เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

<<
ธันวาคม 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 ธันวาคม 2558
 

เกาหลีดี๊ดี พี่ชอบ...Seoul Cool : Seoul Good



Seoul ใคร ๆ ก็ไปได้ง่ายนิดเดียว ทริปนี้เริ่มจากจองตั๋วพร้อมที่พัก ของ Airasia Go ล่วงหน้าก่อนไปแค่เดือนกว่า ๆ คือประมาณว่านึกอยากไปเที่ยวเกาหลีก็จองเลย ราคารวมคนละประมาณ 11,700 บาท ราคาเหมาะสมโอเค เราไปกัน 3 คนป้าหลาน ออกเดินทางคืนวันที่ 9 ธ.ค. เวลาประมาณ 2.20 น. (ของวันที่ 10 ธ.ค.) ด้วยเที่ยวบิน XJ700 หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทาง จนประมาณ 7 โมง ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีใต้ แอร์สาว ๆ ก็ได้เวลาเสริฟอาหารเช้า เราสั่งจองอาหารล่วงหน้าไปพร้อม ได้น้ำดื่มออร่าขวดเล็กคนละ 1 ขวดพร้อมอาหาร 1 กล่อง ถึงโซลประมาณ 9 โมงกว่า ๆ ใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินประมาณ 5 ชม.




จากสนามบินอินชอน เราเลือกใช้บริการรถบัสเข้าโซล ราคาคนละ 10,000 w นั่งสบายสุด ๆ เราลงกันสถานีสุดท้าย เมียงดง เราจองที่พักไว้แถวเมียงดง ประมาณว่าสะดวกกิน สะดวกช๊อป สะดวกเที่ยว โอ้ย!!! สะดวกไปหมด วันนี้ในโซลรถค่อนข้างติด ใช้เวลาจากสนามบินอินชอนกว่าจะฝ่าฟันรถติดมาถึงเมียงดงได้ก็เกือบ ๆ 2 ชม.






ลงรถได้เรา 3 คนป้าหลานก็เดินหาที่พัก ตอนแลกก็หลงทิศทางไปนีสสสสนึง ถามคนเกาหลี 2-3 คน ก็ไม่ได้คำตอบไรเลย ไม่เป็นไรหาเองก็ได้ เรามาตั้งหลักกันใหม่หน้า Pacific Hotel ทันใดนั้นเหลือบไปเห็นหญิงสาวท่าทางใจดี เลยเดินไปถามนางพูดอังกฤษไม่ได้ แต่นางก็พยายามช่วยเรา 3 คน เราก็พยายามพูดชื่อที่พักให้เป็นสำเนียงเกาหลีให้มากที่สุด เฮ้ย นางเข้าใจอะ แล้วนางก็ชี้ทางสว่างให้กับเรา เฮ้!!! เจอแล้ว Gyerim Guest House ที่พักนี้จะมีอาจุมม่า กับลูกชาย อาจุมม่านี่ใส่เกาหลีอย่างเดียว อาจุมม่าจ๋าหนูไม่เข้าใจ ส่วนลูกชายอาจุมม่าก็พอจะสื่อสารอังกฤษได้นิดหน่อย แต่เราก็เข้าใจกัน ที่พักของ Gyerim Guest House เล็ก ๆ น่ารัก อบอุ่น อาจุมม่าและลูกชายแกดูแลนักท่องเที่ยวดีเลยค่ะ จะคอยถามโน่นนี่นั่น แต่หนูก็ไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ...อิอิ









เก็บกระเป๋าข้าวของเรียบร้อย ก็ได้เวลาตามล่าหาอาหารมื้อแรกในโซล เราเดินข้าวถนนมาฝั่งเมียงดง เดินกันไปเรื่อย ๆ จนมาเจอร้านเล็ก ๆ ร้านนึง เลือกร้านนี้แล้วกัน เป็นร้านเล็ก ๆ แม้แต่ชื่ออาหารก็ยังจำไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเรียก บูเดชิเกหรือป่าว ดูหน้าตาเอาแล้วกันเนอะ รสชาติใช้ได้เลย หลานชายชอบมากกินเรียบ




กินอิ่มแล้ว เราก็เริ่มออกเที่ยวชมโซลอย่างเป็นทางการ ก่อนออกเที่ยวเราก็ได้ซื้อบัตร T-money ที่ 7/11 ราคาบัตรใบละ 2,500 w เติมเงินไว้ในบัตรไปอีกคนละ 10,000 w เพื่อใช้สำหรับเดินทางเที่ยวในโซล จะได้สะดวกเวลาใช้บริการรถไฟฟ้า รถบัส (มันสะดวกมากจริง ๆ ) แล้วยังใช้ซื้อของใน 7/11 และร้านอื่น ๆ ที่มีสัญลักษณ์ของ T-money

แหล่งท่องเที่ยวในโซลมีเยอะมากมายจริง ๆ ที่แรกในทริปนี้เราไปตามหาฝ่าบาทกันที่ พระราชวังชางด๊อกคุง Changdeokgung Palace การเดินทางง่ายมาก ๆ MRT สถานี Anguk ทางออก 3 แล้วเดินตรงไปผ่าน 2 ซอยจะเจอพระราชวังชางด๊อกคุง สวยงามตามท้องเรื่องค่ะ
ก่อนจะเข้าไปชมข้างในก็ซื้อตั๋วค่าเข้าชม สำหรับผู้ใหญ่คนละ 3,000 w เด็กอายุ 12- 18 ปี คนละ 1,500 w เราว่าไม่แพงเลยค่ะ จ่ายเงินด้วยความสบายใจ พร้อมตามล่าหาฝ่าบาทกันแล้วจ้า
พระราชวังชางด๊อกคุง Changdeokgung Palace เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดของเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซ็อน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) พื้นที่ในพระราชวังกว้างมาก เดินกันเมื่อยเลยทีเดียว ช่วงที่เราไปมันแบบว่าหนาวจริงไรจริง คือต้องเดินเรื่อย ๆ อย่าหยุด พอหยุดแล้วมันจะหนาวจับจิตจับใจ แถมวันนี้โซลก็ในฝนตอปรอย ๆ ตลอดทั้งวัน เพิ่มทวีคุณความหนาวเข้าไปอีก เรา 3 คนนี่ใส่เสื้อกัน 4 ชั้น จัดเต็มกันไปเลย










พระราชวังชางด๊อกคุง สวยงามค่ะ ไม่ผิดหวังที่ได้มาชม แต่ไม่เจอฝ่าบาทของทงอีนะคะ ไว้ค่อยไปตามหาฝ่าบาทที่ เคียงบ๊อกคุง ก็ละกัน จาก พระราชวังชางด๊อกคุง เราไปต่อกันที่ Bukchon Hanok Village : หมู่บ้านบุกซอนฮานก การเดินทางก็เดินกลับมาที่ MRT สถานี Anguk เดินออกทางออก 2 เดินตรงไปอีก 300 เมตร เลี้ยวเข้าไปในซอย11 Gahoe-dong หรือ 31 Gahoe-dong ก็จะเจอหมู่บ้านบุกซอนฮานก เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังเป็นแบบโบราณอยู่ บ้านจะปลูกตามที่ลาดเชิงเขา มีร้านขายของตาม เดินเพลิน ๆ ดี แต่หนาวนี่สิทำไรไม่ได้นอกจากทนสู้หนาวกันต่อไป...555++




จากหมู่บ้านบุกซอนฮานก เราก็เดินกลับมาที่ Aunguk Station เพื่อมาออกทางออกที่ 6 เพื่อไป Insa-Dong Culture District : ย่านวัฒนธรรมอินซา-ดง ระหว่างทางก็แวะซื้อโน่นนี่ชิมกันไป อร่อยทุกร้าน รสชาติเยี่ยมทุกอย่าง








ย่านวัฒนธรรมอินซาดง ย่านวัฒนธรรมเกาหลี อินซาดงเป็นถนนสายศิลปะที่อยู่ใจกลางกรุงโซล ลักษณะจะเป็นถนนสายเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกตามสไตล์เกาหลี ร้านขายของเก่า และแกลลอรี่โชว์ผลงานศิลปะของศิลปิน เดินดูกันเพลิน ๆ ดี แต่หนาวมาก แถมฝนตกปรอย ๆ ตลอด แวะชิมริมทางและได้ของฝากติดไม่ติดมือมานิดหน่อย








เราไปกันต่อที่ N’ Seoul Tower : หอคอยกรุงโซล หรือ “นัมซันทาวเวอร์” ( Namsan Tower ) การเดินทาง รถไฟใต้ดินสายที่ 3 สีส้ม จาก AnguK ลงที่สถานี Chungmuro ออกทางออกที่ 2 และขึ้นรถประจำทางสาย 2 ลง N Seoul Tower (ตารางรถ 08:00 ถึง 24:00 น. ออกทุกๆ 8 นาที ระยะเวลาการเดินทาง 15 นาที กว่าเราจะมาถึง N’ Seoul Tower ก็ค่ำแล้วแถมอากาศก็หนาวมาก ๆๆๆ
หอคอยกรุงโซล ตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน เป็นจุดท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของกรุงโซล เพราะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั่วทั้งกรุงโซล มีความสูงจากฐานหอคอยประมาณ 236.7 เมตร และมีความสูง 479 เมตรจากพื้นดิน นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วยใหญ่จะมาคล้องกุญแจคู่รักกัน แต่ถ้าอยากชมวิวโซลแบบ 360 องศา สามารถขึ้นลิฟท์ขึ้นไปข้างบนได้ โดยต้องเสียค่าขึ้นประมาณ 8,000 วอน/คน สำหรับด้านล่างโซลทาวเวอร์จะเป็น ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ (Teddy Bear Museum )






จาก N’ Seoul Tower เราก็นั่งรถบัสสายเดิมกลับมาลงแถว Chungmuro แล้วต่อรถใต้ดินมาลงย่านเมียงดง อันเป็นย่านที่พักของเรา ก่อนกลับที่พัก กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แวะ ช้อป ชิม ชม ย่านนี้ก่อนพักผ่อน มื้อเย็นของเรา 3 คน อาหารเกาหลี้เกาหลี มี บิบิมบับ กับ บูเดชิเก ราคาร้านนี้ถือว่าแพงเลยจ้า





อิ่มกันแล้วก็ได้เวลาช้อปปิ้งและแวะชิมริมทาง ย่านเมียงดงนี่มันสวรรค์ของนักช้อปนักชิมจริง ๆ ใครใคร่ชิม ชิมไป ใครใคร่ช้อป ช้อปไป หลานชายใคร่ชิม อีป้าใคร่ช้อป สนุกหล่ะทีนี้







วันแรกกว่าจะกลับถึงที่พักก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มกว่า ๆ พรุ่งนี้ต้องไปไกลถึงนามิ หลับพักผ่อนกายา พรุ่งนี้เจอกันที่นามิ ไปตามล่าหารักแท้ในแบบ Winter Love Song
11/12/2015
เช้านี้ตื่นกันแต่ 7 โมง มองออกไปนอกหน้าต่าง 7 โมงเช้าไหงมันยังมึดอยู่เลย ล้างหน้าแปรงฟัน น้ำไม่ต้องอาบ (หนาวจะแข็งตาย อาบไม่ไหวหละค่ะ) อาหารเช้าง่าย ๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คนละกระป๋อง 8 โมงเช้าพร้อมออกเดินทาง
เริ่มจากนั่ง MRT สายสีฟ้าจาก Myeongdong มาลงที่ Dongdaemun เปลี่ยนเป็น สาย 1 สีน้ำเงิน ลงที่สถานี Cheongnyangni : ชองเนียงนี จากนั้นเดินตามป้ายสีฟ้าๆ นี่ไป Transfer to Jungang ITX ซื้อตั๋วต่างหากที่ตู้นี้ เลือกภาษาอังกฤษ เลือกสถานีไปที่ Gapyeong (คาเพยอง) ค่าตั๋วไป Gapyeong 4,000 วอน ได้ตั๋วออกมาแล้ว ให้เอา T-money ไปแตะที่เครื่องข้างๆ เครื่องขายตั๋ว ITX เพราะว่าเราไม่ได้ใช้ T-Money แตะออกไปจากสถานีนี้ แต่เปลี่ยนสายไป ITX เลย ไม่งั้นเดี๋ยว T-Money จะ error ตอนเอาไปใช้ต่อ แค่ 42 นาทีก็มาถึงสถานี Gapyeong คาเพยอง ออกจากสถานี Gapyeong ให้เดินมาขึ้น Taxi ด้านหน้าใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงท่าเรือข้ามไปเกาะนามิ




ค่าเข้าเกาะนามิคนละ 8,000 w ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เราก็มาถึงเกาะนามิ วันนี้ถึงจะเป็นวันศุกร์แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะพอสมควร โดยเฉพาะอาตี๋ อาหมวย อาเฮีย อาม่า จากจีนแผ่นดินใหญ่เยอะมากจริง ๆ




เกาะนามิ (ฮันกึล:남이섬, นามีซ็อม) ตั้งอยู่ที่เมืองชุนช็อน จังหวัดคังว็อน ห่างจากโซลไปทางตะวันออก 63 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้ เกาะนามีมีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ เป็นเกาะกลางแม่น้ำฮัน ซึ่งเกิดจากการสร้างเขื่อนช็องพย็อง โด่งดังจากซีรีส์เพลงรักในสายลมหนาว ซึ่งใช้เกาะนามีเป็นสถานที่ถ่ายทำ
เกาะนามีได้ชื่อตามนายพลนามี ที่รับราชการตั้งแต่อายุ 17 ปี บิดาอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ ส่วนมารดาเป็นเจ้าฟ้าหญิง เขานำทัพกวาดล้างจลาจลในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศได้ทั้งหมด และได้รับตำแหน่งสูงเมื่อยังมีอายุเพียง 26 ปี แต่หลังจากเปลี่ยนรัชกาลใหม่ เขาก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฏ และถูกประหารชีวิตพร้อมกับมารดาและพวกรวม 25 คน ต่อมา หลังผลัดเปลี่ยนรัชกาลใหม่อีกครั้ง ได้มีการพิสูจน์พบว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดล้วนเป็นเท็จ เขาจึงได้รับคืนยศถาบรรดาศักดิ์ดังเดิม
เกาะแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามไปด้วยต้นเกาลัดและทิวสนเรียงราย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้ต่างเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงาม และมีสุสานของนายพลนามี ซึ่งยังคงตั้งอยู่ ณ เกาะแห่งนี้ (ขอบคุณข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki)





เกาะนามิในวันนี้ที่เราเห็นก็ยังคงสวยงามในแบบฉบับหนาว ๆ แต่ขาดหิมะเท่านั้นเอง เป็นเกาะที่มีสิ่งปลูกสร้างสวยงามตามแบบฉบับเกาหลี เดินได้เรื่อย ๆ เดินถ่ายภาพไปชิมไป สนุกดีไม่มีเบื่อ สิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ ห้องน้ำทำได้หลายแบบหลายสไตล์ สวยดีค่ะ แล้วห้องน้ำที่นี่สะอาดมาก ยกนิ้วให้เลย ของกินที่ขายบนเกาะนามิราคาก็ไม่เบาจริง ๆ มีหลากหลายให้เลือกชิมตามใจชอบ ทุกอย่างที่ได้ชิมเราว่าอร่อยหมดนะ














เรา 3 คน อยู่ที่เกานามิกันประมาณ 2 ชม. ก็ได้เวลากลับเข้าโซล ก่อนกลับเราก็แวะชิม ดักคาลบี้ Takkalbi หรือ Dakgakbi : ไก่บาร์บีคิวผัดซอส คนเกาหลีเค้าบอกว่าถ้าจะชิมดักคาลบี้ ต้นตำรับของแท้ต้องมาชิมที่นามิ เพราะเป็นต้นกำเนิดของดักคาลบี้แสนอร่อย วันนี้เราเลือกชิมดักคาลบี้ของร้าน Mr.Dakkalbi ร้านดังแห่งนามิ













กินอิ่มก็ขึ้นแท็กซี่มาที่สถานีรถไฟ Gapyeong เพื่อขึ้นรถไฟ ITX กลับมาลงที่ สถานี Cheongnyangni เรามาถึงสถานี Gapyeong เที่ยวรถไฟที่กำลังมา เหลือเวลาอีกประมาณ 5 นาที ตั๋วก็ยังไม่ได้ซื้อ ตู้ที่เจอเห็นแต่ภาษาเกาหลี ทำไรหล่ะตรูอ่านไม่ออก ทันใดนั้นมีคุณลุงหน้าตาท่าทางใจดี เดินออกจากห้องเจ้าหน้าที่สถานีพอดี ลุงค่ะ ๆ ช่วยหน่อยค่ะ จะซื้อตั๋วรถไฟกลับเข้าโซลค่ะ ทำไงคะ ลุงถามจะไปลงที่ไหน เราก็รีบบอกเลยไปลง สถานี Cheongnyangni 3 คนค่ะ ลุงก็จัดการทำให้เรียบร้อย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณลุง감사합니다. คัมซา ฮัมนีดา ได้ตั๋วแล้ววิ่งกันกระจาย เหลือเวลาอีก 2 นาที รถไฟจะมา แล้วเราก็ทันขึ้นรถไฟพอดี เหนื่อยมาก ๆ แต่ตื่นเต้นสุด ๆ
ใช้เวลา 45 นาทีเราก็มาถึงโซล จาก สถานี Cheongnyangni เราจะไปกันต่อที่ พระราชวังเคียงบกคุง Gyeongbokgung Palace เรามาถึงเคียงบกคุงประมาณ 4.30 ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้จะปิดแล้ว ช่วงหน้าหนาวเคียงบกคุงจะปิด 5 โมงเย็น เลยได้แค่ถ่ายรูปด้านหน้า ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่


ไม่ได้ชมวัง เราก็เราเข้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกาหลีแทนละกัน ด้านในไม่ให้ถ่ายรูป เลยถ่ายด้านหน้ามาแค่นี้เอง แต่เรื่องราวต่าง ๆ ที่นำมาให้ดูสวยดีค่ะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวโซลลองแวะไปชมกันค่ะ



จากพิพิธภัณฑ์เรายังไม่อยากกลับเมียงดง เลยตัดสินใจไปเดินเล่นห้าง Coex mall กัน ห้างนี้เป็นศูนย์การค้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ใหญ่จริงเดินไม่ไหว ร้านค้าส่วนใหญ่ก็เป็นแบรนเนม ซึ่งมันไม่ค่อยถูกกับจริตกับคนอย่างอิฉันมากเท่าไหร่ เดินเมื่อย ได้เวลาหิว เดินตามป้ายหา Food Court อาหารที่นี่ราคาไม่เบาจริง ๆ แต่ชอบตรงจุดซื้อมันดูดูมีชาติตระกูลมากมาย คือประมาณว่าไปเดินเลือกดูอาหารก่อนว่าจะรับทานอะไร จำชื่อร้าน แล้วก็เดินมาต่อคิวที่จุดสั่งอาหาร จ่ายเงิน จากนั้นพนักงานก็จะให้เครื่องอะไรไม่รู้มาตามจำนวนอาหารที่เราสั่ง บอกไม่ถูกว่าไอ้เจ้าป้ายหรือเครื่องนี้มันเรียกอะไรแต่มันก็เก๋กู๊ดสุด ๆ









กินกันอิ่ม ก็จะกลับกันแล้วออกมาหน้า Food Court เราก็เห็นโทรศัพท์หล่อนอยู่บนพื้น ก็เลยเก็บขึ้นมา ก็ไม่รู้จะถามไงดีก็เลยเดินถือเอามาให้ที่ประชาสัมพันธ์ บอกรายละเอียดไป เจอตรงไหนยังไง มาถึงเกาหลีได้ทำความดีนิดหน่อยก็มีความสุขแล้วเนอะ ได้เวลากลับที่พักย่านเมียงดง ก่อนเข้าห้องพัก เราก็ต้องแวะช้อปชิม ย่านนี้ก่อนนอน เดินเพลินเกินห้ามใจ อุ้ย 3 ทุ่มกว่าแล้วกลับห้องดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
12/12/2015
안녕하세요. อันยองฮาเซโย เช้านี้เราจะไปตามหาฝ่าบาทกับทงอีกันแบบจริง ๆ จัง ๆ วันนี้ไม่ไปไกลเลยออกจากที่พักกันประมาณ 9 โมง ที่แรกของเช้านี้ที่เราไปกันคือ พระราชวังเคียงบกคุง Gyeongbokgung Palace
พระราชวังเคียงบกคุง ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1395 เพื่อเป็นพระราชวังหลักของราชวงศ์โชซอน (ค.ศ. 1392 – ค.ศ. 1910) อันเป็นราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยกษัตริย์แทโจ ในช่วงรัชสมัยของราชวงศ์โชซอน โดยพระองค์ได้ทรงสร้างพระราชวังไว้ถึง 5 แห่ง พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) มีอีกชื่อที่เป็นที่รู้จักทั่วไป คือ “พระราชวังภาคเหนือ”เนื่องจากอยู่ในทิศเหนือสุดในบรรดาพระราชวังทั้ง 5 แห่ง และยังถือว่าเป็นพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุด
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 3,000 w วัยรุ่น 13 -18 ปี คนละ 1,500 w เราว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า



พื้นที่ในพระราชวังกว้างมาก สวยงามทุกจุดจริง ๆ ยิ่งดูยิ่งชมทำให้นึกถึงทงอีกับฝ่าบาท (เราชอบซีรี่ย์เรื่องนี้มาก เลยอินไปนีสนึง) นี่ถ้าได้ใส่ชุดฮันบกเดินชมวังด้วยแล้ว โอ้ยมันเข้ากันดีจริง ๆ สวยจริงค่ะ มาโซลแล้วต้องห้ามพลาด














ชมความสวยงามอลังการของพระราชวังเคียงบกคุงกันอิ่มตาอิ่มใจแล้ว ไปต่อกันเลยที่ย่าน Hongik University ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป Trick Eye Museum and Ice Museum เดินเพลินหาไม่เจอไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แล้วร้านค้าแถวนั้นก็มากมายดึงดูใจนักช้อปอย่างอิฉันเสียด้วย เลยคุยกันว่านั้นเราไม่ไป Trick Eye และ เดินช้อป ชิม แชะ กันแถวนี้ละกัน








มาโซลวันนี้ก็วันที่3 และ ยังไม่ได้ชิมหมูย่างเกาหลีซักที วันนี้เราต้องจัดกันให้ได้ ช้อปกันสนุกปลุกจิตวิญญาณนักซื้อกันจนหนำใจ แล้วก็ไดแวลาชิม Pork Calbi (พอร์กคาลบิ) หรือหมูย่างเกาหลีซะที จำชื่อร้านไม่ได้แต่อร่อยจริง เครื่องเคียงเติมกันไม้อั้น ยำผักสไตส์เกาหลีอร่อยมาก คือเครื่องเคียงอร่อยทุกอย่าง ผักที่กินกับหมูย่างก็สดมาก ๆ แหมถูกใจเจ้จริง ๆ มื้อนี้คิดเป็นเงินบาท ก็ประมาณ 1,200 เราว่าคุ้มค่ากับปริมาณและความอร่อย อีก 1 เมนูต้องชิมและห้ามพลาด













จบจากย่าน Hongik Univ เราก็มาช้อปกันต่อที่ย่านทงแดมุน ของที่ขายก็หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า ไม่ได้ซื้อกลับมา เพราะเสื้อผ้าที่เกาหลีตอนนี้จะเป็นแนวกันหนาว ซื้อมาก็คงไม่ได้ใส่เพราะกรุงเทพ ไม่ได้หนาวเหมือนที่โซล ก็ได้ของกระจุ๊กกระจิ๊กมากันนิด ๆ หน่อย ๆ





หมดเวลาที่ทงแดมุน เรามาต่อกันที่ Lotte Mart และ Lotte Outlets วันนี้คือวันช้อปแห่งชาติของเรา 3 คน Lotte Mart ก็จะออกแนว บิ๊กซี โลตัส บ้านเรา Lotte Outlets ก็จะเป็นพวกสินค้าแฟชั่น แต่ส่วนใหญ่จะแบรนเกาหลี ใน Lotte Mart คนมาจับจ่ายซื้อของกันเยอะมาก ทั้งคนเกาหลีเองและนักท่องเที่ยว ซื้อกันแบบยังกะแจกฟรี ว่าแต่เขาเราก็เป็น...555++





ซื้อกันเรียบร้อยก็แบกกันขึ้นรถไฟมาลงเมียงดง กลับที่พักเก็บของใส่กระเป๋า พักผ่อนสักริด ค่ำ ๆ ออกไปเก็บตกเมียงดงก่อนกลับในพรุ่งนี้เช้า
เมียงดงค่ำวันเสาร์คนเยอะมาก ๆๆๆๆ ค่ำนี้เรากินง่าย ๆ ราเมงคนละชามยักษ์ (ชามใหญ่มาก ๆ ) ตอนสั่งก็ไม่สนใจมองคนรอบข้างเลยว่าชามใหญ่แค่ไหน จัดมาคนละ 1 ชาม สรุปกินกันไม่หมดสักชาม รสชาติจืด ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ กินได้อยู่เครื่องปรุงไม่มีให้ใส่ มาไงก็กินอย่างนั้น







อิ่มแล้วได้เวลาเก็บตกเมียงดง ค่ำนี้ก็เหมือนเดิม ช้อปชิมริมทาง ใครอยากซื้อไรรีบ ๆ ซื้อ ละลายเงินวอนกันให้หนำใจ...555++กว่าจะกลับที่พักอีกที 3 ทุ่มกว่า จัดหนักจัดเต็มกันทุกคืนจริง ๆ





13/12/2015
เช้านี้เราต้องกลับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรกันแล้ว เราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ออกเดินทางไปยื่นรอรถบัสไปสนามบินอินชอนกันเกือบ ๆ 7 โมง ประมาณ 7 โมงนิด ๆ รถก็มา ค่ารถเหมือนเดินคนละ 10,000 w นั่งสบาย ๆ ประมาณ 1 ชม. เราก็มาถึงสนามบินอินชอน รอเวลาเคาน์เตอร์ Thai Airasia X เปิด Check in ไฟล์ที่เราขึ้นก็ XJ701 Gate 123 เดินกันไกลพอสมควร แถวต้องนั่งรถไฟภายในสนามบินอีก แต่ก็โอเคนะ สะดวกสบายดี





เที่ยวบินขากลับ XJ701 : 11.35 น. กว่าเครื่องจะออกจากสนามบินก็เกือบ ๆ เที่ยง ใช้เวลาในการบินประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง เรามาถึงสนามบินดอนเมืองกันประมาณ 15.30 น.



ทริป Seoul Cool : Seoul Good ของเรา 3 คนป้าหลาน สนุกกับการ ชิม ช้อป ชม แชะ อยากกินไรกิน อยากซื้อไรซื้อ อยากทำไรทำ อยากมาสัมผัสหนาวแบบติดลบก็ได้สัมผัส แค่ขาดองค์ประกอบของหิมะไปนิดนึง แต่ก็หนาวสมใจอยาก การเดินทางในโซล สะดวกสบายมากถึงมากที่สุด อยากให้กรุงเทพฯ ของเราทำให้ได้แบบนี้สักครึ่งนึงก็ยังดี แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร street food มีอยู่ทุกซอกมุมของโซล แต่มันเป็นอะไรที่ดูดีมีระเบียบ น่าเดินเที่ยวชม ช้อป ชิม ยิ่งนัก ความสะอาดของถนนหนทางบอกได้เลยว่าเยี่ยมมาก ทริปนี้ต้องขอบคุณทุกสิ่งอย่างในโซลที่เรา 3 คนประสพพบเจอ ขอบคุณร้านอาหารอร่อย ๆ ขอบคุณพนักงาน พ่อค้า แม่ขาย ที่ Take care ดูแลลูกค้าอย่างดี ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตามจุดต่าง ๆ ที่ให้คำแนะนำ ขอบคุณชาวเกาหลีที่พยายามช่วยเหลือพวกเราในยามที่ไม่เข้าใจหรือไปไม่ถูกทาง แม้ว่าจะพูดกันคนละภาษา ขอบคุณอาจุมม่าและโอปป้าแห่ง Gyerim Guest House (เกสเฮ้าส์เล็ก ๆ แต่อบอุ่น) ที่ดูแลคอยถามโน่นนี่นั่น แต่หนูไม่เข้าใจ ขอบคุณพี่สาวและหลานชายที่ไปไหนไปกัน กินอิ่มนอนหลับ ออกเช้ากลับมึด หนุกหนานกันตลอดทริป สุดท้ายขอบคุณกรุงโซล เกาหลีใต้ ที่ทำให้เราได้รู้จักโซลมากขึ้น รับรองว่าอิฉันต้องไปอีกแน่ ๆ บอกได้เลยว่าหลงรักโซล I love you Seoul 감사합니다. คัมซา ฮัมนีดา




Create Date : 29 ธันวาคม 2558
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2561 12:47:54 น. 0 comments
Counter : 2071 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com