เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

<<
กุมภาพันธ์ 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2561
 

ใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ : Kansai:Osaka-Kyoto-Nara (Day 3: Nara-Day 4: เก็บตก Osaka)



Day 3 : Nara เมืองแห่งกวาง

วันนี้พวกเราจะไปหากวาง กันที่ Nara เค้าบอกกันว่า Nara คือเมืองแห่งกวาง ถ้าเราอยากรู้เราต้องตามไปดู เราออกจากที่พักเวลาเดิมคือ 7 โมงเช้า ซึ่งเช้านี้หนาวกว่าทุกวันความหนาวอยู่ที่ 2 องศา ใส่เสื้อไปเลย 3 ชั้น กางเกง 2 ชั้น ก่อนไป Nara เราก็พากันไปตลาดคุโรมง Kuromon Ichiba Market เพื่อหาอาหารเพิ่มพลังงานยามเช้า ตลาดคุโรมง อยู่ไม่ไกลจากที่พักเราและไม่ไกล Namba Station ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้น



Kuromon Ichiba Market เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จนได้รับสมญานามว่าเป็น ครัวของโอซาก้า(Osaka’s Kitchen) กันเลยทีเดียว มีบรรยากาศภายในเป็นทางเดิน Arcade เล็กๆทอดยาวประมาณ 600 เมตร 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆกว่า 160 ร้านค้า ขายทั้งของสด และแบบพร้อมทาน มีของกินเล่นและอาหารพื้นเมืองมากมายหลายชนิดให้ได้ชิมกัน (CR: https://www.talonjapan.com/kuromon-ichiba-market/) เนื่องจากเรามากันแต่เช้าเลยยังมีร้านเปิดขายกันไม่มาก แต่ก็มีอาหารให้พอได้กินแบบกรุบกริบ ๆ















ก่อนเดินทางไป Nara เรามาทำความรู้จักกับประวัติของเมืองนี้กันสักนิดนึง เมื่อ 1300 ปีก่อน นาราเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของญี่ปุ่น แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนผันไปแต่ธรรมชาติทั้ง 4 ฤดูกาลก็ยังคงความงดงามไม่เปลี่ยนแปลง ภายใต้บรรยากาศเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ก็ยังมีมรดกทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่มากมาย และมีมรดกโลกถึง 3 แห่งซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ชวนให้เดินเที่ยวเล่น โดยตั้งต้นจากสวนสาธารณะนาราที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก และทอดต่อไปยังเขตอิคารุกะซึ่งเป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกับ "ไทชิ โชโทคุ " ไปจนถึง "โยชิโนะ" แหล่งซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น (CR : https://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/sightseeing/nara/area_01.html)










ทำความรู้จักกับ Nara กันไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทาง เราเริ่มเดินทางจาก Osaka-Namba Station ใช้บริการรถไฟสาย Kintetsu-Nara Line มาลงที่ Kintetsu-Nara Station ที่แรกที่เราจะไปคือ วัดโทไดจิ (Todai-ji Temple) เดินจาก Kintetsu-Nara Station ไปประมาณ 1.6 กม. เดินไปได้ไม่นานเราก็เริ่มเห็นกวางเยอะขึ้นเรื่อย ๆ กวางแบบว่าเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมาก ๆ อาหารหลักของกวางคือ เซมเบ้ ตลอดทางเดินจะมีร้านขายเซมเบ้เป็นระยะ ๆ ให้น้องกวางได้อิ่มท้อง อย่าว่าแต่น้องกวางได้อิ่มท้องเลย พวกเราก็เดินไปกินไปอีกเช่นเคย กว่าจะถึงวัดโทไดจิพวกเราก็อิ่มกันได้ที่พอดี











เดินไปชมกวางไปด้วยระยะทางประมาณ 1.6 กม. เราก็มาถึงวัดโทไดจิซะที ถนนก่อนถึงวัดโทไดจิก็ตามแบบญี่ปุ่น มีร้านค้ามากมายหลอกล่อให้นักท่องเที่ยวใจแตกกันตลอดทาง เดินชมสินค้า ขนม น้ำ อาหาร ไปชมกวางไป เก๋ไก๋ไปอีกแบบ มาเที่ยวนาราไม่ต้องกลัวกวางนะจ๊ะ กวางที่นี่เป็นมิตรมาก ๆ พวกกวางนี่พอเห็นนักท่องเที่ยวเดินไปซื้อเซมเบ้มันก็จะเข้ามารุมล้อม พอหมดมันก็จากไปโดยไม่มีคำกล่าวลา












วัดโทไดจิ มรดกโลกของ UNESCO อาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วัดโทไดจิ (Todai-ji Temple) ตั้งอยู่ในจังหวัดนาระ เป็นวัดหลักของนิกายเคะง็อนและมีชื่อทางการว่า กิงโกะเมียวชิเตะโนะ โกะโคะคุโนะ เทะระ (Kinkomyoshiteno Gokokuno-tera) ปี 728 ในสมัยนาระ (710-794) วัดแห่งนี้เรียกว่าคินโชะซานจิ (Kinshosanji) ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิโชะมุ เพื่อไว้อาลัยแก่การจากไปของเจ้าชายองค์แรก โมะโตะอิชิโนะ (Motoishino) ที่จากไปก่อนวันครบรอบวันเกิดปีแรกของเขา ต่อมากลายเป็นวัดยะมะโตะโนะคุนิ คอนโคะเมียวจิ (Yamatonokuni Konkomyoji Temple) ซึ่งดำรงมาก่อนวัดโทไดจิ (Cr: https://www.japanhoppers.com/th/kansai/nara/kanko/1270/)










หมดภารกิจจากวัดโทไดจิ กะว่าจะไปเดินเล่น Nara Park ต่อ แต่ด้วยสภาพของลูกทีมท่าจะไม่ไหว เลยเปลี่ยนจากไป Nara Park ไปเดินเล่นกันที่ ย่านนารามาชิ Naramachi และ ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ Higashimuki shopping street
ย่านเมืองเก่านารา (Naramachi, Nara) เป็นย่านการค้าเก่าของเมืองนารา มีอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม คลังสินค้าที่เก่าแก่และเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ มีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ สิ่งต่างๆขนาบอยู่ข้างถนนเล็กๆละพิพิธภัณฑ์ สิ่งต่างๆขนาบอยู่ข้างถนนเล็กๆ เมื่อสมัยเอโดะ นั้นเมืองนี้เป็นย่านการค้า ลักษณะทาวเฮาส์เป็นแนวยาว ประกอบด้วยร้านเสื้อผ้าซึ่งเน้นสร้างเป็นพื้นที่เล็กและแคบเนื่องจากสมัยนั้นมีการเก็บภาษีตามขนาดอาคาร พื้นที่นี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดกังโกจิ (Gangoji Temple) (CR: https://www.mu-ku-ra.com/2016/03/naramachi-nara.html)




มาเดินย่าน Naramachi, Nara ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปไว้เลย เพราะว่ามัวแต่เดินหาร้านอาหาร เมื่อความหิวมาเยือน ดวงตาก็จะฟ่าฟาง มองไม่ค่อยเห็นอะไรนอกจากร้านอาหาร มื้ออาหาร ณ นารา เราเลือกกินร้านอาหารแบบท้องถิ่น ร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ มีลูกค้าเข้าออกร้านตลอดเวลา ชื่อร้านไรอ่านไม่ออก แต่อาหารที่เราสั่งมาอร่อยทุกอย่างนะ เอ๊ะ!!! หรือว่าเราหิว









อิ่มแล้วเดินช้อปกันต่อที่ ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ Higashimuki shopping street เป็นถนนช้อปปิ้งยาว 250 เมตร ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟคินเทสึนารา(Kintetsu Nara Station) สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง แหล่งรวบรวมร้านค้าของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ อยู่ตรงทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินนารา เดินขึ้นมาแล้วก็เจอเลย เป็นถนนตรงยาวแต่ไม่ลึกมาก สองข้างทางมีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ (https://d-dramas.blogspot.com/2016/08/higashimuki-shopping-street.html)
มาไกลกันถึงนาราจะไม่ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกันกลับไปก็ไม่ใช่ทีมเราค่ะ ก็ซื้อกันพอหอมปากหอมคอ เพราะเราต้องเหลือพื้นที่กระเป๋าและรถเข็นเด็ก ไว้สำหรับเก็บเพราะตอนเย็นเราจะกลับไปลุยโดทงดบริกันอีกรอบ


Nara Day ของเราก็จบกันที่ Higashimuki shopping street เราขึ้นรถไฟกลับเส้นทางเดิม ใช้บริการรถไฟสาย Kintetsu-Nara Line จาก Kintetsu-Nara Station มาลงที่ Osaka-Namba Station จากนั้นเราก็กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เคยคุ้นตา ที่ที่ใจนั้นคอยเรียกหา ให้กลับมาใช้เงิน ค่ำนี้เป็นค่ำแห่งการละลายเงินเยน มีเท่าไหร่ใช้ให้หมดหน้าตัก อย่าได้รั้งรอเพราะพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านกันแล้ว มีอีกหลายสิ่งอย่างที่อยากได้อยากซื้อ วันนี้ต้องจัดให้หมด ไม่หมดเราไม่กลับ ก่อนจะช้อปต้องขอแวะชิม Pablo Cheese tart ร้านดังแห่งโอซาก้า จะกินทีก็ต้องต่อคิวคร้า ลูกค้านางเยอะมาก เราสั่ง Freshly Baked Cheese Tart 2 ชิ้น และ Freshly Baked Matcha Cheese Tart with Shiratama & Azuki ส่วนเครื่องดื่มสั่งมาชิม 2 รสชาติ Classic Cheese Tart Smoothie และ Matcha with Shiratama Smoothie อร่อยชนะเลิศทุกเมนู








เราเดินช้อปกันจนสุดถนน จนมาเจอสถานีนัมบะ ก่อนเดินกลับที่พักแวะ ตลาดคุโรมงกันอีกรอบ เพราะมีร้าน Super market ร้านนึงในตลาดเปิด 24 ชม. ค่ำนี้พวกเราลงความเห็นว่าจะทำอาหารกินกันเอง ซื้อกันมาแบบสะใจ มีทั้ง แซลมอน กุ้ง หมู เนื้อ ชีส กินกันให้แน่นกันไปข้าง







ซื้อกันมาเยอะจัดกินกันไม่หมด เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองเราก็ใส่ตู้เย็นไว้กินมื้อเช้าต่อ คืนนี้กว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร เพราะต้องเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่ซื้อกันมาแบบไม่ยับยั้งชั่งใจ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับบ้านกันแล้ว

Day 4 : เก็บตกโอซาก้า
วันนี้เป็นวันที่เราไม่ต้องตื่นกันแต่เช้า เพราะเราไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวที่ไหน เราก็ว่าจะเก็บตกซื้อของกันแถวย่านนัมบะ เท่านั้น อาหารเช้ามื้อนี้ก็กินของที่ซื้อมาจากเมื่อวาน ห้องพักที่เราพักนี้มีไมโครเวฟ มีเครื่องครัวครบทุกอย่าง เหมือนอยู่บ้านยังไงอย่างนั้น เราเก็บของกันเรียบร้อย ประมาณ 10 โมงเช้าก็ได้เวลาออกจากที่พัก พวกเรามุ่งหน้าไป Namba Park เพื่อเก็บตกช้อปปิ้ง ใครใคร่นั่งก็นั่งไป ใครอยากช้อปก็ช้อปไปตามใจอยาก ใครหิวอยากกินไรก็จัดกันไป เดินกันอยู่ที่ Namaba Park กันถึงประมาณเที่ยง ก็พากันเดินลากกระเป๋าสัมภารกกันไปที่ Namba Station (Nankai) ดูตารางเวลารถไฟไปสนามบินคันไซเกือบบ่ายโมง ก็เลบแวะกิน Udon & Ramen กันที่ร้าน ๆ นึงในสถานีนัมบะ รสชาติดี ราคาไม่แพง เหมาะกับพวกเราในยามนี้เป็นอย่างมาก เงินเยนที่ยังเหลืออยู่ก็ใกล้จะสลายหายไปหมดแล้ว ร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ คนเข้าออกตลอดเวลา พวกเรานี่นั่งกินยืนกันกันแบบกระจาย เลยถ่ายรูป อุด้ง ราเมงมาได้ไม่ครบ







อิ่มกันเรียบร้อยก็ได้เวลาไปรอรถไฟ เราใช้บริการ Nankai Line จาก Namba Station นั่งยาว ๆ มาลงที่ Kansai-Airport Station ใช้เวลา 45 นาที ค่าเสียหายคนละ 920 เยน ตอนแรกกะว่าจะแวะ RINKU PREMIUM OUTLETS OSAKA แต่ด้วยสังขารและข้าวของอีกทั้งกระเป๋าและรถเข็นเด็กมันเยอะแยะมากมายเหลือเกิน พวกเราเลยต้องขอผ่านสถานี Rinku ไปแบบน่าเสียดาย ไว้ไปเก็บรายละเอียดย่อยสลายเงินเยนกันในสนามบินก็แล้วกัน

 ขากลับหวังว่าพวกเราจะไม่เจอเหตุการณ์เครื่องดีเลย์แบบขามา นั่ง ๆ นอน ๆ รอจนเคาน์เตอร์ Check in ตั๋วเปิดบริการ เราใช้เวลาในการ Check in ตั๋วและโหลดกระเป๋ากันอยู่ประมาณครึ่งชม. ขอชมพนักงานของสนามบินที่ดูและผู้โดยสารของสายการบิน Scoot คือเอาใจใส่ผู้โดยสารดีมาก ๆ และเปิดให้ Check in หลายเคาน์เตอร์ ทำให้ไม่ต้องยืนรอเป็นเวลานาน เสร็จจากขั้นตอนนี้เราก็มุ่งหน้าเข้า ตม. แต่ละแถวคนค่อนข้างเยอะแต่ใช้เวลารอไม่ถึง 15 นาที เสร็จเรียบร้อย แบบว่าการบริหารจัดการและการใส่ใจของคนญี่ปุ่นนี่ชนะเลิศ จากนี้ต่อไปเราก็จะละลายเงินเยนที่เหลือทั้งหมด ชนิดแบบว่าไม่ต้องเหลือกับบ้านขี้เกียจต้องเอาไปแลกคืน เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช่ให้หมด
สนามบินคันไซเป็นสนามบินไม่เล็กไม่ใหญ่ มีร้านค้าไม่เยอะมาก แต่ตู้กาชาปองนี่สิมีตลอดเส้นทางมีจนถึงเกทขึ้นเครื่องกันเลยทีเดียว เด็กน้อยก็ไขกาชาปองจนหยดสุดท้ายเช่นกัน Day สุดท้ายนี้แทบไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะมันมีอะไรต่อมิอะไรให้แบกกันเพียบ ไม่มีมือที่จะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูป
เที่ยวบินขากลับเราคือ TR 867 เวลา 17.55-22.30 ในขณะที่รอเครื่องก็ภาวนาอย่าได้ดีเลย์เลยนะ Scoot ขามาพวกเรานี่เต็มอิ่มสุด ๆ กับการรอคอยไปแล้ว นั่งกันรอกันจนถึงประมาณ เกือบ ๆ 5 โมงเย็นเครื่องของ Scoot ก็พร้อม Landing ณ Kansai International Airport แต่เราก็ยังแน่ใจไม่ได้ว่าเที่ยวบินจะไม่มีปัญหาอีก รอจนสัก 5 โมงเกือบครึ่งพนักงานก็เรยกขึ้นเครื่อง โอ้ยทั้งดีใจและสบายใจที่เครื่องไม่ดีเลย์ จะได้กลับบ้านแล้วจร้า รอบนี้เครื่องออกตรงเวลาเป๊ะคร้า พวกเรามาถึงสนามบินดอนเมืองกันก่อนเวลาประมาณครึ่งชม. รอรับกระเป๋านั่งแท๊กซี่กลับบ้านกันอย่างปลอดภัยอิ่มเอมใจกับทริปนี้

 ทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ เป็นอีกทริปนึงที่ชอบและประทับใจในความเป็นญี่ปุ่น การได้ไปเที่ยวในแต่ละเมืองก็ทำให้เห็นถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ที่อาจจะเหมือนหรือต่างกันไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ญี่ปุ่นมีเหมือนกันทุกที่คือความเอาใจใส่ ความน่ารัก เฟรนลี่ กับการช่วยเหลือและดูแลนักท่องเที่ยว ทริปนี้ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมขบวนการลุยญี่ปุ่น ทีมเดิมเพิ่มเติมด้วยเด็กแสบน้องหนมปัง ปังปังเด็กชอบเที่ยว ขอบคุณอุด้ง ราเมง ร้อน ๆ น้ำซุปซดคล่องคออร่อย ๆ ขอบคุณขนมทุกอย่างอาหารทุกมื้อ อร่อยไม่ผิดหวัง ขอบคุณการเดินทางที่แสนสะดวกสบายไปไหนไปกันไปได้ทุกที่ (ถ้ามีแรงไป) ขอบคุณที่พักของ Ryoma ทีแสนสบายมีข้าวของเครื่องใช้ครบทุกสิ่ง  (แนะนำจ้า) ขอบคุณย่าน Namba Dotonbori shinsaibashi suji และ ebisubashi suji ที่มีของมากมายให้เราได้ชิมและช้อปกันสมใจอยาก (ไม่รู้จะไปไหนเราก็มากันแถวนี้แหล่ะ) ขอบคุณทุกสิ่งอย่างของญี่ปุ่นที่ไปกี่เมือง ๆ ก็ประทับใจทุกเมือง สุดท้ายขอบคุณ Osaka Kyoto Nara ที่ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี รับรองว่าเราต้องมีทริปญี่ปุ่นอีกแน่ ๆ ก็ไม่รู้สินะเพราะอะไร แต่ใจมันรักไปแล้ว...Japan…I Love You





Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 5 เมษายน 2561 14:49:24 น. 0 comments
Counter : 1631 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com