คำจำกัดความภาคปฏิบัติที่กระชับ ก็คือ กำหนดรู้ตามที่มันเป็น มันเป็นยังไงก็ยังงั้น ไม่เลี่ยงหนี แต่ไม่จมไม่แช่กับมัน กำหนดรู้แล้วปล่อยๆๆ ไปจับกรรมฐานเดิม เช่น ลมเข้า-ออก พอง-ยุบ ว่าไปใหม่
ดูตัวอย่างประกอบความเข้าใจ
- ผมไป
บวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าใคร
ก็เดิน
จงกรมนั่งสมาธิ ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจเข้าออก เดือนที่สี่ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่
เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆ ก็ได้แต่ยิ้ม เข้า
เดือนที่แปดนั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่งมีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอกว่ายังพูดในใจ อยู่ดีๆก็
มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร อยู่ดีๆก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลย
พิจารณาการเกิดดับแก้ เรื่องหนึ่งมันก็มาอีก เรื่องหนึ่งเสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด
อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด
เขาไม่กำหนดรู้ ตามที่มันเป็น วงจรก็ไม่ขาดคิดนั่นนี่โน่นหมุนวนไป