกซอยแยกออกไปทั้งสองข้างทาง ภายในตรอกเป็นร้านอาหารแบบดั้งเดิม โรงน้ำชา ร้านกาแฟ และแกลเลอรี่ (ข้อมูลจาก : https://www.chilloutkorea.com/insa-dong/)





จาก In-sa Dong Shopping ก็กลับมาที่พักในย่าน Myeongdong เพื่อพักร่างสักนิดจากการเดินทางและเดินเที่ยว ประมาณหกโมงครึ่งก็ได้เวลาหิว ค่ำนี้ว่าจะมากินที่ร้าน Tokpokki เป็นร้านที่เราเคยมากินครั้งที่แล้ว คือแบบติดใจในรสชาติความอร่อยครั้งนี้มาเลยต้องซ้ำ นางอร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำจริง ๆ ร้านนี้หาไม่ยาก อยู่ใน Myeongdong Shopping Street ร้านนี้จะอยู่ในซอยตรงข้ามกับร้าน Spao บอกก่อนไม่มีชื่อร้านภาษาอังกฤษนะจ๊ะ มาแบบเกาล้วน ๆ Tokpokki มื้อนี้จัดไป 2 กระทะ แบบออริจินัลกับแบบชีสสสสสสสส คือแบบว่าอร่อยทั้ง 2 แบบ หมดเกลี้ยงทั้ง 2 กระทะ อร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือราคาที่ปรับขึ้นมานิดหน่อย แต่ด้วยรสชาติ ปริมาณ และคุณภาพ เจ้ให้ผ่านแบบไม่ต้องลังเลใจ



ท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินชม Myeongdong Shopping Street ด้วยวันนี้เป็นวันแรกสำหรับพวกเราและ
กับความหนาว เลยทำให้เดินกันได้แป๊ปเดียว ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งก็กลับโรงแรม พักผ่อนดีว่า

Day 2 : Chuncheon Day
วันนี้เราไปเที่ยวกันที่ Namiseom Island ใช้เวลาในการเดินทางจาก Myeongdong Station จนถึง Gapyeong Station ประมาณ 1 ชม. จากนั้นต่อรถแท็กซี่ไปลงท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะนามิ ค่าแท็กซี่ประมาณ 3,700 วอน ค่าตั๋วเข้าเกาะนามิ ผู้ใหญ่คนละ 13,000 วอน เด็ก 7,000 วอน บรรยากาศของนามิก็ไม่ต่างไปมากมายจากเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ได้มา แต่เท่าที่จำได้ มีการสร้างอาคารและจัดตกแต่งอะไรต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ครั้งที่แล้วมาคือเจอทัวร์จีนเยอะมาก แต่รอบนี้เจอทัวร์คนมุสลิมเยอะมากกว่าทัวร์จีนซะอีก แต่ห้องน้ำที่เกาะนามิยังสะอาดและน่าเข้าใช้เหมือนเดิม แต่ละโซนห้องน้ำก็จะตกแต่งต่างกันไปเกร๋ ๆ ทั้งนั้น









มานามินอกจากเดินเที่ยวและถ่ายรูปสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการชิม ซึ่งมีอยู่ 2 อย่างที่อร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยคือ ไส้กรอกย่างกับเนื้อแพะย่าง อร่อยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือราคา (555) อีกอย่างที่กินแล้วติดใจสุดคือ ออมุก น้ำซุปนางอร่อยมาก ยิ่งซดน้ำซุปร้อน ๆ ตอนอากาศหนาวติดลบนี่ยิ่งอร่อย เนื้อออมุกก็ไม่เหนียวจนเกินไปอร่อยจริง ๆ คือไปนามิต้องชิม 3 อย่างนี้เลย ติดใจแน่นอน



เดินเล่นและชิมกันพอสมควรก็ได้เวลาข้ามกลับเพื่อจะไปกิน Dakgakbi : ไก่บาร์บีคิวผัดซอส ร้าน Mr.Dakkalbi ร้านดังแห่งเมืองชุนชอน ครั้งที่แล้วมากิน Dakgakbi ร้านนี้ครั้งแรกคือกินแล้วติดใจสุด ๆ รอบนี้เลยต้องซ้ำให้สะใจ





จาก Mr.Dakkalbi ก็นั่งแทกซี่กลับไปยัง Gapyeong Station เพื่อจะกลับ Seoul ไปถีงสถานี เที่ยวรถไฟที่เราจะไปเร็วสุดคือ บ่าย 3 โมงกว่า ซี้อตั๋ว นั่งเล่น เดินเล่นอยู่ในสถานีรอจนเวลารถไฟมา เพราะเดินออกข้างนอกไม่ไหวจริง ๆ หนาวมาก ส่วนในสถานีก็หนาวไม่แพ้กัน วันนี้เรากลับมาถึง Seoul เกือบ 5 โมงเย็น แต่ก็ยังต้องเที่ยวต่อ เราไปกันต่อที่ย่าน Edae : Ewha Women University เดินกันได้ไม่มากเนื่องจากหนาวจริง ๆ หนาวแบบเดินต่อไม่ไหวแล้วอีกอย่างมืดเร็วมาก เลยเก็บบรรยากาศและเดินซื้อของมาได้นิดหน่อย





จาก ย่าน Edae ก็นั่งรถใต้ดินกลับมา Myeongdong หาร้าน Budeajjiage อร่อย ๆ กินดีว่า เดินมาเจอร้าน Nolboo Budae Jjigae เป็นร้านดังอีก 1 ร้านในย่าน Myeongdong ร้านอยู่ชั้น 2 เดินขึ้นบันไดมาเลย เขามาในร้านแบบว่าคนเต็มทุกโต๊ะเลยจร้า นั่งรอกันประมาณ 10 นาที ก็ได้เวลาของพวกเราแล้ว มื้อนี้เราสั่งมา 2 แบบ คือ น้ำซุปกิมจิ กับน้ำซุปต้นตำรับ ถ้าใครชอบแบบเข้มข้นน้ำขลุกขลิกแซ่บนิด ๆ ต้องน้ำซุปกิมจิ แต่ถ้าแบบมีเด็กไปด้วยแบบอิริจิรัลก็อร่อยไม่แพ้กัน ถ้าแบบอยากกิน Budeajjiage มาร้าน Nolboo Budae Jjigae เลยไม่ผิดหวัง อิ่มแล้วกลับห้องได้จบ Day 2 แบบหนาว ๆ อิ่ม ๆ แน่น ๆ






Day 3 : Incheon Day
Incheon เป็นอีกเมืองที่เดินทางเที่ยวง่ายมาก ๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มองว่า Incheon แค่เมืองทางผ่านจากสนามบินเข้ามา Seoul แต่สำหรับทีมเราแล้วชอบ Incheon เลยนะ วันนี้เราออกเดินทางไป Incheon โดยเริ่มจาก Myeongdong Station สายสีฟ้า มาลง Dongdaemun Station เปลี่ยนเป็นสายสีม่วง มาลง Incheon Station นั่งกันแบบยาว ๆ สบาย ๆ ประมาณ 1 ชม. นิด ๆ ก็ถึง Incheon วันนี้ที่ Incheon หนาวมากประมาณ -12 องศา บ้าไปแล้ว หนาวแบบว่าต้องซื้อ Hotpack มาให้ความอุ่นกันเลยทีเดียว ใส่เสื้อ 4 ชั้นก็ยังไม่ไหว หนาวจับใจจริง ๆ
ที่แรกใน Incheon ที่เรามากันคือ Incheon China Town + Songwol-dong Fairy Tale Village ออกจาก Incheon Station exit 1 ออกมาเห็นเลย



Incheon China Town เกิดขึ้นช่วงปีเดียวกับการเปิดท่าเรืออินชอน เมื่อปีค.ศ. 1883 โดยมอบเป็นพื้นที่พิเศษให้กับชาวจีนในยุคนั้นคือราชวงศ์ฉิง (Ching Dynasty) ในอดีตเคยมีร้านขายของประเภทต่างๆที่มาจากเมืองจีน แต่ในปัจจุบันร้านส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ถึงแม้ว่าคนรุ่นปัจจุบันในไชน่าทาวน์แห่งนี้จะเป็นรุ่นที่ 2 หรือ 3 แล้ว แต่ก็ยังเป็นย่านที่มีร้านอาหารที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนอยู่มากที่สุด แล้วย่านนี้ยังเป็นไชน่าทาวน์เพียงแห่งเดียวในเกาหลีด้วย (ข้อมูลจาก : https://www.chilloutkorea.com/incheon-china-town/) เรามาถึงกันประมาณสัก 10 โมงกว่า ๆ ยังไม่ค่อยมีร้านอาหารร้านค้าเปิดกันมากเท่าไหร่ และด้วยความหนาวพวกเราเลยต้องแวะจิบชากาแฟ พักร่างหาไออุ่นกันสักนิดก่อนเดินเที่ยวต่อ





จาก Incheon China Town เดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอหมู่บ้าน Songwol-dong Fairy Tale Village หรือ ถนนเทพนิยาย ซองวุลดง บอกเลยเป็นหมู่บ้านที่น่ารักมาก เหมาะกับทุกเพศทุกวัย น่ารักจริง ๆ ไม่ได้โม้!! Songwol-dong Fairy Tale Village เป็นถนนเล็กๆในเมืองย่าน Jung-gu ของจังหวัดอินชอน(Incheon) ใกล้ๆกับท่าเรืออินชอน(Incheon) ออกแบบและตกแต่งตามผนังบ้าน กำแพงต่างๆ รวมทั้งทางเดินต่างๆให้เป็นไปตามเทพนิยายหรือการ์ตูนของดิสนีย์ เช่นเรื่อง อลาดิน สโนไวท์ หรือปีเตอร์แพน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยี่ยมชมและสร้างความคึกคักให้กับหมู่บ้าน เพราะในอดีตผู้คนย้ายออกจากเมืองนี้ไปทำงานในเมืองใหญ่กันมากจนหมู่บ้านเงียบเหงาลงไป (ข้อมูลจาก : https://www.chilloutkorea.com/songwol-dong-fairy-tale-village/)







เดินถ่ายรูปใน Songwol-dong Fairy Tale Village เดินเพลินจริง ๆ มีมุมน่ารัก ๆ ให้ถ่ายรูปสวย ๆ เพียบเลย แวะมาเที่ยวเถอะไม่ผิดหวัง ร้านขายของก็มีเยอะอยู่นะร้านก็แนวบ้าน ๆ ไม่ได้เหมือนแบบในเมืองมากสักเท่าไหร่ คือมาไม่ผิดหวังละกันเนอะ
จาก Songwol-dong Fairy Tale Village เราก็ไปที่ Bupyeong Culture Street และ Bupyeong Underground Shopping Center ย่านนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านรองเท้า ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านขายของกิ๊บเกร๋ โดยเฉพาะร้านรองเท้าที่นี่ถูกว่าในโซลหลักหลายร้อยเลยทีเดียว Bupyeong ก็จะแนว ๆ เดียวกับ Myeongdong และ Hongdae







มื้อบ่ายนี้ก็เลยกินกันในย่านนี้ ร้านเล็ก ๆ มีไม่ถึง 10 โต๊ะ อาหารก็แบบเกาหลีล้วน ๆ สั่งกันแบบหลายอย่างมาก ร้านนี้เครื่องเคียง กิมจิ ไชเท้าดอง อร่อยมาก ตักเองเติมฟรีไม่อั้น อยากบอกว่าอร่อยทุกอย่างนะเธอ

width='450' height='450' border=0>



ก่อนจะกลับ Seoul ก็แวะเดินช้อปใน Bupyeong Underground Shopping Center อิ่มแล้วกลับ Seoul ได้ มาถึง Seoul ก็ประมาณ 5 โมงเย็น ที่ ๆ เราจะไปต่อก็ย่านสุดฮิตของวัยรุ่นสายเกา นี่เลยย่าน Hongdae ฮงแด มาฮงแดเพราะจะมากินหมูย่างเกาหลี ครั้งที่แล้วมากินที่ร้านนี้แล้วติดใจ รอบนี้ต้องมาจัดซ้ำ จัดมาเลย Belly Pork 3 ชุด Beef 3 ชุด อร่อยเหมือนเดิม เครื่องแน่น จัดหนักจัดเต็ม โดยเฉพาะไข่กุ้งกับสาหร่ายแผ่น กินกันซะหายอยากเลยทีเดียว







กินหมูย่างเนื้อย่างกันแบบอิ่มมากเราก็กลับมา Myeongdong เดินช้อปเครื่องสำอางค์กันต่อ คืนนี้ช้อปแบบจัดหนักจัดเต็ม เข้าร้านโน่นออกร้านนี้ ช้อปท้าความหนาวเหน็บ ยิ่งดึกยิ่งหนาว แต่เราสู้ไหวเพราะเราบ้า ช้อป คืนนี้กว่าจะกลับที่พักก็เกือบ 4 ทุ่ม Day นี้ เดิน กิน แน่น หนัก จัด เต็ม

Day 4 : Seoul Day
วันนี้เรากลับมาลุย Seoul กันอีกครั้ง ที่แรกที่เราไปกันคือ Bongeunsa Temple (봉은사 (서울) ครั้งที่แล้วมาไม่ได้ไป Bongeunsa Temple ครั้งนี้เลยต้องมาชมให้เห็นกับตา วัดนี้อยู่ตรงข้ามกับห้าง Coex Mall จาก Myeongdong Station สายสีฟ้ามาลง Dongjak เปลี่ยนเป็นสายสีน้ำตาลอ่อน มาลง Bongeunsa Station Exit 1 เมื่อขึ้นมาจากสถานี ให้เดินตรงไปข้างหน้าประมาณ 150 ม. ก็จะเจอวัด
บอกเลย Bongeunsa Temple เป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยมาก ๆ ใน Seoul ใครมาเที่ยว Seoul แล้วไม่มาวัดนี้คือพลาดจริง ๆ วัดบงอึนซา – Bongeunsa Temple เดิมชื่อว่าวัดกยอนซองซา(Gyeonseongsa Temple) ถูกสร้างขึ้นในปี 794 ในราชวงศ์ชิลลา กษัตริย์วองซอง (Weongseong) จากนั้นในปี 1498 สมเด็จพระราชินี Jeonghyeon ได้มีการบูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบงอึนซา (ข้อมูลจาก https://www.chilloutkorea.com/bongeunsa-temple-seoul/)







จากวัดบงอึนซา เราก็เดินข้ามมาที่ห้าง Coex Mall เพื่อไปชม Starfield Library เค้าบอกกันมาว่าถ้าคุณเป็นสายห้องสมุดหรือไม่ได้เป็นก็ตามแต่ คุณต้องมาชม Starfield Library ห้องสมุดนี้อยู่ในห้าง Coex Mall ใช้เนื้อที่ไม่ได้มากมาย แต่เค้าจัดแยกส่วนต่าง ๆ ออกมาได้ลงตัวสุด ๆ สายห้องสมุดอย่างเรายังแบบว่าเออนี่แหล่ะห้องสมุดในแบบที่คนยุคนี้ต้องการ สำหรับคนชอบถ่ายรูปแนะนำเลยจร้าต้องมา เพราะทุกมุมของ Starfield Library ถ่ายได้แบบเพลินเกินเมมโมรี่รับไหวกันเลยทีเดียว มาเหอะรับรองไม่ผิดหวัง









ชมห้องสมุดกันแล้วก็ได้เวลาไปเดินถนนช้อปปิ้งชินซาดง Sinsadong Garosu-gil Road : Bongeunsa Station มาลง Express Bus Terminal Station เปลี่ยนสายสีส้ม มาลง Sinsa Station Exit 8 > จากนั้นเดินตรงไปประมาณ 250 เมตร ก็จะเป็นถนนช้อปปิ้งชินซาดงอยู่ทางซ้ายมือ
ถนนช้อปปิ้งชินซาดง Sinsadong Garosu-gil Road หรือเรียกกันว่า ‘artists’ street’เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดีไซเนอร์ แบรนด์หรู ร้านกาแฟที่ตกแต่งแบบชิคๆ ถนนนี้เริ่มตั้งแต่สถานีชินซา (Sinsa Station) ยาวไปจนถึงโรงเรียนมัธยมฮยอนแด (Hyeondae high school) ความยาวประมาณ 700 เมตร สองข้างทางของถนนชินซาดงนี้จะเต็มไปด้วยต้นแปะก๊วย (Gingko tree) ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงใบแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองเป็นทางยาวไปตามถนน เป็นอีกแห่งหนึ่งที่คนนิยมมาเดินเล่น นั่งทานกาแฟ และถ่ายรูปกันในช่วงประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. (ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี) (ข้อมูลจาก https://www.chilloutkorea.com)





มื้อกลางวันเรากินอาหารง่าย ๆ แต่ราคาไม่ง่ายเท่าไหร่นะ แต่ก็พอรับได้ เลือกกันมาคนละอย่างหลากหลายเมนู














จากซินซาดงไปต่อกันยาว ๆ ที่ตลาดกวางจัง Gwangjang Market, 광장시장 การเดินทางจาก Sinsa Station สายสีส้มมาลง Yaksu Station เปลี่ยนเป็นสายสีเขียวมาลง Jongno 5-ga Station ตลาดกวางจัง(Gwangjang Market, 광장시장) ถือเป็นตลาดเก่าแก่ 100 ปี เป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ของชาวเกาหลีเลยก็ว่าได้ ในอดีตตลาดได้เคยถูกทำลายลงในสมัยสงครามของเกาหลี ก่อนจะถูกฟื้นฟูสร้างขึ้นใหม่จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังเจริญเติบโตและมีความคึกคักจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ชั้นที่2 ของตลาด จะเป็นตลาดขายผ้าที่ใหญ่ในกรุงโซลและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม ผ้าซาติน ผ้าลินิน ผ้าสำหรับตัดชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวของคนเกาหลี ผ้าปูเตียงผ้าปูที่นอน ผ้าตัดชุดที่ใช้ในงานศพ นอกจากเป็นตลาดผ้าที่ใหญ่แล้ว ของสดก็มีขายมากมายเช่นกัน ทั้งผักสด ผลไม้ กิมจิ ปลาสดปลาแห้ง ขนบขบเคี้ยว แม้กระทั่งของฝากจุ๊บจิ๊บ และที่โดดเด่นมากๆคือ Street Food เป็นตลาดขายอาหารพื้นเมืองต้นตำรับของชาวเกาหลี แถมราคาไม่แพงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ใส้กรอกเลือดหมู กิมบับ หัวหมู ต๊อกบ๊อกกี้ ออมุก บินแดด็อก และอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออีกมากมาย ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสินค้าพื้นของชาวเกาหลีอีกด้วย (ข้อมูลจาก https://www.chilloutkorea.com/gwangjang-market/)
ตลาดกวางจังคือสวรรค์ของนักชิมดีดีนี่เอง มีแผงขายอาหารเยอะมาก แล้วอาหารก็จะเหมือน ๆ กันทุกร้านเลือกกินตามใจชอบ ใครถูกใจร้านไหนก็กินร้านนั้น ราคาก็เท่า ๆ กันหมดนั่นแหล่ะ ไม่ต้องคิดมากจัดไปโลด พวกเราเลือกกินแบบไม่หนักไม่เบา ก็จะมี ซันนักจี หรือ ปลาหมึกสดดิ้นๆ ตีนไก่ผัดซอสเผ็ด พาจอน ซุนแด













เสพบรรยากาศตลาดบ้าน ๆ ของเกาหลีกันแบบเต็มอิ่มกันไปแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ย่าน Dongdaemun Market การเดินทาง Jongno 5 –ga Station สายสีม่วง มาลง Dongdaemun Station เปลี่ยนสายสีฟ้า มาลง Dondaemun history & Culture Park Station จากนั้นก็เดินต่อไม่รอแล้วนะเพราะมันหนาวมากกกกกกกกกกกก เนื่องจากเรามาถึงที่ Dongdaemun Market ค่อนข้างเย็นร้านอะไรต่อมิอะไรก็เริ่มปิดกันแล้ว เป็นอันว่าแห้วไป เดินได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เลยพากันไปช้อปที่ Lotte Mart ช้อปกันให้กระเป๋าแตกกันไปเลย จัดไปขนมขบเคี้ยวของกินเล่นล้วน ๆ แต่ละคนจัดเต็มกันเลยทีเดียว จบ Day นี้ไปแบบแทบหมดตัว (555++)
Day 5 : Suwon Day
วันนี้เราจะไปเที่ยว Suwon เมืองแห่งมรดกโลก เพื่อไปชม Hwaseong Fortress ป้อมฮวาซอง ไปเดินช้อปที่ Suwon Station Shopping Street และตามล่าหาร้านหมูย่างเกาหลีตามรอยลุงเด้งป้าไก่ การเดินทางไปจาก Seoul ไป Suwon ตามนี้เลยจร้า ใช้เวลาในการเดินทางก็เกือบ ๆ 1 ชม.



เมื่อมาถึง Suwon Station ให้เดินออกทาง Exit 11 เพื่อไปรอรถเมล์ไปต่อยัง Hwaseong Fortress ป้อมฮวาซอง มีรถเมล์หลายสายผ่าน เช่น 35,46,16,16-2,700-2 ขึ้นไปโลดพอเข้าเขต Hwaseong Haenggung Palace อยากลงป้ายไหนก็กดกริ่งลงได้เลย เดินชมกำแพงป้อมกันแบบเพลิน ๆ
Hwaseong Foetress ป้อมฮวาซอง เกาหลี ตั้งอยู่ที่เมืองซูวอน ทางตอนใต้ของกรุงโซลเกาหลี ราว 51 กิโลเมตร เดินทางมาเที่ยวชมได้อย่างสะดวกด้วนรถไฟใต้ดิน เป็นอีกหนึ่งมรดกโลกด้านวัฒนธรรมขององศ์การยูเนสโก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชองโจ กษัตริย์องค์ที่ 22 องราชวงศ์โชชอน เพื่ออุทิศให้กับพระบิดา ใช้เวลาสร้างราว 2 ปี แล้วเสร็จใน ค.ศ. 1796 ประกอบด้วยประตูเมืองป้อมปราการและกำแพงเมืองความยาว 5.5 กิเมตร (ข้อมูล https://www.oceansmile.com/Korea/Hawasong.htm)

















เดินเลาะรั้วกำแพงวังกันจนเมื่อยก็ได้เวลากลับมา Suwon Station และมาตามหาร้านหมูย่างเกาหลีบุฟเฟต์ ชื่อร้าน GoInDol (BBQ Korea Buffet) เรามาร้านนี้แบบว่าตามรอยลุงเด้งป้าไก่แห่ง Korea fanclub อยากตะโกนบอกว่า อิ่ม อร่อย จัดหนัก จัดเต็ม ไม่ผิดหวังค่ะ ขอบคุณรีวิวร้านอร่อย ๆ จากลุงเด้งป้าไก่ด้วยค่ะ







อิ่มแล้วเดินเล่น ช้อปปิ้งโน่นนี่นั่นย่อย ๆ กันไป Suwon Station Shopping Street สถานที่ช้อปปิ้งสำคัญของวัยรุ่นในเมืองนี้ ตั้งอยู่ติดกับสถานี Suwon ร้านค้าในย่านนี้จะเปิดร้านตั้งแต่ 10:00 เรื่อยไปจนถึง 21:00 ย่านนี้เดินทางมาง่ายมาก จากสถานี Suwon ทางออก 11 ออกมาก็ถึงเลย ในย่านนี้จะเหมือนกับย่าน เมียงดง ในโซล เป็นย่านรวมร้านเครื่องสำอาง ร้านแฟชั่น และร้านอาหารชื่อดัง ช่วงเย็นๆ จะคึกคักมาก (ข้อมูล https://www.koreafanclub.com/shopping/sp-suwon/suwon-station-shopping-street/) พวกเราก็ตามเคยสนุกสุขสันต์กับการช้อปปิ้ง ขอบอกอีกกย่างผลไม้ที่ Suwon ถูกว่าที่ Seoul นะจ๊ะ ใครแบกไหวจะซื้อกลับไทย จัดไปเลยไม่ผิดหวังแน่นอน





จบการกิน ช้อป เราก็ได้เวลากลับ Seoul อย่างเป็นทางการ พวกเราถึง Myeongdong ก็ 4-5 โมงเย็นและ เย็นนี้เราจะเก็บตกที่ Myeongdong ให้ครบหมดทุกซอกทุกมุม เอาเป็นว่าเราเดิน Myeongdong กันทุกค่ำก่อนกลับที่พัก คืนนี้ใครยังมีเงินเหลือหรือยังไม่ได้จัดอะไรก็จัดกันซะให้ครบ เพราะพรุ่งนี้เรากลับไทยกันแล้ว



Day 6 Seoul>BKK
วันนี้เรามีเวลาครึ่งวันใน Myeongdong ก็เลยไม่ไปไหนดีกว่าขอนอนตื่นกันสาย ๆ เก็บกระเป๋าข้าวของให้เรียบร้อยพร้อมเตรียมตัวไปสนามบิน ก่อนจะไปสนามบินเราก็ขอไปเก็บตก Myeongdong กันอีกสักนิดก่อนกลับ แล้วก็ไปกินบูเดชิเก ร้าน Nolboo Budae Jjigae แบบว่าอร่อยติดใจที่สุด วันนี้ก่อนกลับไทยขอจัดอีกสักรอบให้หายอยากกันไปเลย พวกเราไปกันตั้งแต่ร้านพึ่งเปิด เป็นโต๊ะแรกที่เปิดประเดิมให้ร้านเค้าเลย ทุกวันนี้ยังนึกถึงรสชาติอร่อย ๆ อยู่เลย ถ้าได้ไป Seoul อีกต้องไปซ้ำอย่างแน่นอน
เรากลับมาโรงแรมประมาณเที่ยงกว่า ๆ เพื่อมาเอากระเป๋าข้างของสัมภารก แล้วไปต่อสนามบินอินชอน ขากลับไปสนามบินเราก็ใช้บริการรถบัสเหมือนเดิม ขึ้นที่ Myeongdong ช่วงบ่ายนี่คนต่อแถวไปสนามบินเยอะมาก แถมอากาศก็หนาวสุด ๆ  ยืนแบบท้าความหนาวกันเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ได้คิวของพวกเราซะที ใช้เวลาในการเดินทางจาก Myeongdong มาสนามบินอินชอนก็ประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงสนามบินก็ Check in ตั๋วเครื่องบิน ทำ Vat refund เดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่น กันไปยาว ๆ เที่ยวบินขากลับของเราคือ LJ 003 : ICN>BKK เวลา 17.10 Jin air ออกตรงเวลาแป๊ะ กัปตัน พาเรามาถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพประมาณ 3 ทุ่ม จบทริปนี้ไปแบบประทับใจกับความหนาว




ทริป หนาวนี้ที่ Korea : Seoul-Chuncheon- Incheon- Suwon คือทริปที่หนาวที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ มันหนาวแบบว่าต้องใช้ Hot Pack ช่วยคลายความหนาว ทริปนี้ต้องขอบคุณสมาชิกร่วมทริปไม่ตัวแตกไม่กลับบ้าน เรื่องกินขอให้บอกพวกเราสู้ตายจัดหนักจัดเต็ม ขอบคุณอาหารอร่อย ๆ ทุกมื้อโดยเฉพาะหมูย่าง บูเดชิเก ดักคาลบี้ และอาหารพื้นเมืองทุกอย่างที่ได้ชิม มันอร่อยแบบซาบซึ้งใจมาก ๆ ขอบคุณที่พักกรี๊บเกร๋น่ารัก ๆ มีน้อง ๆ นักศึกษาหน้าใส ๆ ทั้งหญิงและชายคอยให้บริการและให้คำแนะนำ ส่วนเจ้าของนี่หล่อแบบพี่ชายใน Autumn in my heart เลยค่ะท่านผู้ชม ขอบคุณแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่ง สวยงามคุ้มค่าที่ได้ไปชม ขอบคุณคนที่คิดทำ Starfield Library มันดีงามมาก ๆ ขอบคุณการเดินทางที่แสนสะดวกสบายไปเที่ยวได้แบบง่ายดายทุกที่ ขอบคุณแหล่งช้อปปิ้งที่มีอยู่ทุกมุมเมือง ขอบคุณสายการบินเกร๋ ๆอย่าง Jin Air ถึงจะเป็น Low cost แต่ก็เป็น Low cost Premium มี Set box และน้ำดื่มให้ผู้โดยสารแก้หิว ขอบคุณสตรอเบอรี่หวาน ๆ อร่อยชื่นใจกินที่ไหนก็ไม่ชื่นใจเท่าที่เกาหลี ไม่รู้จะขอบคุณอะไรและเป็นอันว่าขอบคุณทุกสิ่งอย่างใน South Korea ที่ไปกี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ I love you Seoul  I love you South Korea







Create Date : 07 มีนาคม 2562
Last Update : 7 มีนาคม 2562 12:01:37 น. 4 comments
Counter : 2616 Pageviews.  
 
 
 
 
น่าไปเที่ยวไปกินมากค่ะ
 
 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 7 มีนาคม 2562 เวลา:11:12:39 น.  

 
 
 
จัดเลยค่ะ ไม่ผิดหวัง
 
 

โดย: กินให้สุดอย่าหยุดเที่ยว IP: 49.229.75.186 วันที่: 7 มีนาคม 2562 เวลา:11:55:23 น.  

 
 
 
คงมีโอกาสได้ไปสักครั้งค่ะ
 
 

โดย: วิ IP: 1.47.170.125 วันที่: 8 มีนาคม 2562 เวลา:14:36:15 น.  

 
 
 
 
 

โดย: กินให้สุดอย่าหยุดเที่ยว (กินให้สุดอย่าหยุดเที่ยว ) วันที่: 8 มีนาคม 2562 เวลา:15:56:50 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com