เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

 
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 มกราคม 2561
 

ใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ : Kansai:Osaka-Kyoto-Nara (Day 2:Kyoto)



Day 2 : Kyoto เมืองนี้มีดีที่วัด...อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ของกินเค้าก็อร่อยนะเธอ
วันที่ 2 นี้เราจะไปเกียวโต หรือ เคียวโตะ และเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ นับไม่ถ้วน เรามีเวลาเที่ยวเกียวโต 1 วัน ซึ่งทริปของเราเป็นแบบหลวม ๆ ไม่เน้นไปหลาย ๆ ที่ แต่เน้นอยู่กับแต่ละที่ค่อนข้างนาน Day Trip Kyoto วันนี้เราจัดไปทั้งหมด 3 ที่ ก็จะมี ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) และ วัดคิโยะมิซุเดระ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)
เราเริ่มออกจากที่พักกันประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งมันหนาวมากอากาศเช้าวันนี้อยู่ที่ประมาณ 5 องศา ก่อนไปก็หาอุด้งร้อน ๆ กินคลายหนาวกันสักนิด เราเลือกร้านที่อยู่ไม่ไกลจาก Namba Station เป็นร้านเล็ก ๆ แต่คนเข้าออกตลอดเวลานะจ๊ะ คนขายคุยเก่งมากเฟรนลี่สุด ๆ การสั่งอาหารที่ญี่ปุ่นก็ตามเคย ใส่เงิน เลือก รับคูปอง ยื่น รอกิน คนขายแนะนำ Dotonbori Udon บอกว่าเป็นเมนูขายดี จะรอช้าทำไมจัดสิ นอกจาก Dotonbori Udon แล้วยังมี Udon รสชาติอื่น ๆ อีกมากมาย มาว่าด้วยเรื่องรสชาติ อร่อยคำเดียวเลยค่ะ และราคายังไม่แพงอีกด้วย อร่อยเกินคุ้มจริง ๆ












อิ่มแล้วเราก็เริ่มเดินทางจากนัมบะไปเกียวโต เริ่มจาก Namba Station (Subway) Midosuji Line มาลงที่ Yodoyabashi Station เปลี่ยนเป็นสาย Keihan Main Line Limited Express มาลงที่ Fushimi-Inari Station ก่อนจะถึงศาลเจ้า เราต้องฟันฝ่าอุปสรรคความอยากที่มีอยู่ 2 ข้างทางเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ โอ้ยเยอะแยะน่าซื้อไปหมด โดยเฉพาะของกินนี่มันยั่วยวนใจเป็นที่สุด อดใจไว้ไม่ได้แล้วเดินไปกินไปจ่ายเงินเยนกันสนุกจริงจริ๊ง คือมีของกินทุกสิ่งให้เลือกสรร














กว่าจะเข้ามาถึงศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกก็อิ่มกันพอดี ด้านในศาลเจ้าวันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะทัวร์จีนเยอะจริง ๆ ไฮไลท์ของศาลเจ้านี้ก็คือ ซุ้มประตูสีแดงที่ทอดตัวยาวตามเส้นทางของไหล่เขาลดหลั่นกันบนเส้นทางยาวถึง 4 กิโลเมตร เอาจริง ๆ เดินได้ 1 กม. นี่ก็เก่งมากและ ประวัติของ ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือพันกว่าปีมาแล้ว (Cr. https://www.talonjapan.com)












จากศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอก พวกเราก็เดินทางไปที่ วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) การเดินทาง Fushimi-Inari Station (Keihan Main Line) มาลงที่ Tobakaido Station เดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร วัดโทฟุคุจิ สร้างขึ้นในปี 1236 โดยตระกูลฟูจิวาระ(Fujiwara clan) เป็นวัดเซ็นขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง ชื่อของวัดมีความสัมพันธ์กับวัด 2 แห่งในนารา(Nara) คือ วัดโทไดจิ(Todaiji Temple) และวัดโคฟุกุจิ(Kofukuji Temple)
ในฤดูใบไม้ร่วงผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติต่างมาที่วัดแห่งนี้ เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี จุดที่นิยมที่สุดคือสะพานซุเทนเคียว(Tsutenkyo Bridge) ซึ่งใบไม้เปิ้ลจะปกคลุมสะพานยาวถึง 100 เมตร มีความงดงามมากที่สุดประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ในฤดูร้อนต้นเมเปิ้ลก็จะเป็นสีเขียวชะอุ่ม สวยงามไม่แพ้กัน พื้นที่หลายส่วนในบริเวณวัดสามารถเข้าชมได้ฟรี รวมถึงอาคารที่ใหญ่ที่สุดด้วย (Cr. https://www.talonjapan.com)









นั่งพักเหนื่อยกันอยู่ที่นี่พอสมควรก็ได้เวลาไปต่อที่วัดน้ำใส อีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยว Kyoto การเดินทางจากวัดโทฟุกุจิ เดินกลับมาที่ Tobakaido Station มาลงที่ Kiyomizu-Gojo Station จากจุดนี้เดินต่อกันยาว ๆ ไปประมาณ 2 กม. อากาศก็หนาวเดินไปพักไปคือเดิน 2 กม. นี่ไม่มีเหงื่อเลยนะจ๊ะ กว่าจะถึงวัดน้ำใสลิ้นห้อยเลยทีเดียว
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใสเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 780 มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)ไหลผ่าน ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) อีกด้วย อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ ที่เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และยังเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีก นอกจากนี้อาคารไม้ของวัดคิโยะมิซุสร้างขึ้นโดยไม่มีการใช้ตะปูตอกแม้แต่ตัวเดียวในการก่อสร้าง (Cr. https://www.talonjapan.com)









ในวันที่เรามานั้นอาคารไม้ได้ถูกซ่อมแซมเราก็เลยไม่ขึ้นไปด้านบน เดินชมความงามอยู่ล่างพอ นอกจากความงามของวัดน้ำใสแล้ว ถนนด้านหน้าวัดทั้งเส้นมีร้านขายของให้ได้ชิมได้ช้อปกันอีกเพียบ กินกันสนุก ช้อปกันสนั่น ควักเงินเยนกันมันส์ ชอบจริง ๆ บรรยากาศแบบนี้










จบทริปเกียวโตกันที่วัดน้ำใส เราออกจากวัดน้ำใสกันก็ประมาณ 4 โมงเย็นกว่า ๆ เกือบ 5 โมง ก็ได้เวลากลับโอซาก้า เพื่อมาลุยกินและช้อปกันต่อที่ Dotonbori การเดินทางกลับโอซาก้า เริ่มที่ Kiyomizu-Gojo Station (Keihan Main Line) มาลงที่ Kitahama Station เปลี่ยนเป็นสาย (Sakaisuji Line) มาลง Nippombashi ใช้เวล่าในการเดินทาง ชั่วโมงกว่า ๆ มาถึง Dotonbori ก็ค่ำพอดี เดินออกจากสถานีได้สักพักก็เจอกับร้าน Isomaru Suisan สาขาโดทงโบริ ร้านโปรดของพวกเรา แบบว่าติดใจมันปูย่างตั้งแต่ที่ไปกินที่โตเกียวเมื่อปีก่อน พอเห็นร้านเท่านั้นแหล่ะเดินตรงเข้าร้านเลย เมนูแรกที่ต้องสั่งมันปูย่างมิโซะอร่อยมาก ยิ่งเอามันปูคลุกกับข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ นี่อร่อยมาก อร่อยลืมอ้วนเลยจร้า นอกจากมันปูย่างแล้วเรายังสั่งอาหารจัดเต็มมาอีกหลายเมนู มื้อนี้หมดไปประมาณ 8 พันกว่าเยน ก็กระเป๋าเบาไปเยอะ (555) แลกกับความอร่อยยอมค่ะ
















อิ่มแล้วได้เวลาช้อปกันแบบจริง ๆ จัง ๆ กันสักที Dotonbori จะมีถนนให้ได้เดินกระจายรายได้และละลายทรัพย์สิน อยู่ 2 เส้นคือ shinsaibashi suji และ ebisubashi suji ซึ่ง shopping street ทั้ง 2 เส้นนี้มีร้านค้าเยอะมาก ๆๆๆ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเสื้อผ้า รองเท้าทั้งแบรนญี่ปุ่นและแบรนยุโรปเมกา มีหมดคร้า เลือกซื้อเลือกช้อปกันได้ตามใจชอบ ค่ำนี้ย่าน Dotonbori เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทยเยอะมาก บ่งบอกได้ว่าคนไทยชอบไปญี่ปุ่น รวมถึงพวกเราด้วย...ชอบมากๆๆๆๆ ใครมาย่านนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือมาถ่ายรูปกับป้ายไฟนีออนกูลิโกะแมน Glico Man Billboard เป็นป้ายไฟที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโดทมโบริบริเวณสะพานอิบิซึบาชิ ซึ่งสะพานเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างย่านชินไซบาชิ กับย่านโดทมโบริ นอกจากมาถ่ายรูปกับ Glico Man แล้วอีกอย่างที่ต้องชิมก็คือ ทาโกยากิแห่งโอซาก้า สำหรับเราว่ามันก็อร่อยเหมือน ๆ กันทุกร้านนะ ยิ่งช่วงที่ไปนี่กะลังหนาว ได้กินทาโกตอนร้อน ๆ นี่ฟินปากพองไปเลย













ทริป Kyoto วันนี้เราเริ่มออกจากที่พักตั้งแต่ 7 โมงเช้า กลับถึงที่พักกันเกือบ 4 ทุ่ม วันนี้ได้ครบทุกรสชาติ ตั้งแต่อยากไปเกียวโตได้ไปชมไปช้อปไปชิม  จัดเต็มมันปูย่างเบา ๆ ไป 5 ตัว  แล้วยังได้ชิมทาโกยากิ แล้วช้อปกันหนุกหนานที่ย่านโดทมโบริ ก่อนกลับถึงที่พักทุกวันต้องแวะ ไม่ 7/11 ก็ Family Mart หรือ ไม่ก็ Lawson 100 ไม่รู้มันมีไรดีนักหนา ต้องแวะกันทุกวัน แต่ทั้ง 3 ที่มีดีเหมือนกันก็คือ ขนมทุกที่อร่อยจริงๆ พรุ่งนี้เราจะไปต่อกันที่ Nara อย่าลืมติดตาม Day 3 กันต่อนะจ๊ะ














Create Date : 31 มกราคม 2561
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2561 9:27:31 น. 0 comments
Counter : 802 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com