ค่าเสียหายก็ 84,000 เรียล หรือ $21 (แอบแพงอะ) แต่รสชาติใช้ได้ค่ะ ขอบบอกว่าไปเที่ยวกัมพูชาไม่จำเป็นต้องแลกเงินเรียลก็ได้คะ คนที่นั่นนิยม USD มากกว่าค่ะ อิ่มหนำกันแล้วเริ่มเที่ยวกันได้เลยจร้า



ที่แรกคือวัดทะเมย หรือวัดใหม่ มีการรวบรวมและเก็บรักษาโครงกระดูกของชาวเขมรแดงที่ถูกสังหารในยุดเขมรแดงเรืองอำนาจ





จากวัดทะเมยไปนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองของเสียมราฐ พระองค์เจค องค์จอม ที่ชาวเสียมราฐนับถือและศรัทธา



มากันต่อที่ Angkor National Museum : พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์ ค่าเข้าชม $12
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมวัตถุโบราณและเรื่องราว ประวัติศาสตร์ของ ชนชาติกัมพูชาทางด้านวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนาของอาณาจักรขอมโบราณ ชมพระพุทธรูปเก่าแก่นับพันองค์ที่รวบรวมจัดแสดงได้อย่างงดงาม เวลา เปิด-ปิด 08.30 AM - 06.30 PM ราคาดูว่าแพงแต่เข้าไปแล้วขอบอกเลยว่าคุ้มสุด ๆ คุ้มค่าคุมเวลาที่ได้มาชม ด้านในจะไม่ให้ถ่ายรูปนะคะ รูปแบบการจัดวางมันระดับอินเตอร์มาก ๆ แนะนำว่าถ้าได้ไปเสียมราฐแล้วต้องอย่าพลาดเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์ คุ้มที่สุด (ทำไม Thailand ไม่ทำแบบนี้บ้าง)
ภายในพิพิธภัณฑ์มีการผสมผสานสื่อเทคโนโลยีที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวเข้าใจกับเนื้อหาการจัดแสดงอย่างง่าย โดยมีสื่อการเรียนรู้ถึง 7 ภาษา อาทิ ภาษาเขมร, จีน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เกาหลี, ญี่ปุ่น และไทย
ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ แบ่งห้องจัดแสดงต่างๆ เริ่มด้วยห้องจัดแสดงพิเศษพระพุทธรูป 1,000 องค์ บอกเล่าให้ทราบถึงศาสนาพุทธว่าเกี่ยวพันทางจิตวิญญาณกับอารยธรรมเขมรโบราณอย่างไร
หรือห้องจัดแสดง A ที่บอกเล่าความรุ่งเรืองแห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ห้อง จัดแสดง B บอกเล่าถึงศาสนาและความเชื่อ ห้องจัดแสดง C บอกเล่าถึงพระ มหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ 4 พระองค์ คือ พระเจ้าชัยวรมัน ที่ 2, พระเจ้ายโสวรมัน ที่ 1, พระเจ้าสุริยวรมัน ที่ 2 พระเจ้าชัยวรมัน ที่ 7 ผู้ก่อตั้งเมืองนครธมเป็นพระนคร
ห้องจัดแสดง D ที่บอกเล่าถึงปราสาทนครวัด ห้องจัดแสดง E ที่บอกเล่าถึงเมืองนครธม ห้องจัดแสดง F ที่บอกเล่าถึงเรื่องเล่าจากศิลา และสุดท้ายคือห้องจัดแสดง G ที่บอกเล่าถึงพัสตราภรณ์โบราณของเหล่าบรรดานางอัปสราในยุคนั้น หลังจากที่นักท่องเที่ยวเดินผ่านห้องจัดแสดงพิเศษต่างๆ นอกจากจะได้ความรู้และความเข้าใจในประวัติศาสตร์ นครวัด-นครธมอย่างเต็มอิ่ม ภายในห้องถัดมาคือร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวข้องกับงานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอีกมากสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกใจ (ไม่ได้ซื้อไรมาเพราะราคาค่อนข้างสูงจริง ๆ....อันนี้ลูกสาวกำนันอย่างฉันรับไม่ไหวค่ะ)







จาก Angkor National Museum เราไปจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่ พนมบาเค็ง การไปชมนั้นเราต้องซื้อตั๋วสำหรับของวันพรุ่งนี้ แต่สามารถขึ้นไปดูได้เย็นนั้นเลย การซื้อตั๋วสำหรับเยี่ยมชมปราสาท โดยต้องรอตอนประมาณ 16:45 เค้าถึงจะเปิดให้ซื้อตั๋วของวันพรุ่งนี้ ตั๋ว 1 วัน ราคา $20 โดยจะต้องถ่ายรูปติดไว้กับบัตรด้วย ไม่ให้คนอื่นใช้



ปราสาทพนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) ตั้งอยู่บนยอดภูเขา 75 เมตร จากระดับน้ำทะเล ใกล้ๆกับปราสาทนครวัด และเมืองนครธม สร้างในสมัยของพระเจ้ายะโสวรมันที่ 1 พ.ศ. 1432 - 1453 เป็นศาสนาสถานฮินดูถวายแด่พระศิวะ จากศิลาจารึกภาษาสันสกฤตพบที่ปราสาทสด๊อกก๊องธม จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่าเมื่อ "ศรียโสวรธานา" ขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า "ยะโสวรมัน" พระองค์มีพราหมณ์ชื่อ "วามะศิวะ" ซึ่งได้ประดิษฐานศิวะลึงค์ไว้บนยอดภูเขา "ศรียะโสธาระคีรี" เปรียบเมือนเขาพระสุเมรอันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สถิตของเหล่าทวยเทพ ในที่นี้ศิวะลึงค์ (Royal Linga) เป็นสัญลักษณ์ของการปกครองโดยระบอบ "กษัตริย์สมมุติเทพ" ริเริ่มโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักรขอม เมื่อปี พ.ศ. 1346



เรายังไม่จบแค่พนมบาเค็ง ค่ำนี้เราจะไปดินเนอร์พร้อมชมรำนางอัสราและการแสดงสไตล์เขมรกัน เราให้เจมส์จิพาไปที่ Tonle Mekong Resturant ร้านนี้มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย ผู้จัดการร้านก็เป็นคนไทย บริการดีมาก ๆ เทคแคร์และแนะนำเมนูเด็ด ๆ ให้เรา 3 คนตลอด ขอบคุณนะคะ ราคาหัวละ $12 ราคาดูเหมือนแพงแต่เราว่าราคานี้โอเคนะ อาหารเป็นแบบนานาชาติ รสชาติดี (ส่วนใหญ่กุ๊กเป็นคนไทย) และก็มีการแสดงให้ดูพร้อมรับประทาน โอ้ว!! มันช่างรื่นเริงบันเทิงจิตจริง ๆ






วันแรกกว่าจะกลับถึงห้องพักก็เกือบ 3 ทุ่ม นี่แค่ครึ่งวันแรก 3 สาวจัดเต็มเหนี่ยวกันไปเลย พรุ่งนี้จัดเต็มตั้งแต่เช้ายันเย็น มาตามกันต่อเลยจร้าว่าวันต่อไปเราจะไปซ่าที่ไหนกันบ้าง
3/3/57 เราเริ่มด้วยอาหารเช้า อาหารง่าย ๆ มีเมนูมาให้ 6-7 อย่าง ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ขนมปังไข่ดาว ข้าวผัด ออมเลท ข้าวต้ม อะไรประมาณนี้ พร้อมกาแฟ 1 แก้ว โอ้วแม่เจ้ากาแฟเค้าเข้มสุดขั้วกันไปเลย เช้านี้เรานัดเจมส์จิให้มา 9 โมง แต่ 8 โมงกว่า เจมส์จิก็มารอเรากันแล้ว เริ่มสตาร์ทออกจากที่พักกัน 8.30 เวลากำลังดี แดดกำลังแรง ที่แรกในวันนี้ก็ Angkor Wat นครวัดห่างจากที่พักประมาณ 7 กม. ตลอดสองข้างทางชอบมาก ๆ เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ยักษ์ให้ร่มเงาเย็นสบาย ชอบจริง ๆ



ที่แรกในเช้านี้ คือ นครวัด เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร
ปราสาทนครวัดได้เริ่มสร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์ ในปี พ.ศ. 1720 ชาวจามได้บุกรุกขอม ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองนครหลวง หรือ เสียมราฐ ในปัจจุบัน หลังจากนั้น พระองค์จึงสร้างเมืองนครธม และ ปราสาทบายน ห่างจากปราสาทนครวัดไปทางเหนือ เพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวขอม






อยู่ชื่นชมสถาปัตยกรรมระดับโลกกันเกือบ 3 ชม. เดินกันให้เพลียกันไปเลย แดดจะร้อนจะแรงแค่ไหน เรา 3 สาวไม่มีถอย สู้แดดแม้หน้าจะโดนแดดแผดเผายังไงเราก็ไม่กลัว ไม่รู้จะบรรยายยังไงถึงความอลังการของนครวัด เอาเป็นว่าต้องเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ กันเอง (มาเถอะแล้วจะไม่ผิดหวัง)
มาต่อกันที่ปราสาทบายน อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองนครธม ปราสาทบายน สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมากกว่า 415 ปี ปราสาทบายนถูกสร้างโดยการนำหินมาวางซ้อนๆ กันขึ้นเป็นรูปร่าง แม้จะเป็นปราสาทไม่ใหญ่โตเท่านครวัด แต่มีความแปลกและดูลี้ลับทั้งปราสาทมีแต่ใบหน้าคน หากขึ้นไปยืนอยู่ภายในปราสาทนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หาได้รอดหลุดพ้นจากสายตาเหล่านี้ได้เลย




จากปราสาทบายน เราก็พักกันนีสนึงหาข้าวกลางวันกินเพิ่มพลังกันหน่อย ภายในบริเวณนครธมก็จะมีร้านอาหารตั้งอยู่แค่จุดเดียว แต่มีหลายร้านให้บริการติด ๆ กัน โอ้แม่เจ้าราคาแพงใช้ได้เลยค่ะ ขั้นต่ำ $4 มื้อนี้สั่งข้าวมาคนละ 1 จาน ราคาจานละ $4.5 กับโค้กคนละ 1 กระป๋อง $1 แพงไงก็ต้องกินเนอะ


อิ่มแล้วก็เดินต่อเพื่อย่อยกันเลย จากตรงจุดร้านอาหารในโซนนี้ก็จะมี ปราสาทบาพวน วิเมียนอากาศ สะพานนาคราช บัลลังก์ช้าง ทริปนี้เดินอย่างเดียว พึ่งอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจาก 2 ขา 2 เท้าของตัวเอง...555++








เราก็ไปต่อกันที่ปราสาทตาพรหม เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ มาจากภาพยนตร์เรื่องทูมไรเดอร์ ของแองเจลีน่า โจลี่ ปราสาทตาพรหม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร ปราสาทเหล่านี้ถือว่าเป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนาที่สมัยนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะสมัยนั้นกษัตริย์ที่สนับสนุนให้มีการสร้างปราสาทนี้เป็นวัดในศาสนาพุทธ การดูแลปราสาทต่างๆนั้นรัฐบาลได้ทำการตัดต้นไม้ออกจากปราสาทอื่นๆ เพราะกลัวว่าประสาทจะล้มลงหากต้นไม้ใหญ่โตมากๆ แต่สำหรับปราสาทตาพรมนั้น รัฐบาลมีแนวคิดที่จะคงต้นไม้ไว้เหมือนโบราณที่มีต้นไม้ขึ้นบนปราสาทแทบทุกปราสาทจึงกลายเป็น ลักษณะเด่นของปราสาทตาพรหมคือมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นคลุมตัวปราสาทเป็นจำนวนมาก ไปในตอนหลัง






จากปราสาทตาพรหม เจมส์จิก็พาเราไปแวะชมอีก 3-4 แห่ง จำชื่อแต่ละที่ไม่ค่อยได้ จำได้แค่ชื่อเดียวคือ ปราสาทสลังสลอง เอาเป็นว่าไปดูภาพแล้วกันค่ะ






สรุปว่า Day Trip วันนี้เริ่ม 8.30 กลับถึงที่พัก 17.00 เพลียกายกันไปเลย แต่เรายังไม่จบแค่นี้ ค่ำ ๆ เราจะไปสัมผัสบรรยากาศ Pub Street และ Night Market กันต่อ
Pub Street และ Night Market ของเสียมราฐก็หน้าตาจะคล้าย ๆ ถนนข้าวสารบ้านเรา แต่ของเค้าจะมีถนนหลายเส้นมากกว่าข้าวสาร และสามารถเดินต่อถึงกันได้ Pub Street ก็จะมีร้านอาหาร ผับ บาร์ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มานั่งดื่มส่วนมากจะเป็นฝรั่งกับญี่ปุ่น ช่วงที่เราไปแทบจะไม่เจอคนไทยเลย ส่วน Night Market ก็จะมาของขายมากมายให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ ต่อรองราคากันได้ ถ้าบอกมา $5 ก็ต่อไปเลยสัก $2-3 มาดูหน้าตา Pub Street และ Night Market กันค่ะ





เราแค่ไปเดินชม ก็ไม่ได้ไปนั่งดื่มอะไรกับเค้าหรอกค่ะ ไปหาอาหารบ้าน ๆ พื้น ๆ แนว ๆ เสียมราฐกินกัน ราคาส่วนใหญ่ก็จะเริ่มที่ $1 อาหารก็หน้าตาคล้าย ๆ บ้านเราค่ะ มื้อเย็นของเราวันนี้เป็นไปตามภาพเลยค่ะ กินอิ่ม เก็บกระเป๋า เตรียมตัวพร้อมเดินทางกลับบ้านในวันพรุ่งนี้


4/3/57 เที่ยวบินของเราวันนี้ FD2851 เวลา 12.15 น. ก่อนไปสนามบินเราก็เหมารถต่อรองราคากันเรียบร้อย $9 และให้พาเราไปแวะ Old Market แต่คนขับมันพาเราไปร้านขายของประมาณร้านที่มีไว้ให้กรุ๊ปทัวร์ไปลง เลยเข้าไปดูนิดนึง Ohh Noo ของแพงเว่อร์ค่ะพี่น้อง รับราคาไม่ได้ ไม่เอาฉันจะไป Old Market ไอ้คนขับมันพูดมากพูดเยอะ บ่นโน่นนี่นั่น บอกจะขอขึ้นราคาเป็น $15 (มรึงบ้าไปแล้วหรือไง) เราก็ไม่ยอม แต่ทนความพูดมากของมันไม่ได้เลยบอก $12 Only เถียงกันเสร็จมันก็พาเรามา Old Market ได้ของติดมือมากันนิดหน่อย เพราะของส่วนใหญ่จะคล้าย ๆ บ้านเรา เสร็จแล้วก็ไม่รู้ไปไหนและลำคาญมันอย่างมาก เลยบอกมรึงพาตรูไปสนามบินเลย ตรูไปเดินเล่นในนั้นดีกว่ามาเห็นหน้ามรึงจะดีกว่า แล้วไม่รู้มันจะรีบไปไหนของมัน ดูชีวิตมันเร่งรีบมาก ถ้ามันถีบเรา 3 คนลงจากรถมันได้มันคงทำไปแล้ว...555++
หายโมโหมันและ ก็มาชมบรรยากาศสนามบินเสียมราฐกันดีกว่าเนอะ





จบทริปนี้ด้วยความชื่นมื่น ชุ่มชื่นในหัวใจ ที่ครั้งนึงได้ไปชื่นชมแหล่งอารยธรรมของโลก ที่ใกล้บ้านเราเพียงนิดเดียว นครวัด นครธม คือความมหัศจรรย์ของคนโบราณ ที่สร้างสรรค์สถาปัตยกรรม อันวิจิตรที่อาจเปรียบเทียบกับปิรามิดของอียิปต์ ได้อย่างไม่น้อยหน้ากัน (พอดีเราได้ไปชมปีรามิดที่อียปต์มาแล้ว) นี่คือความรู้สึกจากการที่ได้ไปเห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจจริง ๆ สมกับคำกล่าวที่ว่า See Angkor Wat and Die ขอบคุณเพื่อนสาวรุ่นพี่ทั้ง 2 ที่ร่วมลุยเสียมราฐในครั้งนี้ 1 สาวตากล้อง 1 สาว ไกด์ท้องถิ่น ทำหน้าที่ได้ดีมากค่ะ...อิอิ ขอบคุณอาหารทุกมื้อ ขอบคุณความมีน้ำใจไมตรีที่ดีของคนเสียมราฐต่อ 3 สาวไทยอย่างเรา ขอบคุณน้องเจมส์จิที่พาเราไปไหนไปกัน อย่างไม่มีบ่นสักคำ ขอบคุณ Everyone Can Fly ที่มีโปรดี ๆ มาอ่อยพวกเราตลอด ๆ และขอบคุณคนโบราณที่ได้สร้างสิ่งล้ำค่าให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้ชื่นชมกัน ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ